หลังจากลังเลมาทั้งคืนในที่สุดเอลเลนก็ตัดสินใจที่จะไม่ระงับอารมณ์เอาไว้ เนื่องจากฮาร์วีย์ไม่ได้เห็นคุณค่าในการให้ความช่วยเหลือของเธอเลยเช้าวันรุ่งขึ้นเธอจึงพาอีเดนและคนกลุ่มใหญ่ไปยังร้านที่ได้ปรับปรุงใหม่ เพื่อดูว่าฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ ได้ย้ายออกไปหรือยังนอกเหนือจากสินค้าและวัสดุต่าง ๆ แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังอยู่ในจุดเดิม ซึ่งทำให้เอลเลนรู้สึกขัดใจนิดหน่อยที่เห็นอย่างนั้นหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นร้านค้าเล็ก ๆ ข้างอาคารสำนักงาน“ฮะ? ดูนั่นสิ! ดูเหมือนว่าฮาร์วีย์จะได้ร้านใหม่แล้วนะ“เขาต้องขายสินค้าปลอมหรืออะไรสักอย่าง!“ช่างเป็นร้านที่เล็กเหลือเกิน และได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อสามสิบปีก่อน ผนังก็เป็นสีดำสนิทด้วย!“แม้แต่ร้านที่เอลเลนปรับปรุงใหม่ก็ยังดูด้อยกว่าร้านของตระกูลคอบบ์อย่างมาก แล้วนับประสาอะไรกับร้านนี้!“เขาไม่ได้เสียสติไปหลังจากพบกับความทุกข์ทรมานทั้งหมดนั้นหรอกใช่ไหม? ทำไมเขาถึงเปิดร้านแบบนี้ล่ะ?“คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะใช้สถานที่แห่งนี้ในการสร้างธุรกิจของคุณ?“คุณแน่ใจหรือว่าจะทำอะไรกับตระกูลคอบบ์ได้ด้วยสิ่งนี้?“คุณไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือไง? หรือตอนนี้
โนเอมิเดินไปหาฮาร์วีย์อย่างช้า ๆ และมองเขาด้วยสีหน้าที่ดูเจ้ากี้เจ้าการแน่นอนว่าเธอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนทุกอย่าง ซึ่งรวมถึงเรื่องที่เอลเลนกลับมาคืนดีกับอีเดนด้วยในสายตาของเธอนั้นที่นี่คือสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับลูกสาวของเธอโนเอมิไม่เพียงแต่มาที่นี่เพื่อดูหมิ่นฮาร์วีย์เท่านั้น แต่เธอยังมาที่นี่เพื่อยืนหยัดเพื่อเอลเลนและอีเดนด้วย“เป็นยังไงบ้างฮาร์วีย์?“ตอนนี้คุณเริ่มเสียใจที่ไม่ฟังคำเตือนของฉันหรือยัง?“ถ้าคุณไม่มีเจตนาแอบแฝงตั้งแต่แรก ถ้าคุณไม่พยายามใช้ประโยชน์จากลูกสาวของฉันเพื่อไต่อันดับแล้วล่ะก็ บางทีตอนนี้คุณอาจกลายเป็นลูกน้องของเธอไปแล้วก็ได้นะ“คุณไม่จำเป็นต้องย้ายร้าน และบางทีคุณอาจได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลโมเรโน่ด้วย“น่าเสียดายที่คุณมีความโลภมาบังตาเอาไว้ คุณคิดแต่จะไต่อันดับเพียงอย่างเดียว!”โนเอมิโน้มใบหน้าอันงดงามของเธอเข้าไปหาฮาร์วีย์ ในขณะที่กระซิบบอกเขาอย่างน่ารังเกียจว่า "มันสายเกินไปแล้วที่จะมารู้สึกเสียใจในตอนนี้“อาคารสำนักงานระดับไฮเอนด์และร้านค้าที่แสนจะหรูหราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณแล้ว“สิ่งที่คุณทำได้ก็มีเพียงการขายยาโง่ ๆ ในร้านที
"ไร้เดียงสาเหรอ?”ฮาร์วีย์จ้องมองผู้หญิงเจ้าเสน่ห์ที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วยิ้มให้จาง ๆ“ซีอีโอโมเรโน่ ผู้คนมักจะไม่รับรู้เรื่องราวที่อยู่นอกเหนือจากความรู้ของพวกเขาหรอกนะ“ตอนนี้คุณกำลังพูดให้ฟังดูเป็นเรื่องใหญ่โตมาก แต่คุณไม่กลัวจะโดนดูหมิ่นเหมือนคราวที่แล้วเหรอ?“คุณไม่เข้าใจเหรอว่าประสิทธิภาพของยาตัวนี้คือเหตุผลที่พวกเขาเอามาขาย?“ยาที่ตระกูลคอบบ์กำลังทำอยู่ตอนนี้เทียบกับยาส่วนใหญ่ในตลาดตอนนี้ไม่ได้เลย“คุณคิดว่าการที่ผมจะบดขยี้ธุรกิจแบบนั้นมันยากนักเหรอ?“บางทีตอนที่ผมเปิดธุรกิจนั้นอาจเป็นเวลาที่ผมสามารถสร้างตำนานให้ธุรกิจของผมก็ได้นะ!”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ฉันขอชื่นชมความไร้เดียงสาของคุณนะฮาร์วีย์"โนเอมิทำสีหน้าเยาะเย้ยแล้วเอามือกอดอก เผยให้เห็นร่องอกที่ดูน่ารื่นรมย์ของเธอ“คุณค่อนข้างมีประสบการณ์ โดยพอมีกลเม็ดเด็ดพรายซ่อนเอาไว้บ้าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะรู้จักธุรกิจนี้หรอกนะ“คุณควรสั่งกระเช้าดอกไม้สักสองสามใบเป็นอย่างน้อย เพราะจะดูน่าอายมากถ้าบริเวณทางเข้าไม่มีกระเช้าดอกไม้วางอยู่เลย!“ถ้าคุณไม่มีเงินซื้อ ฉันก็จะซื้อให้สักสองสามกระเช้าเพื่อเป็นการให้กำลังใจคุณ"คนอื่น
ฮาร์วีย์ทำเมินเฉยต่อโนเอมิและคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง แล้วเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นไปด้วยท่าทีสบาย ๆ หลังจากให้คำแนะนำกับคนงานเสร็จแล้วงานทั้งหมดทั้งมวลนั้นเป็นงานของเคที เขาจึงตัดสินใจเข้าไปพักในที่พักชั่วคราวของเธอจูเลียนเป็นคนจัดเตรียมวิลล่าที่ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองเอาไว้ให้ไม่ใช่มีแค่เคทีเท่านั้น แม้แต่ดีนซึ่งยังคงอ่อนแอมากก็ยังมาพักผ่อนที่นี่ด้วยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากคอยดูแลสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นฮาร์วีย์จึงรู้สึกสบายใจเมื่อมาอยู่ที่นี่หลังจากเดินมุ่งหน้าเข้าไปในห้องโถงหลักแล้ว ฮาร์วีย์ก็เห็นเคทีฮัมเพลงอย่างมีความสุขในขณะหั่นผักอยู่ในห้องครัวที่เปิดโล่งฮาร์วีย์หรี่ตามมองเมื่อเห็นภาพนั้น เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นหัวหน้าแก๊งทะเลใต้ที่กระหายเลือดจะแผ่รังสีออร่าแบบผู้หญิง ๆ ออกมาในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังตกดินอยู่นั้นก็ทำให้สามารถมองเห็นรูปร่างที่เพรียวบางและงามสง่าของเธอได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ไม่คิดลังเลที่จะโอบกอดเธอเอาไว้ฮาร์วีย์ถอนหายใจเพื่อหยุดยั้งหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรง จากนั้นจึงกระแทกตัวเข้ากับกำแพงหินอ่อน“คุณมาแล้วเหรอ?”เคทีเผยให้เห็นรอยยิ้
"ผู้คนข้างนอกบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่อดทน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณจะมีมากกว่าฉันไปอีกหนึ่งขั้นแล้ว" เคทีบอกฮาร์วีย์ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมากเขาแค่ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าเขาเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่กับตระกูลซิมเมอร์ในตลอดสามปีที่ผ่านมา“เอาล่ะ เราจะไม่พูดถึงเอลเลนในตอนนี้"ฮาร์วีย์ทำสีหน้าพึงพอใจหลังจากตักแกงเผ็ดเข้าปากไปสองสามคำ“ที่เราพบกันในตอนแรกนั้นก็เป็นเพราะคุณ“ทุก ๆ คนต่างคิดว่าผมใช้เธอในการไต่อันดับ แต่พวกคุณน่าจะรู้ความจริงกันแล้วนะ“ฉันคิดว่าฉันได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่นี่ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปในทางตรงข้าม"ฮาร์วีย์ยิ้มอย่างช่วยอะไรไม่ได้ เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเอลเลนดูเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากหลังจากเรื่องราวเหล่านั้นเกิดขึ้น เขาไม่ได้คาดหวังจะให้เกิดเรื่องแบบนี้เลยมิตรภาพของพวกเขากลายเป็นผุยผงในเวลาเพียงไม่กี่วัน เมื่อมาถึงจุดนี้ก็อยู่ห่างจากจุดที่จะเป็นศัตรูกันไม่ไกลนักอีเดนและโนเอมิเป็นคนยุยงให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้วความพอใจของพวกเขากลับไม่สอดคล้องกัน“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของฉันเอง" เคทีตอบ“ฉันคบกับเอลเลนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เธอไปกับอีเดนไม่
โครม!ในขณะที่เคทียังตกตะลึงอยู่นั้น หน้าต่างของห้องโถงใหญ่ก็ถูกพังทลายให้เปิดออกหลังจากนั้นก็มีเงาตะคุ่มกระโดดเข้ามาจากนั้นเงาตะคุ่มนั้นก็เหนี่ยวไกปืนไปในทิศทางของฮาร์วีย์กับเคทีปัง ปัง ปัง!กระสุนหกนัดพุ่งออกมาเกือบจะพร้อมกัน เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ทั้งสองคนหนีไปไหนได้ฮาร์วีย์ผลักเคทีออกไปทันทีแล้วเอาตัวบังไว้ในเวลาเดียวกันเขาก็กลิ้งตัวไปบนพื้น แล้วหยิบมีดขึ้นมาขว้างไปข้างหน้ามีเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น แล้วเงาตระคุ่มนั้นก็เหวี่ยงอาวุธปืนไปข้างหน้าเพื่อสกัดกั้นมีดเอาไว้มีดเล่มนั้นเจาะเข้าไปในเครื่องดูดควันที่อยู่ในครัวนักฆ่าคนนั้นยืนตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับมีอาการมือสั่นอย่างมากในที่สุดร่างของคน ๆ นั้นก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเธอเป็นคนตัวเล็กที่สวมชุดนักเรียนและสวมหน้ากากอนามัยเอาไว้ ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็ดูเหมือนเด็กนักเรียนโดยทั่ว ๆ ไปแต่ถึงกระนั้นเธอก็มีการเคลื่อนไหวที่แคล่วคล่องว่องไว และโจมตีได้อย่างรุนแรงมากสีหน้าที่สงบนิ่งของฮาร์วีย์ก็เพียงพอจะทำให้นักฆ่าหยุดนิ่งได้แล้วเธอเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี เพียงเพื่อสร้างความประหลาดใจขึ้นมาเท
ฮาร์วีย์ถอดหน้ากากของนักฆ่าออก แล้วเอาถุงพิษที่อยู่ในปากของเธอออกมาด้วย จากนั้นเขาก็เตะปืนของเธอออกไปทันทีเผยให้เห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ผุดผ่องของเธอดูเหมือนว่านักฆ่าคนนี้จะมีอายุยี่สิบกว่า ๆ เธอมีใบหน้าที่ดูงดงาม แต่สายตาของเธอเผยให้เห็นความเป็นคนดื้อรั้นผู้หญิงคนนั้นจ้องมองฮาร์วีย์อย่างโกรธเกรี้ยวหลังจากรู้ตัวว่าเธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะฆ่าตัวเองได้ เธอจึงทำได้เพียงมองฮาร์วีย์อย่างเดือดดาล“บอกมา แกเป็นใคร? ใครส่งแกมา?” ฮาร์วีย์ถามพร้อมกับจ้องมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เธอเพียงแต่มองไปทางอื่นราวกับว่าเธอไม่ได้สนใจว่าฮาร์วีย์ได้ทำอะไรกับเธอเลยเคทีเดินเข้ามาแล้วจ้องมองผู้หญิงคนนั้นพร้อมยิ้มน้อย ๆ“ถ้าฉันเดาไม่ผิดเธอจะต้องมาจากองค์กรนักฆ่าจากพระราชวังซึ่งมีซื่อเสียงโด่งดังในทะเลใต้“เธอมาที่นี่เพื่อฆ่าฉัน...ไม่ใช่ฮาร์วีย์"ผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองเคทีโดยสัญชาตญาณก่อนจะทำเสียงเย้ยหยัน“ฉันขอเดาอีกครั้งนะ ถ้าฉันเดาไม่ผิดตระกูลคอบบ์จะต้องจ่ายเงินให้เธออย่างงามเพื่อมาฆ่าฉัน“พวกเขาคงคิดว่าการที่ฉันออกไปตั้งบริษัทของตัวเอง และ
เคทีหัวเราะเบา ๆ เมื่อรู้ว่าฮาร์วีย์มองเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่ง“ทำไมคุณไม่ลองเดาดูหน่อยล่ะว่าทำไมฉันถึงตัดสินใจส่งเธอไปสถานีตำรวจแทนที่จะฆ่าเธอซะ?”“คุณส่งเธอไปโรงพยาบาลพร้อมกับตำรวจด้วยเหตุผลสองประการ...” ฮาร์วีย์ตอบ“ประการแรก...คุณต้องการให้ตระกูลคอบบ์รู้ว่าแผนการณ์ของพวกเขาล้มเหลว คุณต้องการให้พวกเขาตื่นตระหนก“ประการที่สอง...คุณต้องการให้พระราชวังต่อสู้กับพวกเขา“ไม่ว่าพวกเขาจะจ่ายเงินมามากขนาดไหน พวกเขาก็จะได้เห็นกับตาว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง ถ้าพวกเขาถูกหักหลัง“ช่างน่าประทับใจจริง ๆ ที่คุณคิดแผนการณ์ได้อย่างทันท่วงที ก็อย่างที่เขาพูดกันนั่นแหละว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัว“แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความเสี่ยงอยู่เล็กน้อย ผมจะให้จูเลียนส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้คุณอีกสองสามคน"เคทีพยักหน้าเธอพลิกสถานการณ์เพื่อต่อสู้กับตระกูลคอบบ์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะใช้กลอุบายอะไรหลังจากนี้…ในขณะเดียวกันที่บริเวณลานบ้านของตระกูลคอบบ์ภายในห้องประชุมอันเงียบสงบ คุณย่าคอบบ์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในขณะที่มือก็จับไม้เท้าเอาไว้ พร้อมกับสีหน้าที่ดูง่วงนอนจู่ ๆ โทรศัพท์ของเธอที่