CHAPTER 32เจ้าที่ขาวันต่อมาเพียงขยับพลิกตัว ความร้าวปวดก็แล่นผ่านบริเวณกึ่งกลางร่างกาย เปลือกตาบางพลันขยับเปิดอย่างช้า ๆ ใบหน้าหมดจดแสดงสีหน้าทรมานเมื่อรับรู้ถึงสภาพผิดปกติบางอย่างที่ไม่เคยพานพบเจอแสงแดดจากภายนอก รวมถึงกลิ่นหอมของอาหารบอกให้รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องคงจะตื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เรนยังไม่คิดขยับเคลื่อนไหวเรือนร่างที่ซุกตัวภายใต้ผ้าห่มผืนหนา มีเพียงสายตาเท่านั้นที่กวาดมองไปโดยรอบเพื่อสำรวจสถานการณ์ ก่อนจะได้เห็นว่าบัดนี้ร่างสูงคุ้นตากำลังยืนเท้าสะเอวอยู่ด้านนอกระเบียง ตรงหน้าของคนตัวโตมีหม้อใบหนึ่งซึ่งส่งกลิ่นอาหารลอยโชยแม้เรนจะยังไม่พร้อมสู้หน้าจากเหตุการณ์คืนที่ผ่านมา แต่ก็ราวกับสวรรค์จะไม่เห็นใจเธอเท่าที่ควร เมื่อดวงตาคมกริบมองย้อนกลับเข้ามาในจังหวะเดียวกัน “เที่ยงแล้ว” เพลิงเป็นคนบอกเวลาในสีหน้าปกติสุขเหมือนไม่มีเรื่องผิดปกติใดเกิดขึ้น “ทำไมวันนี้นอนขี้เซา?”“…” เรนได้แต่อึกอักเบือนหน้าหนี เมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนเล่นเอาฟ้าเกือบสว่าง จะหมดเรี่ยวแรงมันแปลกตรงไหน…“ทำซุปไก่ต้มฟักไว้ให้ ไปอาบน้ำแล้วมากิน”“อือ” เรนพยักหน้ารับทั้งความงุนงงฉายชัดในแววตา หาก
CHAPTER 33ทอดสะพานสองวันต่อมา ว่ากันว่า ช่วงเวลาแอบรัก เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุด สำหรับเรนเห็นเป็นจริงเช่นนั้น กระทั่งได้พบกับอีกความรู้สึก ได้เจออีกหนึ่งตัวแปรที่เหล่านักรักเรียกกันว่า ความหวังแต่ความหวังที่ว่าก็ราวกับจะเข้ามาเป็นหนึ่งในสมการทดสอบสมรรถภาพทางจิตใจ ส่งผลให้ความลับที่ถูกสะกดซ่อนในส่วนลึกเริ่มสั่นคลอน ความรู้สึกที่ไม่เคยเปิดเผยคล้ายจะควบคุมไม่ได้ ตอนนี้เรนรู้สึกเช่นนั้น จะกล้าก็ไม่กล้า จะกลัวก็ไม่เชิง… หลังจากการแอบรักข้างเดียวกินเวลาผ่านมานานนับสิบปี สดร้อนเมื่อสองวันที่ผ่านมาเธอเพิ่งมีเซ็กซ์กับเพลิง แถมเป็นการมีเซ็กซ์แบบไม่ทันได้ตระเตรียมใจ และเพราะไม่ทันได้เตรียมใจ ทั้งยังไร้สติเกินกว่าจะสะกดเก็บอารมณ์…อาการแต่ละอย่างที่พลั้งเผลอแสดงจึงล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกซึ่งส่งตรงจากก้นบึ้งของหัวใจ ทุกความรู้สึกรั่วไหลออกจากใจในทุกวินาที ชนิดไหลรินไม่หยุดเป็นก๊อกน้ำไร้วาล์วปิดเลยทีเดียว…แม้เสี้ยวหนึ่งในความคิดจะอยากระเบิดความรู้สึกให้รู้แล้วรู้รอด แต่จะให้เธอกล้าเปิดเปลือยทุกความคิดอ่านเพียงเพราะได้เห็นแสงไฟริบหรี่เท่ารูมดได้ยังไง จะออกตัวแรงเพียงแค่เ
CHAPTER 34ประสาผู้ชาย หนึ่งชั่วโมงต่อมา ตึกคณะ แม้เป็นเวลาค่ำ แต่ใต้อาคารเรียนของตึกคณะยังหลงเหลือนิสิตนั่งรวมกลุ่มประปรายโดยมีแสงจากหลอดไฟนีออนให้ความสว่างในตำแหน่งที่มีคนใช้งาน นอกจากคนซึ่งนั่งเตร็ดเตร่ตลอดแนวทางเดินยังมีแว่วเสียงสนทนาดังมาจากทิศทางหนึ่งที่กลุ่มของเพลิงกำลังมุ่งหน้าเดินไป เวลาไม่นานทุกคนก็ถึงห้องทำโปรเจกต์ซึ่งยังติดไฟสว่าง มีนิสิตปีสี่หลายคนกำลังวุ่นวายกับการทำโปรเจกต์กลุ่มอยู่ในนั้น โปกับนิ้งเป็นสองคนแรกที่เดินเข้าไปพร้อมถุงใส่ข้าวกล่องคนละถุงสองถุง “กว่าน้องกูจะมา นึกว่าต้องอดตายซะแล้ว” เต้ยเป็นคนแรกที่ผละจากการรวมกลุ่มของรุ่นพี่ สีหน้าบ่งชัดถึงความหิวโหย “ซื้อมาให้ก็บุญแล้วปะ? ของกินอยู่ห่างออกไปแค่รั้วกั้น ทำไมพวกพี่ไม่ไปซื้อเอง?” อาโปวางข้าวกล่องไว้บนโต๊ะ กอดอกมองด้วยสายตาระอากับภาพคนหิวที่พากันละมือจากงานเข้ารุมรื้อเครื่องเซ่นไหว้ “หิวขนาดนี้ยังต้องรอให้จุดธูปเรียก” ไม่มีใครคิดถือสารุ่นน้องคนสวยซึ่งรู้กันว่าปากดีที่หนึ่ง แต่ก็คนเดียวกันนี่แหละที่อุตส่าห์แวะซื้ออาหารคาวหวานเข้ามาส่งให้ถ
CHAPTER 35รุกเร้ากลางดึกมือหนาจับค้างอยู่ที่ลูกบิดประตูซึ่งถูกล็อกจากด้านใน เพลิงยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาพบว่าเลยเที่ยงคืนมาแล้ว เขาไม่อยากรบกวนการนอนของใครจึงล้วงหากุญแจอีกดอกที่เพิ่งปั๊มเพิ่มมาเพื่อไขเปิดบานประตูแกร๊ก!เพียงบานประตูเปิดออก อุณหภูมิเย็นฉ่ำก็ปะทะเข้าหาร่างกาย ความสงบเงียบบ่งบอกว่าคนด้านในหลับไปแล้ว แสงไฟบริเวณหัวเตียงฉายให้ได้เห็นภาพการนอนคว่ำหน้าของร่างเพรียวบาง มีโน้ตบุ๊กเปิดจอทิ้งไว้ รวมถึงเอกสารประกอบการเรียนวางอยู่ข้างกันทำให้รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะนอน แต่อาจเผลอหลับไปเท่านั้นเพลิงถอดเสื้อผ้าออกในความเงียบเชียบ สายตาจับมองคนที่กำลังนอนน้ำลายยืดใส่หมอนของเขา ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มกับภาพที่ได้เห็นจนชินตา ก่อนในจังหวะถัดมาร่างสูงจะเคลื่อนตัวขึ้นเตียง ถือวิสาสะเปิดดูเอกสารที่หญิงสาวทำค้างไว้ที่หน้าจอ ทั้งหมดล้วนเป็นบทเรียนที่เขาผ่านมาแล้วตั้งแต่เมื่อปีกลายและคงเพราะแรงขยับเคลื่อนไหวจึงทำให้คนข้าง ๆ ตื่นรู้สึกตัวในที่สุด ในทันทีที่เปลือกตาบางเปิดปรือขึ้นมอง เพลิงก็เอ่ยเสียงเรียบ“เธอยังทำนี่ไม่เสร็จ”“ไหนว่าเพลิงจะนอนบ้านพี่เต้ย?” คนตัวเล็กถามในสีหน้างัวเงีย “
CHAPTER 36รุกล้ำ“เพลิง…” คนตัวเล็กมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าในที่สุด เมื่อได้รับสัมผัสจากฝ่ามือหยาบซึ่งเลื่อนเข้ากอบกุมขยำบีบก้อนเนื้ออวบอัดภายใต้เสื้อกล้ามตัวบางทว่าร่างบางขยับได้เพียงเล็กน้อย เพลิงก็ทำหน้าหนาด้วยการทิ้งศีรษะลงระหว่างสองข้อแขนเล็ก เครื่องหน้าคมคายไม่แสดงอาการสะทกสะเทือน ผิดจากคนตัวเล็กที่หลุบสายตามองระหว่างสองแขนเรียวด้วยใบหน้าปลั่งแดง“ทำงานไป”เพลิงส่งสัญญาณเตือนด้วยสายตา พร้อมกันริมฝีปากได้รูปก็แนบประทับเข้าที่เนินเนื้อขาวผ่อง ก่อนคอเสื้อตัวบางที่ไม่ได้ช่วยในการปกปิดจะถูกรั้งต่ำเพื่อปลดปล่อยทรวงอกคู่โต เต้าทั้งเต้าห้อยโตงเตงราวกับจะเชื้อเชิญเรียกน้ำลายคนมอง“รีบทำงานให้เสร็จ” ดวงตาคมจ้องสานสายตา ขณะที่ปลายจมูกกดสูดดมกลิ่นจากเต้าเนื้อขาวผ่อง“…” เรนไม่ได้ปฏิเสธในอารมณ์วาบหวามที่เกิดขึ้น แม้สองสามวันที่ผ่านมาเธอจะแสดงอาการขัดเขินเพียงใด แต่เอาเข้าจริงร่างกายก็ร่ำร้องต้องการในสิ่งเดียวกัน และแม้คนตัวโตจะทำตัวรุ่มร่าม แต่เรนไม่ปฏิเสธว่าเธอก็รุ่มร้อนพอกัน ปลายนิ้วเรียวยังแตะสัมผัสอยู่ที่แป้นพิมพ์ กระทั่งตากลมโตก็พยายามจับมองที่หน้าจอ กระนั้นในระยะสายตาก็สาม
CHAPTER 37ปากดี หลายวันต่อมา เรนไม่รู้ว่าที่กำลังรู้สึกตอนนี้คืออะไร…แม้เสี้ยวหนึ่งในใจเริ่มเกิดคำถามว่าระหว่างเธอและเพลิงคืออะไร แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ในใจกลับรู้สึกสุขล้นแบบที่ไม่เคยพานพบเจอ แม้ไม่มีอะไรชัดเจน แต่ท่ามกลางความไม่ชัดเจนสำหรับคนที่แอบรักคนคนเดียวมาทั้งชีวิต ทั้งยังผ่านความอดทนจากอะไรต่อมิอะไรมานับครั้งไม่ถ้วน แอบร้องไห้ขี้มูกโป่งคนเดียวแค่เพราะอีกฝ่ายอยู่ในความสัมพันธ์ก็บ่อยครั้ง ไหนจะแอบน้อยใจกับสถานะที่เป็นได้แค่เพื่อนก็หลายหน อยู่นอกสายตามาตั้งนานยังรับได้… ฉะนั้นความไม่ชัดเจนเพียงเท่านี้ นับเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วสำหรับเธอ…แม้ไม่รู้ กระทั่งว่าไม่กล้าถาม… แต่ความใกล้ชิดที่นับวันมีแต่จะยิ่งใกล้ก็ราวกับจะเดินหน้าเข้าสู่อีกระดับหนึ่งของความสัมพันธ์ พลันพาให้ใจดวงน้อยรู้สึกเบิกบานแจ่มใสแบบที่ไม่เคยเป็น ตอนนี้เป็นเวลาค่ำ… ในระหว่างที่เรนเพิ่งวางสายสนทนาจากคะนิ้งที่โทรมาเมาท์มอยตามประสาคนขี้เหงา ดวงตากลมโตหลุบมองใบหน้าหล่อเหลาที่นอนฟุบหน้าอยู่บนตักของเธอมานานนับชั่วโมง ‘ง่วง’ ‘นอนดี ๆ สิเพลิง’
CHAPTER 38/1อดไม่อยู่ สิบห้านาทีต่อมา ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออก คนที่โผล่หน้ารับแขกผู้มาเยือนยามวิกาลก็เอ่ยในสีหน้าซีเรียสจริงจัง“กูบอกเลยว่าไม่ใช่แค่มึงสองคนที่เจอ” “เจออะไรกันเหรอ?” เรนที่ยังคงหน้าซีดเผือดถามกลับทั้งริมฝีปากระริกสั่น “ใครเจออะไร?” “เข้ามาก่อน” เทมป์พยักหน้าให้คนมาใหม่เดินเข้าสู่พื้นที่ด้านใน ทันทีที่แขกคู่สุดท้ายมาถึง ทุกคู่สายตาที่นั่งรวมกลุ่มบริเวณโซฟาก็เงยหน้าขึ้นมอง ไม่มีใครแสดงสีหน้าประหลาดใจ คงมีแค่เรนกับเพลิงเท่านั้นที่งงงันกับภาพที่ได้เห็น ตอนนี้เป็นเวลาดึก แต่เพื่อนทุกคนกลับนั่งล้อมวงครบองค์ประชุมไม่ขาดแม้แต่คนเดียว กระทั่งคะนิ้งและอาโปที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ก็นั่งร่วมอยู่ด้วย “มึงสองคนเจอผีอะดิ” คนแรกที่เปิดปากขึ้นในระหว่างที่ทุกคนจ้องกันไปมาคือเติร์ก “กูโทรหาก็ไม่รับ” “เราไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกมา คว้าได้แค่กุญแจรถ” เรนเป็นฝ่ายให้คำตอบถึงสถานการณ์ความเป็นไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน “มิน่า! แต่แค่ได้ยินเสียงรถมึง กูพนันกับไอ้นิ้งเลยว่ามึงเจอแน่!” เติร์กตบเข่าฉาด ร้องฟั
“ตอนนี้เราไม่ได้ร้องสักหน่อย ก็ตอนนั้นเรากลัว” เรนเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ตอนนี้ปล่อยได้แล้ว… อ๊ะ!” ร่างบางต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อแขนกำยำกอดรัดเอวเธอแน่นชนิดกระดูกแทบแหลก “เราหนาว” ใบหน้าหล่อขยับวางบนลาดไหล่เล็ก ก่อนจะตะแคงคอจ้องหน้า “และตัวเธออุ่น” “เราตัวเล็กขนาดนี้ จะเอาความอบอุ่นมาจากไหน?” “เธอตัวเล็กแต่ไขมันเยอะ” “เพลิง!” คนไขมันเยอะถึงกับค้อนตาคว่ำ ทว่าอีกวินาทีก็บ่นกระปอดกระแปด เริ่มผ่อนคลายร่างกายพิงซบกับอกกว้างตามอารมณ์สนทนาพาไป “เราอยากกินขนมหวานที่บ้านจังเลยเพลิง” “ทำไม? ร้านที่นี่ไม่อร่อย?” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย ยิ้มมุมปากกระตุกขบขัน เวลาอย่างนี้ยายเด็กดอยยังมีใจคิดเรื่องกิน… “เราคิดถึงตอนเราไปนั่งกินโต๊ะประจำต่างหาก” คนตัวเล็กอุบอิบในลำคอ เริ่มคว้ามือหนาขึ้นส่องในความมืด “ป่านนี้แม่เรากับคุณป้าน่าจะคิดถึง” “คิดถึงเธอ?” “ก็แน่อยู่แล้วสิ ใครจะคิดถึงเพลิง?” ตากลมโตตวัดค้อนมองอย่างคาดโทษ “ไม่รู้จักโทรไปให้คุณป้าหายคิดถึงบ้างเลย เพลิงนิสัยไม่ดี” “จะโทรทำไม? ในเมื่อเธอโทรอ
SPECIAL 3สัญญาใจ 3 สิบสองปีก่อน “ฮึก!” “กลับบ้านได้แล้ว ถ้าเธอยอมกลับ เราจะปั่นจักรยานให้ซ้อนทุกวัน” “เพลิงขี้โม้ ฮึก!” “เราใจดี” เด็กหญิงตัวน้อยสะอึกสะอื้นอยู่บนชิงช้าซึ่งไร้การกวัดแกว่ง โดยมีเด็กชายวัยเดียวกันยืนใช้ปลายเท้าเขี่ยดินเล่นอยู่ที่ด้านหน้า บริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยเครื่องเล่นมาตรฐานที่สนามเด็กเล่นทั่วไปพึงมี ตอนนี้เป็นเวลาเกือบพลบค่ำ เด็ก ๆ พากันกลับเข้าบ้านหมดแล้ว เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงสนทนากันเพียงลำพัง เด็กชายรู้ดีว่าหากเขาไม่พาเพื่อนกลับบ้านก่อนค่ำมืดจะต้องโดนผู้เป็นแม่ดุ แต่เพราะอีกฝ่ายยังคงมีคราบน้ำตาปรากฏบนใบหน้าจึงอดทนรออย่างใจเย็น “จะค่ำแล้ว เดี๋ยวน้าศรีเป็นห่วง เธอจะโดนดุ และเราก็จะโดนแม่ตี” เสียงใจดีพยายามเอ่ยถึงบทลงโทษที่ทั้งคู่อาจได้รับหากมัวเถลไถลไม่ตรงต่อเวลาที่มีการตกลงกับพ่อแม่เอาไว้ แม้สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีไม่ต้องกลัวคนนอกเข้าออก อีกทั้งบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ไม่ไกลจากสนามส่วนกลาง รวมถึงต่างโตพอจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าตา
SPECIAL 2สัญญาใจ 2สิบนาทีต่อมาร่างผอมบางของเรนยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม สายตากวาดมองไปยังความคึกคักรอบด้าน เครื่องหน้าหมดจดมียิ้มมุมปากผุดเผยในสีหน้า เพียงคิดว่าเพลิงจะต้องกระดากอายกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นเธอก็รู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูกหลังจากการแสดงห้องล่าสุดของระดับชั้นจบลง เพียงแค่ร่างสูงคุ้นตาเดินขึ้นเวทีพร้อมกีตาร์ตัวหนึ่งเพื่อทำโชว์คิวถัดไป เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาว ๆ ต่างก็เริ่มวี้ดว้ายกระหึ่มลั่นไปทั่วทั้งลานอเนกประสงค์ด้านหน้าเวทีเรนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเสียงที่ได้ยิน รวมถึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดจำนวนคนถึงแห่กันมายืนมองแน่นขนัดไปหมด เพื่อนสนิทของเธอเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนเรื่องนี้หญิงสาวไม่เถียง แต่ตอนนี้คงมีแค่เธอคนเดียวที่กำลังหัวเราะกับท่าทีผิดปกติไปจากเคยของคนที่ว่าสายตาของเพลิงกวาดมองไปโดยรอบในจังหวะที่หย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งมีการเตรียมไว้กลางเวที ก่อนสายตาที่ว่าจะจบลงยังตำแหน่งที่เรนกำลังยืนกอดอกมอง“สวัสดีครับ”“กรี๊ด!!!”“พี่เพลิง!!!”“ว้าย!!!”เพียงเสียงคุ้นหูทักทายผ่านไมโครโฟนซึ่งเสียบอยู่บนขาตั้งในระดับพอดีกับริมฝีปาก เสียงวี้ดว้ายของสาว ๆ ก็ตอบรับด้วยเสียงกระหึ
SPECIAL 1สัญญาใจ 1 หลายปีก่อน “เพลิงจะเขินอะไร?” “ไม่เขินได้ไง? คนทั้งโรงเรียน” “รุ่นน้องกรี๊ดเพลิงกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องอาย” “อาย” เพลิงพยักหน้ารับไม่กระดากแม้แต่นิด “เธอลองขึ้นไปร้องเพลงแล้วมีคนเป็นพันนั่งมองอยู่ข้างล่างเวทีดูไหม?” “ทำไมป๊อดงี้? ตัวก็ตั้งโต” “มันใช้คำว่า ‘ป๊อด’ ได้ที่ไหน?” ร่างสูงในชุดนักเรียนยกแขนขึ้นปาดเหงื่อซึ่งชื้นผ่านใบหน้า ท่ามกลางผู้คนซึ่งเดินขวักไขว่ ท่ามกลางเสียงดนตรีสดวงปัจจุบันกำลังบรรเลงอยู่บนเวทีกลางของโรงเรียน สองหนุ่มสาวยืนปรับทุกข์ห่างออกมาทางด้านหนึ่ง “ถ้าเราขึ้นร้องเพลงแทนเพลิงได้ก็คงทำไปแล้ว” คนตัวเล็กทำทีตบเข้าที่อก “ถ้าเป็นเราไม่อายหรอก” “เธอก็พูดได้” เพลิงหรี่ตามองอย่างไม่ศรัทธา แค่จะคุยกับเพื่อนคนอื่น เจ้าตัวยังต้องคอยให้เขาเป็นสะพานเชื่อมอยู่เรื่อย เมื่อโดนสายตาสบประมาทของชายหนุ่มหลุบมอง หญิงสาวในชุดนักเรียนก็ทำทีเปลี่ยนเรื่อง “เพลิงเป็นตัวแทนห้องนะ ทำหน้าที่หน่อยสิ ใจกล้า ๆ หน่อย” “ใครจะเก่งเ
CHAPTER 61ฝันละเมอ 4หนึ่งชั่วโมงต่อมาร้านขนมหวานร้านเดิมยังคงมีคนต่อคิวซื้อจนหางแถวยาวออกไปด้านนอกตัวร้าน เพลงที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศเป็นเพลงภาษาถิ่นเหมือนเช่นทุกครั้ง กระทั่งลูกค้าก็ยังคงเป็นหน้าเดิม ๆ สภาพแวดล้อมแสนคุ้นเคยราวกับจะพาใจย้อนไปในวันวาน เหมือนเมื่อวานนี้เองที่สองเพื่อนสนิทในชุดนักเรียนมัธยมปลายพากันแว้นมอเตอร์ไซค์มาตบน้ำตาลเข้ากระแสเลือดในทุกค่ำของทุกวันหลังจากได้กินของหวานปิดท้าย สองหนุ่มสาวลูกค้าขาประจำของร้านยังคงนั่งรอออร์เดอร์ซึ่งสั่งกลับบ้านเป็นปกติธรรมดาอีกสองชุดใหญ่ระหว่างที่เพลิงสนทนาอยู่กับเพื่อนสมัยมัธยมที่บังเอิญเจอ เรนกำลังกวาดสายตามองกระดาษโน้ตหลากสีซึ่งกระจายแปะเต็มพื้นที่ผนังด้านหนึ่งของตัวร้าน โน้ตแต่ละแผ่นล้วนมีข้อความบางอย่างเขียนไว้ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเคยมาเหยียบเยือนสถานที่ ทั้งจากลูกค้าที่เป็นขาประจำ รวมถึงลูกค้าขาจรก็ด้วยเช่นกันข้อความโดยส่วนมากเป็นการระบุว่าได้มาเยือนกับใคร มีทั้งที่เป็นคู่รัก มีทั้งที่เป็นกลุ่มเพื่อน มากันเป็นครอบครัว กระทั่งคนที่คล้ายจะประชดชีวิตโสดเขียนว่ามากินกับ หมา ก็มี“ทำไร?”“หืม?” เรนขานเสียงรับในล
CHAPTER 60ฝันละเมอ 3 ตอนค่ำ ตั้งแต่จำความได้ โต๊ะอาหารที่บ้านของเพลิงไม่ได้มีเฉพาะคนในครอบครัวแต่มีสมาชิกอีกสองคนมาร่วมรับประทานมื้อค่ำด้วยกันเสมอ เว้นแค่ช่วงเช้าเท่านั้นที่เพลิงจะเป็นฝ่ายไปฝากท้องที่บ้านหลังข้างกัน เสียงเจื้อยแจ้วคุ้นเคย รวมถึงการกุลีกุจอเป็นลูกมือหยิบจับทุกสิ่งอย่างของเรนเป็นสิ่งที่เพลิงได้เห็นมาจนชินตา นอกจากจะกระตือรือร้นเป็นปกติ คนที่ทำให้มื้ออาหารดำเนินไปด้วยรอยยิ้มก็คือเจ้าตัว เพลิงเคี้ยวข้าวกร้วม ๆ สลับสายตามองคนนั้นทีคนนี้ทีเพื่อสังเกตท่าทีว่าเป็นเวลาเหมาะสมหรือไม่ที่เขาจะเอ่ยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนออกมาบรรยากาศเป็นไปด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนาน เรนกำลังช่วยผสมโรงมีอารมณ์ร่วมอยู่กับยายน้อยและน้าศรี ที่ต่างก็อินกับการก่นด่านางร้ายในละครซึ่งเปิดผ่านทางโทรทัศน์ ที่ได้เห็นไม่ใช่ภาพน่าประหลาดใจสำหรับเพลิง ในที่นี้มีเพียงเขาและพ่อเท่านั้นที่มองหน้ากันเองแล้วส่ายหัวไปมา “พ่อ” ในที่สุดเพลิงตัดสินใจหันมองหน้าบิดา เอ่ยในสีหน้านิ่งสนิท “ผมมีไรจะบอก” คนเดียวที่ว่างพอจะสนทนากับลูกชายถึงกับวางช
CHAPTER 59ฝันละเมอ 2ริมฝีปากอุ่นประทับผ่านลำคอเรียวระหง…เพลิงซุกไซ้ใบหน้าสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของคนตัวเล็กที่นอนนิ่งรับสัมผัสแต่โดยดี นัยน์ตาคมเลื่อนมองผิวกายขาวเนียนผุดผ่องเป็นยองใยทุกจุดที่ปลายลิ้นลากผ่าน ค้างนานบริเวณยอดถันสีชมพูหวาน หมดเวลากับการดูดเลียหัวนมสวยสะพรั่งของหญิงสาวนานหลายนาที ขณะที่ปากดูดเม็ดเต่งชูชัน มือหนาก็ขยำนวดเต้าข้างที่ว่างเว้นด้วยความมันมือแต่ละสัมผัสดำเนินไปอย่างเงียบเชียบเพราะสถานที่ไม่เป็นใจ ทว่าทุกวินาทีที่ดำเนินผ่านล้วนเต็มไปด้วยความหวามหวิวในอารมณ์ สายตาของชายหนุ่มหลุบเลื่อนมองตามสัดส่วนโค้งเว้าด้วยประกายตาเร่าร้อนแม้เรนจะกินเข้าไปมากเกินกว่าขนาดตัว แต่บั้นเอวผอมบางกลับไร้ชั้นไขมัน ทั้งยังเว้าสวยมิใช่เพียงแต่เร้าอารมณ์ภายใน ทว่ายังดึงดูดสันจมูกคมให้ไล้ผ่านตามแนวคดโค้ง ริมฝีปากอุ่นกดจูบสลับกับการดูดดึงเนื้อกายผ่องขาวไม่ละสัมผัสแม้แต่วินาที เพลิงชันกายขึ้นนั่ง สองมือคว้าสะโพกคนตัวเล็กขึ้นในระดับเดียวกัน สายตามากด้วยอารมณ์ทอดจับเรือนร่างสุดเซ็กซ์ ตั้งแต่เต้าใหญ่โตที่ประดับด้วยป้านบัวสดสวยขนาดเต็มปากเต็มคำ ทั้งแอ่งสะดือเล็กบนหน้าท้องแบนราบ ร
CHAPTER 58ฝันละเมอ 1 วันต่อมา เชียงใหม่ สองหนุ่มสาวลงเครื่องเหยียบพื้นดินบ้านเกิดตั้งแต่ช่วงเช้าของวันแต่เมื่อถึงบ้าน เพลิงก็ปลีกตัวไปนอนหลับให้เต็มตาสักตื่น เขาตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนเที่ยงตรงพอดิบพอดี กว่าจะจัดการตัวเองเรียบร้อยแดดบ่ายก็เริ่มสาดต่ำผ่านกระจกหน้าต่างในตำแหน่งเดียวกับที่สายตามักหันมองเสมอ ทางด้านซ้ายของบ้านเขาเป็นบ้านอีกหลังที่มีขอบรั้วอยู่ชิดติดกัน ประตูรั้วบ้านหลังนั้นเปิดอ้าบ่งบอกว่ามีคนอยู่อาศัย รถญี่ปุ่นรุ่นเก่าของน้าศรีจอดนิ่งอยู่ในโรงจอด แคนาต้นเดิมสะบัดใบพลิ้วไหวตามสายลมซึ่งพัดเอื่อยหน้าต่างบานคู่ของห้องนอนบนชั้นสองเปิดอ้ารับลม ดอกไม้ปลอมที่ประดับรอบขอบหน้าต่างด้านนอกที่เพลิงตกแต่งให้ตามคำเรียกร้องของคนบางคน บัดนี้แห้งกรอบเพราะผ่านลมฝนมาหลายฤดูเพียงความคิดนึกย้อนถึงภาพคนตัวเล็กที่ยืนเท้าสะเอวออกคำสั่งอยู่ด้านล่าง โดยที่เขาต้องเป็นฝ่ายใช้บันไดลิงไต่ปีนขึ้นไปจัดการ เครื่องหน้าคมคายก็ปรากฏยิ้มกว้างเสียงแหวแว้ดของเรน รวมถึงการโต้เถียงด้วยความรำคาญของเขาที่ต่างก็อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายยังคงชัดเจนในความทรงจำ
CHAPTER 57ความลับ 2หนึ่งชั่วโมงต่อมา วันนี้ไม่มีใครเมา… หลังจากจบการล้วงความลับของบรรดาตัวสอดรู้ เพลิงก็เอ่ยปากชวนหญิงสาวกลับห้องในทันทีเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางในช่วงเช้า อีกทั้งตั้งแต่แรกก็ตั้งใจเพียงเพื่อมาแสดงความยินดีกับเจ้าของร้านเท่านั้นจึงไม่คิดที่จะอยู่ต่อ เพราะเป็นละแวกร้านเหล้าซึ่งทำลานจอดรถไว้ที่ซอยถัดไป ทำให้คนเป็นลูกค้าต้องลำบากเดินไปเอายานพาหนะส่วนตัว แต่ตอนนี้มีแค่คนเดียวที่กำลังเดิน…ร่างสูงก้าวรุดไปด้านหน้าได้อย่างคล่องตัวแม้จะมีอีกคนเกาะติดอยู่บนหลังก็ตามที นานตั้งแต่เพลิงจำความได้ หญิงสาวชอบขี่หลังเขาเสมอ ไม่ว่าตอนเด็ก ตอนโต จะเมา กระทั่งว่าไม่เมา เจ้าตัวก็มักร้องขอการอำนวยความสะดวกแทบทุกครั้งไป บรรยากาศยามคืนค่ำดำเนินผ่านอย่างเชื่องช้า ทุกจังหวะก้าวย่างของคนตัวสูงไม่เร่งร้อนเช่นเดียวกัน สายลมพัดเอื่อยปะทะผ่านร่างกาย รวมถึงเสียงเจื้อยแจ้วที่ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีราวกับจะขับกล่อมความรู้สึกให้ลอยล่องไปไกล หัวใจพองโตเป็นอย่างไรเพลิงมีโอกาสได้สัมผัสหลายครั้งหลายหนในช่วงระยะเวลาให้หลังที่ผ่านมา เรื่องบางอย่างที
CHAPTER 56ความลับ 1 สัปดาห์ต่อมา เพลิงอยากตั้งประเด็นสอบถามในหัวข้อใครเป็นคนคิดงานเลี้ยงอำลาส่งท้ายพี่ปีสี่ งานที่ตั้งแต่เปิดภาคเรียนเขาได้ร่วมสังสรรค์มานับครั้งไม่ถ้วน จะเลี้ยงส่งกันเพื่ออะไรในเมื่อรุ่นพี่ชั้นปีที่ว่าก็ยังเห็นหน้ากันอยู่ทุกวันวันนี้เป็นอีกคืนที่พวกเขาต้องเข้าร่วมสมาพันธ์ขยันอำลาอีกครั้ง บรรยากาศยามค่ำคืนยังคงเต็มไปด้วยแสงสีเสียง ร้านนั่งชิลล์เปิดใหม่ที่คึกคัก และคนแน่นเป็นพิเศษเพราะโปรโมชันฉลองเปิดร้านเป็นร้านของรุ่นพี่ที่เรียนจบไปเมื่อปีก่อน พี่เจ เจ้าของร้านเป็นประธานรุ่นของรุ่นที่ว่า แม้จะมีงานการทำเป็นหลักแหล่งตามใบประกอบวิชาชีพที่เรียนจบไป แต่ก็ไม่วายเกิดอยากเปิดร้านเหล้าเป็นงานอดิเรก จากโปรโมชันที่แปะโชว์แผ่นเบ้อเร่อที่หน้าร้านบ่งชัดว่าคงทำเป็นงานอดิเรกจริง ๆ “ไว้มาใหม่นะ ช่วงนี้มีโปรทุกวันครับน้อง รับรองประทับใจจนลืมไม่ลง” เจ้าของร้านให้การปฏิเสธลูกค้าเพราะไม่มีที่ว่างพอให้ใครเบียดเข้ามาในร้านได้อีกแล้ว เสียงที่ว่าดังต่อเนื่องมาร่วมสิบนาที ร่างสูงซึ่งสวมใส่เชิ้ตเข้ารูปสีขาวกับสแลกส์ดำเรียบกริบเป็นภา