ฮาร์วีย์อดที่จะพยักหน้าไม่ได้เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเอลานอร์ตามที่ผู้ให้คำปรึกษาทางการทหารของเจฟฟ์คาดการณ์ไว้ การวิเคราะห์ของเธอไม่เพียงแต่มีเหตุมีผลเท่านั้น แต่กระบวนการคิดของเธอก็ค่อนข้างถี่ถ้วนด้วยฮาร์วีย์จิบชาแล้วยิ้ม“นี่หมายความว่าสิ่งที่เรียกว่าสงครามระหว่างทั้งสองประเทศ จะเป็นด่านแรกที่จะโจมตีฉันจริง ๆ เหรอ?“พวกเขากำลังวางแผนที่จะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวใช่ไหม?”ราเชลและเอลานอร์มองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้า"ถูกต้องค่ะ""น่าสนใจ“ฉันไม่ได้วางแผนที่จะไปโจมตีพวกเขา แต่พวกเขากลับมาหาฉันเอง…”ฮาร์วีย์แสดงสีหน้าที่ดูขบขัน“หากพวกเขาต้องการสงครามนัก พวกเขาก็จะได้สิ่งนั้น!“ราเชลส่งข่าวถึงแอ็กเซล“บอกเขาว่าฉันขอท้าทายผู้มีความสามารถชั้นยอดของอินเดียทุกคนบนจุดสูงสุดของฟลัตเวลล์ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า“บอกให้พวกเขามาถ้าไม่กลัวตาย!“ฉันจะฆ่าพวกมันให้เรียบ…ถ้าจำเป็น!”…ในขณะที่ฮาร์วีย์ประกาศต่อสู้กับชาวอินเดียนั้น...สำนักงานใหญ่หลงเหมิน ในคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาศักดิ์สิทธิ์...เหล่าคนระดับสูงต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นั่น“เราไม่สามารถยอมรับการท้าทายนั้นได้ ไม่ว่าจะ
“ฉันไม่เห็นด้วย รองหัวหน้า!”ชายสูงอายุลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเคร่งขรึม“ถ้าเราทำแบบนี้เราไม่ต่างจากคนขี้ขลาดหรอก!“เราจะกลายเป็นตัวตลกที่น่าขบขันที่สุดของประเทศ H ถ้าเราผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ เราจะดูแลโลกใต้ดินให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้ยังไง?“อย่าลืมสิว่า! เราเป็นด่านหน้าในการปกป้องประเทศมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว“ถ้าเราถอยกลับไปตอนนี้ เราจะมองหน้าบรรพบุรุษของเราโดยไม่ละอายใจได้ยังไง?”“คุณเป็นแค่รองหัวหน้าสาขาเท่านั้น ฟิชเชอร์! คุณได้รับอนุญาตให้มาที่นี่เพราะคุณมีแชมเปี้ยนประจำจังหวัดเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่!“คุณมีสิทธิ์อะไรไปถามคำถามกับรองหัวหน้า?”ผู้อาวุโสทุบโต๊ะด้วยความโกรธจัด“คุณบอกว่าเราควรต่อสู้กลับ แต่ถ้าเราแพ้ขึ้นมาจะทำกันยังไงล่ะ?“ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?"คุณเหรอ?“คุณมีค่าพอเหรอ?”ฟิชเชอร์จ้องมองผู้อาวุโสอย่างเย็นชาพร้อมกับวางอำนาจใหญ่โต“ถ้าเราพ้ายแพ้ชื่อเสียงของเราคงป่นปี้! การประชุมสุดยอดหลงเหมินคงเป็นเรื่องตลกสุดฮาด้วยเหมือนกัน…“แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ทรยศตัวเองแบบนั้น!“อย่างน้อยเราก็แสดงให้โลกเห็นว่าเรามีความกล้าที่จะต่อสู้!“ถึงแม้ว่าเราจะแพ้ แต่สิ่งที่เ
“คุณควรเข้าใจในเรื่องนี้นะ รองหัวหน้าสาขาเบเน็ตต์!“การหลีกเลี่ยงการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต่อสู้ในครั้งต่อไป เราอยู่ในภาวะตกต่ำแค่ในช่วงนี้เท่านั้น!“คราวหน้าเมื่อผู้มีความสามารถชั้นยอดของเราดูดีพอที่จะบดขยี้ชาวอินเดียได้ เราก็จะท้าทายพวกเขาอีกครั้ง“คุณควรรู้ว่าพลังไม่ได้หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างในยุคนี้ เราจำเป็นต้องคิดล่วงหน้า!“การทำงานหนักมักให้ผลตอบแทนที่ดี เรามีเวลาแก้แค้นอยู่เสมอ!“ถ้ากษัตริย์ในสมัยโบราณพูดถึงแต่เลือดและความกล้าหาญ เราคงไม่มีผู้ปกครองที่อยู่มาได้นานขนาดนี้“ถ้าพวกเขาทนความอัปยศอดสูไม่ได้ พวกเขาจะผงาดขึ้นมาในอนาคตได้ยังไง?“ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้ว เราควรระมัดระวังและปฏิเสธการท้าทายไป!”“แล้วถ้าเราอดทนกับความละอายใจนั้นสักนิดล่ะ?” ผู้อาวุโสกล่าวเสริมอย่างเคร่งขรึม“เราก็จะทำการขอโทษหลังผ่านพ้นสถานการณ์นั้นไปแล้ว!”“ถ้าเราพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ เราจะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ แม้จะด้วยชีวิตของเราก็ตาม!”ฟิชเชอร์สูดหายใจเข้าลึก ๆ“รองหัวหน้า ฉันคิดว่าสำหรับพวกเรานักศิลปะการต่อสู้แล้ว ความก้าวหน้ามีความสำคัญมากกว่าผลสุดท้ายเสมอ!“ไม่
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากสู้! แต่เราแค่ทำไม่ได้!”ผู้อาวุโสสตีลถอนหายใจพร้อมกับมีสีหน้าเศร้าหมองนับเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับว่าผู้มีความสามารถชั้นยอดของหลงเหมินนั้นมีความสามารถด้อยกว่าก่อนที่ฟิชเชอร์จะพูดอะไร ไบรซ์ก็ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งแล้วเหล่มองเขา“บอกฉันหน่อยว่ามีโอกาสแค่ไหนที่แชมเปี้ยนของคุณจะชนะชาวอินเดียได้?“ฉันไม่รู้ แต่เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทุกคนได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว“เมื่อเทียบกับผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่น ๆ เขามีความแข็งแกร่งอย่างล้นหลาม!“ถึงแม้ว่าเขาจะบดขยี้ชาวอินเดียไม่ได้ แต่เขาก็สามารถโค่นล้มพวกนั้นสองสามคนได้ไม่ยาก“ฮาร์วีย์ ยอร์ก… ฮาร์วีย์ ยอร์ก…”ผู้อาวุโสสตีลพึมพำชื่อนั้นกับตัวเองก่อนจะตบหัวเพื่อเป็นการรับรู้"ฉันจำได้แล้ว! เขาคือคนที่เอาชนะโบเว่นในการเดิมพันนั่นเอง!”"ถูกต้อง! เขานั่นแหละ!" ฟิชเชอร์อุทานผู้อาวุโสรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นท้ายที่สุดแล้วการทำให้คนอย่างโบเว่นต้องทนทุกข์ทรมาน ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่เพียงพอว่าฮาร์วีย์มีทั้งทักษะและประสบการณ์อย่างเต็มเปี่ยมถ้าไม่อย่างนั้นโบเว่นก็คงไม่จบลงแบบนี้“ส่งเอกสารของฮ
ไม่ใช่แค่ไบรซ์เท่านั้น ผู้อาวุโสทุกคนต่างตกตะลึงกันหมด'เขาหยิ่งผยองเหลือเกิน!''เขาบ้าไปแล้ว!''เขาเสียสติไปแล้ว!'ก่อนที่ผู้มีตำแหน่งสูงจะตัดสินใจได้ ชายหนุ่มคนนี้ก็ได้ท้าทายผู้มีความสามารถชั้นยอดของอินเดียไปแล้ว'เขาแค่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวเหรอ?!''หรือว่าเขามีพลังที่จะทำอย่างนั้นได้จริง ๆ?'“นี่มันบ้าไปแล้ว! ชายหนุ่มคนนั้นพยายามจะทำอะไร?”สายตาของไบรซ์แข็งกร้าวจนกลายเป็นสายตาแห่งความอาฆาต เขาโกรธมากจนหน้าอกเริ่มรู้สึกเจ็บฟิชเชอร์ตากระตุกอย่างบ้าคลั่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฮาร์วีย์ได้ตัดสินใจแล้ว!“เขาต้องการต่อสู้กับพวกมันทั้งหมด!”"คุณกำลังพูดอะไร?!"ไบรซ์ทุบโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว"คุณล้อเล่นรึเปล่า?!"นี่คือสงคราม!“เขาคิดว่านี่คืออะไร? ช่วงเวลาของการเล่นละครโง่ ๆ เหรอ?“เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน?“เขาจะรับผลที่ตามมาจากสถานการณ์นี้ได้ไหม?!“ไอ้สารเลว!“ไอ้เวรเอ๊ย!”ไบรซ์ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ ยังดีที่ฮาร์วีย์ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ถ้าไม่เช่นนั้น เขาคงจะตบชายหนุ่มจนตายที่พูดอะไรตามใจชอบ!“รองหัวหน้า!“เราไม่สามารถคืนคำได้อีกแล้ว!”ฟิชเชอร์ยืนขึ้นด้วยท่าท
ในหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกตลอดทั้งปี คือที่ตั้งของสาขาภายในทั้งสามของหลงเหมินเด็กสาวในชุดสีขาวที่ดูราวกับนางฟ้าผู้ไร้เดียงสาได้เดินช้า ๆ ออกมาจากหุบเขาเธอเหยียบย่ำไปบนต้นไม้และโขดหินในทุกย่างก้าว แม้ในยามที่เธอยืนอยู่ตรงขอบเหว ก็ดูราวกับว่าเธอกำลังเดินและยืนอยู่บนพื้นราบสายลมจากหุบเขาพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง ซึ่งก็ช่วยเร่งการเคลื่อนไหวให้เธอเท่านั้น แต่ไม่รบกวนอะไรเธอเลยแม้แต่น้อยในขณะที่เธอเอื้อมมือออกไปหาดอกบัวสีน้ำเงินตรงขอบภูเขา โทรศัพท์ของเธอก็เริ่มสั่นอยู่ในกระเป๋าเป้ใบเล็กเมื่อเธอรับสายก็มีเสียงอันอ่อนโยนลอดผ่านโทรศัพท์ออกมา“เรามีข่าวจากสำนักงานใหญ่หลงเหมิน“พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เพื่อไปกอบกู้ชื่อเสียงของหลงเหมิน"เธอควรไปช่วยเขา จงจำไว้ว่าอย่าทำใจดีกับคู่ต่อสู้เด็ดขาด“คราวนี้ชาวอินเดียเป็นศัตรูของเรา ไม่ใช่พี่น้องของเธอ”เด็กสาวตกปากรับคำก่อนจะขมวดคิ้วเธอยืนอยู่บนกิ่งไม้ด้วยการเขย่งปลายเท้า และเหาะเหินไปยังอาคารทรงโบราณบนหน้าผาการเคลื่อนไหวแบบนี้เรียกว่า ‘เยื้องย่างดุจสายน้ำ’ ซึ่งคงจะไม่ฟังเกินจริงไปหรอกถ้าใครจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้เคลื่อนไหวแบบนั้
ในเวลาเดียวกันภายในหอฝึกยุทธฮาร์วีย์ถ่มน้ำชาใส่ฟิชเชอร์และคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเขาหนึ่งในนั้นคือรองหัวหน้าสาขาจากสาขาหลงเหมินของฟลัตเวลล์อีกคนหนึ่งคือผู้อาวุโสที่ตัดสินใจต่อสู้เคียงข้างเขา...เดเมียน สตีล...หรือผู้อาวุโสสตีลนั่นเอง“ผู้อาวุโลสตีล รองหัวหน้าสาขาเบเนตต์“นี่ไม่มีความหมายอะไรเลย คุณว่าไหม?“ผมสามารถจัดการกับชาวอินเดียได้ด้วยตัวเอง! ทำไมฉันต้องมีเด็กสามคนติดตามมาด้วย?”ชนชั้นสูงทั้งสองเข้ามาชมเชยฮาร์วีย์ในความกล้าหาญของเขา แต่เขาก็ไม่อดกลั้นอะไรเลยมีเอกสารสามชุดวางไว้ตรงหน้าเขาดวงตาของฮาร์วีย์กระตุกเมื่อเขาเห็นอายุของเด็กพวกนั้นพร้อมกับข้อมูลอื่น ๆมันคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะจัดการกับชาวอินเดีย สิ่งที่เขาต้องทำคือเหวี่ยงชาวอินเดียออกจากคณะกรรมาธิการ...แต่การนำเด็กพวกนั้นไปด้วยจะทำให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็นดังนั้นฮาร์วีย์จึงตัดสินใจปฏิเสธคำขอนั้นที่สำคัญกว่านั้นเขามีหลายสิ่งที่ต้องทำ เขาไม่มีเวลาดูแลเด็กสามคนนี้เลยจริง ๆมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้พูดถึง เมื่อพิจารณาจากเอกสารแล้ว เด็กเหล่านี้มีความสามารถชั้นยอดอย่างชัดเจนพวกเขาทุกคนเป็นลูกศิษย์อั
ฮาร์วีย์ไม่สามารถปฏิเสธฟิชเชอร์และเดเมียนในตอนนี้ได้เขาถอนหายใจ “ผมซาบซึ้งใจในความห่วงใยของคุณ แต่ผมไม่มีเวลาดูแลพวกเขาทั้งสามคนจริง ๆ”“เฮ้อ! เราไม่ได้ขอให้เธอดูแลพวกเขานะฮาร์วีย์”ฟิชเชอร์ยิ้มอย่างอบอุ่นให้เขา“แค่ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนครูผู้สอนที่คุณว่าจ้างมานั่นแหละ“คุณมีหอฝึกยุทธการันตีในความสามารถอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าคุณมีครูผู้สอนไม่เพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจของคุณ“เมื่อมีผู้มีความสามารถชั้นยอดทั้งสามคนนี้อยู่ใกล้ ๆ แล้ว! ธุรกิจของเธอจะเติบโตอย่างแน่นอน!”เดเมียนยิ้ม“เพราะฉะนั้นฉันเกรงว่าเธอยังคงต้องพาพวกเขาไปด้วย“เด็กพวกนี้เก่งกาจมาก พวกเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และทักษะที่น่าทึ่งจริง ๆ“แต่เขายังด้อยประสบการณ์มาก พวกเขาจะประสบปัญหาใหญ่หากถูกคนอินเดียใช้ลูกไม้อะไรเข้า“นั่นคือเหตุผลที่เราต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ถือซะว่าพวกเขาเป็นกำลังสำรองของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอก เพียงแต่ต้องแน่ใจว่าเธอมีพวกเขาให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น”เดเมียนถอนหายใจ“น่าเสียดายที่เราได้รับข่าวสายเกินไป ถ้าเราหยุดการต่อสู้เร็วกว่านี้ เราก็จะไม่ต้องมีเด็กพวกนี้มาคอยช่วยเหลือเร