ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!สองและสามพุ่งเข้าหาฮาร์วีย์พร้อมกันมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระแสลมกรรโชกแรงในแค่พริบตาเดียวคนทั้งสองก็เข้าไปอยู่ตรงหน้าฮาร์วีย์แล้วแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังสงบนิ่งอยู่อย่างเดิม พร้อมทั้งยังแสดงท่าทีดูถูกหยียดหยามอีกด้วย“แกเข้ามาเล่นงานฉันพร้อมกันเลยเหรอ?”ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ แล้วเหวี่ยงฝ่ามือไปข้างหน้าด้วยความเร็วงคงที่ฟุ่บ!ดวงตาของสองและสามกระตุกอย่างบ้างคลั่งการตบของฮาร์วีย์ดูเรียบง่ายแต่แฝงความทรงพลังอันน่ากลัวในสายตาของพวกเขานั้นการตบที่ดูธรรมดา ๆ ได้ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดหัวของพวกเขาเริ่มรู้สึกชา พวกเขารู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดพูดง่าย ๆ ก็คือพวกเขามีปฏิกิริยาเช่นนี้ก็ต่อเมื่อพวกเขาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงเท่านั้น“ตาย!”สองและสามกรีดร้องขึ้นมาพร้อมกัน พวกเขารู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพุ่งเข้าไปโจมตีพวกเขาเหวี่ยงมีดดาบออกไปพร้อมกันโดยหวังว่าจะช่วยป้องกันการตบของฮาร์วีย์ได้เพียะ!เพียะ!มีเสียงตบดังสนั่นสองและสามถูกตบลอยกระเด็นไปทันที ร่างกายของพวกเขาชักกระตุกไม่ยอมหยุด ในขณะเดียวกันก็กระอักออกมาเป็นเลือดกลางอากาศ
หลังจากเห็นเหล่าเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปรุมล้อมฮาร์วีย์พร้อม ๆ กัน ดีนก็ตะโกนบอกอย่างอ่อนแรง "ระวังตัวด้วยคุณยอร์ก!”“ไม่เป็นไรครับ"ฮาร์วีย์ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทีสบาย ๆนักฆ่าสามคนแรกกระโจนเข้าหาฮาร์วีย์พร้อมกัน การโจมตีของพวกเขาช่างดุดันและทรงพลังราวกับเสือภูเขามีดดาบสามเล่มถูกเหวี่ยงเข้าไปหาฮาร์วีย์ฮาร์วีย์ก้าวถอยหลังแล้วดีดนิ้วอย่างใจเย็น จากนั้นก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไปเพียะ เพียะ เพียะ!การตบนั้นลอดคมมีดเข้าไปตบหน้าเหล่านักฆ่าพวกนั้นพวกเขารีบเอามือกุมหน้าที่บวมเป่งแล้วซวนเซไปข้างหลัง“เทพสงคราม!”ในที่สุดหัวหน้านักฆ่าก็ตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฮาร์วีย์“ฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!” เขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเป็นธรรมดาที่เหล่านักฆ่าต่างอิจฉาความสำเร็จของฮาร์วีย์เป็นอย่างมากถึงแม้เขาจะยังอายุน้อยอยู่ก็ตามในขณะเดียวกันความกลัวภายในจิตใจของพวกเขาก็ขยายวงมากขึ้นสองเหวี่ยงมีดดาบไปทางด้านข้างทันที การโจมตีนั้นดูเหมือนคลื่นที่ซัดเข้าหาฮาร์วีย์อย่างจังนี่คือหนึ่งในท่าไม้ตายของเหล่าเจ็ดนักฆ่าไร้เทียมทาน 'ท่ากระแสน้ำซัดสาด'ในขณะทีเขากำลังจะหั่นฮาร์วีย์อยู่นั้น ในที่สุดฮาร์วี
หลังจากยิงกระสุนนัดสุดท้าย หัวหน้านักฆ่าก็ตามหลังมาไกล ๆ พร้อมกับเผยให้เห็นสีหน้าที่ดูย่ำแย่นอกจากเจ็ดจะเป็นอัมพาตอยู่บนพื้นแล้ว นักฆ่าอีกหกคนต่างก็จ้องมองฮาร์วีย์พร้อมกับกัดฟันกรอด“แกกล้าใช้อาวุธปืนได้ยังไง? แกกำลังเล่นขี้โกงอยู่นะ!” หัวหน้านักฆ่าร้องบอกในขณะมือสั่นเทาฮาร์วีย์มองดูอาวุธปืนในมืออย่างใจเย็น“พวกแกช่างหน้าด้านอย่างนั้นเหรอ?“แกใช้มันก่อนนะ แกนำมันมาที่นี่“ฉันก็แค่ให้แกได้ลิ้มรสยาของแกเอง แล้วแกยังมีหน้ามาบ่นอยู่อีกเหรอ?“แกวางแผนที่จะรายงานกับตำรวจเพราะฉันทำร้ายแกอีกนิดหน่อยใช่ไหมล่ะ?“แกจะให้ครอบครัวของแกไล่ล่าฉัน เพื่อที่ฉันจะได้เป็นคนจ่ายค่าทำศพ หลังจากพวกแกตายหมดอย่างนั้นเหรอ?”หัวหน้านักฆ่าทำสีหน้าฮึดฮัดใส่ฮาร์วีย์หลังจากได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของฮาร์วีย์“ไป! ฆ่าเขาซะ!” เขาตะโกนสั่งอย่างเกรี้ยวกราดฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!หลังจากรู้ถึงความแข็งแกร่งของฮาร์วีย์แล้ว นักฆ่าที่เหลืออีกหกคนก็จับมีดดาบของตัวเองด้วยสองมือ แล้วเหวี่ยงออกไปในทิศทางของฮาร์วีย์การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งมากกว่าเดิม...แต่ถึงกระนั้นฮาร์วีย์ก็ยังได้เปรียบอยู่
ฮาร์วีย์เผยให้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะใช้มือทุบโทรศัพท์เครื่องนั้นจนแหลกละเอียดจากนั้นเขาก็ดึงโทรศัพท์ของเขาออกมาก่อนจะกดหมายเลขออกไป“เธอมีงานต้องทำนะจูเลียน“ถ้าเธอมีกำลังคนไม่พอก็ให้พาเทรย์ไปด้วย“เขารอคอยโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถออกมาอยู่แล้ว...“รีบคว้าโอกาสนั้นไว้ซะ"ในขณะที่ฮาร์วีย์คุยโทรศัพท์อยู่นั้น เคทีก็อุ้มดีนไปนั่งรถเข็นคันใหม่ ดีนยิ้มให้เธอเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรเขาเข้าไปหาฮาร์วีย์แล้วกระซิบบอกว่า "เป็นยังไงบ้างครับคุณยอร์ก? เราต้องพาคุณไปส่งโรงพยาบาลหรือเปล่า?”ฮาร์วีย์ยิ้มแล้วส่ายหัว“ผมไม่เป็นไร แต่คนพวกนี้อาการหนัก…"ฮาร์วีย์นึกถึงเรื่องอื่นขึ้นมาได้“ผมได้จัดการกับกลุ่มเจ็ดนักฆ่าไร้เทียมทานไปแล้ว คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณและเคทีที่จะจัดการส่วนที่เหลือให้เสร็จ"“คุณไม่ต้องรีบนะครับ“ผมจะจัดการกับตระกูลคอบบ์ด้วย“เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็จ่ายเงินเพิ่มเพื่อฆ่าผม"ดีนถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมฮาร์วีย์ถึงดูเด็ดเดี่ยวได้ถึงขนาดนี้ถ้าเป็นดีนล่ะก็ เขาคงจะปล่อยภรรยาตัวเองไปเพื่อเห็นแก่การที่ได้แต่งงานกันมาแต่ยังไงก็ตามเมื่
"ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ฮ่องกงใช่ไหม?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ“พวกเขาไม่รู้เหรอว่าในฮ่องกงและลาสเวกัสนั้น เราสามารถใช้ความแข็งแกร่งของเราบดขยี้พวกเขาได้อย่างง่ายดาย?”จูเลียนตอบด้วยเสียงเคร่งเครียด "พวกเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกครับคุณยอร์ก"“พวกเขาจ่ายเงินก้อนโตเพื่อล่องเรือสำราญ และจดทะเบียนชื่อของพวกเขาจากต่างประเทศด้วย เรือสำราญนี้มีทหารรับจ้างพร้อมอาวุธจากดาร์ก ไอส์แลนด์อยู่เป็นจำนวนมาก!“นอกจากนั้นยังมีบุคคลสำคัญอีกนับร้อยคนที่ไปเยือนอเมริกาด้วยการล่องเรืองสำราญ!“ไม่มีทางที่จะเข้าไปได้ง่าย ๆ เลยครับ“นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการจัดการกับคุณย่าคอบบ์และคนอื่น ๆ จึงกลายเป็นเรื่องยากอยู่นิดหน่อย"“ตระกูลจอห์นเหรอ?”ฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว“หนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำน่ะเหรอ?”“ใช่แล้วครับ" จูเลียนตอบ“โอเชี่ยนนิค คอร์ปอเรชั่นเป็นบริษัททำเงินให้กับตระกูลจอห์นอย่างมาก พวกเขาดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัทนี้ด้วยความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก“ผมได้ยินมาว่าแม้แต่ตระกูลพาเทลยังดำเนินธุรกิจการขนส่งได้ด้อยกว่าตระกูลนี้ด้วย“นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อพิจารณาจากเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว ก็พอจะรู้แล้
หลังจากวางสายแล้วคุณยายคอบบ์ก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายถ้าเขายังไม่ตาย...เธอรู้ว่าเขาจะไล่ล่าเธอไปจนสุดขอบโลกอย่างแน่นอนเธอดีใจที่ได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าเธอได้เตรียมการสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว เรือสำราญไดมอนด์ ครูซกำลังจะออกเดินทางแล้ว...เธอจะทำอะไรก็ได้หลังไปถึงอเมริกาแล้ว'ถึงแม้ว่าเขาจะทรงพลังขนาดนั้น แต่ไม่มีทางที่เขาจะไล่ล่าฉันไปจนถึงที่นั่นเหรอก!'“ทำไมเราต้องวิ่งหนีด้วยล่ะคุณย่าคอบบ์? เราดูเหมือนคนทำความผิดจากแค่การทำสิ่งนี้เหรอ?“นอกจากนี้ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจน ฮาร์วีย์ก็ไม่สามารถฆ่าพวกเราในแบล็คเบิร์นซิตี้ได้ ถึงแม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะล้มเหลวก็ตาม" วาเลรี่ร้องบอกพร้อมกับขมวดคิ้ว“แบล็คเบิร์น ซิตี้เป็นของทะเลใต้! ผู้ชายจากประเทศ H คงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามขนาดนี้หรอก!”วาเลรี่ไม่อยากจะตั้งข้อสงสัยในการคาดเดาของคุณย่าคอบบ์...แต่ยังไงก็ตามทรัพย์สินของตระกูลคอบบ์เป็นของบ้านหลังที่สองเท่านั้นเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณย่าคอบบ์จึงรู้สึกหวาดกลัวอย่างขาดสติหญิงชราใช้เงินที่เก็บออมมาทั้งชีวิตเพียงเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินเ
วาเลรี่และอีเดนสบตากันหลังจากได้ยินคำพูดของคุณย่าคอบบ์ พวกเขาคิดว่าเธอกำลังเคร่งเครียดไปนิดหน่อย...คุณย่าคอบบ์ถอนหายใจ“นอกจากนี้ เราก็ยังมีเวลาเสมอ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่!“ความเจริญรุ่งเรืองจะไม่คงอยู่ตลอดไปหรอก!“ตอนนี้เคทีกำลังรุ่งโรจน์เนื่องจากมีไอ้ฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ อีกมากมายมาช่วย!“เราไม่สามารถเอาชนะเธอในตอนนี้ได้!“แต่ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ในอเมริกาและเกาะมหาเศรษฐีพวกนั้นเอาไว้ เราก็จะมีโอกาสลุกขึ้นได้อีกครั้งเสมอ"ท้ายที่สุดแล้วชาวอเมริกันพยายามสร้างที่มั่นขึ้นในทะเลใต้ เพื่อใช้ต่อสู้กับประเทศ H!“ถ้าเราแสดงความภักดีต่อพวกเขา พวกเขาก็จะให้การสนับสนุนภารกิจของเราอย่างแน่นอน!“ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราที่จะฟื้นคืนกลับมาอย่างแข็งแกร่ง!”หลังจากได้ยินแผนการสำหรับอนาคตของคุณย่าคอบบ์ ทั้งอีเดนและวาเลรี่ต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน ราวกับว่าพวกเขามีความมั่นใจเต็มที่ในอีกด้านหนึ่งนั้นพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะเอาชีวิตมาเสี่ยงในตอนนี้ในทางกลับกันพวกเขามีโอกาสที่จะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ตราบใดที่พวกเขาคอยประจบประแจงพวกอเมริกันเอาไว้ตู๊ด ตู๊ด
"ถึงแม้ว่าคุณย่าจะเตรียมการในเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว แต่ฮาร์วีย์ก็สามารถแกะรอยเราได้ง่าย ๆ อยู่ดี เมื่อเขาจ่ายเงินก้อนโตขนาดนั้น!“เขาจะตามล่าเราหรือเปล่าครับคุณย่าคอบบ์?”อีเดนรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก“เราน่าจะขื้นเครื่องบินไปอเมริกาแทนนะครับ!“ถึงแม้ว่าฮาร์วีย์จะขนกองทัพมา แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดเครื่องบินไม่ให้บินได้หรอก!“เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน? ซุปเปอร์แมนเหรอ?!”“ไอ้งั่งเอ๊ย!”คุณย่าคอบบ์มีสีหน้าขมขื่นราวกับว่าเธอกำลังให้บทเรียบกับอีเดนอยู่“นั่นเป็นวิธีที่เราจะทิ้งร่องรอยไว้ได้ง่ายที่สุด! ฮาร์วีย์สามารถแกะรอยว่าเราลงเครื่องบินที่ไหนได้แบบเป๊ะ ๆ เลยถ้าเราทำอย่างนั้น!“แต่จะต่างกันถ้าเราล่องเรือสำราญแทน เราจะผ่านเมืองต่าง ๆ ในต่างประเทศเป็นสิบ ๆ เมือง เพียงเพื่อจะไปอเมริกาเท่านั้นเอง!“ไม่ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ไม่มีทางที่จะรู้ว่าเราจะไปลงจากเรือที่ไหนหรอก“นอกจากนี้เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจด้วยซ้ำไปว่าเราจะลงกันที่ไหนตั้งแต่แรก!“เขาคงจะไม่มีทางรู้เลยถ้าเราตัดสินใจลงจากเรือในจุดแวะจอดที่แรกน่ะ!”อีเดนและวาเลรี่พยักหน้าพร้อมกันหลังจากได้ยินคำอธิบายของคุณย่าคอบบ์
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข