“เขาทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก นายพูดแบบนั้นคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ งั้นเหรอ? นายคิดว่านายเป็นใคร? นายเป็นซีอีโอของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ หรือไง? นายคิดว่านายจะเป็นญาติของพวกเขาเพียงแค่นายใช้นามสกุลเดียวกันกับพวกเขางั้นเหรอ? มีใครหลายคนที่ใช้นามสกุลของมาร์แชล งั้นพวกเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกันงั้นสิ?” ลิเลียนโกรธสะสมหลายเรื่องราวและเธอก็เต็มไปด้วยความโมโหโกรธเคืองฮาร์วี่ย์กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพิ่มเติม แมนดี้ที่ตอนนี้องออกมาจากห้องนอนแล้ว เธอก็พูดว่า “แม่คะ ฮาร์วี่ย์ไม่ได้อยู่ด้วยในเหตุการณ์วันนี้ เราจะไปตำหนิเขาไม่ได้หรอกนะคะ มันเป็นเพราะแซ็ค เขาไร้ยางอายเกินไป ทั้งตอนนี้เองฮาร์วี่ย์ยังช่วยยืมเงินแปดแสนดอลลาร์มาให้หนูและเขาได้ช่วยแก้ปัญหาฉุกเฉินนี้ได้ทันเวลา ได้โปรดเถอะค่ะ…”"หมายความว่าอะไร? จะปฏิบัติกับมันให้ดีกว่าเดิมงั้นเหรอ? ดูสภาพมอมแมมของมันสิ! ถึงแม้จะแต่งตัวให้ดูดีแค่ไหนก็ตามมันก็ยังดูไม่เหมือนเจ้าชายที่สง่างามอยู่ดี!” ลิเลียนด่าว่าเขารุนแรง แต่ตอนนี้เธอลืมที่จะพูดถึงเรื่องการหย่าร้างไปแล้ว “รีบไปทำอาหารเดี๋ยวนี้! ฉันขอเตือนนายนะ ถ้านายยังต้องการอยู่ในครอบครัวของเรานายควรท
อีวอนน์มาถึงที่ทำงานนานแล้ว วันนี้เธอสวมสูทสีขาวสดใส เมื่อเธอเห็นฮาร์วี่ย์เข้ามาในออฟฟิศ เธอก็เสิร์ฟกาแฟให้เขา จากนั้นเธอก็พูดว่า“ท่านประธานค่ะ ตระกูลซิมเมอร์ได้ส่งตัวแทนชื่อว่าแซ็ค มาส่งสัญญาให้เราในวันนี้ ท่านต้องการดูสัญญาก่อนไหมคะ”"ไม่จำเป็น" ฮาร์วี่ย์ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง “ บอกให้เขาไสหัวออกไปเร็ว ๆ ถ้าเขากล้าก้าวเข้ามาในบริษัทของฉันอีก จัดการเขาและตีขาเขาให้แหลกไปเลย!”“รับทราบค่ะ!” อีวอนน์ไม่กล้าแม้จะถามเรื่องนั้นอีก เป็นเพราะมิสเตอร์ยอร์กยึดมั่นในการตัดสินใจของเขามาก และนี่ไม่ใช่วันแรกที่เธอทำงานให้เขา***ในห้องรับรอง แซ็คดูค่อนข้างเศร้าใจ เขารู้สึกโชคร้ายพอสมควรที่เมื่อกี้เขาต้องพบเจอกับฮาร์วี่ย์ ตอนนี้ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ ไม่ได้สนใจเขาเลยและเขาก็ถูกทิ้งให้รอที่นี่เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยและกำลังจะมีอารมณ์โกรธ“มีใครอยู่ไหม?” เขาตะโกนถามหลังจากนั้นไม่นานพนักงานต้อนรับก็เดินเข้ามาหาเขาและพูดว่า “คุณคะ รบกวนอย่าส่งเสียงดังในบริษัทนะคะ”“คุณเป็นใคร? คุณกล้าสั่งให้ผมห้ามส่งเสียงดังที่นี่ได้ยังไง” แซ็คลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็มองไปที่หญิงสาวตรงห
แซ็คทำราวกับว่าเขารู้ด้วยการโกหกหลอกลวงนั่น "ใช่! มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้แน่นอน ถ้าไม่ใช่ เราจะอธิบายได้อย่างไรว่าสัญญาของพวกเขาดูเหมือนจริงซะขนาดนี้? แต่พวกเขาโง่มาก คิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นถเาหากความจริงจะถูกเปิดโปงออกมางั้นเหรอ…”"ใช่! มันอาจเป็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสซิมเมอร์ โทรหาพวกเขากลับมาที่บ้านสิ แล้วเราก็มาสืบหาความจริงของมัน”“นั่นคือเรื่องจริง! เรารู้มานานแล้วว่าลูกเขยนั่นเป็นเพียงผู้ชายที่ไร้ประโยชน์ ไม่คิดว่าเขากลายเป็นหัวขโมย แล้วแมนดี้กล้านำสัญญาปลอมกลับมาบ้านได้อย่างไร? เป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่งสำหรับพวกเราตระกูลซิมเมอร์!”เสียงคนในตระกูลซิมเมอร์ต่างสะท้อนความคิดกันออกมาเสียงดัง ‘แมนดี้ทำเกินไปแล้ว มันคือเงินลงทุนห้าสิบล้านดอลลาร์ พวกเราทุกคนสามารถได้รับผลประโยชน์มากมายและมันทำให้เรามีชีวิตที่หรูหรา เธอกล้าแค่ไหนที่เอาสัญญาปลอมมาหลอกเรา! เธอสมควรถูกลงโทษให้สาสม!’ผู้อาวุโสซิมเมอร์ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ เขาหยิบสัญญาที่มันเป็นโมฆะออกมาและเหลือบมองมันเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดอว่า “บอกให้ลิเลียนโทรหาพวกเขามาที่บ้าน หากพวกเขาไม่สามารถให้คำอธิบายที่
"คนไร้ประโยชน์อย่างเขาจะซื้อรถในเมืองยานยนต์นี้ได้อย่างไร?'“คุณผู้ชายคะ รุ่นนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ? เพียงแค่ดูบุคลิกของคุณ ดิฉันคิดว่ารถคันนี้เหมาะสำหรับคุณ” พนักงานขายสวยมองไปที่ฮาร์วี่ย์อย่างไม่ลดละ เธอชี้ไปที่รถปอร์เช่พานาเมร่าที่อยู่ไม่ไกล ยิ้มจาง ๆ แล้วพูดว่า "แล้วนี่เป็นไงคะ? คุณสามารถขับรถคันนี้ออกไปได้เลย ถ้าไม่มีผู้หญิงคนไหนกระโดดเข้ามาในรถของคุณในระยะหนึ่งพันฟุต คุณอาจต้องคิดว่าคุณดูน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า”ฮาร์วี่ย์รู้สึกขบขัน เขาเดินไปตรงนั้นและเหลือบมองรถสองสามครั้ง จากนั้นเขาก็พูดว่า “ก็ไม่ได้แย่ แต่นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้ขับรถ ทำไมคุณไม่จัดให้มีการทดลองขับล่ะ? ถ้ามันเข้ากับผม ผมจะซื้อมันทันที”“ทดสอบขับ? สำหรับคุณเหรอคะ?"พนักงานขายสาวสวยหัวเราะเยาะ มันไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับเธอมาก่อนเลยที่จะมีคนไร้ยางอายเท่าเขา เขากล้าขอทดลองขับรถที่มีราคารสูงเกือบสี่แสนดอลลาร์ได้อย่างไร?“คุณผู้ชายคะ เชิญคุณออกไปเถอะค่ะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ หากคุณต้องการที่จะทำเรื่องตลก โปรดไปที่อื่นได้ไหมคะ"ฮาร์วี่ย์ตกอยู่ในอาการตะลึง ‘บ้าที่สุด! เธอกำลังไล่ฉันออกไปจากที่นี่งั้นเหรอ? พวกเขาต้
“รับทราบค่ะ! มิสเตอร์ควินน์ ดิฉันจะขอให้เขาออกไปเดี๋ยวนี้!” หัวหน้าคนนั้นพยักหน้ารัว ๆ จากนั้นเธอก็หันกลับมาและจ้องไปที่ฮาร์วี่ย์ด้วยความโกรธ จากนั้นเธอก็พูดว่า “คุณผู้ชายคะ กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้ ที่นี่เราไม่ต้อนรับคุณ หากคุณไม่รู้ว่าจะออกไปอย่างไร เราจะขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาคุณออกไป…”ฮาร์วี่ย์ไม่ต้องการที่จะรบกวนเธอ เขาเพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าและจ้องไปที่แมนดี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา“ฮาร์วี่ย์? ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?" ตอนนี้แมนดี้เพิ่งรู้สึกตัว เมื่อเธอเห็นฮาร์วี่ย์กายที่สวยงามของเธอก็สั่นเล็กน้อย เธอเต็มไปด้วยทั้งความสุขและความอึดอัดในขณะเดียวกันแม้กระทั่งเธอเองก็คิดอธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงมีความรู้สึกแบบนั้นก่อนหน้านี้เธอทำตัวอยู่เหนือกว่าเขาตลอดเมื่อเวลาอยู่ต่อหน้าฮาร์วี่ย์ ตอนนี้ก็ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้เธอกลับรู้สึกว่าฮาร์วี่ย์ดูดีในสายตาของเธอ เธอมักจะรู้สึกโดดเดี่ยวในเวลาที่ไม่ได้เจอฮาร์วี่ย์ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเธอรู้สึกอึดอัดและกังวลมากเมื่อเขาต้องเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น เธอกลัวว่าเขาอาจจะโกรธ แมนดี้ค่อนข้างสับสนกับความรู้สึกแบบนั้นฮาร์วี่ย์ไม่
แมนดี้ดูอึดอัดเพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร แต่แองเจิลมองเควินด้วยความสับสนเควินยิ้มและพูดว่า “แองเจิล เธอไม่รู้เหรอว่าลูกเขยคนนี้วันนี้เขามาที่นี่เพื่อจะซื้อรถ เขามอง ปอร์เช่ พานาเมร่า ทำไมคุณไม่ช่วยเขาเลือกสีล่ะ”แองเจิลถอนหายใจและพูดว่า “ลืมมันไปซะเถอะ ไม่มีรถสีเขียวสำหรับยี่ห้อปอร์เช่นี้หรอก มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเลือกให้เขา”หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้นเธอก็มองไปที่ฮาร์วี่ย์ จากนั้นเธอก็พูดว่า “ไง ขี้แพ้! นายไม่เห็นเหรอว่าแมนดี้คบกับลูกพี่ลูกน้องของฉันอยู่? หากนายรู้ตัวเองก็หลีกทางให้พวกเขาซะ! นายไม่รู้เหรอว่านายช่างเป็นสิ่งไม่น่ามองเลยสำหรับที่นี่?”เควินก็หัวเราะออกมาเช่นกันเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในขณะเดียวกันเขาก็เหลือบมองไปที่ฮาร์วี่ย์ ‘ผู้ชายคนนี้ช่างมีชีวิตที่น่าสมเพช ฉันได้ยินมาว่าเขาช่วยทำความสะอาดรองเท้าของลูกพี่ลูกน้องของฉันด้วย ช่างเป็นความอัปยศอย่างยิ่งสำหรับผู้ชาย!สีหน้าของฮาร์วี่ย์บ่งบอกถึงความไม่พอใจ เขารู้ว่าแองเจิลมีวาจาที่รุนแรง แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาเลยที่เธอจะทำตัวชั่วร้ายและเลวทรามฮาร์วี่ย์กำลังจะโกรธ แต่แมนดี้ก็ดึงแองเจิลออกไปยืนข้าง ๆ และพูดอะไร
ฮาร์วี่ย์ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวานกับแองเจิลด้วยซ้ำ เขาแค่หัวเราะเบา ๆ และมองไปที่เควินและพูดว่า “ตอนแรกผมอยากจะร่วมมือกับคุณ แต่น่าเสียดายที่พฤติกรรมและมารยาทของคุณค่อนข้างทำให้ผมผิดหวัง ผมคิดว่าเราลืมเรื่องการร่วมมือกันได้เลย”เควินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “คุณเป็นคนตลกจริง ๆ” จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ฮาร์วี่ย์และพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าความร่วมมือคืออะไร? คุณอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า? คุณคิดว่าความร่วมมือหมายถึงการซื้อรถที่น่าสมเพชนี้งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าคุณนายซิมเมอร์มองคุณไม่ผิดจริง ๆ คุณช่างเป็นผู้ชายที่น่าสมเพชและมีอีโก้สูจริง ๆ คุณไม่ได้ดีไปกว่าใครเลยเมื่อคุณมาอวดตัวเองแบบนี้”“ผมขอพูดตรงไปตรงมากับคุณ ถ้าคุณเป็นผู้ชายตัวจริง ก็รีบไสหัวออกไปซะ อย่าทำให้แมนดี้รู้สึกขายหน้าที่นี่ ผมทนไม่ได้ที่เห็นคุณเป็นแบบนี้อีกต่อไป!”เควินเต็มไปด้วยการดูถูก ตอนนี้แองเจิลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขากำลังหัวเราะไม่หยุดอย่างสนุกสนาน ‘ลูกเขยคนนี้เป็นผู้ชายที่น่าละอายมาก!”“พอได้แล้วฮาร์วี่ย์ อย่ามากเกินไป ผมไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับคุณที่นี่ ผมต้องการคุยเรื่องสำคัญกับแมนดี้ กรุณาออกไปได้แล้ว" เห็นได้ชัดว
ฮาร์วี่ย์ ยอร์ก ครุ่นคิดสักพักและพูดว่า "ผมค่อยกลับไปหลังจากนี้... " “มีอะไรหรือเปล่า?” แมนดี้ ซิมเมอร์ ใคร่อยากรู้ว่าสามีของเธอ เจ้าลูกเขยที่ไม่เคยออกไปไหนเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ฮาร์วี่ย์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะบอกออกไปว่า “ผมจะไปทำงานครับ ผมจะทำอะไรได้อีกนอกจากนั้นล่ะ?”“งานอะไรคะ?” แมนดี้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ในที่สุดสามีที่ไร้ประโยชน์คนนี้ ก็เริ่มคิดที่จะพัฒนาตัวเองหลังจากผ่านมาสามปีฮาร์วี่ย์ยักไหล่และพูดว่า “ผมทำงานเป็นผู้ช่วยของเพื่อนร่วมชั้นที่ให้ผมยืมเงิน เขากลับมาที่นิอัมมี่เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อกี้ผมก็มาช่วยเขาซื้อรถ”ทันใดนั้นแมนดี้ก็นึกขึ้นได้และถามอย่างสงสัยว่า “เขาทำธุรกิจอะไร? ถ้าเขาทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างบางทีเขาอาจจะทำงานร่วมกับครอบครัวของเราได้”แมนดี้รู้สึกกระตือรือร้นเล็กน้อยในขณะที่พูดถึงเรื่องนี้ เธอกลัวว่าฮาร์วี่ย์จะบอกเธอว่าเพื่อนร่วมชั้นของเขาทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ท้ายที่สุดแมนดี้ก็รู้ดีว่าเธอไม่มีอิทธิพลใด ๆ ในตระกูลซิมเมอร์อีก แล้วนับประสาอะไรกับฮาร์วี่ย์“เป็นเพียงบริษัทลงทุนเล็ก ๆ และยังไม่ดีพอที่จะแข่งขันในตลาด” ฮ