ชายหนุ่มเดินออกมาด้านหน้าตึก ได้ยินเสียงทะเลาะกันแว่วๆ ของอดีตสามีภรรยา ท่าทียืนประจันหน้ากันนั้นบอกให้รู้ว่าจะไม่มีการยอมกันและกันเป็นอันขาด...นี่เป็นอีกคู่หนึ่งที่เหมือนชนวนระเบิดในบ้าน
“ผมขอห้ามนะ อย่ายุ่งกับลูกผมอีก”
“ก็ลูกฉันด้วยเหมือนกัน ฉันเป็นแม่นะ...คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน”
“ก็ขอให้รู้เอาไว้ เรื่องลูกผมจัดการเองได้”
“ไปจัดการกับนังเมียใหม่ของคุณดีกว่า ลูกนี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน”
“ไม่...”
นายธวัชเสียงกร้าว “ผมไม่อยากเห็นลูกเป็นอย่างคุณ...วันๆ เอาแต่ลอยละล่องไม่มีประโยชน์”
“ใช่ซิ...” น้ำเสียงของวิสาขาแหลมจัดขึ้นมาทันใดเหมือนกัน “ฉันมันไม่น่าเสน่หาแล้วนี่ ไหนเลยจะสู้อีนางงามนั่นได้เล่า...มันล่ะมีประโยชน์แค่ไหน...รึไอ้ที่คุณจับมันมานั่งแทนทำงานจะพิสูจน์ว่านอกจากสวยแล้ว อีนั่นก็มีสมอง...โธ่เอ๊ย...ก็อีแค่นางงามคนหนึ่งเรียนก็ยังไม่จบ...ประโยชน์มันแค่เรื่องบนเตียงใช่ไหมล่ะ...”
ลัคนัยก้าวออกไปให้เห็นเสียก่อนที่สงครามน้ำลายจะยืดเยื้อต่อไปอีก นายธวัชหันมามองเขา เงียบไปได้เหมือนกัน
“นัย...ช่วยดูแลทางนี้ด้วย” เขาสั่งก่อนจะเดินเข้าไปในตึก วิสาขาเข้ามาใกล้
“นัย...เจอยายนกแล้วใช่ไหม ท่าทางจะไม่ดีนักหรอก...โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทีเดียวกับเรื่องหย่า ต้องคอยดูๆ หน่อยนะ เกิดบ้าขึ้นมากะหันหันคงจะทำให้บ้านนี้เป็นไฟ”
ลัคนัยไม่กล้าแสดงความเห็นอันใดออกมา เขาเพิ่งเข้ามาอยู่บ้านนี้ได้แค่สามปี...ลัคนัยมีศักดิ์เป็นญาติสายห่างๆ ของวิสาขา เธอยินดีต้อนรับเขาเข้ามาเป็นเครือญาติ และก็ให้การสนับสนุนเขา ที่แปลกอีกประการหนึ่งก็คือนายธวัชก็นึกนิยมเขาอีกด้วย ทั้งที่ทุกครั้งนายธวัชกับญาติๆ ของวิสาขาแทบจะไม่เคยมองหน้ากัน
“เจอกันแล้วเป็นไงบ้าง”
“ก็เหมือนเดิมครับ”
“อย่าถือสายายนกเลยนะ ฉันอยากให้ช่วยดูแลแกด้วยซ้ำไป...พ่อก็มีเมียใหม่ ไอ้ฉันก็ไม่ค่อยจะมีเวลามาใส่ใจหรือถ้าจะมีเวลา ยายนกก็ไม่ค่อยจะให้ฉันเข้าไปยุ่มย่ามด้วย นัย...ฉันอยากให้เธอช่วยปกป้องคุ้มครองแก...อย่าให้เมียใหม่ของพ่อยายนกรังแกเอาได้นะ”
“ผมว่าพิมลแขก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร”
“เธอก็เป็นอีกคนที่หลงใหลนังคนนั้น” วิสาขาสะบัดเสียงฉุนเฉียว ลัคนัยยังวางเฉยอยู่ “ฉันอยากรู้จริงๆ นะว่าเธอกับนังนั่นเคยมีอะไรกันมาแค่ไหน ก็เห็นป้วนเปี้ยนกันมาก่อน...นึกยังไงกันล่ะ นัย...ถึงเอานังนั่นใส่พานมาถวายเจ้านายซะได้ หรือว่าอยากมัดใจคุณธวัช อยากเป็นคนโปรดไปนานๆ”
วิสาขาอ่านผู้ชายตรงหน้าไม่ออก เขาเงียบเฉยติดจะขรึมจัด แม้คำพูดของเธอค่อนข้างจะก้าวร้าวเข้าไปในเรื่องส่วนตัวของเขามากโขอยู่ แต่ลัคนัยก็ยังวางเฉยได้ เขารู้นิสัยวิสาขาดี เธอปากมากไปสักนิด แล้วช่างโวยวาย แต่เอาเข้าจริงๆ วิสาขาก็ไม่ได้ร้ายกาจมากไปกว่านั้น
“ทำให้ดีๆ นะ...ฉันไม่อยากเห็นเธอกับคุณวัชลุกขึ้นมากัดกันเอง เพราะนังพิมลแข”
ผมรู้สถานการณ์ดีฮะว่าอะไรเป็นอะไร...พิมลแขจะมาเป็นภรรยาของคุณธวัช..ผมวางตัวได้ถูกต้องแน่ ไม่ต้องเป็นห่วงผม”
“อุ๊ย...ฉันก็ไม่ได้อยากห่วงเธอหรอก แต่แม่เธอน่ะซิจะมาโทษฉันเข้าได้ ถ้าเธอเกิดสะดุดตอเข้ากลางคัน...ฉันน่ะอยากให้เธอได้ดิบได้ดีไปได้ไกลๆ นะ...นัยก็รู้ว่าหนทางข้างหน้ายังยาวไกล อย่าให้เรื่องผู้หญิงเข้ามาทำให้เธอต้องหยุดลงแค่นี้ คุณวัชถ้าจะหลงใหลนังคนนี้มากเสียด้วย”
“พิมลแขเป็นผู้หญิงสวยที่ฉลาด”
“เธอถึงกับชมมันต่อหน้าฉันเชียวหรือ” วิสาขาชักจะอารมณ์เสีย เสียงกลับแหลม ดวงตาวาววับ...เขานึกถึงดวงตาของเหมือนชนก...หล่อนถอดแบบไปจากวิสาขามากกว่านายธวัช...ทั้งท่าทีเย่อหยิ่ง ที่แสดงออก ก็เหมือนวิสาขาในยามที่เธออารมณ์ไม่ดีอีกนั่นแหละ
“ผมพูดตามความจริง”
“ฉันไม่เคยเห็นนังนั่นมันฉลาด...”
“ผมก็ไม่ได้ชมว่า พิมลแขฉลาดในด้านสติปัญญาที่จะเรียนรู้ แต่ผมว่าพิมลแขฉลาดในเรื่องการดำเนินชีวิต และรู้ว่าตอนไหนตัวได้ ตอนไหนตัวเสีย”
วิสาขามองเขาเขม็ง
“ลัคนัย” ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อเขาเต็มๆ บอกให้รู้ว่าเธอกำลังจะจริงจังอย่างมาก ไม่ใช่เพียงแต่พูดเล่นๆ อีกต่อไป “ฉันไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว เธอกับพิมลแขมีความสนิทสนมกันแค่ไหน เธอถึงพูดเหมือนรู้จักมันถ่องแท้ ฉันขอเตือนนะ...ให้มันเป็นอดีต อย่าให้ยืดเยื้อต่อไปอีก”
แล้ววิสาขาก็เดินจากไป หล่อนให้ลัคนัยยืนอยู่คนเดียว...เขายืนอยู่เช่นนั้นสักพักหนึ่งจึงเดินดุ่มๆ ออกไป เขายังต้องกลับไปทำงาน แต่ความรู้สึกของเขาเหมือนถูกจ้องมองอยู่เงียบๆ อย่างไม่ตั้งใจ เมื่อเขาหันกลับแล้วเงยหน้าขึ้นไปเบื้องบน... หน้าต่างยาวจรดพื้นที่เป็นกระจกบานใสสะอาดมีร่างโปร่งบางในชุดสูทเดินทางของเหมือนชนกยืนอยู่
หล่อนเห็นเขา แล้วรู้ว่าเขาก็รู้ตัว หล่อนไม่ได้หลบไปทางไหนทั้งสิ้น ยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ตึกสองชั้นเขาแน่ใจทีเดียวว่าสีหน้าของหล่อนเมินเฉย หล่อนไม่ชอบเขาค่อนข้างแน่นอนทีเดียว มีความเกลียดชังเงียบๆ ที่ลัคนัยไม่เคยเข้าใจแทรกอยู่ และนั่นทำให้เขากับหล่อนไม่อาจจะเข้ากันได้ คงความเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอย่างเหนียวแน่นเสมอมา
“นก...” นายธวัชก้าวมา เขามาหยุดเบื้องหลังลูกสาว มองข้ามบ่าของหล่อนลงไปเบื้องล่าง เห็นอัคนัยยืนอยู่โดดเด่นบนทางลาดซีเมนต์ใกล้กับสนามหญ้าเขียวขจี นายธวัชโบกมือให้ ก่อนจะดึงเหมือนชนกออกมาห่างจากตรงนั้น “ลัคนัยกำลังไปได้สวยทีเดียว”
มีเสียงแค่นๆ ออกมาจากลำคอของหล่อน เหมือนชนกปลดมือของนายธวัชออกจากบ่าของหล่อน
“นกอยากอยู่คนเดียว”
“พี่อยากจะให้ลูกเข้าใจ...ขอให้มันถูกต้อง แม่เค้าพูดไม่ถูก”
“นกรู้ว่าพ่อกับแม่หย่ากันแล้ว...มันถูกต้องหรือเปล่าล่ะคะ”
“เหมือนลูกโกรธพ่อ”
เหมือนชนกหันหลังให้ น้ำเสียงของหล่อนบังคับได้ยากยิ่งที่จะไม่ให้สั่น “แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะคะ”
“พ่อไม่ให้ลูกโกรธพ่อเป็นอันขาด เราเคยพูดกันเข้าใจเสมอนี่นา”
“นั่นมันอดีตค่ะ นกมีสังหรณ์บางอย่างค่อนข้างแรงว่าเราอาจจะไม่เข้าใจกันอีก”
หล่อนหมุนตัวกลับมาช้าๆ “นกขอพักผ่อนนะคะ พ่อ เดินทางจากอเมริกากลับมานี่ไม่ใช่ใกล้ๆ หลายสิบชั่วโมงที่นกไม่ได้งีบเต็มอิ่ม...นกอยากอยู่คนเดียว”
“ลูกต้องมีเวลาให้พ่ออธิบายใช่ไหม”
หญิงสาวเงียบกริบ...หล่อนไม่สนใจเขาอีกต่อไป ทำเหมือนกับว่าไม่มีเขาในห้องอีกแล้ว นายธวัชนิ่งไปนานก่อนจะถอยกลับมาเงียบๆ เขาร้อนใจ...และก็ทำให้แทบจะทำงานไม่ได้ เขามีลูกสาวคนเดียว รักหล่อนสุดสวาท...เหมือนชนกเหมือนจิตวิญญาณของเขา หล่อนเป็นสิ่งดีๆ สิ่งเดียวที่เขาได้เอาไว้จากการแต่งงาน
เขาเคยหวาดกลัวเมื่อหล่อนกลับมาบ้าน...แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี...เขาจะทำอย่างไรกับเหมือนชนก หล่อนจะยอมเข้าใจสักแค่ไหนกับการหย่าร้างของเขา และกับการแต่งงานใหม่ของเขากับพิมลแขที่จะถึงในเร็ววันนี้ เพราะเหมือนชนกรีบร้อนกลับบ้านก่อนกำหนด เขาเองไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ เขายังคิดว่าหล่อนจะบินไปเที่ยวยุโรปเสียก่อน...เมื่อหล่อนกลับมาก็มีพิมลแขเข้ามาในบ้านแล้ว ทุกอย่างอาจจะง่ายดายเข้า
เขาเคยหวาดกลัวเมื่อหล่อนกลับมาบ้าน...แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี...เขาจะทำอย่างไรกับเหมือนชนก หล่อนจะยอมเข้าใจสักแค่ไหนกับการหย่าร้างของเขา และกับการแต่งงานใหม่ของเขากับพิมลแขที่จะถึงในเร็ววันนี้ เพราะเหมือนชนกรีบร้อนกลับบ้านก่อนกำหนด เขาเองไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ เขายังคิดว่าหล่อนจะบินไปเที่ยวยุโรปเสียก่อน...เมื่อหล่อนกลับมาก็มีพิมลแขเข้ามาในบ้านแล้ว ทุกอย่างอาจจะง่ายดายเข้า... นายธวัชลงบันไดหินอ่อนมาข้างล่าง เขายังเห็นวิสาขานั่งที่เก้าอี้ในห้องรับแขก...ท่านั่งไขว่ห้างในมือมีบุหรี่คีบอยู่และมองมายังเขาแบบนั้นบอกให้รู้ว่าเธอยังมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว” เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ ผ่านหน้าไป วิสาขาส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ตามหลังเขามา “คุณเห็นใช่ไหมว่าลูกสะเทือนใจมากเหลือเกินกับเรื่องหย่าของเรา...ฉันอยากปรึกษากับคุณเรื่องอนาคตของลูก” “คุณห่วงลูกเหมือนกันหรือ” “ฉันเป็นแม่นะ” ชะโงกตัวไปเขี่ยเถ้าบุหรี่ลง วิสาขามีมาดชวนให้ขัดสายตาเสมอ แล้วเธอก็ค่อนข้างจะ ‘โอเวอร์’ เสมออีกด้วย “ฉันก็รักลูกเป็น แต่ฉันไม่ได้พร่ำเพรื่ออย่าง
“คุณนัย” หล่อนทิ้งตัวคุกเข่าตามมา เขายกแขนออกมากันเอาไว้ไม่ยอมให้หล่อนได้ถึงตัวเขา ทำให้พิมลแขปล่อยโฮออกมาอย่างยอมอับอาย “ทำไมทำกับแขอย่างนี้ล่ะคะ คุณนัย” “มันเป็นเรื่องอดีตแล้วนะ” “ไม่...” หล่อนส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม “แขรักคุณนะคะ รักคุณคนเดียว เพียงแต่คุณยินยอมเท่านั้น แขยินดีสละทุกอย่างเพื่อคุณ” “คุณธวัชเป็นคนดีที่สุดแล้ว” “แต่แขไม่ได้รักเขา” “คุณแข...ความรักน่ะเป็นสิ่งสวยงามเสมอนะ กินไม่ได้ก็จริงแต่มันก็มีค่า เขารักคุณมาก...คุณจะมีความสุขมีทุกอย่างเมื่อแต่งงานกับเขา...จำผมเอาไว้เถิดว่าคุณจะมีความสุขหากเลือกผู้ชายที่รักคุณ...ถึงคุณจะไม่รักเขาเลยก็เถิด” “แต่แขรักคุณ” เขาถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง มองหล่อนเหมือนจะปลง...กับพิมลแข...ลัคนัยรู้สึกเหมือนหล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นๆ เคยมีสัมพันธ์กันบ้างก็เป็นตัวเองเอาไว้ ในเมื่อก่อนหน้านี้หล่อนกับนายธวัชยังไม่ได้ตกลงกันแน่นอน แต่เมื่อเขารู้ ลัคนัยก็ไม่เคยแตะต้องพิมลแขอีกไม่ว่าหล่อนจะพยายามและเขามีอารมณ์ร่วมคล้อยตามสักเพียงใดก็ตามที เขามีทาง
โถงกว้างชั้นบนมีชุดเก้าอี้ทำด้วยหวายลายละเอียดตั้งอยู่พร้อมกับโต๊ะเตี้ยมีกระจกแผ่นหนาใสวางเอาไว้ข้างบน....แจกันดอกไม้ปักด้วยกุหลาบสีชมพูงามสะพรั่ง...เหมือนชนกเกือบจะไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ หล่อนนั่งลงบนเบาะที่หุ้มด้วยผ้าฝ้ายสีสดใสพิมพ์ลวดลายดอกไม้อ่อนหวาน หยิบเอาหมอนสี่เหลี่ยมทำจากผ้าลายเดียวกันมากอดเอาไว้ หันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกที่เปิดกว้างเอาไว้ให้สายลมได้โกรกเข้ามาเต็มที่ “ฉันอยากรู้เรื่องของพ่อกับแม่” “ดิฉันไม่อาจจะพูดอะไรได้” “ฉันอยากรู้” เหมือนชนกบอกย้ำอีกหนหนึ่ง ไพพรรณทำท่าอึดอัดจนเห็นได้ชัด “คุณวิสาขากำชับเอาไว้ว่าไม่ให้ดิฉันพูดนะคะ...อย่าทำให้ดิฉันผิดคำพูดเลย” “ฉันต้องไปคุยกับแม่ใช่ไหม...แล้วตอนนี้แม่ไปอยู่ที่ไหน” “บ้านที่สุขุมวิทค่ะ” “ที่เดิมล่ะซิ” “ค่ะ...บ้านของคุณยายคุณนก” “แล้วตึกโน้นล่ะ...” หล่อนชี้มืออกไป... “ใครอยู่” “คุณลัคนัยค่ะ” หญิงสาวอึ้งไป...ไพพรรณสังเกตเห็นได้ทันทีว่าหญิงสาวมีท่าทีไม่พอใจนักเมื่อได้ยินชื่อนั้น “ท่านกรุณาเขามาก” “พ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ ลูกรัก” พอเหมือนชนกก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งตอนหลังของรถคันหรูสีทองคันนี้ก็ได้รับการโอบกอดจากวงแขนเรียวๆ คู่หนึ่ง กลิ่นหอมฟุ้งตลบเข้าจมูก หล่อนก็แข็งขืนตัวเองเอาไว้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อยินยอมให้มารดาโอบกอดอย่างนั้น วิสาขาจูบแก้มลูกสาวแรงๆ ทำเหมือนรักใคร่ที่สุด แต่เหมือนชนกก็ยังตัวแข็ง...หล่อนร่ำร้องในใจว่าแม่เล่นละครอีกแล้ว “ไม่นึกว่าแม่จะมาด้วย” หล่อนพึมพำออกมา น้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย คงเฉยเมยเหมือนดังเช่นเคย เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ นี่ก็เช่นเดียวกัน วิสาขาไม่ใช่คนคิดมาก เธอจึงหัวเราะเบาๆ “ก็ต้องพูดกันย่ำแย่กับพ่อของลูก กว่าเขาจะยอมให้แม่นั่งรถคันนี้มาด้วย ลูกเป็นไงบ้าง...ไหนแม่ดูทีซิ” เธอผลักลูกสาวออกห่างตัวเกือบจะชิดประตูอีกด้าน ทำให้นายธวัชที่กำลังจะก้าวตามเข้ามาเม้มปากอย่างหงุดหงิดอารมณ์ที่ผ่องแผ้วของเขาหายสูญไปหมดสิ้น นับจากตอนเช้าที่วิสาขายกโทร.แจ้งความจำนงว่าจะมารับลูกสาวด้วย เขาไม่ได้ทำใจมาก่อนว่าเขาจะยังจะต้องเจอะเจอกับอดีตภรรยาอย่างใกล้ชิดอีก แล้วนายธวัชก็เปิดประตูด้านหน้าขึ้นมานั่ง
โถงกว้างชั้นบนมีชุดเก้าอี้ทำด้วยหวายลายละเอียดตั้งอยู่พร้อมกับโต๊ะเตี้ยมีกระจกแผ่นหนาใสวางเอาไว้ข้างบน....แจกันดอกไม้ปักด้วยกุหลาบสีชมพูงามสะพรั่ง...เหมือนชนกเกือบจะไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ หล่อนนั่งลงบนเบาะที่หุ้มด้วยผ้าฝ้ายสีสดใสพิมพ์ลวดลายดอกไม้อ่อนหวาน หยิบเอาหมอนสี่เหลี่ยมทำจากผ้าลายเดียวกันมากอดเอาไว้ หันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกที่เปิดกว้างเอาไว้ให้สายลมได้โกรกเข้ามาเต็มที่ “ฉันอยากรู้เรื่องของพ่อกับแม่” “ดิฉันไม่อาจจะพูดอะไรได้” “ฉันอยากรู้” เหมือนชนกบอกย้ำอีกหนหนึ่ง ไพพรรณทำท่าอึดอัดจนเห็นได้ชัด “คุณวิสาขากำชับเอาไว้ว่าไม่ให้ดิฉันพูดนะคะ...อย่าทำให้ดิฉันผิดคำพูดเลย” “ฉันต้องไปคุยกับแม่ใช่ไหม...แล้วตอนนี้แม่ไปอยู่ที่ไหน” “บ้านที่สุขุมวิทค่ะ” “ที่เดิมล่ะซิ” “ค่ะ...บ้านของคุณยายคุณนก” “แล้วตึกโน้นล่ะ...” หล่อนชี้มืออกไป... “ใครอยู่” “คุณลัคนัยค่ะ” หญิงสาวอึ้งไป...ไพพรรณสังเกตเห็นได้ทันทีว่าหญิงสาวมีท่าทีไม่พอใจนักเมื่อได้ยินชื่อนั้น “ท่านกรุณาเขามาก” “พ
“คุณนัย” หล่อนทิ้งตัวคุกเข่าตามมา เขายกแขนออกมากันเอาไว้ไม่ยอมให้หล่อนได้ถึงตัวเขา ทำให้พิมลแขปล่อยโฮออกมาอย่างยอมอับอาย “ทำไมทำกับแขอย่างนี้ล่ะคะ คุณนัย” “มันเป็นเรื่องอดีตแล้วนะ” “ไม่...” หล่อนส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม “แขรักคุณนะคะ รักคุณคนเดียว เพียงแต่คุณยินยอมเท่านั้น แขยินดีสละทุกอย่างเพื่อคุณ” “คุณธวัชเป็นคนดีที่สุดแล้ว” “แต่แขไม่ได้รักเขา” “คุณแข...ความรักน่ะเป็นสิ่งสวยงามเสมอนะ กินไม่ได้ก็จริงแต่มันก็มีค่า เขารักคุณมาก...คุณจะมีความสุขมีทุกอย่างเมื่อแต่งงานกับเขา...จำผมเอาไว้เถิดว่าคุณจะมีความสุขหากเลือกผู้ชายที่รักคุณ...ถึงคุณจะไม่รักเขาเลยก็เถิด” “แต่แขรักคุณ” เขาถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง มองหล่อนเหมือนจะปลง...กับพิมลแข...ลัคนัยรู้สึกเหมือนหล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นๆ เคยมีสัมพันธ์กันบ้างก็เป็นตัวเองเอาไว้ ในเมื่อก่อนหน้านี้หล่อนกับนายธวัชยังไม่ได้ตกลงกันแน่นอน แต่เมื่อเขารู้ ลัคนัยก็ไม่เคยแตะต้องพิมลแขอีกไม่ว่าหล่อนจะพยายามและเขามีอารมณ์ร่วมคล้อยตามสักเพียงใดก็ตามที เขามีทาง
เขาเคยหวาดกลัวเมื่อหล่อนกลับมาบ้าน...แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี...เขาจะทำอย่างไรกับเหมือนชนก หล่อนจะยอมเข้าใจสักแค่ไหนกับการหย่าร้างของเขา และกับการแต่งงานใหม่ของเขากับพิมลแขที่จะถึงในเร็ววันนี้ เพราะเหมือนชนกรีบร้อนกลับบ้านก่อนกำหนด เขาเองไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ เขายังคิดว่าหล่อนจะบินไปเที่ยวยุโรปเสียก่อน...เมื่อหล่อนกลับมาก็มีพิมลแขเข้ามาในบ้านแล้ว ทุกอย่างอาจจะง่ายดายเข้า... นายธวัชลงบันไดหินอ่อนมาข้างล่าง เขายังเห็นวิสาขานั่งที่เก้าอี้ในห้องรับแขก...ท่านั่งไขว่ห้างในมือมีบุหรี่คีบอยู่และมองมายังเขาแบบนั้นบอกให้รู้ว่าเธอยังมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว” เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ ผ่านหน้าไป วิสาขาส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ตามหลังเขามา “คุณเห็นใช่ไหมว่าลูกสะเทือนใจมากเหลือเกินกับเรื่องหย่าของเรา...ฉันอยากปรึกษากับคุณเรื่องอนาคตของลูก” “คุณห่วงลูกเหมือนกันหรือ” “ฉันเป็นแม่นะ” ชะโงกตัวไปเขี่ยเถ้าบุหรี่ลง วิสาขามีมาดชวนให้ขัดสายตาเสมอ แล้วเธอก็ค่อนข้างจะ ‘โอเวอร์’ เสมออีกด้วย “ฉันก็รักลูกเป็น แต่ฉันไม่ได้พร่ำเพรื่ออย่าง
ชายหนุ่มเดินออกมาด้านหน้าตึก ได้ยินเสียงทะเลาะกันแว่วๆ ของอดีตสามีภรรยา ท่าทียืนประจันหน้ากันนั้นบอกให้รู้ว่าจะไม่มีการยอมกันและกันเป็นอันขาด...นี่เป็นอีกคู่หนึ่งที่เหมือนชนวนระเบิดในบ้าน “ผมขอห้ามนะ อย่ายุ่งกับลูกผมอีก” “ก็ลูกฉันด้วยเหมือนกัน ฉันเป็นแม่นะ...คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน” “ก็ขอให้รู้เอาไว้ เรื่องลูกผมจัดการเองได้” “ไปจัดการกับนังเมียใหม่ของคุณดีกว่า ลูกนี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน” “ไม่...” นายธวัชเสียงกร้าว “ผมไม่อยากเห็นลูกเป็นอย่างคุณ...วันๆ เอาแต่ลอยละล่องไม่มีประโยชน์” “ใช่ซิ...” น้ำเสียงของวิสาขาแหลมจัดขึ้นมาทันใดเหมือนกัน “ฉันมันไม่น่าเสน่หาแล้วนี่ ไหนเลยจะสู้อีนางงามนั่นได้เล่า...มันล่ะมีประโยชน์แค่ไหน...รึไอ้ที่คุณจับมันมานั่งแทนทำงานจะพิสูจน์ว่านอกจากสวยแล้ว อีนั่นก็มีสมอง...โธ่เอ๊ย...ก็อีแค่นางงามคนหนึ่งเรียนก็ยังไม่จบ...ประโยชน์มันแค่เรื่องบนเตียงใช่ไหมล่ะ...” ลัคนัยก้าวออกไปให้เห็นเสียก่อนที่สงครามน้ำลายจะยืดเยื้อต่อไปอีก นายธวัชหันมามองเขา เงียบไปได้เหมือนกัน “นัย...ช่วย
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ ลูกรัก” พอเหมือนชนกก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งตอนหลังของรถคันหรูสีทองคันนี้ก็ได้รับการโอบกอดจากวงแขนเรียวๆ คู่หนึ่ง กลิ่นหอมฟุ้งตลบเข้าจมูก หล่อนก็แข็งขืนตัวเองเอาไว้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อยินยอมให้มารดาโอบกอดอย่างนั้น วิสาขาจูบแก้มลูกสาวแรงๆ ทำเหมือนรักใคร่ที่สุด แต่เหมือนชนกก็ยังตัวแข็ง...หล่อนร่ำร้องในใจว่าแม่เล่นละครอีกแล้ว “ไม่นึกว่าแม่จะมาด้วย” หล่อนพึมพำออกมา น้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย คงเฉยเมยเหมือนดังเช่นเคย เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ นี่ก็เช่นเดียวกัน วิสาขาไม่ใช่คนคิดมาก เธอจึงหัวเราะเบาๆ “ก็ต้องพูดกันย่ำแย่กับพ่อของลูก กว่าเขาจะยอมให้แม่นั่งรถคันนี้มาด้วย ลูกเป็นไงบ้าง...ไหนแม่ดูทีซิ” เธอผลักลูกสาวออกห่างตัวเกือบจะชิดประตูอีกด้าน ทำให้นายธวัชที่กำลังจะก้าวตามเข้ามาเม้มปากอย่างหงุดหงิดอารมณ์ที่ผ่องแผ้วของเขาหายสูญไปหมดสิ้น นับจากตอนเช้าที่วิสาขายกโทร.แจ้งความจำนงว่าจะมารับลูกสาวด้วย เขาไม่ได้ทำใจมาก่อนว่าเขาจะยังจะต้องเจอะเจอกับอดีตภรรยาอย่างใกล้ชิดอีก แล้วนายธวัชก็เปิดประตูด้านหน้าขึ้นมานั่ง