“คุณพูดจริงเหรอ คุณชาย!” “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราจะทำทุกอย่างให้เต็มที่และทำให้คุณชายได้เซอร์ไพรส์ก่อนพิธีผลัดเปลี่ยนตำแหน่งผู้บัญชาการลำดับหนึ่งแห่งกองทัพเซาท์ไลท์แน่นอน!” คุณย่าเยตส์และคนอื่น ๆ ที่เหลือต่างก็จับมือกันด้วยความดีใจ การจัดการกับฮาร์วีย์ ยอร์กในครั้งนี้มันจะเท่ากับว่าจะสามารถแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพของพวกเขาได้ ไม่มีการต่อรองราคาใด ๆ ในโลกนี้แล้วที่จะดีไปกว่าครั้งนี้สำหรับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตระกูลเยตส์ พวกเขาไม่เคยลืมเรื่องซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์เลย แต่ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ค่อยที่จะเต็มใจที่จะดำเนินการใด ๆ มากนัก เนื่องจากว่ามันจะเปรียบเสมือนว่าพวกเขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเบลลามี่ เบลคซึ่งเป็นว่าที่ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเซาท์ไลท์ไปด้วย แต่ตอนนี้พวกเขามีควินตัน ยอร์กที่สนับสนุนพวกเขาอยู่ พวกเขากลับมาไร้ยางอายและความหวาดกลัวไปโดยปริยาย เมื่อมองดูเหล่าผู้อาวุโสทั้งสามที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สีหน้าของควินตันก็เย็นชาราวกับเทือกเขาน้ำแข็ง เขาได้รับข่าวเรื่องความล้มเหลวของคัลลัม ร็อบบินส์แล้ว นอกจากนี้เขายังรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอ
คุณย่าเยตส์ส่ายหัว "ไม่ได้ ฉันได้ยินมาว่าเจ้าพ่อแห่งพวกนักเลงท้องถนนในเซาท์ไลท์คนใหม่คือไทสัน วูดส์ซึ่งเป็นลูกน้องของเจ้าชายยอร์ก” “การใช้ประโยชน์จากพวกนักเลงอันธพาลท้องถนนเพื่อช่วยพวกเราในเรื่องนี้นั้น มันก็เท่ากับว่าเป็นการฆ่าตัวตายตั้งแต่เริ่มแล้ว” ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหัวมุม เจ้าชายจากตระกูลคลาวด์ เอริค คลาวด์ก็ได้เดินออกมาและขัดจังหวะของพวกเขาด้วยเสียงที่สุขุมนุ่มลึกว่า "ท่านผู้อาวุโสทั้งสาม ผมมีเรื่องที่จะพูดหน่อยครับ" ผู้เฒ่าทั้งสามมองมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียงกัน หลังจากนั้นไม่นาน คาร์สันก็ตอบกลับว่า “เจ้าชายคุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?” เอริคเอามือไขว้หลังขณะที่เขาพูดด้วยท่าทางที่จริงจังว่า “เนื่องจากว่าพวกเราไม่สามารถใช้เหล่านักเลงอันธพาลท้องถนนได้ เราจึงจำเป็นต้องใช้วิธีอื่น แล้วถ้าเป็นการเชิญเหล่าผู้คนจากนอกเมืองเซาท์ไลท์เข้ามาล่ะครับ?” “ผมได้ยินมาว่ามีคนรับจ้างจำนวนมากที่ชายแดนโอไฮโอซึ่งพวกเขานั้นรู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี ตราบใดที่เราให้เงินแก่พวกเขา พวกเขาก็เต็มใจและพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เราทั้งสามตระกูลควรร่วมมือกันและจ้างพวกคนเหล่า
“หึหึ” ฮาร์วีย์หัวเราะ “พวกนายมาจากไทยใช่ไหม?” “แล้วทำไมฉันจะต้องไปกับพวกนายด้วยล่ะ?” ชายคนนั้นคำรามออกมาอย่างเย็นชา “แกกำลังทำให้คนที่แกไม่ควรจะทำให้ขุ่นเคืองรู้สึกขุ่นเคืองอยู่” ฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว “ฉันไปทำให้ใครขุ่นเคืองเหรอ?” “รีบมากับพวกเราเร็วเข้า! อย่าบังคับให้พวกเราต้องใช้ความรุนแรง แล้วก็อย่ามาโทษพวกเราถ้าผู้หญิงสองคนที่อยู่ด้านหลังถูกลูกหลงก็แล้วกันนะ!” ผู้ชายคนนั้นดูเริ่มที่จะหมดความอดทนเสียแล้ว แม้ว่าบริเวณนี้จะอยู่บริเวณแถบชานเมือง แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะผู้คนสัญจรผ่านไปมาได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นเหล่าผู้ที่ผ่านมาพบเห็นพวกเขาอาจจะโทรแจ้งตำรวจได้ ถ้ามีตำรวจเข้าเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย แผนการณ์ทั้งหมดของพวกเขามันก็จะลำบากมากยิ่งขึ้น “ฉันจะไปกับพวกนายก็ได้ แต่อย่างน้อยพวกนายก็ช่วยบอกหน่อยไม่ได้เหรอ ว่าฉันไปทำให้ใครขุ่นเคือง?” ฮาร์วีย์ถามอย่างต้องการความชอบธรรม “ก็ได้ ๆ ฉันจะบอกแกให้เอาบุญก็แล้วกัน คนที่แกไปทำให้ขุ่นเคืองก็คือเจ้าชายเอริค คลาวด์จากตระกูลคลาวด์ เขาเป็นคนที่ว่าจ้างพวกเราให้มาพาตัวแกไป!” จากนั้นชายคนนั้นก็กระชากประตูรถให้เปิดออกทันที ก่อนที่จะคว้าตัวฮาร์ว
ชายคนนั้นจุดบุหรี่สูบ เขายิ้มหลังจากที่เป่าควันของบุหรี่ออกมาเป็นรูปวงแหวน “ฮาร์วีย์ ยอร์ก ตัวแทนของเจ้าชายยอร์กลูกเขยของตระกูลซิมเมอร์ ฉันเข้าใจถูกใช่ไหม?" "นายคือใคร?" ฮาร์วีย์ถามอย่างไม่แยแสนัก "ฉันขอแนะนำตัวหน่อยนะ ฉันชื่อเอริค คลาวด์” เอริคพูดด้วบท่าทางสุภาพ “ฉันไปทำอะไรให้นายขุ่นเคืองหรือ?” ฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเขาเคยไปมีเรื่องอะไรกับตระกูลคลาวด์มาก่อน “นายไม่ได้ทำให้ตระกูลคลาวด์ขุ่นเคืองหรอก แต่นายไม่ควรทำให้คุณชายรองต้องขุ่นเคือง” เอริคตอบด้วยรอยยิ้ม “คุณชายรอง?” ฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว “นายกำลังพูดถึงเจ้าขยะควินตัน ยอร์กอยู่หรือเปล่า?” "ฮะ?" เอริคอึ้งไปครู่หนึ่ง “นายเพิ่งเรียกคุณชายรองว่าขยะเหรอ?” สถานะของควินตันในเซาท์ไลท์คืออะไรกันแน่? แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้และได้ถอยกลับไปฮ่องกง แต่อันที่จริงก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นหรอกที่จะกล้าพูดถึงเขาเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ฮาร์วีย์ซึ่งอยู่ต่อหน้าของเอริคตอนนี้กลับเรียกเขาว่าเจ้าขยะควินตันแบบหน้าตาเฉย เอริคไม่ใช่คนโง่ ตรงกันข้าม เขานั้นฉลาดหลักแหลมมาก ความรู้สึกที่ไร้สาระกำลังปรากฏก่อตัวขึ้นในใจของเขาอยู่ในขณะนี
“พวกอันธพาลจากไทยมันโหดร้ายมาก ๆ ในเมื่อฮาร์วีย์ทำให้พวกมันโกรธจนถึงขั้นมาจับตัวไป เจ้าขยะนั่นก็สมควรตายน่ะถูกแล้ว” “ส่วนเธอก็เตรียมตัวหาสามีมาแต่งงานใหม่ซะ!” ฟินน์ยิ้ม เขาแทบจะอดรนทนรอไม่ไหวเสียแล้วสิ ตามข้อตกลงแล้ว เจ้าขยะฮาร์วีย์กำลังจะตายในไม่ช้าใช่ไหมนะ? เจ้าขยะนั่นกล้าดีมากที่ให้ฟินน์คุกเข่าต่อหน้ามัน! มันสมควรตายด้วยน้ำมือของพวกอันธพาลนั่น! เมื่อเห็นการเยาะเย้ยถากถางของทุกคนแล้ว แมนดี้ก็เริ่มสิ้นหวัง จากนั้นเธอก็คุกเข่าลงต่อหน้าคุณย่าเยตส์และร้องไห้อย่างน่าสงสาร “คุณย่าคะ! ไม่ว่าจะยังไง ฮาร์วีย์ก็ยังคงเป็นหลานเขยของคุณย่านะคะ!” “คุณย่าลืมไปแล้วเหรอคะ? ก่อนหน้านี้ในวันเกิดของคุณย่า เขาก็ได้พยายามอย่างดีที่สุดที่จะหาของขวัญสุดล้ำค่ามามอบเป็นของขวัญให้กับคุณย่า!” “แม้ว่าจะเป็นเพียงเพราะแค่เหตุผลนั้น แต่ได้โปรดช่วยพูดให้คุณลุงยอมช่วยเขาด้วยเถอะนะคะ!” คุณย่าเยตส์เย้ยหยัน “ทวงบุญคุณคนอื่นด้วยเม็ดยาธรรมดา ๆ นั่นนะเหรอ? ฝันไปเถอะย่ะ!” “แมนดี้! หากเธอยังคงยอมรับพวกเราชาวตระกูลเยตส์เป็นครอบครัวเดียวกันกับเธออยู่ ก็จงลืม ๆ เรื่องนี้ไปซะเถอะ” “รอจนกว่าข่าวการเสียชีวิตข
พวกตระกูลเยตส์รอคอยวันนี้มานานมากแล้ว! พวกเขาเป็นตระกูลของข้าราชการ พวกเขาไม่มีความรู้และไม่สามารถก้าวหน้าได้มากนักในวงการอุตสาหกรรมธุรกิจ เนื่องจากขาดเงินทุนและความสามารถในการก่อตั้งธุรกิจ พวกเขาจึงไม่สามารถขึ้นเป็นตระกูลระดับแนวหน้าได้สักทีแม้ว่าจะใช้เวลามาเนิ่นนานหลายปีแล้วก็ตาม ตอนนี้พวกเขามีหุ้นส่วนของซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์อยู่ในกำมือแล้ว มันเท่ากับว่าพวกเขาเข้าใกล้การเติบโตไปเป็นตระกูลระดับแนวหน้าอีกก้าวหนึ่งแล้ว สำหรับชาวตระกูลเยตส์บางคน ตอนนี้มันเท่ากับว่าครอบครัวของพวกเขาได้เลื่อนไปอยู่ในระดับที่สูงขึ้นแล้ว เมื่อคีธเห็นว่าแมนดี้ลงนามในข้อตกลงแล้ว เขาก็กดโทรศัพท์โทรออกทันที “ใช่คุณยานนิค บิสสันหัวหน้าสารวัตรของกรมตำรวจบัควู้ดหรือเปล่าครับ? ผมชื่อคีธ เยตส์” “หลานเขยของผม ฮาร์วีย์ ยอร์ก เขาได้ถูกกลุ่มอันธพาลจากไทยลักพาตัวไป ผมอยากจะขอฝากเรื่องนี้ไว้กับคุณ และผมคาดหวังผลลัพธ์ความคืบหน้าภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง!” "ครับท่าน!" อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ยานนิคตอบกลับด้วยความเคารพและรีบไปจัดการสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายอย่างรวดเร็วทันที หลังจากวางสาย คีธก็พูดอย่างไ
ปัง!ร่างหนึ่งลอยมาจนปะทะเข้ากับกำแพงตรงหน้าของเอริคเดิมทีใบหน้าของเอริคที่มีรอยยิ้ม แต่ทันใดนั้นใบหน้าของเขากลับหมองลงและหันกลับมาอย่างอัตโนมัติเมื่อเขาเห็นภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขา ทั่วทั้งร่างกายของเขาเริ่มสั่นด้วยความหวาดกลัวเกิดอะไรขึ้น?ทหารรับจ้างทั้งหมดล้มพับลงไปง่าย ๆ เลยเหรอ?“นาย...นายเป็นใคร?!” เอริคตะโกน“ฉันเป็นใครเหรอ? ฉันคือใครบางคนที่นายยั่วยุไม่ได้ยังไงล่ะ”“ช่วยส่งของขวัญพวกนี้ให้คนที่อยู่หลังนายหน่อย บอกพวกเขาว่านี่คือผลที่ตามมาจากการทำให้ฉันโกรธ”ฮาร์วีย์เดินเข้าหาเอริคเอริคก้าวถอยหลังด้วยความกลัว ร่างกายของเขาแข็งทื่อและพูดขึ้นด้วยเสียงที่ตะกุกตะกัก “อย่าเข้ามานะ!”แคร๊ก!ฮาร์วีย์ไม่สนใจที่จะพูดคุยเรื่องไร้สาระกับเอริค เขาก้าวตรงไปและเตะเข้าไปที่ขาข้างขวาของเอริค“อ๊าก!”ขาข้างขวาของเอริคหักจนนอนลงไปกลิ้งกับพื้น แต่ฮาร์วีย์กลับเมินเฉยและกระทืบเอริคอีกหลายครั้งจนแขนกับขาของเขาทั้งหมดหักทำไมเอริคผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยจะต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างนี้ด้วย?ไม่นานหลังจากนั้น เนื่องด้วยความเจ็บปวดทำให้เขาได้สลบไปฮาร์วีย์โทรศัพท์หาไทสัน ว
“ฮาร์วีย์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? พวกเขาไม่ได้ทำอะไรคุณใช่ไหม?” แมนดี้ไม่ได้สนใจอย่างอื่นและเข้าไปกอดฮาร์วีย์และค่อย ๆ ตรวจดูเขาเธอกังวลมากจนเธอเกือบเป็นลม ถ้าเธอไม่แข็งแรงพอ ป่านนี้เธอคงจะได้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว“ผมไม่เป็นอะไรที่รัก อย่าร้องไห้เลย กลับกันเถอะ” ฮาร์วีย์ปาดน้ำตาที่หางตาของเธออย่างอ่อนโยนเขาจะตามสืบเรื่องนี้จนจบอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะพูดอย่างนี้ต่อหน้าแมนดี้“คุณควรไปส่งฮาลซีย์ที่สนามบินก่อน เธอเกือบตกเครื่องเพราะคุณแล้ว”“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณลุงและคนอื่น ๆ หน่อย”แมนดี้พูดพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกฮาร์วีย์ค่อนข้างสับสนแต่เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เขาพาฮาลซีย์ออกไปและพาเธอไปส่งที่สนามบินนานาชาติบัควู้ดขณะเดียวกัน คีธขอให้ทนายมาเพื่อเป็นพยานในการทำข้อตกลง“ตามข้อตกลง จากเวลานี้เป็นต้นไป ทุนทั้งหมดที่อยู่ในมือของมิสแมนดี้ ซิมเมอร์จะถูกโอนย้ายไปให้กับตระกูลเยตส์”ในขณะที่คีธพูด ทนายหยิบเอกสารออกมาให้ทั้งสองฝ่ายเซ็น“ค่ะ เข้าใจแล้ว”แมนดี้อดกลั้นความเจ็บปวดที่อยู่เต็มอกของเธอและเซ็นชื่อของเธอลงไปนี่เป็นบริษัทที่เธอทำงานมาเป็นเวลานาน แต่ในวันนี้เธอถู
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข