CHAPTER 6
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว
แม้ยังไม่เข้าใจแต่เรนก็เลือกที่จะเดินตามร่างสูงไป ทิ้งไว้เพียงคำถามให้บรรดาสายตาสงสัยใคร่รู้ต้องทำการบ้านกันเอาเอง และเมื่อทิ้งห่างจากระยะการรับรู้ของเพื่อนปีหนึ่ง เธอก็รีบเดินตีคู่เงยหน้าขึ้นมองคนข้างกาย
“เพลิงมีอะไร?”
“ไอ้เติร์กจะคุย”
“เพลิงเป็นอะไร?” คนตัวเล็กเปลี่ยนคำถามเมื่อสังเกตเห็นว่าเครื่องหน้าหล่อเหลายังคงมีสีหน้าเรียบตึง
“ไม่ได้เป็น” เพลิงตอบปัด แต่หญิงสาวก็ขมวดคิ้วจ้องไม่เลิก
“โกหกเห็น ๆ เราอยู่กับเพลิงมาตั้งกี่ปีทำไมจะไม่รู้”
เพลิงเบื่อกับการรู้ทันไปหมดทุกเรื่องของอีกฝ่าย ไม่ว่าเขาจะโกรธ โมโห เศร้า ดาวน์ กระทั่งว่าดิ่ง ตากลมใสแจ๋วคู่นี้ก็คล้ายกับว่าสามารถสแกนมองทะลุได้ถึงข้างใน
“ทำไมไม่รับสาย?”
“…” คำถามตรงไปตรงมาทำให้คนฟังเข้าใจในที่สุดว่าเพราะเหตุใดเพลิงถึงได้หงุดหงิดใจนัก ตอนแรกเรนไม่คิดว่าจะมีคนไม่พอใจ ทว่าได้เห็นแบบนี้ ยิ้มหวานชนิดหนึ่งก็ผุดพรายบนใบหน้าขาวเนียนโดยอัตโนมัติ “เพลิงโกรธเหรอ?”
“ไม่โกรธ แค่ถามว่าทำไมไม่รับสาย” คนแบบไอ้เพลิงเนี่ยนะจะโกรธกับอีเรื่องขี้ปะติ๋วแค่นี้
“เราปิดเสียงเลยไม่ได้ยิน” เรนให้การอธิบาย “สรุปว่าโกรธอะไร?” เธอไม่ได้รับข้อมูลรายละเอียดในแชต มีแค่สติกเกอร์หมีหัวร้อนโง่ ๆ กับแจ้งเตือนมิสคอลเท่านั้นที่บ่งบอกถึงสถานการณ์
เพลิงไม่อยากแจกแจง แต่นึกถึงหน้าขาวแป้นที่ยิ้มกว้างกับคนอื่นเมื่อครู่นี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะประชด “ใครที่ไหนบอกว่าอยากให้เรานั่งกินข้าวเป็นเพื่อน?”
“เราไม่ได้นัดกันสักหน่อย” เรนเถียง เพิ่งรู้ก็ตอนนี้ว่าอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ได้เห็นเป็นเพราะอะไร
“เมื่อวานเธอพูด”
“เราบอกว่าอยากให้เพลิงนั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ‘บ้าง’ ต่างหาก” ก็หากว่ามีการนัดกันจริง เธอจะเทอีกฝ่ายได้อย่างไร
“ช่างมัน” เพลิงขี้เกียจคุยในหัวข้อเดิม เขาไม่ได้โกรธเรื่องนั้นเพราะเป็นฝ่ายเสนอหน้านั่งรอเอง แค่หงุดหงิดอะไรสักอย่างที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร
“งั้นคืนนี้เรากินมาม่าหม้อไฟไหม? เราจะทำให้เพลิงกิน”
ทว่าข้อเสนอสุดพิเศษก็ดังมาจากคนตัวเล็กที่เอียงคอรอง้อโดยไม่จำเป็นต้องถามหาเหตุผล จะเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น เรนถนัดเรื่องง้องอนมาแต่ไหนแต่ไร เอาใจนิดหน่อยเพลิงก็กลับมาอารมณ์ดีได้ไม่ยากเย็น
“ไม่อยากกินเหรอ?” ก็หากไม่อยากกินคงแปลกน่าดู เพราะไม่ว่าเรนจะเสนอตัวทำอะไรให้กิน เพลิงก็มักจะตอบรับเสมอ แน่นอนว่าเป็นอย่างที่หญิงสาวคิด สุดท้ายร่างสูงที่เดินจ้ำอ้าวอยู่ข้างกายก็บอกปัดเสียงเรียบ
“ไม่มีหม้อ”
“ไปซื้อไหม?”
“ไว้วันหลัง วันนี้ไม่ว่าง”
“ทำไม? ไปเที่ยวเหรอ?”
เรนรู้ดีว่าเพลิงเป็นหนุ่มปาร์ตี้ของแท้ อาจเพราะช่วงวัยที่กำลังคะนอง ประกอบกับเพื่อนหมู่มากเป็นผู้ชาย แม้จะห่างกันไปนานกว่าปี แต่ในโซเชียลชายหนุ่มก็มีอัปเดตให้คนทางไกลอย่างเธอได้เห็นอยู่เสมอ
“ไปกับเพื่อน…” คนช่างซักหยั่งเสียงถาม ยิ้มหวานยังประดับบนใบหน้าเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร “หรือไปกับสาว?” ก็ใช่อีก… นอกจากเรนจะรู้ว่าเพลิงเพื่อนเยอะ เธอรู้มาตลอดว่าเพลิงเป็นพวกเจ้าชู้เงียบ ปากบอกไม่มี แต่ของไม่เคยขาดอะไรทำนองนั้นเลยทีเดียว
“ไปกับเพื่อน” เพลิงตอบด้วยความสัตย์จริง ทว่าตอนนี้เองที่มีคนทำตาละห้อย ปั้นหน้าน่าสงสารขึ้นมา
“แบบนี้เราก็อยู่คนเดียวสิ”
“เห็นมีเพื่อนเยอะแยะ ไม่น่าจะเหงา”
“คนอื่นเพิ่งเป็นเพื่อนได้วันเดียวเอง จะสู้อยู่กับเพลิงได้ไง?”
“…” ร่างสูงหันมองคนช่างประจบอย่างไม่ศรัทธาในคำที่ได้ยิน เพลิงเห็นอยู่กับตาว่าเมื่อครู่มีคนแจกยิ้มเรี่ยราด หุบปากไม่ลงแม้แต่วินาที
ทว่าบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ก็ชะงักหยุดลงเมื่อเดินถึงที่หมายในที่สุด
และการปรากฏตัวของร่างเพรียวบางในชุดนิสิตไร้ชอปคณะสวมทับก็ดึงความสนใจของผู้ร่วมโต๊ะให้หันมองเป็นตาเดียว
“นั่งนี่” เพลิงดันเอวบางให้เข้านั่งร่วมโต๊ะ แสร้งมองไม่เห็นสายตาตั้งคำถามของทุกคน หากจะมีใครมารยาทงามก็คงเป็นคะนิ้งที่อัธยาศัยดีเป็นปกติ
“มาเรียนวันแรกเป็นไงบ้างเรน?”
“ก็ดีนะ แต่เรายังจำชื่อเพื่อนได้ไม่หมดเลย แถมยังหลงตึกด้วย” เฟรชชีปีหนึ่งตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ให้เพลิงพาเดินทัวร์สักรอบสิ” นิ้งหันพยักพเยิดกับคนที่ว่า “มึงไม่พาเรนไปเดินดูตึกสักรอบ?”
“มันกลัวสาวเห็นอะดิ” เติร์กตบเข่าฉาด อีกทั้งไม่รอช้าที่จะนำเสนอตัวเอง “ให้เราพาเดินทัวร์ได้นะ รับรองว่าจำได้ทุกตึกแน่นอน”
“ไม่ต้องเสือก” เพลิงว่า แต่เติร์กก็ยังไม่วายทำทีป้องปากกระซิบ
“ไม่ต้องไปกับไอ้เพลิงหรอก ไอ้ห่านี่แม่งมีกิ๊กอยู่ทุกคณะ”
“กูจัดการเพื่อนกูเอง” เพลิงตัดรำคาญด้วยการรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ โดยไม่ทันสังเกตเห็นสายตาของเพื่อนตัวเล็กที่ชำเลืองมอง
แม้ปากจะยิ้ม แต่สายตาบางชนิดของเรนก็ปิดแทบไม่มิด
“ไม่เป็นไรหรอก เพลิงไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้”
“ให้เราพาทัวร์ดีกว่า” ขณะเดียวกันเติร์กก็ยังตบเข้าที่อกตัวเอง
แม้สิ่งที่เอ่ยนั้นเหมือนเติร์กจะพูดเล่น แต่คนฟังรู้ดีแก่ใจว่าเป็นความจริง ไม่ใช่เพราะการขายเพื่อนซึ่งหน้าที่ได้ยิน แต่เรนรู้มานานแล้วต่างหากว่าเพื่อนสนิทมีนิสัยเป็นอย่างไร
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะพาเดิน” เพลิงเริ่มตักข้าวกินอีกครั้ง ท่าทางหงุดหงิดเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง
ขณะที่เรนก็ตั้งคำถามเข้าประเด็นในที่สุด
“เพลิงบอกว่าเติร์กมีเรื่องจะคุยกับเราเหรอ?”
“กู?” เจ้าของชื่อชี้นิ้วเข้ากลางอก ตีหน้าเหลอหลาหันมองเพลิง “กูเหรอ?”
“มึงไง” เพลิงตีหน้ามึน ยิ่งทุกสายตาย้ายมามองที่เขาอีกครั้งก็ยิ่งต้องหน้าด้านเข้าไว้ “มึงเรียกเพื่อนกู”
“กูเรียกมาทำไม?” เติร์กงง!
“…” เพลิงเงียบเสียงอยู่อึดใจ เมื่อนึกได้ถึงบทสนทนาเมื่อครู่ก่อนจึงยกขึ้นเป็นข้ออ้าง “ถามเจ้าตัวเอาเองว่าจะยอมช่วยไหม คอนเทนต์ไรนั่น”
“อ๋อ…” เติร์กพลันเปลี่ยนท่าทีโดยอัตโนมัติ ท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยหวังผลเริ่มเข้าแทนที่ในสีหน้าทันที “เรนจ๋า”
“วะ… ว่าไง?” เรนปั้นหน้าไม่ถูกพอกัน แต่ก็ยังยิ้มขันได้เพราะพอเดานิสัยเติร์กได้ในระดับหนึ่ง “มีอะไรให้เราช่วยเหรอ?”
“คืออย่างนี้…” คนต้องการความช่วยเหลือก็รีบเข้าเรื่องเช่นกัน “ตอนนี้เรากำลังหาคนเข้าร่วมถ่ายคอนเทนต์ใหม่ของช่องเรา”
“มันเป็นยูทูบเบอร์” คะนิ้งอดสงสารไม่ได้จึงช่วยสมทบเสียงเอ่ย “มันอยากชวนเรนไปถ่ายกับมัน”
“เรนคนเดียวที่ไหน พวกมึงด้วยต่างหาก” เจ้าของช่องค้านเสียงสูง ทว่าการตอบสนองของทุกคนก็ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
“จ้างสักแสน กูถึงจะไป” เทมป์ว่า
“แพงไปไหมไอ้สัด? สามร้อยกูยังพอให้ได้”
“งั้นเลิกคุย”
“เรื่องของมึง กูมีเพื่อนเพลิงอยู่ทั้งคน”
“กูไม่ไป”
“พวกมึงนี่แม่งไม่ได้เรื่อง!”
ระหว่างที่ทุกคนสนทนา คงมีแค่คนนอกที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เรนจับใจความสำคัญได้เพียงเติร์กต้องการคนถ่ายทำคอนเทนต์เพื่อลงช่องยูทูบ เธอที่ต้องการผูกมิตรกับทุกคนอยู่ก่อนแล้วจึงพลั้งปากเอ่ยโดยไม่ทันยั้งคิด
“เราช่วยได้นะ อยากให้ช่วยอะไรบอกได้เลย”
“ฮะ?” ทุกสายตาหันมองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียว
คงมีแค่เพลิงที่เบนสายตาไปทางอื่น ไม่แปลกใจในสิ่งที่ได้ยินเพราะรู้ดีว่าเรนเป็นพวกจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง และเขาก็หน่ายจะขัดให้เสียเวลา
“จริงเหรอ?” เติร์กตีหน้าจริงจังทำตาโต ด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เพิ่งรู้จักได้เพียงหนึ่งวัน กระทั่งคนอื่นมีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน
“ฟังมันพูดก่อนดีกว่าไหม?” คะนิ้งอยากช่วยเพื่อนก็จริง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะค้านเสียง “ถ้าเธอรู้อาจไม่อยากรับปากก็ได้”
“ไอ้นิ้งมึงอย่าขัดได้แมะ!” คนได้ผลประโยชน์ทำเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความรำคาญใจ ในเมื่อไม่มีใครคิดจะช่วยก็หุบปากกันทีเถอะ เติร์กขอ!
“คอนเทนต์เกี่ยวกับอะไรเหรอ?” คนมีน้ำใจเริ่มหวั่นวิตก เรนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรง จนได้เห็นท่าทางใบ้กินของทุกคน กระทั่งได้รับคำตอบจากไฉที่นั่งเท้าคางมองมาจากฝั่งริมสุดของโต๊ะ
“มันจะไปล่าท้าผี”
“ฮะ?” เรนเกรงว่าจะได้ยินผิดไป แต่ก็มีคนยืนยันคำตอบมาอีกคน
“ล่าผี” เพลิงพยักหน้าให้ราวกับจะกวนประสาท คิ้วหนากดต่ำก่อนจะรีบขู่สำทับ “บ้านร้งบ้านร้างอะไรแบบนี้”
“ผีเหรอ?” พลันคนฟังก็ผิวหน้าซีดเผือด ยิ้มแข็งทื่อประดับค้างอยู่บนใบหน้า ทว่าขณะเดียวกันเสียงของเติร์กก็ยังคงรบเร้า
“เรนช่วยหน่อยดิ ถ้ามีคนน่ารักไปด้วยต้องเรียกคนเข้ามาดูได้แน่ ปกติมีแต่หน้าไอ้พวกนี้ น่าเบื่อจะตาย ไม่กระชุ่มกระชวย…”
“มึงพูดแบบนี้ทีหลังไม่ต้องมาชวนกูทำอะไรด้วยแล้วนะ” คะนิ้งแหวเสียงใส่ หากจะถามว่าใครสนับสนุนเติร์กสุดก็คงไม่พ้นเธอ
“กูหมายถึงไอ้พวกนี้ต่างหาก!” เติร์กร้อนรนแก้ตัวหน้าด้าน ๆ ชี้นิ้วไปยังเหล่าชายแท้ทั้งหลายที่ก็ทำหน้าระอาพอกัน แต่คนที่เติร์กให้ความสนใจที่สุดคงไม่พ้นสาวเหนือตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“คือเราว่า…” เรนตั้งท่าจะปฏิเสธเมื่อได้รับรู้ถึงความจริง ทว่ามือขาวผ่องก็ถูกฉวยคว้าขึ้นกุม
“เมื่อกี้เราดีใจนะ อย่าปฏิเสธให้เสียใจดิ” เติร์กทำตาละห้อยร่ำร้องขอความเห็นอกเห็นใจ “ถ้าเธอยอมไปสักคน เดี๋ยวเพื่อนเราจะไปด้วย…”
“ใครเขาบอกมึง?” เสียงเนือยดังมาจากเทมป์ “ตังไม่ถึงกูไม่ไป”
“เรื่องไร้สาระกูไม่ไป” ไฉบอกทั้งสีหน้าเฉยชา
“กูก็ไม่” คะนิ้งไหวไหล่ด้วยสีหน้าของผู้กำชัย
คำปฏิเสธอย่างพร้อมเพรียงทำเอาเติร์กตบหน้าผาก กลอกตามองบนด้วยความรำคาญใจ “พวกมึงอย่าพูดมากดิ๊ กูกำลังหว่านล้อม”
“เราว่าทำเรี่องอื่นดีกว่าไหม?” นาทีนี้เรนก็ต้องเลือกข้างเช่นกัน
“กูพนันว่าไม่มีใครเอาด้วยหรอก ถ้าเพื่อนไอ้เพลิงยอมตกปากรับคำมึง กูจะยอมไปด้วยเลย” เสียงของคนที่เพิ่งเดินมาถึง ดึงทุกคู่สายตาให้หันมอง
“มึงพูดแล้วนะโป”
“กูมันคนจริง พูดแล้วไม่คืนคำ” ร่างระหงสูงในเสื้อนิสิตตัวโคร่งกับทรงเอตัวสั้นไหวไหล่ไม่ยี่หระในคำท้าทายของตัวเอง
อาโปมาทันได้ยินบทสนทนาที่ดังไปสามบ้านแปดบ้านพอดิบพอดี เธอเป็นหนึ่งในคนที่ฟังเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ใครบ้าจี้รับปากช่วยไอ้เติร์กก็ถือว่าใจดีผิดมนุษย์มนา…
“ถ้าอาโปไปด้วย เราไปก็ได้นะ”
“หา!” / “ฮะ?”
ทว่าคำตอบจากปากคนตัวเล็กกลางวงสนทนาก็ทำเอาทุกคนร้องเสียงหลง เรียกสายตาของคนอื่นในบริเวณใกล้เคียงให้หันมอง ขณะเดียวกันเจ้าของคำท้าทายก็ถึงกับทำกระบอกกระดาษเขียนแบบหลุดจากมือ
“หยิกกูที” โปกะพริบตาถี่ ๆ ตีแขนเพลิงซึ่งนั่งใกล้สุดให้ช่วยปลุกเรียกสติ ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะกระซิบเสียงถาม “เพื่อนมึงเป็นแม่พระกลับชาติมาเกิดเหรอเพลิง?”
“…” เพลิงไม่รู้จะตอบกลับว่าอย่างไร ขณะที่คนอื่นพากันตกใจ เขาค่อนข้างแน่ใจว่ายายเด็กดอยจะตกปากรับคำหาเรื่องใส่ตัว
“ถ้าไปคนเดียวเราไม่กล้า แต่ถ้าไปหลายคนก็… ก็น่าจะโอเคไหม?” เรนอึกอัก สลับสายตามองเพื่อนใหม่ทีละคน เธอแค่อยากช่วยมันน่าตกใจขนาดนั้นเลยหรือ
“หาเรื่องใส่ตัว” เพลิงเป็นคนเดียวที่ยังคงมีสีหน้านิ่งสนิท แต่คนตัวเล็กก็รีบหันถามความเห็น
“เพลิงไปด้วยกันสิ”
“ใครรับปากใคร ก็จัดการตัวเอง” เรื่องอะไรที่เพลิงต้องไปด้วย เขาเอาเวลาไปนอนให้เต็มคราบไม่ดีกว่าหรือไง
“เพลิงไม่ไปจริงเหรอ?”
“…” ทว่ามือบางซึ่งวางเหนือหน้าขา ประกอบกับตาใสแจ๋วที่จ้องมองเขา ก็ทำเอาเพลิงผ่อนลมหายใจในสีหน้าหนักอก เรนดื้อมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งยังชอบใช้ลูกอ้อนร้องขอในสิ่งที่ตนเองต้องการเสมอ ไอ้นิสัยช่วยเหลือคนไม่เข้าเรื่องแบบนี้ก็แก้ไม่ได้ ดื้อฉิบหายจริง ๆ
“ว่าไงไอ้เพลิง คนเขาอุตส่าห์ชวนมึงเนี่ย?” คนได้ผลประโยชน์สูงสุดในที่นี้รีบไซโค แม้จะโดนปฏิเสธทุกครั้ง ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้งก็ตามที
ทว่าคราวนี้ทุกคนกลับต้องประหลาดใจในคำตอบที่ได้รับ
“ไปก็ไป” เพลิงพยักหน้าส่ง ๆ “แต่บอกก่อนว่ากูไม่ทำเหี้ยอะไรพิเรนทร์ ๆ”
“ไอ้นิ้ง! มึงอัดเสียงมันดิ๊!” เติร์กละล่ำละลักหลับหูหลับตาตบโต๊ะเรียกคะนิ้งเป็นการใหญ่ “มึงพูดแล้วนะไอ้เพลิง กูมีหลักฐาน!”
“อืม” เพลิงไม่สนใจจะต่อความยาวสาวความยืด ร่างสูงหยัดกายขึ้นยืนคว้าจานข้าวผละเดินไปเก็บโดยไม่ใส่ใจเสียงกรี๊ดกร๊าดของไอ้ตัวต้นเรื่องที่ได้คนเข้าร่วมแล้วถึงสามคน
“เพลิง”
“ว่า?” เพลิงไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าใครวิ่งตามมา และแค่ได้เห็นใบหน้าขาวเนียนที่กำลังยิ้มแป้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะกดสายตามอง “หาเรื่องใส่ตัว”
“เราอยากช่วย จะได้สนิทกับเพื่อนเพลิงเร็ว ๆ ด้วยไง”
“…” เพลิงส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็คร้านจะขัดศรัทธา
“ถ้ามีเพื่อนเยอะ เราจะได้ไม่ต้องรบกวนเพลิงบ่อย ๆ” เรนบอกด้วยความจริงใจ จะให้เธอร้องหาเขาในทุกเวลาที่ตัวเองต้องการได้ยังไง
“แล้วนี่ไม่รบกวน? สุดท้ายเราก็ต้องไปกับเธอ” เพลิงว่า และเพียงเขาพูดแค่นี้ คนตัวเล็กก็ปั้นหน้าบึ้งเมินมองไปทางอื่น
“ไม่ได้บังคับสักหน่อย เพลิงไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิ”
“เราไม่ไป แล้วใครจะดูแลเธอ?”
“เราไม่ใช่เด็กสักหน่อย ดูแลตัวเองได้”
“…” ร่างสูงเท้าสะเอวหรี่สายตามองสารรูปของหญิงสาว ก่อนคำถากถางจะมาถึงในวินาทีเดียวกัน “แค่มดไต่ ยุงตอม เธอยังวิ่งหาเรา นับประสาอะไรกับเรื่องนี้”
“เวอร์มาก!” เรนเถียง เธอเป็นแบบนั้นเสียที่ไหน “ทำแบบนี้ไม่ดีตรงไหน เราจะได้มีเพื่อนคนอื่นบ้างไง”
“…” เพลิงไม่ตอบ
แต่แค่ได้เห็นใบหน้าขาวเนียนเมินมองไปทางอื่น แค่เห็นริมฝีปากอิ่มโค้งคว่ำ ก็ทำให้เขาอดเห็นใจไม่ได้ เข้าใจดีว่าหญิงสาวหมายความว่าอย่างไร
วินาทีต่อมาเพลิงก็กอดคอคนตัวเล็กเข้าหาตัว เริ่มพาออกเดินโดยไม่ใส่ใจสายตาคนมอง
“อย่ากอดแบบนี้สิ ไม่กลัวใครเห็นรึไง?” เรนอึกอักเสียงแผ่ว
“กลัวทำไม?”
“เดี๋ยวสาว ๆ ในสต็อกของเพลิงก็พากันเกลียดเรา” หลายครั้งหลายหนเธอมักเป็นตัวปัญหาในเรื่องผู้หญิงของเพลิงเสมอ แม้เรื่องหึงหวงจะผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน แต่จะผ่านไปอีกสักกี่สิบครั้งก็ยังไม่ชิน
“ใครเกลียดเธอ?” เพลิงขมวดคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ “คนที่เกลียดเธอ เราจะสุงสิงให้เสียเวลาทำไม?”
ลาดไหล่แบบบางยังคงหนักอึ้ง ร่างสูงพาเดินลัดเลาะออกจากอาคารแคนทีน เพลิงเริ่มอธิบายให้ฟังถึงตึกต่าง ๆ ที่นิสิตนักศึกษาใช้เรียน…
โดยไม่รู้เลยว่าตากลม ๆ ที่เงยหน้าขึ้นมองอย่างตั้งใจฟังนั้น แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างไม่ต่างจากสิบกว่าปีที่ผ่านมา…
CHAPTER 7ชิดใกล้ ตอนค่ำ หลังจากประตูห้องปิดลง ร่างสูงก็ปรายหางตามองไปยังห้องฝั่งตรงข้ามที่คนด้านในเงียบเชียบหายไปตั้งแต่ช่วงเย็น เสียงระบายลมหายใจพรืดใหญ่ดังยาว ก่อนเจ้าของเสียงจะตัดสินใจเดินไปเคาะบานประตูซึ่งปิดสนิทในนาทีสุดท้ายทว่าเพียง ‘ก๊อก’ แรกดังขึ้น บานประตูห้องที่ว่าก็ถูกเหวี่ยงเปิดออกแทบจะในทันที พร้อมกับเจ้าของห้องโผล่หน้าออกมาให้ได้เห็น “เปลี่ยนใจจะพาเราไปด้วยเหรอ?” เรนยิ้มแป้น กระวีกระวาดสวมใส่รองเท้า จัดการล็อกประตูลงกลอนอย่างรวดเร็ว “ปะ เราพร้อมแล้ว” “…” เพลิงถึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้เห็นสภาพของคู่สนทนาที่ราวกับเตรียมความพร้อมที่จะออกไปข้างนอกอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กซึ่งกำลังเงยหน้ามองเขาในขณะนี้ สวมใส่สายเดี่ยวเอวลอยกับกระโปรงยีนสั้นเหนือเข่ากว่าสองคืบ และแค่ได้เห็น เพลิงก็คว้ากุญแจมาจากมือเจ้าของ ถือวิสาสะไขลูกบิดเปิดห้องหมายเลข 13 อีกรอบ “เพลิงทำอะไร?” “ถ้าจะไป ไปหาเสื้อที่มันปิดมิดชิดมากกว่านี้” เสียงเรียบให้การตอบกลับสายตางุนงงของเพื่อนตัวเล็กใบหน้าหล่อมีสีหน้ายุ่งยาก ใช่ว่าเพลิงไม่
CHAPTER 8ดาบสองคมหนึ่งชั่วโมงต่อมา“พอ”“ได้อยู่”“เรน”“เราโอเค”เพลิงคิดผิดเสียเมื่อไร…ต่อเวลาให้แค่ชั่วโมงเดียว คนข้างกายเขาก็นั่งตัวตรงไม่ได้เสียแล้วนอกจากจะต้องระวังไม่ให้หญิงสาวล้มคว่ำเพราะทรงตัวนั่งไม่ได้ เพลิงยังต้องคอยคว้าแก้วออกจากมือเจ้าตัวด้วยอีกอย่าง หากเขาจะประเมินสถานการณ์ผิดไป คงเป็นเรื่องที่คิดว่าจะมีคนขอให้พากลับห้อง แต่เมาจนผิวกายแดงไปทั้งตัว ยายเด็กดอยยังบ้าจี้ตอบรับคำท้าชนจากคนอื่นอยู่ได้ในที่นี้เพลิงไม่จำเป็นต้องห่วงใคร เพื่อนเขาคุ้นเคยกับเหล้าเสียยิ่งกว่าน้ำ ทั้งต้องร่วมสังสรรค์เนื่องในโอกาสเลี้ยงต้อนรับน้องปีหนึ่ง บ้างก็เลี้ยงส่งลารุ่นพี่ปีสี่ที่แม่งก็ยังเรียนอยู่ ไหนจะฉลองวันเกิดเพื่อนที่คณะ ไม่นับรวมวันเกิดอยากจะแดกก็อีก เอาเป็นว่าไม่มีใครน่าเป็นห่วงเท่าคนบางคนอีกแล้ว“เพลิงเอามาสิ” นัยน์ตากลมโตกะพริบมองหน้าเขา ทั้งตั้งท่าจะแย่งแก้วกลับคืน แต่เพลิงที่พยายามใจดีมานานก็ส่งแก้วเจ้าปัญหาให้กับไฉซึ่งจำเป็นต้องรับไม้ต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ไฉดูจะเป็นคนเดียวที่เข้าใจสถานการณ์ของหญิงสาว ทั้งยังเข้าใจในสีหน้าหนักใจของผู้ปกครองกิตติมศักดิ์ก็ด้วยเรนค้อนเคืองเพลิงได้ก
CHAPTER 9ความช่วยเหลือสัปดาห์ต่อมา การย้ายที่อยู่กะทันหันอาจทำให้คนส่วนใหญ่ต้องเสียเวลาในหลายเรื่อง แต่สำหรับเรนไม่คิดว่าเป็นการเสียเวลาแต่อย่างใด…แม้ต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ เพื่อนร่วมชั้นปีหน้าใหม่ กระทั่งว่าต้องตามหาร้านอาหารอร่อยเพื่อฝากท้องเป็นประจำ คนพลังเยอะก็ยังกระตือรือร้นทำทุกสิ่งอย่างชนิดไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทว่าก็มีอยู่หนึ่งคน… ที่เหนื่อยหนักยิ่งกว่าใคร…“ไม่ไป” “พาไปหน่อยสิ ร้านนั้นอร่อยเหมือนร้านประจำที่เชียงใหม่เลย” “…” เพลิงรู้สึกพลาดท่าเสียทีที่เขารู้ใจคนตรงหน้ามากเกินไปเพราะรู้ว่าเรนชอบกินขนมหวาน และเขาเองที่เสนอหน้าพาเจ้าตัวไปกินมาเมื่อหลายวันก่อน แค่วันเดียวเท่านั้นก็จำต้องรับกรรมแว้นมอเตอร์ไซค์พาคนโหยน้ำตาลไปจัดเบาหวานลงกระเพาะในทุกเย็น “ไม่กลัวอ้วนบ้างรึไงถามจริง?”เพลิงนึกแปลกใจอยู่ทุกวัน เรนกินเก่งยิ่งกว่าแชมป์กินจุสิบสมัยซ้อนแต่ตัวกระเปี๊ยกเท่าลูกหมาเตะทีเดียวก็กระเด็น ไม่รู้ว่าเอาไอ้ที่ยัดเข้าปากในแต่ละวันไปเก็บไว้ที่ไหน ขนาดเพิ่งซื้อลูกชิ้นให้กินตั้งหลายไม้ เจ้าตัวก็ยังไม่วายมารบเร้าหาเรื่องจะกิ
CHAPTER 10พิสูจน์ผี 1 ตกดึก สถานที่รกร้างมักมีประวัติ ส่วนมากไม่พ้นเรื่องลึกลับชวนขวัญผวาหากไม่ใช่เรื่องจริง ก็เป็นเรื่องปั้นแต่งเพื่อไม่ให้มีการบุกรุกสถานที่นั้น ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ทว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างต่าง ๆ นานาก็เชื้อเชิญให้คนอยากรู้อยากลองจำนวนมากตัดสินใจไปท้าพิสูจน์พิสูจน์… ว่าผีนั้นมีอยู่จริง หรือเพียงแค่คิดกันไปเอง…เสียงสนทนาบนรถเอสยูวีคันโตของไฉเงียบเชียบลงตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครทันได้สังเกต รู้อีกทีหญิงสามชายสี่ในคณะก็พากันกลั้นลมหายใจ ทุกคู่สายตามองผ่านกระจกรถเมื่อความเร็วของล้อชะลอจอดสนิทริมข้างทางบนถนนเส้นเปลี่ยวร้างผู้คน กระทั่งรถสัญจรผ่านไปมาสักคันยังไม่มี“กูจะกลับ” คนแรกที่หาเสียงของตัวเองเจอคือเทมป์ซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ“ไอ้ห่าเติร์ก เงินที่มึงได้มันคุ้มแน่?” คนสองที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนักคือเพลิง เขาไม่เชื่อเรื่องผี แต่เมื่อได้เห็นบรรยากาศมืดทึบภายนอกก็อดกังวลใจเรื่องงูเงี้ยวเขี้ยวขออย่างเสียไม่ได้“คุ้ม” เสียงคนนำทางให้การตอบกลับจากตำแหน่งพลขับแม้จะตอบรับด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เติร์กที่เป็นฝ่ายหาข้อมูลจุดหมายปลายทางก็ไม่คาดคิดว่
CHAPTER 11พิสูจน์ผี 2 “ตอนนี้นะครับเราก็เข้ามาสู่ด้านในกันแล้ว ฝั่งนี้ที่เรากำลังเดินอยู่เป็นโถงทางเดินของบ้าน ส่วนมุมด้านขวาเป็นห้องนั่งเล่น ถัดเข้าไปอีกจะเป็นห้องครัว…” เสียงผู้ดำเนินรายการดังสะท้อนก้องไปมาในตัวบ้านซึ่งมีสภาพน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าบรรยากาศด้านนอกหลายเท่าบริเวณด้านในมีเพียงเฟอร์นิเจอร์ผุพังไม่กี่ชิ้นกระจายตามมุมต่าง ๆ อย่างไม่เป็นระเบียบ เถาไม้เลื้อยชอนไชเข้าสู่ด้านในของพื้นที่ผ่านกรอบหน้าต่างบานกระจกซึ่งแตกละเอียด รากไม้ยึดเกาะเลาะเลื้อยตั้งแต่ผนังด้านข้างลามขึ้นสูงจวบจรดเพดาน ส่งผลให้บ้านทั้งหลังมองดูเหมือนกำลังถูกธรรมชาติดูดกลืน ทุกฝีย่างก้าวของทุกคนดังสะท้อนก้องไปมา ลำแสงของไฟฉายสาดส่องอย่างไร้ทิศทางตามแต่ผู้ถือต้องการใช้สายตามองไปยังตำแหน่งใด ความมืดสลัว และแสงจันทร์ซึ่งลอดผ่านหน้าต่างเข้าตกกระทบกับสิ่งต่าง ๆ ทำให้เกิดภาพเงาดำขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง และภาพซึ่งปรากฏไม่ชัดเจนย่อมทำให้จินตนาการของมนุษย์บังเกิดจินตภาพอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงจากการเดินแบบเว้นระยะห่าง บัดนี้ทุกคนต่างขยับเคลื่อนเข้าใกล้โดยไม่ได้นัดหมาย กระทั่งได้ยินบทสนทนาพึมพำระหว่
CHAPTER 12เด็กดอยตาขาวครึ่งชั่วโมงต่อมาเพราะเป็นร้านที่เปิดโต้รุ่งเพื่อรองรับลูกค้ายามดึก ร้านราดหน้าเจ้าประจำจึงยังคงมีลูกค้าเนืองแน่นไม่ต่างจากเดิมแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านค่อนคืนไปแล้วก็ตาม เสียงเจ้าของร้านยังคงบ่นล้งเล้งอยู่กับลูกจ้าง แสงจากหลอดไฟนีออนก็ยังสว่างจ้าแสบตาราวกับทำการเปลี่ยนหลอดใหม่ในทุกเดือน กระทั่งหน้าตาอาหารแต่ละจานก็ไม่ต่างไปจากที่เคยกิน ทว่าคนกลุ่มหนึ่งที่มุมร้านรู้สึกว่ารสชาติราดหน้าร้านดังในย่านนี้ไม่อร่อยเหมือนเช่นทุกทีสองคนในเจ็ดคนที่นั่งกินไปคุยไปอย่างได้อรรถรสเห็นจะมีแค่เพลิงกับไฉซึ่งกำลังส่งเสียงพากย์บอลลีกอังกฤษที่ถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ ขณะที่สมาชิกร่วมคณะคนอื่นบ้างก็เขี่ยอาหารในจาน บ้างก็นั่งจ้องกันไปมา ก่อนใครสักคนจะโพล่งขึ้นหลังจากเงียบเสียงกันอยู่นาน “พวกมึงเห็นใช่ไหม?” “กูเห็น” “กูด้วย” “เราก็เห็น” “ไร้สาระ” “…” “กูไม่เห็นเหี้ยอะไร พวกมึงตกใจนกมันบินก็แค่นั้น” เพลิงเอ่ยในข้อเท็จจริง แต่เพราะการค้านสายตาของทุกคนบ่งชัดว่าเห็นต่าง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสริม “ผีมีจริงท
CHAPTER 13เตียงเดียวกันความอึดอัดบางชนิดที่เกิดขึ้นทำให้หนึ่งในสองคนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยการวกกลับเข้าประเด็นเดิม“ขอนอนด้วยสักคืน สัญญาว่าเราจะไม่กวนเพลิง” ตากลมโตกะพริบปริบในสีหน้าร้องขอความเห็นใจ ก่อนจะเริ่มหันมองซ้ายขวาด้วยความหวาดระแวงอีกหน “คืนนี้เรากลัวจริง ๆ”“มันไม่มีอะไร คิดกันไปเอง” เพลิงพยายามปลุกปลอบอย่างใจเย็น ทว่าคนตรงหน้าก็กลับขยับเข้าประชิดตัว คว้ามือเขาขึ้นเขย่ารบเร้าเป็นจริงเป็นจัง“เรานอนไม่หลับ เปิดไฟนอนก็ไม่หลับ”“…”“นะ ๆ เรานอนบนพื้นก็ได้”“…”“จะไม่กวน ไม่เสียงดัง จะไม่ปลุกด้วย”“…”“สงสารหน่อยเราหน่อยสิ”“…”“เพลิงใจร้ายกับเราแบบนี้ได้ยังไง?”“…”เป็นอีกครั้งที่เพลิงต้องรู้สึกใบ้กิน เมื่อเจอเข้ากับไม้ตายของยายเด็กดอยตัวดีที่จู่ ๆ ก็ตั้งท่าเป่าปี่ขึ้นมาดื้อ ๆ ตากลมโตคลอหน่วยด้วยหยาดน้ำใสค้อนมองราวกับจะประชดอยู่ในที“ห้องนั้นเงียบมาก แถมนอนไปนอนมาเราก็กลัวอะไรมาดึงขา”“…”“นอนไม่หลับ”“…”“ทำไมใจดำขนาดนี้?”“…”“เพลิงก็รู้… อยู่ที่นี่เรามีแค่เพลิง”ตอนแรกเพลิงก็ใจแข็งได้อยู่…แต่เมื่อได้เห็นท่าทางเป็นกังวลของคนที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ประกอบกับการพยายามเบียด
CHAPTER 14จิตปรุงแต่งหลายวันต่อมา การดำเนินชีวิตในสถานที่ใหม่ท่ามกลางผู้คนใหม่ยังเป็นไปอย่างราบรื่น เวลาผ่านไปได้ไม่ทันไรเรนก็มีเพื่อนใหม่ ทั้งที่เป็นเฟรชชีปีหนึ่ง รวมถึงเพื่อนของเพลิงที่อายุเท่ากันก็ด้วย แม้ชายหนุ่มจะไม่ว่างในบางครั้ง เธอก็มีโอกาสได้ออกไปไหนต่อไหนกับคะนิ้งและอาโปบ่อย ๆ โดยไปกันเฉพาะสาว ๆ เท่านั้น “ไอ้เพลิงว่าสัปดาห์ก่อนมันพาเธอไปกินขนมหวานทุกวัน ตอนนี้เชื่อแล้วว่าจริง” คนนั่งตำแหน่งสารถีเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ คะนิ้งเหลียวสายตามองคนนั่งเบาะหลัง “สั่งมาเยอะขนาดนี้จะกินไหวเหรอ?” “เราสั่งไปเผื่อเพลิงด้วย” เจ้าของขนมหวานในถุงพลาสติกให้คำตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เพลิงชอบกินทับทิมกรอบมาก” “อย่าบอกนะว่าถุงนั้นก็ซื้อไปทำให้มันกิน?” นิ้งหมายถึงถุงใส่วัตถุดิบประกอบอาหาร และคนโดนซักก็พยักหน้ารับอย่างพาซื่อ“เราบอกไว้หลายวันแล้วว่าจะทำให้เพลิงกิน” มาม่าหม้อไฟเรียกได้ว่าเป็นอาหารที่เรนมักกินร่วมหม้อเดียวกันกับคนซึ่งอ้างถึงอยู่บ่อย ๆ “เชื่อว่าสนิทกันจริง” นิ้งยังคงยิ้มกว้าง ก่อนจะเปรยต่อด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “ว่าแต่วันนี
SPECIAL 3สัญญาใจ 3 สิบสองปีก่อน “ฮึก!” “กลับบ้านได้แล้ว ถ้าเธอยอมกลับ เราจะปั่นจักรยานให้ซ้อนทุกวัน” “เพลิงขี้โม้ ฮึก!” “เราใจดี” เด็กหญิงตัวน้อยสะอึกสะอื้นอยู่บนชิงช้าซึ่งไร้การกวัดแกว่ง โดยมีเด็กชายวัยเดียวกันยืนใช้ปลายเท้าเขี่ยดินเล่นอยู่ที่ด้านหน้า บริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยเครื่องเล่นมาตรฐานที่สนามเด็กเล่นทั่วไปพึงมี ตอนนี้เป็นเวลาเกือบพลบค่ำ เด็ก ๆ พากันกลับเข้าบ้านหมดแล้ว เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงสนทนากันเพียงลำพัง เด็กชายรู้ดีว่าหากเขาไม่พาเพื่อนกลับบ้านก่อนค่ำมืดจะต้องโดนผู้เป็นแม่ดุ แต่เพราะอีกฝ่ายยังคงมีคราบน้ำตาปรากฏบนใบหน้าจึงอดทนรออย่างใจเย็น “จะค่ำแล้ว เดี๋ยวน้าศรีเป็นห่วง เธอจะโดนดุ และเราก็จะโดนแม่ตี” เสียงใจดีพยายามเอ่ยถึงบทลงโทษที่ทั้งคู่อาจได้รับหากมัวเถลไถลไม่ตรงต่อเวลาที่มีการตกลงกับพ่อแม่เอาไว้ แม้สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีไม่ต้องกลัวคนนอกเข้าออก อีกทั้งบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ไม่ไกลจากสนามส่วนกลาง รวมถึงต่างโตพอจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าตา
SPECIAL 2สัญญาใจ 2สิบนาทีต่อมาร่างผอมบางของเรนยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม สายตากวาดมองไปยังความคึกคักรอบด้าน เครื่องหน้าหมดจดมียิ้มมุมปากผุดเผยในสีหน้า เพียงคิดว่าเพลิงจะต้องกระดากอายกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นเธอก็รู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูกหลังจากการแสดงห้องล่าสุดของระดับชั้นจบลง เพียงแค่ร่างสูงคุ้นตาเดินขึ้นเวทีพร้อมกีตาร์ตัวหนึ่งเพื่อทำโชว์คิวถัดไป เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาว ๆ ต่างก็เริ่มวี้ดว้ายกระหึ่มลั่นไปทั่วทั้งลานอเนกประสงค์ด้านหน้าเวทีเรนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเสียงที่ได้ยิน รวมถึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดจำนวนคนถึงแห่กันมายืนมองแน่นขนัดไปหมด เพื่อนสนิทของเธอเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนเรื่องนี้หญิงสาวไม่เถียง แต่ตอนนี้คงมีแค่เธอคนเดียวที่กำลังหัวเราะกับท่าทีผิดปกติไปจากเคยของคนที่ว่าสายตาของเพลิงกวาดมองไปโดยรอบในจังหวะที่หย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งมีการเตรียมไว้กลางเวที ก่อนสายตาที่ว่าจะจบลงยังตำแหน่งที่เรนกำลังยืนกอดอกมอง“สวัสดีครับ”“กรี๊ด!!!”“พี่เพลิง!!!”“ว้าย!!!”เพียงเสียงคุ้นหูทักทายผ่านไมโครโฟนซึ่งเสียบอยู่บนขาตั้งในระดับพอดีกับริมฝีปาก เสียงวี้ดว้ายของสาว ๆ ก็ตอบรับด้วยเสียงกระหึ
SPECIAL 1สัญญาใจ 1 หลายปีก่อน “เพลิงจะเขินอะไร?” “ไม่เขินได้ไง? คนทั้งโรงเรียน” “รุ่นน้องกรี๊ดเพลิงกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องอาย” “อาย” เพลิงพยักหน้ารับไม่กระดากแม้แต่นิด “เธอลองขึ้นไปร้องเพลงแล้วมีคนเป็นพันนั่งมองอยู่ข้างล่างเวทีดูไหม?” “ทำไมป๊อดงี้? ตัวก็ตั้งโต” “มันใช้คำว่า ‘ป๊อด’ ได้ที่ไหน?” ร่างสูงในชุดนักเรียนยกแขนขึ้นปาดเหงื่อซึ่งชื้นผ่านใบหน้า ท่ามกลางผู้คนซึ่งเดินขวักไขว่ ท่ามกลางเสียงดนตรีสดวงปัจจุบันกำลังบรรเลงอยู่บนเวทีกลางของโรงเรียน สองหนุ่มสาวยืนปรับทุกข์ห่างออกมาทางด้านหนึ่ง “ถ้าเราขึ้นร้องเพลงแทนเพลิงได้ก็คงทำไปแล้ว” คนตัวเล็กทำทีตบเข้าที่อก “ถ้าเป็นเราไม่อายหรอก” “เธอก็พูดได้” เพลิงหรี่ตามองอย่างไม่ศรัทธา แค่จะคุยกับเพื่อนคนอื่น เจ้าตัวยังต้องคอยให้เขาเป็นสะพานเชื่อมอยู่เรื่อย เมื่อโดนสายตาสบประมาทของชายหนุ่มหลุบมอง หญิงสาวในชุดนักเรียนก็ทำทีเปลี่ยนเรื่อง “เพลิงเป็นตัวแทนห้องนะ ทำหน้าที่หน่อยสิ ใจกล้า ๆ หน่อย” “ใครจะเก่งเ
CHAPTER 61ฝันละเมอ 4หนึ่งชั่วโมงต่อมาร้านขนมหวานร้านเดิมยังคงมีคนต่อคิวซื้อจนหางแถวยาวออกไปด้านนอกตัวร้าน เพลงที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศเป็นเพลงภาษาถิ่นเหมือนเช่นทุกครั้ง กระทั่งลูกค้าก็ยังคงเป็นหน้าเดิม ๆ สภาพแวดล้อมแสนคุ้นเคยราวกับจะพาใจย้อนไปในวันวาน เหมือนเมื่อวานนี้เองที่สองเพื่อนสนิทในชุดนักเรียนมัธยมปลายพากันแว้นมอเตอร์ไซค์มาตบน้ำตาลเข้ากระแสเลือดในทุกค่ำของทุกวันหลังจากได้กินของหวานปิดท้าย สองหนุ่มสาวลูกค้าขาประจำของร้านยังคงนั่งรอออร์เดอร์ซึ่งสั่งกลับบ้านเป็นปกติธรรมดาอีกสองชุดใหญ่ระหว่างที่เพลิงสนทนาอยู่กับเพื่อนสมัยมัธยมที่บังเอิญเจอ เรนกำลังกวาดสายตามองกระดาษโน้ตหลากสีซึ่งกระจายแปะเต็มพื้นที่ผนังด้านหนึ่งของตัวร้าน โน้ตแต่ละแผ่นล้วนมีข้อความบางอย่างเขียนไว้ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเคยมาเหยียบเยือนสถานที่ ทั้งจากลูกค้าที่เป็นขาประจำ รวมถึงลูกค้าขาจรก็ด้วยเช่นกันข้อความโดยส่วนมากเป็นการระบุว่าได้มาเยือนกับใคร มีทั้งที่เป็นคู่รัก มีทั้งที่เป็นกลุ่มเพื่อน มากันเป็นครอบครัว กระทั่งคนที่คล้ายจะประชดชีวิตโสดเขียนว่ามากินกับ หมา ก็มี“ทำไร?”“หืม?” เรนขานเสียงรับในล
CHAPTER 60ฝันละเมอ 3 ตอนค่ำ ตั้งแต่จำความได้ โต๊ะอาหารที่บ้านของเพลิงไม่ได้มีเฉพาะคนในครอบครัวแต่มีสมาชิกอีกสองคนมาร่วมรับประทานมื้อค่ำด้วยกันเสมอ เว้นแค่ช่วงเช้าเท่านั้นที่เพลิงจะเป็นฝ่ายไปฝากท้องที่บ้านหลังข้างกัน เสียงเจื้อยแจ้วคุ้นเคย รวมถึงการกุลีกุจอเป็นลูกมือหยิบจับทุกสิ่งอย่างของเรนเป็นสิ่งที่เพลิงได้เห็นมาจนชินตา นอกจากจะกระตือรือร้นเป็นปกติ คนที่ทำให้มื้ออาหารดำเนินไปด้วยรอยยิ้มก็คือเจ้าตัว เพลิงเคี้ยวข้าวกร้วม ๆ สลับสายตามองคนนั้นทีคนนี้ทีเพื่อสังเกตท่าทีว่าเป็นเวลาเหมาะสมหรือไม่ที่เขาจะเอ่ยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนออกมาบรรยากาศเป็นไปด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนาน เรนกำลังช่วยผสมโรงมีอารมณ์ร่วมอยู่กับยายน้อยและน้าศรี ที่ต่างก็อินกับการก่นด่านางร้ายในละครซึ่งเปิดผ่านทางโทรทัศน์ ที่ได้เห็นไม่ใช่ภาพน่าประหลาดใจสำหรับเพลิง ในที่นี้มีเพียงเขาและพ่อเท่านั้นที่มองหน้ากันเองแล้วส่ายหัวไปมา “พ่อ” ในที่สุดเพลิงตัดสินใจหันมองหน้าบิดา เอ่ยในสีหน้านิ่งสนิท “ผมมีไรจะบอก” คนเดียวที่ว่างพอจะสนทนากับลูกชายถึงกับวางช
CHAPTER 59ฝันละเมอ 2ริมฝีปากอุ่นประทับผ่านลำคอเรียวระหง…เพลิงซุกไซ้ใบหน้าสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของคนตัวเล็กที่นอนนิ่งรับสัมผัสแต่โดยดี นัยน์ตาคมเลื่อนมองผิวกายขาวเนียนผุดผ่องเป็นยองใยทุกจุดที่ปลายลิ้นลากผ่าน ค้างนานบริเวณยอดถันสีชมพูหวาน หมดเวลากับการดูดเลียหัวนมสวยสะพรั่งของหญิงสาวนานหลายนาที ขณะที่ปากดูดเม็ดเต่งชูชัน มือหนาก็ขยำนวดเต้าข้างที่ว่างเว้นด้วยความมันมือแต่ละสัมผัสดำเนินไปอย่างเงียบเชียบเพราะสถานที่ไม่เป็นใจ ทว่าทุกวินาทีที่ดำเนินผ่านล้วนเต็มไปด้วยความหวามหวิวในอารมณ์ สายตาของชายหนุ่มหลุบเลื่อนมองตามสัดส่วนโค้งเว้าด้วยประกายตาเร่าร้อนแม้เรนจะกินเข้าไปมากเกินกว่าขนาดตัว แต่บั้นเอวผอมบางกลับไร้ชั้นไขมัน ทั้งยังเว้าสวยมิใช่เพียงแต่เร้าอารมณ์ภายใน ทว่ายังดึงดูดสันจมูกคมให้ไล้ผ่านตามแนวคดโค้ง ริมฝีปากอุ่นกดจูบสลับกับการดูดดึงเนื้อกายผ่องขาวไม่ละสัมผัสแม้แต่วินาที เพลิงชันกายขึ้นนั่ง สองมือคว้าสะโพกคนตัวเล็กขึ้นในระดับเดียวกัน สายตามากด้วยอารมณ์ทอดจับเรือนร่างสุดเซ็กซ์ ตั้งแต่เต้าใหญ่โตที่ประดับด้วยป้านบัวสดสวยขนาดเต็มปากเต็มคำ ทั้งแอ่งสะดือเล็กบนหน้าท้องแบนราบ ร
CHAPTER 58ฝันละเมอ 1 วันต่อมา เชียงใหม่ สองหนุ่มสาวลงเครื่องเหยียบพื้นดินบ้านเกิดตั้งแต่ช่วงเช้าของวันแต่เมื่อถึงบ้าน เพลิงก็ปลีกตัวไปนอนหลับให้เต็มตาสักตื่น เขาตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนเที่ยงตรงพอดิบพอดี กว่าจะจัดการตัวเองเรียบร้อยแดดบ่ายก็เริ่มสาดต่ำผ่านกระจกหน้าต่างในตำแหน่งเดียวกับที่สายตามักหันมองเสมอ ทางด้านซ้ายของบ้านเขาเป็นบ้านอีกหลังที่มีขอบรั้วอยู่ชิดติดกัน ประตูรั้วบ้านหลังนั้นเปิดอ้าบ่งบอกว่ามีคนอยู่อาศัย รถญี่ปุ่นรุ่นเก่าของน้าศรีจอดนิ่งอยู่ในโรงจอด แคนาต้นเดิมสะบัดใบพลิ้วไหวตามสายลมซึ่งพัดเอื่อยหน้าต่างบานคู่ของห้องนอนบนชั้นสองเปิดอ้ารับลม ดอกไม้ปลอมที่ประดับรอบขอบหน้าต่างด้านนอกที่เพลิงตกแต่งให้ตามคำเรียกร้องของคนบางคน บัดนี้แห้งกรอบเพราะผ่านลมฝนมาหลายฤดูเพียงความคิดนึกย้อนถึงภาพคนตัวเล็กที่ยืนเท้าสะเอวออกคำสั่งอยู่ด้านล่าง โดยที่เขาต้องเป็นฝ่ายใช้บันไดลิงไต่ปีนขึ้นไปจัดการ เครื่องหน้าคมคายก็ปรากฏยิ้มกว้างเสียงแหวแว้ดของเรน รวมถึงการโต้เถียงด้วยความรำคาญของเขาที่ต่างก็อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายยังคงชัดเจนในความทรงจำ
CHAPTER 57ความลับ 2หนึ่งชั่วโมงต่อมา วันนี้ไม่มีใครเมา… หลังจากจบการล้วงความลับของบรรดาตัวสอดรู้ เพลิงก็เอ่ยปากชวนหญิงสาวกลับห้องในทันทีเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางในช่วงเช้า อีกทั้งตั้งแต่แรกก็ตั้งใจเพียงเพื่อมาแสดงความยินดีกับเจ้าของร้านเท่านั้นจึงไม่คิดที่จะอยู่ต่อ เพราะเป็นละแวกร้านเหล้าซึ่งทำลานจอดรถไว้ที่ซอยถัดไป ทำให้คนเป็นลูกค้าต้องลำบากเดินไปเอายานพาหนะส่วนตัว แต่ตอนนี้มีแค่คนเดียวที่กำลังเดิน…ร่างสูงก้าวรุดไปด้านหน้าได้อย่างคล่องตัวแม้จะมีอีกคนเกาะติดอยู่บนหลังก็ตามที นานตั้งแต่เพลิงจำความได้ หญิงสาวชอบขี่หลังเขาเสมอ ไม่ว่าตอนเด็ก ตอนโต จะเมา กระทั่งว่าไม่เมา เจ้าตัวก็มักร้องขอการอำนวยความสะดวกแทบทุกครั้งไป บรรยากาศยามคืนค่ำดำเนินผ่านอย่างเชื่องช้า ทุกจังหวะก้าวย่างของคนตัวสูงไม่เร่งร้อนเช่นเดียวกัน สายลมพัดเอื่อยปะทะผ่านร่างกาย รวมถึงเสียงเจื้อยแจ้วที่ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีราวกับจะขับกล่อมความรู้สึกให้ลอยล่องไปไกล หัวใจพองโตเป็นอย่างไรเพลิงมีโอกาสได้สัมผัสหลายครั้งหลายหนในช่วงระยะเวลาให้หลังที่ผ่านมา เรื่องบางอย่างที
CHAPTER 56ความลับ 1 สัปดาห์ต่อมา เพลิงอยากตั้งประเด็นสอบถามในหัวข้อใครเป็นคนคิดงานเลี้ยงอำลาส่งท้ายพี่ปีสี่ งานที่ตั้งแต่เปิดภาคเรียนเขาได้ร่วมสังสรรค์มานับครั้งไม่ถ้วน จะเลี้ยงส่งกันเพื่ออะไรในเมื่อรุ่นพี่ชั้นปีที่ว่าก็ยังเห็นหน้ากันอยู่ทุกวันวันนี้เป็นอีกคืนที่พวกเขาต้องเข้าร่วมสมาพันธ์ขยันอำลาอีกครั้ง บรรยากาศยามค่ำคืนยังคงเต็มไปด้วยแสงสีเสียง ร้านนั่งชิลล์เปิดใหม่ที่คึกคัก และคนแน่นเป็นพิเศษเพราะโปรโมชันฉลองเปิดร้านเป็นร้านของรุ่นพี่ที่เรียนจบไปเมื่อปีก่อน พี่เจ เจ้าของร้านเป็นประธานรุ่นของรุ่นที่ว่า แม้จะมีงานการทำเป็นหลักแหล่งตามใบประกอบวิชาชีพที่เรียนจบไป แต่ก็ไม่วายเกิดอยากเปิดร้านเหล้าเป็นงานอดิเรก จากโปรโมชันที่แปะโชว์แผ่นเบ้อเร่อที่หน้าร้านบ่งชัดว่าคงทำเป็นงานอดิเรกจริง ๆ “ไว้มาใหม่นะ ช่วงนี้มีโปรทุกวันครับน้อง รับรองประทับใจจนลืมไม่ลง” เจ้าของร้านให้การปฏิเสธลูกค้าเพราะไม่มีที่ว่างพอให้ใครเบียดเข้ามาในร้านได้อีกแล้ว เสียงที่ว่าดังต่อเนื่องมาร่วมสิบนาที ร่างสูงซึ่งสวมใส่เชิ้ตเข้ารูปสีขาวกับสแลกส์ดำเรียบกริบเป็นภา