“คุณนัย” หล่อนทิ้งตัวคุกเข่าตามมา เขายกแขนออกมากันเอาไว้ไม่ยอมให้หล่อนได้ถึงตัวเขา ทำให้พิมลแขปล่อยโฮออกมาอย่างยอมอับอาย “ทำไมทำกับแขอย่างนี้ล่ะคะ คุณนัย”
“มันเป็นเรื่องอดีตแล้วนะ”
“ไม่...” หล่อนส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม “แขรักคุณนะคะ รักคุณคนเดียว เพียงแต่คุณยินยอมเท่านั้น แขยินดีสละทุกอย่างเพื่อคุณ”
“คุณธวัชเป็นคนดีที่สุดแล้ว”
“แต่แขไม่ได้รักเขา”
“คุณแข...ความรักน่ะเป็นสิ่งสวยงามเสมอนะ กินไม่ได้ก็จริงแต่มันก็มีค่า เขารักคุณมาก...คุณจะมีความสุขมีทุกอย่างเมื่อแต่งงานกับเขา...จำผมเอาไว้เถิดว่าคุณจะมีความสุขหากเลือกผู้ชายที่รักคุณ...ถึงคุณจะไม่รักเขาเลยก็เถิด”
“แต่แขรักคุณ”
เขาถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง มองหล่อนเหมือนจะปลง...กับพิมลแข...ลัคนัยรู้สึกเหมือนหล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นๆ เคยมีสัมพันธ์กันบ้างก็เป็นตัวเองเอาไว้ ในเมื่อก่อนหน้านี้หล่อนกับนายธวัชยังไม่ได้ตกลงกันแน่นอน แต่เมื่อเขารู้ ลัคนัยก็ไม่เคยแตะต้องพิมลแขอีกไม่ว่าหล่อนจะพยายามและเขามีอารมณ์ร่วมคล้อยตามสักเพียงใดก็ตามที
เขามีทางระบายออกทางอื่น โดยไม่ให้พิมลแขต้องพัวพันกับเขาอีก
เขาไม่อยากทรยศต่อนายธวัช ทำแบบนั้นมันเหมือนเขาเนรคุณประเภทกินบนเรือนขี้บนหลังคาชัดๆ
“คุณจะไม่มีความสุขนะ คุณจะมีแต่ความปวดร้าวเพราะผมไม่ได้รักคุณ”
เขาพูดออกมา โดยไม่ถนอมน้ำใจของหล่อนอีกเลย พิมลแขสะอื้นไห้...หล่อนทิ้งตัวลงนั่งเหมือนหมดอาลัยตายอยาก และเขาก้มมองหล่อนอย่างสมเพช ลุกจากไปเงียบๆ พิมลแขยังได้ยินน้ำเสียงของเขา
“ผมจะทำให้คุณเจ็บปวดได้ทุกอย่าง...อย่าเอาตัวเองมาทรมานเลย การอยู่กับคนที่คุณรักแต่เขาไม่ได้รักคุณ มันก็เหมือนคุณก้าวลงนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจนั่นแหละ...สวรรค์ก็รออยู่แค่มือเอื้อม...ไปเสวยสุขให้คุ้มดีกว่า”
เขาเดินลับกายเข้าไปในห้องนอน ปล่อยหล่อนเอาไว้ตรงนี้ พิมลแขรู้สึกได้ดีถึงความอ้างว้าง ถึงความเล็กกะจ้อยร่อยของตัวเองในห้องกว้างๆ นี้...น้ำตายังไม่ยอมหยุดไหลมันยังคงพรั่งพรูกันออกมา
หล่อนไม่ต้องการสวรรค์นั้น หล่อนอยากเดินลงนรกแต่ประตูนรกก็ปิดกั้นสำหรับหล่อนเสียอีก อีก
เกือบสิบนาทีที่หล่อนทำให้น้ำตาตัวเองแห้งลงได้ แล้วลุกเดินเข้ามาในห้องนอน...เห็นเขานอนเขลงอยู่บนนั้น ถุงเท้ายังอยู่เรียบร้อย และเสื้อก็ยังทับชายอยู่ในกางเกง มือข้างหนึ่งพาดอยู่บนหน้าผาก...
“ขอแขกอดคุณอีกสักครั้งได้ไหม” น้ำเสียงของหล่อนละห้อยเสียเหลือเกิน... “กอดเฉยๆ” หล่อนบอก ทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง เขายังนอนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อน “แขรู้ว่าข้างหน้ามันอ้างว้าง มันไม่มีคุณอีกแล้ว เห็นกันใกล้ๆ แต่แตะต้องไม่ได้”
แขนของหล่อนยกกอดเขาเอาไว้ อบอุ่นเมื่อได้แนบชิด แต่หล่อนก็รู้ว่าต่อให้ปลุกเร้าเขา ก็ไม่มีวันทำให้เขาเป็นของหล่อนได้อีก พิมลแขนึกถึงครั้งล่าสุดเมื่อเดือนก่อนยังจำรสชาตินั่นได้ไม่รู้ลืม...มันคงจะอยู่กับหล่อนต่อไปอีกนานแสนนานกับบทรักที่หาชายคนใดมาเทียบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาเจนจัด แต่เพราะเขาเป็นชายที่หล่อนรัก...อะไรก็ดูดีชวนประทับใจไปเสียหมดนั่นแหละ
“คุณจะกลับไปอยู่ในบ้านนั้นอีกไหม”
“ก็คงจะยังไปๆ มาๆ”
เขาตอบอย่างระมัดระวังยิ่ง “เพราะที่โน่นก็ไม่มีใครคุณวัชเองก็อยากให้ผมดูแลบ้าน...”
“เขาพูดถึงลูกสาวเขาด้วย”
“คุณเหมือนชนกน่ะหรือ”
“สวยไหม”
“ก็สวย...สวยเหมือนคุณวิสาขา...”
“คงสวยมาก”
“ใช่”
“คุณนัย..” หล่อนยกตัวเองขึ้นจากท่านอนราบพลิกกายเป็นนอนคว่ำไม่ใส่ใจกับเสื้อผ้าสวยๆ ที่สวมใส่ “คุณชอบลูกสาวคุณวัชหรือเปล่า” อารมณ์แบบผู้หญิงชัดเหลือเกิน แต่ท่าทีของลัคนัยก็ยังเรื่อยๆ เป็นแบบฉบับของเขาเองที่พิมลแขอ่านไม่ออกเพียงแต่หล่อนยังระแวงเท่านั้น
“คุณเหมือนชนกก็เหมือนเจ้านายอีกคนของเขา นี่คุณวิสาขาก็ฝากผมให้ดูแลเธอด้วยเหมือนกัน”
“ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วไม่ใช่หรือคะ”
“คุณนกอายุยี่สิบสอง...ก็ไล่ๆ คุณนี่แหละ”
“คุณวัชก็รีบกลับบ้านเหลือเกิน เจอแขแค่ชั่วโมงเดียวก็แจ้นกลับไปบ้าน บ่นแต่ว่าต้องกลับไปนั่งโต๊ะกินข้าวกับลูกสาว...”
“ขอให้รู้เอาไว้อย่างหนึ่งนะ คุณวัชรักคุณเหมือนชนกมาก...อย่าแตะต้องลูกสาวเขาเป็นอันขาด แล้วคุณจะได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
“ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ” พิมลแขพึมพำ “แขยังไม่เคยเจอคุณเหมือนชนกอะไรนี่เลยนะ...แต่ดู
เหมือนว่าจะเป็นคนที่ไม่น่ารักสักเท่าไหร่เลย”
เขาไม่ยอมตอบอีกต่อไป...มีอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับเหมือนชนกที่เขาอยากเก็บเอาไว้รับรู้คนเดียวมากกว่าเหมือนชนก...ผู้หญิงที่ไปจากบ้านเมื่อสองปีก่อนหน้านี้หล่อนยังเหมือนเดิมทุกอย่างเท่าที่เขาได้เห็น เวลาไม่ได้เปลี่ยนแปลงหล่อนไปจากเดิม และที่เขาได้เห็นเพิ่มเติมก็คือเค้าแห่งความยุ่งยากทั้งหลายทั้งปวง ที่จะเกิดจากการกระทำของหล่อน
“คุณนัย”
พิมลแขเกยคางมาบนอกเขา “แขยังไม่มั่นใจเลยนะว่าระหว่างแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงจะเป็นอย่างไรบ้าง”
เขานิ่งไปชั่วอึดใจหนึ่งจึงมีคำตอบให้ “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มีสติเอาไว้เท่านั้นเป็นพอ”
เหมือนชนกนอนไม่หลับ ได้แต่กระสับกระส่ายอยู่บนเตียง กลอกตามองไปรอบๆ หล่อนก็ยังพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนในสภาพเดิมก่อนหล่อนจะไปจากบ้าน วัตถุเหมือนเดิม...ยังคงอยู่ที่เดิมรูปแบบเดิม แต่คนซิ...คนที่เปลี่ยนไป...พ่อกับแม่หย่ากัน...รับรู้เรื่องนี้ด้วยความคาดไม่ถึง แม้ว่าจะมีเรื่องระหองระแหงกันมายาวนานแต่เหมือนชนกก็ไม่อยากจะให้ลงเอยแบบนี้
หล่อนลุกจากเตียงเมื่อรู้ว่าขืนนอนต่อหล่อนก็นอนไม่หลับ เสื้อยืดตัวยาวคลุมเข่าดูเรียบร้อยเมื่อดูเงาจากกระจกแล้วหล่อนก็เดินลงมาข้างล่าง บ้านใหญ่เงียบเชียบเหลือเกินเหมือนบ้านร้าง
“คุณนก”
เสียงทักจากด้านหลัง หญิงสาวหันกลับมา ก็เห็นสาวใหญ่ผู้เป็นแม่บ้าน ในเสื้อขาวและกระโปรงสีน้ำเงินดูเรียบๆ ไปทั้งตัว นางยิ้มให้ด้วยท่าทางยินดี... “คุณยังเหมือนเดิมนะคะ”
“น้าไพก็เหมือนกัน” หล่อนทักตอบอย่างอ่อนโยน ไพพรรณเข้ามาทำงานที่บ้านนี้เกือบจะยี่สิบปีแล้ว เป็นคนเก่าแก่ที่สุด และคุ้นเคยกับบ้านนี้มากที่สุด...
“ยังดูเหมือนเดิมนะคะ แต่อย่างว่าสองปีเท่านั้นจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้นักหนา...”
“ดิฉันจัดห้องเอาไว้เหมือนเดิม ไม่ทราบว่าคุณนกอยากจะให้เปลี่ยนแปลงบ้างไหม”
“ยังหรอก...มันก็ยังดีอยู่นี่...ฉันอยากเดินดูบ้าน...”
แล้วหล่อนก็เห็นท่าทางอึ้งอั้นของไพพรรณ...เหมือนเกิดไม่สบายใจขึ้นมากะทันหัน ท่าทีแปลกๆ นั่นทำให้เหมือนชนกยิ่งฉงนฉงาย
“มีอะไรหรือ น้าไพ...ฉันไปสองปีเท่านั้น...ยังมีอะไรอีก...นอกจากเรื่องที่พ่อแม่หย่ากัน...”
“ตายจริง...คุณนกทราบเรื่องแล้วหรือคะ”
“ไม่เห็นจะน่าตกใจเลยนี่ ก็มันเป็นความจริงไม่ใช่หรือ เพียงแต่ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นนานแค่ไหน เอาอย่างนี้แล้วกัน...น้าไพ...ไปนั่งคุยกับฉันก่อน”
โถงกว้างชั้นบนมีชุดเก้าอี้ทำด้วยหวายลายละเอียดตั้งอยู่พร้อมกับโต๊ะเตี้ยมีกระจกแผ่นหนาใสวางเอาไว้ข้างบน....แจกันดอกไม้ปักด้วยกุหลาบสีชมพูงามสะพรั่ง...เหมือนชนกเกือบจะไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ หล่อนนั่งลงบนเบาะที่หุ้มด้วยผ้าฝ้ายสีสดใสพิมพ์ลวดลายดอกไม้อ่อนหวาน หยิบเอาหมอนสี่เหลี่ยมทำจากผ้าลายเดียวกันมากอดเอาไว้ หันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกที่เปิดกว้างเอาไว้ให้สายลมได้โกรกเข้ามาเต็มที่ “ฉันอยากรู้เรื่องของพ่อกับแม่” “ดิฉันไม่อาจจะพูดอะไรได้” “ฉันอยากรู้” เหมือนชนกบอกย้ำอีกหนหนึ่ง ไพพรรณทำท่าอึดอัดจนเห็นได้ชัด “คุณวิสาขากำชับเอาไว้ว่าไม่ให้ดิฉันพูดนะคะ...อย่าทำให้ดิฉันผิดคำพูดเลย” “ฉันต้องไปคุยกับแม่ใช่ไหม...แล้วตอนนี้แม่ไปอยู่ที่ไหน” “บ้านที่สุขุมวิทค่ะ” “ที่เดิมล่ะซิ” “ค่ะ...บ้านของคุณยายคุณนก” “แล้วตึกโน้นล่ะ...” หล่อนชี้มืออกไป... “ใครอยู่” “คุณลัคนัยค่ะ” หญิงสาวอึ้งไป...ไพพรรณสังเกตเห็นได้ทันทีว่าหญิงสาวมีท่าทีไม่พอใจนักเมื่อได้ยินชื่อนั้น “ท่านกรุณาเขามาก” “พ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ ลูกรัก” พอเหมือนชนกก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งตอนหลังของรถคันหรูสีทองคันนี้ก็ได้รับการโอบกอดจากวงแขนเรียวๆ คู่หนึ่ง กลิ่นหอมฟุ้งตลบเข้าจมูก หล่อนก็แข็งขืนตัวเองเอาไว้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อยินยอมให้มารดาโอบกอดอย่างนั้น วิสาขาจูบแก้มลูกสาวแรงๆ ทำเหมือนรักใคร่ที่สุด แต่เหมือนชนกก็ยังตัวแข็ง...หล่อนร่ำร้องในใจว่าแม่เล่นละครอีกแล้ว “ไม่นึกว่าแม่จะมาด้วย” หล่อนพึมพำออกมา น้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย คงเฉยเมยเหมือนดังเช่นเคย เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ นี่ก็เช่นเดียวกัน วิสาขาไม่ใช่คนคิดมาก เธอจึงหัวเราะเบาๆ “ก็ต้องพูดกันย่ำแย่กับพ่อของลูก กว่าเขาจะยอมให้แม่นั่งรถคันนี้มาด้วย ลูกเป็นไงบ้าง...ไหนแม่ดูทีซิ” เธอผลักลูกสาวออกห่างตัวเกือบจะชิดประตูอีกด้าน ทำให้นายธวัชที่กำลังจะก้าวตามเข้ามาเม้มปากอย่างหงุดหงิดอารมณ์ที่ผ่องแผ้วของเขาหายสูญไปหมดสิ้น นับจากตอนเช้าที่วิสาขายกโทร.แจ้งความจำนงว่าจะมารับลูกสาวด้วย เขาไม่ได้ทำใจมาก่อนว่าเขาจะยังจะต้องเจอะเจอกับอดีตภรรยาอย่างใกล้ชิดอีก แล้วนายธวัชก็เปิดประตูด้านหน้าขึ้นมานั่ง
ชายหนุ่มเดินออกมาด้านหน้าตึก ได้ยินเสียงทะเลาะกันแว่วๆ ของอดีตสามีภรรยา ท่าทียืนประจันหน้ากันนั้นบอกให้รู้ว่าจะไม่มีการยอมกันและกันเป็นอันขาด...นี่เป็นอีกคู่หนึ่งที่เหมือนชนวนระเบิดในบ้าน “ผมขอห้ามนะ อย่ายุ่งกับลูกผมอีก” “ก็ลูกฉันด้วยเหมือนกัน ฉันเป็นแม่นะ...คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน” “ก็ขอให้รู้เอาไว้ เรื่องลูกผมจัดการเองได้” “ไปจัดการกับนังเมียใหม่ของคุณดีกว่า ลูกนี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน” “ไม่...” นายธวัชเสียงกร้าว “ผมไม่อยากเห็นลูกเป็นอย่างคุณ...วันๆ เอาแต่ลอยละล่องไม่มีประโยชน์” “ใช่ซิ...” น้ำเสียงของวิสาขาแหลมจัดขึ้นมาทันใดเหมือนกัน “ฉันมันไม่น่าเสน่หาแล้วนี่ ไหนเลยจะสู้อีนางงามนั่นได้เล่า...มันล่ะมีประโยชน์แค่ไหน...รึไอ้ที่คุณจับมันมานั่งแทนทำงานจะพิสูจน์ว่านอกจากสวยแล้ว อีนั่นก็มีสมอง...โธ่เอ๊ย...ก็อีแค่นางงามคนหนึ่งเรียนก็ยังไม่จบ...ประโยชน์มันแค่เรื่องบนเตียงใช่ไหมล่ะ...” ลัคนัยก้าวออกไปให้เห็นเสียก่อนที่สงครามน้ำลายจะยืดเยื้อต่อไปอีก นายธวัชหันมามองเขา เงียบไปได้เหมือนกัน “นัย...ช่วย
เขาเคยหวาดกลัวเมื่อหล่อนกลับมาบ้าน...แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี...เขาจะทำอย่างไรกับเหมือนชนก หล่อนจะยอมเข้าใจสักแค่ไหนกับการหย่าร้างของเขา และกับการแต่งงานใหม่ของเขากับพิมลแขที่จะถึงในเร็ววันนี้ เพราะเหมือนชนกรีบร้อนกลับบ้านก่อนกำหนด เขาเองไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ เขายังคิดว่าหล่อนจะบินไปเที่ยวยุโรปเสียก่อน...เมื่อหล่อนกลับมาก็มีพิมลแขเข้ามาในบ้านแล้ว ทุกอย่างอาจจะง่ายดายเข้า... นายธวัชลงบันไดหินอ่อนมาข้างล่าง เขายังเห็นวิสาขานั่งที่เก้าอี้ในห้องรับแขก...ท่านั่งไขว่ห้างในมือมีบุหรี่คีบอยู่และมองมายังเขาแบบนั้นบอกให้รู้ว่าเธอยังมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว” เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ ผ่านหน้าไป วิสาขาส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ตามหลังเขามา “คุณเห็นใช่ไหมว่าลูกสะเทือนใจมากเหลือเกินกับเรื่องหย่าของเรา...ฉันอยากปรึกษากับคุณเรื่องอนาคตของลูก” “คุณห่วงลูกเหมือนกันหรือ” “ฉันเป็นแม่นะ” ชะโงกตัวไปเขี่ยเถ้าบุหรี่ลง วิสาขามีมาดชวนให้ขัดสายตาเสมอ แล้วเธอก็ค่อนข้างจะ ‘โอเวอร์’ เสมออีกด้วย “ฉันก็รักลูกเป็น แต่ฉันไม่ได้พร่ำเพรื่ออย่าง
โถงกว้างชั้นบนมีชุดเก้าอี้ทำด้วยหวายลายละเอียดตั้งอยู่พร้อมกับโต๊ะเตี้ยมีกระจกแผ่นหนาใสวางเอาไว้ข้างบน....แจกันดอกไม้ปักด้วยกุหลาบสีชมพูงามสะพรั่ง...เหมือนชนกเกือบจะไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ หล่อนนั่งลงบนเบาะที่หุ้มด้วยผ้าฝ้ายสีสดใสพิมพ์ลวดลายดอกไม้อ่อนหวาน หยิบเอาหมอนสี่เหลี่ยมทำจากผ้าลายเดียวกันมากอดเอาไว้ หันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกที่เปิดกว้างเอาไว้ให้สายลมได้โกรกเข้ามาเต็มที่ “ฉันอยากรู้เรื่องของพ่อกับแม่” “ดิฉันไม่อาจจะพูดอะไรได้” “ฉันอยากรู้” เหมือนชนกบอกย้ำอีกหนหนึ่ง ไพพรรณทำท่าอึดอัดจนเห็นได้ชัด “คุณวิสาขากำชับเอาไว้ว่าไม่ให้ดิฉันพูดนะคะ...อย่าทำให้ดิฉันผิดคำพูดเลย” “ฉันต้องไปคุยกับแม่ใช่ไหม...แล้วตอนนี้แม่ไปอยู่ที่ไหน” “บ้านที่สุขุมวิทค่ะ” “ที่เดิมล่ะซิ” “ค่ะ...บ้านของคุณยายคุณนก” “แล้วตึกโน้นล่ะ...” หล่อนชี้มืออกไป... “ใครอยู่” “คุณลัคนัยค่ะ” หญิงสาวอึ้งไป...ไพพรรณสังเกตเห็นได้ทันทีว่าหญิงสาวมีท่าทีไม่พอใจนักเมื่อได้ยินชื่อนั้น “ท่านกรุณาเขามาก” “พ
“คุณนัย” หล่อนทิ้งตัวคุกเข่าตามมา เขายกแขนออกมากันเอาไว้ไม่ยอมให้หล่อนได้ถึงตัวเขา ทำให้พิมลแขปล่อยโฮออกมาอย่างยอมอับอาย “ทำไมทำกับแขอย่างนี้ล่ะคะ คุณนัย” “มันเป็นเรื่องอดีตแล้วนะ” “ไม่...” หล่อนส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม “แขรักคุณนะคะ รักคุณคนเดียว เพียงแต่คุณยินยอมเท่านั้น แขยินดีสละทุกอย่างเพื่อคุณ” “คุณธวัชเป็นคนดีที่สุดแล้ว” “แต่แขไม่ได้รักเขา” “คุณแข...ความรักน่ะเป็นสิ่งสวยงามเสมอนะ กินไม่ได้ก็จริงแต่มันก็มีค่า เขารักคุณมาก...คุณจะมีความสุขมีทุกอย่างเมื่อแต่งงานกับเขา...จำผมเอาไว้เถิดว่าคุณจะมีความสุขหากเลือกผู้ชายที่รักคุณ...ถึงคุณจะไม่รักเขาเลยก็เถิด” “แต่แขรักคุณ” เขาถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง มองหล่อนเหมือนจะปลง...กับพิมลแข...ลัคนัยรู้สึกเหมือนหล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นๆ เคยมีสัมพันธ์กันบ้างก็เป็นตัวเองเอาไว้ ในเมื่อก่อนหน้านี้หล่อนกับนายธวัชยังไม่ได้ตกลงกันแน่นอน แต่เมื่อเขารู้ ลัคนัยก็ไม่เคยแตะต้องพิมลแขอีกไม่ว่าหล่อนจะพยายามและเขามีอารมณ์ร่วมคล้อยตามสักเพียงใดก็ตามที เขามีทาง
เขาเคยหวาดกลัวเมื่อหล่อนกลับมาบ้าน...แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี...เขาจะทำอย่างไรกับเหมือนชนก หล่อนจะยอมเข้าใจสักแค่ไหนกับการหย่าร้างของเขา และกับการแต่งงานใหม่ของเขากับพิมลแขที่จะถึงในเร็ววันนี้ เพราะเหมือนชนกรีบร้อนกลับบ้านก่อนกำหนด เขาเองไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ เขายังคิดว่าหล่อนจะบินไปเที่ยวยุโรปเสียก่อน...เมื่อหล่อนกลับมาก็มีพิมลแขเข้ามาในบ้านแล้ว ทุกอย่างอาจจะง่ายดายเข้า... นายธวัชลงบันไดหินอ่อนมาข้างล่าง เขายังเห็นวิสาขานั่งที่เก้าอี้ในห้องรับแขก...ท่านั่งไขว่ห้างในมือมีบุหรี่คีบอยู่และมองมายังเขาแบบนั้นบอกให้รู้ว่าเธอยังมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว” เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ ผ่านหน้าไป วิสาขาส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ตามหลังเขามา “คุณเห็นใช่ไหมว่าลูกสะเทือนใจมากเหลือเกินกับเรื่องหย่าของเรา...ฉันอยากปรึกษากับคุณเรื่องอนาคตของลูก” “คุณห่วงลูกเหมือนกันหรือ” “ฉันเป็นแม่นะ” ชะโงกตัวไปเขี่ยเถ้าบุหรี่ลง วิสาขามีมาดชวนให้ขัดสายตาเสมอ แล้วเธอก็ค่อนข้างจะ ‘โอเวอร์’ เสมออีกด้วย “ฉันก็รักลูกเป็น แต่ฉันไม่ได้พร่ำเพรื่ออย่าง
ชายหนุ่มเดินออกมาด้านหน้าตึก ได้ยินเสียงทะเลาะกันแว่วๆ ของอดีตสามีภรรยา ท่าทียืนประจันหน้ากันนั้นบอกให้รู้ว่าจะไม่มีการยอมกันและกันเป็นอันขาด...นี่เป็นอีกคู่หนึ่งที่เหมือนชนวนระเบิดในบ้าน “ผมขอห้ามนะ อย่ายุ่งกับลูกผมอีก” “ก็ลูกฉันด้วยเหมือนกัน ฉันเป็นแม่นะ...คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน” “ก็ขอให้รู้เอาไว้ เรื่องลูกผมจัดการเองได้” “ไปจัดการกับนังเมียใหม่ของคุณดีกว่า ลูกนี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน” “ไม่...” นายธวัชเสียงกร้าว “ผมไม่อยากเห็นลูกเป็นอย่างคุณ...วันๆ เอาแต่ลอยละล่องไม่มีประโยชน์” “ใช่ซิ...” น้ำเสียงของวิสาขาแหลมจัดขึ้นมาทันใดเหมือนกัน “ฉันมันไม่น่าเสน่หาแล้วนี่ ไหนเลยจะสู้อีนางงามนั่นได้เล่า...มันล่ะมีประโยชน์แค่ไหน...รึไอ้ที่คุณจับมันมานั่งแทนทำงานจะพิสูจน์ว่านอกจากสวยแล้ว อีนั่นก็มีสมอง...โธ่เอ๊ย...ก็อีแค่นางงามคนหนึ่งเรียนก็ยังไม่จบ...ประโยชน์มันแค่เรื่องบนเตียงใช่ไหมล่ะ...” ลัคนัยก้าวออกไปให้เห็นเสียก่อนที่สงครามน้ำลายจะยืดเยื้อต่อไปอีก นายธวัชหันมามองเขา เงียบไปได้เหมือนกัน “นัย...ช่วย
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ ลูกรัก” พอเหมือนชนกก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งตอนหลังของรถคันหรูสีทองคันนี้ก็ได้รับการโอบกอดจากวงแขนเรียวๆ คู่หนึ่ง กลิ่นหอมฟุ้งตลบเข้าจมูก หล่อนก็แข็งขืนตัวเองเอาไว้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อยินยอมให้มารดาโอบกอดอย่างนั้น วิสาขาจูบแก้มลูกสาวแรงๆ ทำเหมือนรักใคร่ที่สุด แต่เหมือนชนกก็ยังตัวแข็ง...หล่อนร่ำร้องในใจว่าแม่เล่นละครอีกแล้ว “ไม่นึกว่าแม่จะมาด้วย” หล่อนพึมพำออกมา น้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย คงเฉยเมยเหมือนดังเช่นเคย เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ นี่ก็เช่นเดียวกัน วิสาขาไม่ใช่คนคิดมาก เธอจึงหัวเราะเบาๆ “ก็ต้องพูดกันย่ำแย่กับพ่อของลูก กว่าเขาจะยอมให้แม่นั่งรถคันนี้มาด้วย ลูกเป็นไงบ้าง...ไหนแม่ดูทีซิ” เธอผลักลูกสาวออกห่างตัวเกือบจะชิดประตูอีกด้าน ทำให้นายธวัชที่กำลังจะก้าวตามเข้ามาเม้มปากอย่างหงุดหงิดอารมณ์ที่ผ่องแผ้วของเขาหายสูญไปหมดสิ้น นับจากตอนเช้าที่วิสาขายกโทร.แจ้งความจำนงว่าจะมารับลูกสาวด้วย เขาไม่ได้ทำใจมาก่อนว่าเขาจะยังจะต้องเจอะเจอกับอดีตภรรยาอย่างใกล้ชิดอีก แล้วนายธวัชก็เปิดประตูด้านหน้าขึ้นมานั่ง