“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ ลูกรัก”
พอเหมือนชนกก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งตอนหลังของรถคันหรูสีทองคันนี้ก็ได้รับการโอบกอดจากวงแขนเรียวๆ คู่หนึ่ง กลิ่นหอมฟุ้งตลบเข้าจมูก หล่อนก็แข็งขืนตัวเองเอาไว้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อยินยอมให้มารดาโอบกอดอย่างนั้น วิสาขาจูบแก้มลูกสาวแรงๆ ทำเหมือนรักใคร่ที่สุด แต่เหมือนชนกก็ยังตัวแข็ง...หล่อนร่ำร้องในใจว่าแม่เล่นละครอีกแล้ว
“ไม่นึกว่าแม่จะมาด้วย”
หล่อนพึมพำออกมา น้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย คงเฉยเมยเหมือนดังเช่นเคย เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ นี่ก็เช่นเดียวกัน วิสาขาไม่ใช่คนคิดมาก เธอจึงหัวเราะเบาๆ
“ก็ต้องพูดกันย่ำแย่กับพ่อของลูก กว่าเขาจะยอมให้แม่นั่งรถคันนี้มาด้วย ลูกเป็นไงบ้าง...ไหนแม่ดูทีซิ”
เธอผลักลูกสาวออกห่างตัวเกือบจะชิดประตูอีกด้าน ทำให้นายธวัชที่กำลังจะก้าวตามเข้ามาเม้มปากอย่างหงุดหงิดอารมณ์ที่ผ่องแผ้วของเขาหายสูญไปหมดสิ้น นับจากตอนเช้าที่วิสาขายกโทร.แจ้งความจำนงว่าจะมารับลูกสาวด้วย เขาไม่ได้ทำใจมาก่อนว่าเขาจะยังจะต้องเจอะเจอกับอดีตภรรยาอย่างใกล้ชิดอีก
แล้วนายธวัชก็เปิดประตูด้านหน้าขึ้นมานั่งคู่กับคนขับ
“ลูกอ้วนขึ้นนะ...ดูซิ แก้มเป็นลูก คางเป็นลอนเชียว...อยู่โน่นลูกคงจะไม่ได้จำกัดอาหาร”
น้ำเสียงของวิสาขาเรื่อยเจื้อย
เหมือนชนกยังนิ่งอยู่ หล่อนพยายามอย่างยิ่งที่จะแสดงกิริยาดี ๆ ต่อหน้าแม่ แต่ไม่รู้ว่าความอดทนของหล่อนจะไปได้อีกแค่ไหน
“แต่ลูกของแม่ยังสวยอยู่ดี...”
รถเคลื่อนออกแล้ว เหมือนชนกกระเถิบกายออกห่างแม่มากที่สุด หล่อนเวียนหัวกับกลิ่นหอมจากเรือนกายของแม่...เนื้อตัวของวิสาขาเหมือนอบร่ำด้วยกลิ่นหอมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า และมันก็อบอวลอยู่แค่ในรถคันนี้อีกด้วย
“ทำไมพ่อเงียบไปล่ะคะ”
เหมือนชนกถามขึ้น นายธวัชเบือนหน้ามา...เขามียิ้มหวานให้กับลูกสาว แต่กับวิสาขา เขาปึ่งชาจนเห็นได้ชัด “พ่อมัวแต่ตื่นเต้นน่ะ” เขาหายใจไม่เต็มที่กับอากาศที่อดีตภรรยาของเขาได้ใช้ร่วมกันนี้ ระบบในตัวของเขาดูจะขัดข้องไปหมด แต่วิสาขาไม่รู้สึกเหมือนดังเขา เธอยังยิ้มได้หน้าบาน ดวงตามีแววหวานฉ่ำอย่างหญิงตาเจ้าชู้ ไม่มีกิริยาบอกความอึดอัดขัดข้องอีก
“พ่อดีใจที่ลูกกลับมาบ้าน”
“แต่คงจะไม่เท่ากับแม่” วิสาขาสอดขึ้นมา ดึงลูกสาวมาทางตัวเอง “ลองถามพ่อเค้าดูซิว่าเค้ามีโครงการต้อนรับการกลับบ้านของลูกด้วยอะไร”
“ผมจะบอกลูกเอง เราจะคุยกันแบบพ่อกับลูกสองคน”
ด้วยเสียงอันเย็นชา แล้วปรายตามองเธอเหมือนไม่พอใจ วิสาขาแกล้งหัวเราะร่วน
“จะบอกเมื่อไหร่ล่ะ”
“มันเรื่องของผม”
เหมือนชนกชักสีหน้าจนเห็นได้ชัด หล่อนกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด “นี่มันอะไรกันคะ...อะไรกัน...ลูกกลับบ้าน แล้วพ่อกับแม่เล่นอะไรกัน...จะทะเลาะกันอีกหรือคะ...เหมือนเมื่อวันมาส่งลูก พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันอย่างนี้ นี่จะไม่ละเว้นกันบ้างหรือไง จะทะเลาะกันตลอดชาติเลยหรือคะ”
“เราไม่ทะเลาะกันแล้วล่ะจ้ะ” วิสาขาตอบอย่างอ่อนหวานยิ่ง “เพราะเราเบื่อเหลือเกินแล้ว นี่ลูกคงจะยังไม่รู้ซินะว่าพ่อกับแม่หย่าขาดจากกันแล้ว”
“หย่า...”
ดวงตารูปเรียวยาวของเหมือนชนกเบิกกว้าง หล่อนดึงตัวเองออกจากการโอบกอดของแม่ ใจของหล่อนเต้นแรงอยู่ในอก หล่อนไม่คาดว่าจะมาถึงจุดนี้ น้ำเสียงของหล่อนสั่นสะท้าน
“ทำไมล่ะคะ ทำไมต้องลงเอยกันตรงนี้ด้วย ก่อนไปก็ขอเอาไว้แล้วว่า สิ่งที่ลูกต้องการที่สุดก็คือพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน”
นายธวัชกลืนน้ำลายอย่างลำบาก เขารู้เหมือนกันว่าเหมือนชนกจะต้องโวยวายกับเรื่องนี้ ส่วนวิสาขา เธอหยุดหัวเราะไปแล้ว...แต่ยังคงอธิบายได้เหมือนไม่ทุกข์ร้อน
“มันควรจะสิ้นสุดกันนานแล้วนะ...ลูกก็โตแล้ว ยอมรับเสียบ้างเถิดว่าพ่อกับแม่ไปด้วยกันไม่ได้ หย่ากันซะมันก็ดีกับเราสองคน...แม่มีความสุข พ่อเค้าก็มีความสุข...เรามีวิถีชีวิตที่เราเลือกสรรกันเอง พ่อเค้าก็จะแต่งงานใหม่เร็วๆ นี้ ลูกกลับมาทันเป็นสักขีพยานในวันแต่งงานของพ่อเค้าพอดีเชียวนะ...”
หูของเหมือนชนกอื้อไปหมดแล้ว แต่ยังได้ยินเสียงของวิสาขาเหมือนล่องลอยมาจากที่อันไกลแสนไกลยิ่ง
“รู้ไหมว่าเมียใหม่ของพ่อลูกเป็นใคร มาจากไหน...ลูกยังจำยัยนางงามคนนั้นได้ไหม...คนที่ได้ตำแหน่งปีที่พ่อของลูกถูกเชิญไปเป็นกรรมการให้คะแนนนั่นน่ะ...ขึ้นแท่นมาแล้วล่ะจ้ะ...ขึ้นมาเป็นคุณนายเศรษฐีซะแล้ว”
รถยนต์จอดยังไม่สนิทนักเมื่อเหมือนชนกเปิดประตูพรวดออกไป...หล่อนอยากอาเจียน ความรู้สึกของหล่อนกำลังย่ำแย่เหลือเกิน...หล่อนวิ่งถลาออกไปโดยเร็ว...เสียงของนายธวัชเอะอะไล่หลังมา...หล่อนไม่สนใจอีกแล้ว วิ่งขึ้นมาในตัวตึก แล้วหล่อนก็ชนกับใครคนหนึ่งอย่างแรง...ร่างโปร่งบางของหล่อนหมุนคว้าง แต่ก่อนที่จะล้มลงก็มีมือค่อนข้างแข็งของใครคนหนึ่งคว้าจับเอาไว้ได้เสียก่อน
หล่อนพยายามเพ่งมองคนเบื้องหน้า ผู้ชายตัวสูง ผิวเข้ม...ตาคม ดวงหน้านั้นค่อนข้างจะคุ้น...
“คุณนก...”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มๆ นั่นทำให้หล่อนจดจำเขาได้ เขาเป็นญาติทางแม่ เข้ามาทำงานในครอบครัวของหล่อนอยู่ก่อนหน้าหล่อนจะบินไปเรียนต่อ...หล่อนไม่คุ้นกับเขามากนัก เพราะเหมือนชนกค่อนข้างจะถือตัวอยู่ไม่น้อย หล่อนกดเขาเอาไว้เป็นแค่ ‘เด็กในบ้าน’ หล่อนสะบัดแขนออกอย่างแรง ก้าวถอยหลังออกมา
นั่นทำให้เขายืนนิ่ง ไม่ประหลาดใจกับท่าทางของหล่อนที่แสดงออกกับเขา เหมือนชนกเหยียดเขามานานแล้ว ตั้งแต่แรกที่เขาก้าวเข้ามา...หล่อนมักจะยกคางเรียวๆ ขึ้นอย่างเย่อหยิ่งทุกครั้งที่พบหน้าเขา แล้วมีดวงตาที่มองเขาอย่างหมิ่นๆ มีวาจาที่ทำให้เขาได้สะอึกเสมอมา
“คุณนั่นเอง...” หล่อนเอ่ยออกมา น้ำเสียงเย็นชา...สองมือไขว้เอาไว้ข้างหลัง สองปีที่ผ่านมาเขามองเห็นความเติบโตทางกายของหล่อนเท่านั้น นอกนั้นเหมือนชนกยังเหมือนเดิม ดูหล่อนไม่ค่อยจะมั่นคงนักทางด้านอารมณ์
“คุณยังอยู่ที่นี่อีกหรือ”
“ครับ”
“แม่หย่ากับพ่อแล้ว” หล่อนบอกลอยๆ “ฉันนึกว่าคุณจะเก็บของไปจากที่นี่”
ลัคนัย พยายามที่จะไม่ใส่ใจกับกิริยาเหมือนพาลของหล่อน เขาเพียงแต่ให้คำตอบเรียบๆ กับหล่อนเท่านั้น
“คุณนกคงยังไม่ทราบว่าผมได้เลื่อนตำแหน่ง...ตอนนี้ผมเป็นผู้จัดการบริษัทเงินทุนแล้ว...”
เหมือนชนกผงะออกมา...ผู้จัดการบริษัท...หล่อนไม่อยากจะเชื่อ...นี่มันอะไรกัน สองปีกับการเปลี่ยนแปลง...พ่อกับแม่หย่ากัน พ่อจะมีเมียใหม่เป็นอดีตนางงาม แล้วผู้ชายในบ้านได้ดิบได้ดีเลื่อนเป็นผู้จัดการ...นรกชัดๆ เชียว...มันเหมือนนรก...กรุงเทพฯ ไม่ใช่สวรรค์ บ้านไม่ใช่วิมานหรูหราของหล่อนอีกแล้ว เหมือนชนกกัดริมฝีปากเอาไว้...มือของหล่อนกำแน่นเข้าหากัน
ลัคนัยก็รออยู่เหมือนกันว่าหล่อนจะพูดอะไรออกมาอีกแต่เปล่าเลย เขาเห็นเหมือนชนกสะบัดหน้าพรืด แล้วหล่อนก็เดินผ่านเขาไป...ชายหนุ่มแอบถอนใจออกมา...กาลเวลาไม่ได้ทำให้หล่อนเติบโตขึ้น หล่อนยังเหมือนเดิม เป็นหญิงสาวเย่อหยิ่งจองหองคนเดิม เขามองเห็นเค้าความวุ่นวายที่จะติดตามมา...นายธวัชคงจะเดือดร้อนมากกว่าใครในเมื่อเหมือนชนกเป็นลูกรักตลอดมา...
ชายหนุ่มเดินออกมาด้านหน้าตึก ได้ยินเสียงทะเลาะกันแว่วๆ ของอดีตสามีภรรยา ท่าทียืนประจันหน้ากันนั้นบอกให้รู้ว่าจะไม่มีการยอมกันและกันเป็นอันขาด...นี่เป็นอีกคู่หนึ่งที่เหมือนชนวนระเบิดในบ้าน “ผมขอห้ามนะ อย่ายุ่งกับลูกผมอีก” “ก็ลูกฉันด้วยเหมือนกัน ฉันเป็นแม่นะ...คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน” “ก็ขอให้รู้เอาไว้ เรื่องลูกผมจัดการเองได้” “ไปจัดการกับนังเมียใหม่ของคุณดีกว่า ลูกนี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน” “ไม่...” นายธวัชเสียงกร้าว “ผมไม่อยากเห็นลูกเป็นอย่างคุณ...วันๆ เอาแต่ลอยละล่องไม่มีประโยชน์” “ใช่ซิ...” น้ำเสียงของวิสาขาแหลมจัดขึ้นมาทันใดเหมือนกัน “ฉันมันไม่น่าเสน่หาแล้วนี่ ไหนเลยจะสู้อีนางงามนั่นได้เล่า...มันล่ะมีประโยชน์แค่ไหน...รึไอ้ที่คุณจับมันมานั่งแทนทำงานจะพิสูจน์ว่านอกจากสวยแล้ว อีนั่นก็มีสมอง...โธ่เอ๊ย...ก็อีแค่นางงามคนหนึ่งเรียนก็ยังไม่จบ...ประโยชน์มันแค่เรื่องบนเตียงใช่ไหมล่ะ...” ลัคนัยก้าวออกไปให้เห็นเสียก่อนที่สงครามน้ำลายจะยืดเยื้อต่อไปอีก นายธวัชหันมามองเขา เงียบไปได้เหมือนกัน “นัย...ช่วย
เขาเคยหวาดกลัวเมื่อหล่อนกลับมาบ้าน...แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี...เขาจะทำอย่างไรกับเหมือนชนก หล่อนจะยอมเข้าใจสักแค่ไหนกับการหย่าร้างของเขา และกับการแต่งงานใหม่ของเขากับพิมลแขที่จะถึงในเร็ววันนี้ เพราะเหมือนชนกรีบร้อนกลับบ้านก่อนกำหนด เขาเองไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ เขายังคิดว่าหล่อนจะบินไปเที่ยวยุโรปเสียก่อน...เมื่อหล่อนกลับมาก็มีพิมลแขเข้ามาในบ้านแล้ว ทุกอย่างอาจจะง่ายดายเข้า... นายธวัชลงบันไดหินอ่อนมาข้างล่าง เขายังเห็นวิสาขานั่งที่เก้าอี้ในห้องรับแขก...ท่านั่งไขว่ห้างในมือมีบุหรี่คีบอยู่และมองมายังเขาแบบนั้นบอกให้รู้ว่าเธอยังมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว” เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ ผ่านหน้าไป วิสาขาส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ตามหลังเขามา “คุณเห็นใช่ไหมว่าลูกสะเทือนใจมากเหลือเกินกับเรื่องหย่าของเรา...ฉันอยากปรึกษากับคุณเรื่องอนาคตของลูก” “คุณห่วงลูกเหมือนกันหรือ” “ฉันเป็นแม่นะ” ชะโงกตัวไปเขี่ยเถ้าบุหรี่ลง วิสาขามีมาดชวนให้ขัดสายตาเสมอ แล้วเธอก็ค่อนข้างจะ ‘โอเวอร์’ เสมออีกด้วย “ฉันก็รักลูกเป็น แต่ฉันไม่ได้พร่ำเพรื่ออย่าง
“คุณนัย” หล่อนทิ้งตัวคุกเข่าตามมา เขายกแขนออกมากันเอาไว้ไม่ยอมให้หล่อนได้ถึงตัวเขา ทำให้พิมลแขปล่อยโฮออกมาอย่างยอมอับอาย “ทำไมทำกับแขอย่างนี้ล่ะคะ คุณนัย” “มันเป็นเรื่องอดีตแล้วนะ” “ไม่...” หล่อนส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม “แขรักคุณนะคะ รักคุณคนเดียว เพียงแต่คุณยินยอมเท่านั้น แขยินดีสละทุกอย่างเพื่อคุณ” “คุณธวัชเป็นคนดีที่สุดแล้ว” “แต่แขไม่ได้รักเขา” “คุณแข...ความรักน่ะเป็นสิ่งสวยงามเสมอนะ กินไม่ได้ก็จริงแต่มันก็มีค่า เขารักคุณมาก...คุณจะมีความสุขมีทุกอย่างเมื่อแต่งงานกับเขา...จำผมเอาไว้เถิดว่าคุณจะมีความสุขหากเลือกผู้ชายที่รักคุณ...ถึงคุณจะไม่รักเขาเลยก็เถิด” “แต่แขรักคุณ” เขาถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง มองหล่อนเหมือนจะปลง...กับพิมลแข...ลัคนัยรู้สึกเหมือนหล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นๆ เคยมีสัมพันธ์กันบ้างก็เป็นตัวเองเอาไว้ ในเมื่อก่อนหน้านี้หล่อนกับนายธวัชยังไม่ได้ตกลงกันแน่นอน แต่เมื่อเขารู้ ลัคนัยก็ไม่เคยแตะต้องพิมลแขอีกไม่ว่าหล่อนจะพยายามและเขามีอารมณ์ร่วมคล้อยตามสักเพียงใดก็ตามที เขามีทาง
โถงกว้างชั้นบนมีชุดเก้าอี้ทำด้วยหวายลายละเอียดตั้งอยู่พร้อมกับโต๊ะเตี้ยมีกระจกแผ่นหนาใสวางเอาไว้ข้างบน....แจกันดอกไม้ปักด้วยกุหลาบสีชมพูงามสะพรั่ง...เหมือนชนกเกือบจะไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ หล่อนนั่งลงบนเบาะที่หุ้มด้วยผ้าฝ้ายสีสดใสพิมพ์ลวดลายดอกไม้อ่อนหวาน หยิบเอาหมอนสี่เหลี่ยมทำจากผ้าลายเดียวกันมากอดเอาไว้ หันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกที่เปิดกว้างเอาไว้ให้สายลมได้โกรกเข้ามาเต็มที่ “ฉันอยากรู้เรื่องของพ่อกับแม่” “ดิฉันไม่อาจจะพูดอะไรได้” “ฉันอยากรู้” เหมือนชนกบอกย้ำอีกหนหนึ่ง ไพพรรณทำท่าอึดอัดจนเห็นได้ชัด “คุณวิสาขากำชับเอาไว้ว่าไม่ให้ดิฉันพูดนะคะ...อย่าทำให้ดิฉันผิดคำพูดเลย” “ฉันต้องไปคุยกับแม่ใช่ไหม...แล้วตอนนี้แม่ไปอยู่ที่ไหน” “บ้านที่สุขุมวิทค่ะ” “ที่เดิมล่ะซิ” “ค่ะ...บ้านของคุณยายคุณนก” “แล้วตึกโน้นล่ะ...” หล่อนชี้มืออกไป... “ใครอยู่” “คุณลัคนัยค่ะ” หญิงสาวอึ้งไป...ไพพรรณสังเกตเห็นได้ทันทีว่าหญิงสาวมีท่าทีไม่พอใจนักเมื่อได้ยินชื่อนั้น “ท่านกรุณาเขามาก” “พ
โถงกว้างชั้นบนมีชุดเก้าอี้ทำด้วยหวายลายละเอียดตั้งอยู่พร้อมกับโต๊ะเตี้ยมีกระจกแผ่นหนาใสวางเอาไว้ข้างบน....แจกันดอกไม้ปักด้วยกุหลาบสีชมพูงามสะพรั่ง...เหมือนชนกเกือบจะไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ หล่อนนั่งลงบนเบาะที่หุ้มด้วยผ้าฝ้ายสีสดใสพิมพ์ลวดลายดอกไม้อ่อนหวาน หยิบเอาหมอนสี่เหลี่ยมทำจากผ้าลายเดียวกันมากอดเอาไว้ หันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกที่เปิดกว้างเอาไว้ให้สายลมได้โกรกเข้ามาเต็มที่ “ฉันอยากรู้เรื่องของพ่อกับแม่” “ดิฉันไม่อาจจะพูดอะไรได้” “ฉันอยากรู้” เหมือนชนกบอกย้ำอีกหนหนึ่ง ไพพรรณทำท่าอึดอัดจนเห็นได้ชัด “คุณวิสาขากำชับเอาไว้ว่าไม่ให้ดิฉันพูดนะคะ...อย่าทำให้ดิฉันผิดคำพูดเลย” “ฉันต้องไปคุยกับแม่ใช่ไหม...แล้วตอนนี้แม่ไปอยู่ที่ไหน” “บ้านที่สุขุมวิทค่ะ” “ที่เดิมล่ะซิ” “ค่ะ...บ้านของคุณยายคุณนก” “แล้วตึกโน้นล่ะ...” หล่อนชี้มืออกไป... “ใครอยู่” “คุณลัคนัยค่ะ” หญิงสาวอึ้งไป...ไพพรรณสังเกตเห็นได้ทันทีว่าหญิงสาวมีท่าทีไม่พอใจนักเมื่อได้ยินชื่อนั้น “ท่านกรุณาเขามาก” “พ
“คุณนัย” หล่อนทิ้งตัวคุกเข่าตามมา เขายกแขนออกมากันเอาไว้ไม่ยอมให้หล่อนได้ถึงตัวเขา ทำให้พิมลแขปล่อยโฮออกมาอย่างยอมอับอาย “ทำไมทำกับแขอย่างนี้ล่ะคะ คุณนัย” “มันเป็นเรื่องอดีตแล้วนะ” “ไม่...” หล่อนส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม “แขรักคุณนะคะ รักคุณคนเดียว เพียงแต่คุณยินยอมเท่านั้น แขยินดีสละทุกอย่างเพื่อคุณ” “คุณธวัชเป็นคนดีที่สุดแล้ว” “แต่แขไม่ได้รักเขา” “คุณแข...ความรักน่ะเป็นสิ่งสวยงามเสมอนะ กินไม่ได้ก็จริงแต่มันก็มีค่า เขารักคุณมาก...คุณจะมีความสุขมีทุกอย่างเมื่อแต่งงานกับเขา...จำผมเอาไว้เถิดว่าคุณจะมีความสุขหากเลือกผู้ชายที่รักคุณ...ถึงคุณจะไม่รักเขาเลยก็เถิด” “แต่แขรักคุณ” เขาถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง มองหล่อนเหมือนจะปลง...กับพิมลแข...ลัคนัยรู้สึกเหมือนหล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นๆ เคยมีสัมพันธ์กันบ้างก็เป็นตัวเองเอาไว้ ในเมื่อก่อนหน้านี้หล่อนกับนายธวัชยังไม่ได้ตกลงกันแน่นอน แต่เมื่อเขารู้ ลัคนัยก็ไม่เคยแตะต้องพิมลแขอีกไม่ว่าหล่อนจะพยายามและเขามีอารมณ์ร่วมคล้อยตามสักเพียงใดก็ตามที เขามีทาง
เขาเคยหวาดกลัวเมื่อหล่อนกลับมาบ้าน...แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี...เขาจะทำอย่างไรกับเหมือนชนก หล่อนจะยอมเข้าใจสักแค่ไหนกับการหย่าร้างของเขา และกับการแต่งงานใหม่ของเขากับพิมลแขที่จะถึงในเร็ววันนี้ เพราะเหมือนชนกรีบร้อนกลับบ้านก่อนกำหนด เขาเองไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ เขายังคิดว่าหล่อนจะบินไปเที่ยวยุโรปเสียก่อน...เมื่อหล่อนกลับมาก็มีพิมลแขเข้ามาในบ้านแล้ว ทุกอย่างอาจจะง่ายดายเข้า... นายธวัชลงบันไดหินอ่อนมาข้างล่าง เขายังเห็นวิสาขานั่งที่เก้าอี้ในห้องรับแขก...ท่านั่งไขว่ห้างในมือมีบุหรี่คีบอยู่และมองมายังเขาแบบนั้นบอกให้รู้ว่าเธอยังมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว” เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ ผ่านหน้าไป วิสาขาส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ตามหลังเขามา “คุณเห็นใช่ไหมว่าลูกสะเทือนใจมากเหลือเกินกับเรื่องหย่าของเรา...ฉันอยากปรึกษากับคุณเรื่องอนาคตของลูก” “คุณห่วงลูกเหมือนกันหรือ” “ฉันเป็นแม่นะ” ชะโงกตัวไปเขี่ยเถ้าบุหรี่ลง วิสาขามีมาดชวนให้ขัดสายตาเสมอ แล้วเธอก็ค่อนข้างจะ ‘โอเวอร์’ เสมออีกด้วย “ฉันก็รักลูกเป็น แต่ฉันไม่ได้พร่ำเพรื่ออย่าง
ชายหนุ่มเดินออกมาด้านหน้าตึก ได้ยินเสียงทะเลาะกันแว่วๆ ของอดีตสามีภรรยา ท่าทียืนประจันหน้ากันนั้นบอกให้รู้ว่าจะไม่มีการยอมกันและกันเป็นอันขาด...นี่เป็นอีกคู่หนึ่งที่เหมือนชนวนระเบิดในบ้าน “ผมขอห้ามนะ อย่ายุ่งกับลูกผมอีก” “ก็ลูกฉันด้วยเหมือนกัน ฉันเป็นแม่นะ...คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน” “ก็ขอให้รู้เอาไว้ เรื่องลูกผมจัดการเองได้” “ไปจัดการกับนังเมียใหม่ของคุณดีกว่า ลูกนี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน” “ไม่...” นายธวัชเสียงกร้าว “ผมไม่อยากเห็นลูกเป็นอย่างคุณ...วันๆ เอาแต่ลอยละล่องไม่มีประโยชน์” “ใช่ซิ...” น้ำเสียงของวิสาขาแหลมจัดขึ้นมาทันใดเหมือนกัน “ฉันมันไม่น่าเสน่หาแล้วนี่ ไหนเลยจะสู้อีนางงามนั่นได้เล่า...มันล่ะมีประโยชน์แค่ไหน...รึไอ้ที่คุณจับมันมานั่งแทนทำงานจะพิสูจน์ว่านอกจากสวยแล้ว อีนั่นก็มีสมอง...โธ่เอ๊ย...ก็อีแค่นางงามคนหนึ่งเรียนก็ยังไม่จบ...ประโยชน์มันแค่เรื่องบนเตียงใช่ไหมล่ะ...” ลัคนัยก้าวออกไปให้เห็นเสียก่อนที่สงครามน้ำลายจะยืดเยื้อต่อไปอีก นายธวัชหันมามองเขา เงียบไปได้เหมือนกัน “นัย...ช่วย
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ ลูกรัก” พอเหมือนชนกก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งตอนหลังของรถคันหรูสีทองคันนี้ก็ได้รับการโอบกอดจากวงแขนเรียวๆ คู่หนึ่ง กลิ่นหอมฟุ้งตลบเข้าจมูก หล่อนก็แข็งขืนตัวเองเอาไว้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อยินยอมให้มารดาโอบกอดอย่างนั้น วิสาขาจูบแก้มลูกสาวแรงๆ ทำเหมือนรักใคร่ที่สุด แต่เหมือนชนกก็ยังตัวแข็ง...หล่อนร่ำร้องในใจว่าแม่เล่นละครอีกแล้ว “ไม่นึกว่าแม่จะมาด้วย” หล่อนพึมพำออกมา น้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย คงเฉยเมยเหมือนดังเช่นเคย เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ นี่ก็เช่นเดียวกัน วิสาขาไม่ใช่คนคิดมาก เธอจึงหัวเราะเบาๆ “ก็ต้องพูดกันย่ำแย่กับพ่อของลูก กว่าเขาจะยอมให้แม่นั่งรถคันนี้มาด้วย ลูกเป็นไงบ้าง...ไหนแม่ดูทีซิ” เธอผลักลูกสาวออกห่างตัวเกือบจะชิดประตูอีกด้าน ทำให้นายธวัชที่กำลังจะก้าวตามเข้ามาเม้มปากอย่างหงุดหงิดอารมณ์ที่ผ่องแผ้วของเขาหายสูญไปหมดสิ้น นับจากตอนเช้าที่วิสาขายกโทร.แจ้งความจำนงว่าจะมารับลูกสาวด้วย เขาไม่ได้ทำใจมาก่อนว่าเขาจะยังจะต้องเจอะเจอกับอดีตภรรยาอย่างใกล้ชิดอีก แล้วนายธวัชก็เปิดประตูด้านหน้าขึ้นมานั่ง