“เพราะแบบนั้นผมถึงขอความช่วยเหลือจากคุณ…”ฮาร์วีย์ตัวแข็งเมื่อเขาได้ยินประวัติของตระกูลตอร์เรส รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา“อย่าลืมสิว่าฉันอาจเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน แต่ฉันไม่ใช่หมอ”“นั่นก็จริง แต่คุณรู้ถึงศิลปะแห่งการสังหาร“สัมผัสกลืนวิญญาณเป็นหนึ่งในทักษะพวกนั้น“ตอนนี้มีแค่คุณเท่านั้นที่จะช่วยพ่อของผมได้“หากไม่เช่นนั้น ผมจะไม่ขอความช่วยเหลืออะไรจากคุณเลย”แน่นอนว่าแอนเซลรู้ดีว่าฮาร์วีย์คงจะไม่ลงมือช่วยง่าย ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยเอ่ยปากถึงเรื่องนี้เลยแต่หลังจากที่เห็นพ่อของเขาต้องทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ แอนเซลถึงได้ตัดสินใจเสี่ยงมาขอความช่วยเหลือจากฮาร์วีย์โดยไม่ลังเล“ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่โตขนาดนี้หรอก แอนเซล” ฮาร์วีย์ตอบ“ฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าฉันจะรักษาพ่อของนายและทำให้เขากลับมาเป็นปกติได้หรอกนะ แต่ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถ"ไม่ต้องห่วง พวกเราเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น”แอนเซลรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง“ได้ยินแบบนั้นผมก็ตายตาหลับแล้ว คุณยอร์ก!”จากนั้นเขาก็โบกมือให้คนขับกลับบ้าน"จริงสิ ตอนที่ผมส่งคุณไปสอบ
ตำนานเล่าว่าคฤหาสน์แห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงที่ประเทศผงาดขึ้นมาเพื่อผู้นำคนแรกของฟลัตเวลล์เป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้วที่คฤหาสน์ที่นี่ถูกรื้อถอนและสร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง บริเวณนี้เหลืออสังหาริมทรัพย์เพียงสิบแห่งเท่านั้นเจ้าของคฤหาสน์เองก็ยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้าใครพวกเขาเคยเป็นเพราะบัญชาการสูงสุดของฟลัตเวลล์ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาเมืองเป็นอย่างมากผู้ที่ไม่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จะไม่มีสิทธิ์อาศัยอยู่ในบ้านเหล่านี้เลยฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจสถานที่นี้มากนัก แต่เขาก็ยังเข้าใจถึงความสำคัญของสถานที่เช่นกันรถจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หมายเลขหนึ่งในไม่กี่นาทีต่อมาจากนั้นฮาร์วีย์และแอนเซลก็ก้าวออกจากรถฮาร์วีย์มองไปรอบๆ อย่างสงสัยและเห็นอิฐสีน้ำเงินและกระเบื้องสีแดงอันงดงาม ซึ่งดูเหมาะกับสุนทรีย์ของผู้สูงอายุเป็นอย่างมากชายติดอาวุธในเครื่องแบบประจำการอยู่ทั่วสถานที่ นี่ก็เพียงพอที่จะอธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้มากมายแล้ว“ด้วยความกรุณาเถอะ คุณยอร์ก!”แอนเซลนำข้อมูลประจำตัวทุกประเภทของชายในเครื่องแบบออกมาก่อนที่จะนำฮาร์วีย์ไปที่ลานบ้านลานภายในไม่ได้ไกลนัก แต่ถนนก็ได้รับการออกแบบมาอย่างดีจริง ๆ มีทางอ้อมมากมายสาม
ไม่แปลกเลยที่โคลตันจะค้นหาชื่อของฮาร์วีย์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่พูดแบบนี้“นายจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ แต่ช่างหยิ่งยโสไม่น้อยเลย!”โคลตันก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาพยายามข่มฮาร์วีย์ด้วยรัศมีที่เขามี เขาไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของฮาร์วีย์“ทำตัวให้มีประสิทธิภาพแต่ต้องต่ำต้อยเข้าไว้ นี่คือหลักการของผม” ฮาร์วีย์ตอบ“ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังจะสื่อ…“แต่เราควรมองภาพรวมให้มากกว่าเสมอ!“ถ้ามีวิธีที่จะทำให้ทุกอย่างถูกต้องเหมาะสมได้ในคราวเดียว เราจะปล่อยให้ต้องเปลืองพลังงานไปทำไมตั้งแต่แรก?“ล่อเป้าหมายให้ออกมาก่อนที่จะกำจัดทิ้งทั้งยวง…“นั่นเป็นวิธีจัดการสิ่งต่าง ๆ ที่ดีที่สุดเลย คุณไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”"นั่นเป็นแค่ความคิดของนาย! เป็นหลักการของนายเพียงคนเดียว!” โคลตันตะคอกอย่างเย็นชา“แต่สำหรับฉัน นายก็แค่ไม่มั่นใจ! และท้ายที่สุดความไม่มั่นใจของนายนั่นแหละที่จะทำให้นายเจอปัญหาที่ใหญ่ขึ้น!”แอนเซลตามไม่ทันอย่างสิ้นเชิง แต่เขาก็สามารถกลับมาตามทันบทสนทนาของทั้งคู่ได้พ่อของเขาและฮาร์วีย์อาจจะกำลังพูดถึงออกัสต์เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก ทำไมพ่อของเขาถึงสนใจเรื่
แอนเซลตกใจมาก แต่โคลตันยังคงนิ่งเฉย ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขารู้สึกอย่างไรจากนั้นเขาก็เดินไปก่อนที่จะแตะไหล่ฮาร์วีย์ฮาร์วีย์ยืนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร“ผมบอกพ่อแล้วไงว่าฮาร์วีย์น่าประทับใจมาก ทีนี้พ่อเชื่อผมหรือยัง?”แอนเซลยิ้มจาง ๆ“ให้คุณยอร์กดูการบาดเจ็บของพ่อในตอนนี้หน่อยได้ไหม?”ก่อนที่โคลตันจะพูดขึ้น เสียงหนึ่งก็ดังก้องมาจากข้างนอก“ลุงตอร์เรส! คุณอยู่ที่ไหน?"“ไปที่โถงกันเถอะ”โคลตันปรบมือ“เซียนน่ามาแล้ว“ไม่กี่วันก่อนเธอบอกพ่อว่าเธอไปเจอหมอคนหนึ่งเข้า“เธอตั้งใจจะให้พ่อได้รับการรักษา”“คุณยอร์ก เซียนน่ามาจากตระกูลไรท์” แอนเซลกระซิบข้างหูฮาร์วีย์“พ่อของเธอเป็นเพื่อนที่ดีของพ่อผม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลของเราทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแบบนี้“ผมไม่รู้ว่าเธอจะพาหมอมา ผมเสียใจกับเรื่องนี้จริง ๆ”“ตระกูลไรท์งั้นเหรอ?”ฮาร์วีย์ยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของแอนเซล“ตระกูลผู้นำของบรรดาตระกูลสิบอันดับแรกในประเทศ H?“เซียนน่าเป็นเจ้าหญิงในตำนานของตระกูลงั้นเหรอ?“คนที่นายน้อยและเจ้าชายทุกคนอยากเกี่ยวพันด้วย?”แอนเซลพยักหน้าเบา ๆโคลตันมองฮาร์วีย์อย่างส
ชื่อของรูดอล์ฟไม่ใช่แค่คำโฆษณาเท่านั้นว่ากันว่าเขาได้ศึกษาทักษะทางการแพทย์โบราณจากทั้งอินเดียและประเทศหมู่เกาะ ตลอดจนการแพทย์แผนตะวันตกและตะวันออก ทักษะของเขาถือว่าไม่มีใครเทียบได้เขายังสามารถกรองข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ส่วนใหญ่ออกไป และเก็บเฉพาะแก่นแท้ของทักษะทางการแพทย์เหล่านั้นไว้ได้ ซึ่งนั่นผลักดันให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้นว่ากันว่าแม้แต่ราชวงศ์ของยุโรปเหนือก็ยังจ้างเขามารักษาตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งนั้นช่วยให้อายุไขของพวกเขายืนยาวขึ้นแต่ทว่าค่ารักษาของรูดอล์ฟนั้นสูงมาก เขาจะเรียกเก็บเงินอย่างน้อยครั้งละล้านดอลลาร์หากเขาต้องผ่าตัดใครก็ตาม มันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมากอย่างไรก็ตาม ธุรกิจของเขายังคงได้รับความนิยมแอนเซลเคยได้ยินเกี่ยวกับมือพิฆาตความตายในตำนานมาก่อนแล้ว แม้ว่าตระกูลตอร์เรสจะค่อนข้างเป็นที่รู้จักทั่วฟลัตเวลล์ แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะพาคนอย่างรูดอล์ฟมาที่นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเซียนน่า รูดอล์ฟคงไม่มีทางมาปรากฏตัวที่นี่ได้"คุณรูดอล์ฟได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของลุงตอร์เรส เขาบอกว่าลุงตอร์เรสเป็นวีรบุรุษ และเป็นเกียรติของเขาที่จะได้ทำการรักษาคุณลุง” เซียนน่าพูดห
เมื่อเห็นท่าทางเหยียดหยามที่รูดอล์ฟมี…ฮาร์วีย์ก็พูดอย่างใจเย็น “ผมไม่ใช่หมอ“และคุณคือมือพิฆาตความตายในตำนาน“ถ้าคุณน่าประทับใจขนาดนั้น ทำไมคุณไม่รักษาอาการป่วยของตัวเองก่อนล่ะ“ทุกครั้งที่คุณคิดจะทำแบบนั้น คุณกลับไม่มีเรี่ยวแรงพอจะผ่านมันไปได้ รู้สึกแย่กับมันใช่หรือเปล่า”ท่าทางภาคภูมิใจของรูดอล์ฟหยุดชะงักไปในทันทีเขามองฮาร์วีย์ด้วยความไม่เชื่อเขาไม่คิดว่าฮาร์วีย์รู้เกี่ยวกับความลับที่ไม่อาจพูดออกไปของเขาได้!ชื่อเสียงของเขาจะมัวหมอง หาคำพูดพวกนี้ถูกเผยแพร่ออกไป!รูดอล์ฟเปลี่ยนสีหน้าของเขาอย่างฉับพลัน “นี่นายสืบเรื่องของฉันเหรอ!”โคลตันและแอนเซลมองดูรูดอล์ฟด้วยสายตาแปลก ๆ เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของเขาอันที่จริงแล้ว พวกเขารู้ดีว่าฮาร์วีย์กำลังพูดถึงอะไรเซียนน่าตกตะลึงเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็รู้ว่าบทสนทนานี้เกี่ยวข้องกับอะไร เธออดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงสด“ทำไมผมต้องสืบเรื่องของคุณด้วย? คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญที่ผมต้องให้ความสนใจหรือไง?”ฮาร์วีย์ถึงกับพูดไม่ออก“และอีกอย่าง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันด้วย ผมจะเอาเวลาที่ไ
รูดอล์ฟกอดอกขณะที่ผู้ช่วยของเขาดึงเครื่องมือสำคัญทุกประเภทออกมา“นายคงไม่เคยเห็นอะไรพวกนี้มาก่อนใช่ไหม“ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ นี่เป็นอุปกรณ์พิเศษที่พบได้ในสวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น! ถ้าอยากจะได้ของพวกนี้นายคงต้องทำงานหาเงินทั้งชีวิต!“แพทย์ในประเทศของฉันใช้ทักษะทางการแพทย์ที่แท้จริงในการช่วยชีวิตผู้ป่วย!“คราวนี้ฉันจะแสดงให้นายเห็นว่าฉันเก่งแค่ไหน!”ฮาร์วีย์เหลือบมองอุปกรณ์อย่างสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง“ผู้อาวุโสตอร์เรสไม่ได้ป่วยเสียหน่อย แต่คุณอาจจะวินิจฉัยผิดว่าเขาเป็นโรคหัวใจล้มเหลวก็ได้“ถึงผมไม่ใช่หมอ แต่ผมยืนยันเรื่องนี้ได้“อย่าบอกผมนะว่าคุณจะใช้อุปกรณ์ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อจะพิสูจน์ในสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้”เซียนน่าสับสน“แล้วคุณบอกได้ไหมว่ามีอะไรผิดปกติกับลุงตอร์เรส“คงไม่ได้แค่พูดเรื่องไร้สาระหรอกใช่ไหม?”ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ โดยไม่ตอบอะไรรูดอล์ฟเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เขารู้สึกอับอายอย่างมากหลังจากได้รับความอัปยศอดสู่ก่อนหน้านี้ เขาเตรียมตัวจะลงมือ และเริ่มเตรียมอุปกรณ์เพื่อตรวจสอบร่างกายของโคลตันรูดอล์ฟขมวดคิ้วหลังจากทำการตรวจสอบ เขาลังเลก่อนจะพูดว่า “ผู้อาวุโสตอร์เรส จากกา
โคลตันหัวเราะเบา ๆ“ชีวิตและความตาย ทั้งยากจนและมั่งคั่ง ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว“ในเมื่อไม่มีโอกาสมากกว่าที่ลุงจะรอด ก็ช่างมันเถอะ“กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่คุณรูดอล์ฟคงลำบากไม่น้อย เขียนเช็คหนึ่งล้านห้าแสนดอลลาร์ให้เขาที”เป็นธรรมดาที่โคลตันจะไม่อยากใช้วาระสุดท้ายของตัวเองบนเตียงคนไข้รูดอล์ฟส่งยิ้มอันขมขื่นให้เขา“ขอบคุณสำหรับเรื่องนั้น ผู้อาวุโสตอร์เรส…“แต่เกรงว่าผมจะรับเงินไว้ไม่ได้”เซียนน่ายังไม่คิดที่จะยอมแพ้“คุณเป็นผู้อำนวยการที่อายุน้อยที่สุดของสหพันธ์การแพทย์นานาชาติไม่ใช่เหรอ คุณรูดอล์ฟ! คุณเป็นคนเก่ง! คุณคือมือพิฆาตความตายในตำนาน! คนไม่มีทางเลือกอื่นที่พอจะช่วยลุงตอร์เรสได้จริง ๆ เหรอ?”“ไม่มีแล้ว!”รูดอล์ฟสูดหายใจเข้าลึก ๆ“มีเพียงโอกาสนี้เท่านั้น หรือไม่ก็ปล่อยให้เขาตายหลังจากผ่านไปสามเดือน“ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น แม้แต่ประธานสหพันธ์ก็ช่วยไม่ได้!”เซียนน่าเงียบไปหลังจากได้ยินคำพูดของรูดอล์ฟฮาร์วีย์ยิ้มอย่างสงบและแตะไหล่ของรูดอล์ฟ“คุณมีทักษะที่น่าประทับใจทีเดียว รูดอล์ฟ แต่คุณยังขาดความรู้“ประเทศ H มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก การที่คุณมาเรียนที่นี่เพียงส
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข