“อย่าไปสนใจเลยดา ผมว่าเรามาต่อเมื่อกี้ให้จบดีกว่า ผมละหิ้วหิว อยากจะกินดาจะแย่อยู่แล้วจ้ะยาหยี”
แม้ใจจะสงสารนันทิยาไม่ใช่น้อย เพราะความผูกพันที่มีด้วยกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย รู้ดีว่าหญิงสาวรักเขามาตั้งแต่แตกเนื้อสาวที่ตอนแรกเขาเองก็ภูมิใจไม่ใช่น้อย การมีคู่หมั้นหน้าตาสะสวยน่ารัก เรียกได้ว่าใครเห็นจะต้องเหลียวหลังมอง แต่ด้วยนิสัยร้ายเหวี่ยงวีนมากลบเกลื่อนความน่ารักเสียจนหมดสิ้น ในตอนนี้เขาถึงได้ทำทุกทางเพื่อที่จะถอนหมั้น!
ความจริงมีคู่หมั้นหน้าตาสะสวย หุ่นดีคงไม่มีใครโง่ปล่อยให้หญิงสาวให้เป็นพรหมจารีอยู่ แต่เขายอมโง่ เพราะรู้ดีว่าถ้าแตะต้องนันทิยาเมื่อไหร่ เขาจะต้องรับผิดชอบผู้หญิงนิสัยเสียคนนี้ไปจนตลอดชีวิต เรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมเอาชีวิตที่มีผู้หญิงรายล้อมให้ความสุขไม่ซ้ำหน้ามาตกนรกทั้งเป็นกินแตงเฉาตายเพียงเถาเดียวกันเล่า
ดวงตาคมกริบเหลือบมองไปที่ร่างโปร่งบาง ซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่อ เลิกสนใจเธอโดยสิ้นเชิง คิดว่าไม่นานนันทิยาจะรู้ตัวเสียที ไม่เป็นที่ต้องการของเขา เมื่อทนไม่ไหว เป็นหญิงสาวเองนั่นแหละที่จะหาทางไป โดยเขาจะไม่ขวาง รวมไปถึงพ่อและแม่เขาเองก็ขัดขวางไม่ได้ด้วย ส่วนเขาก็จะได้ใช้ชีวิตเสเพลโดยที่ไม่มีใครขัดขวางอีกแล้ว มีแต่ได้กับได้ วินวินด้วยกันทั้งคู่
นันทิยาทนที่จะยืนอยู่มองดูการกระทำบาดใจไม่ได้ รีบหันกายหนี เท้าเรียวยาวถลาพาขาที่มันแข็งเหมือนกับมีหินจับอยู่ออกไปจากห้องนอนภามด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ น้ำตาอุ่นร้อนไหลนองหน้ากับคำถาม
ทำไมภามถึงต้องทำอย่างนี้ เกลียดเธอมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ถึงได้ทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตอนนี้กำลังจะหมดแรงที่จะดึงรั้งให้เขาหันกลับมามองแล้ว
ประตูบานใหญ่ปิดลงดังปัง ร่างโปร่งบางทรุดลงกองบนพื้น พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มเป็นสาย ก่อนที่นันทิยาจะรวบรวมความเข้มแข็งในตัวเองที่ยังพอหลงเหลืออยู่น้อยนิด ให้ร่างกายที่ยังครบสามสิบสองไปขึ้นรถแวนคันใหญ่ พาเอาหัวใจที่บอบช้ำกลับไปยังบ้านพักของตัวเองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังนี้เท่าไหร่
“...”
เสียงแตรรถดังสนั่นลั่นไปสามบ้านแปดบ้านไปเรียกชายหนุ่มที่ไปหลงระเริงอยู่กับสาวน้อยนามน้องอะไรก็ไม่รู้ เพราะเพียงเจอกันแล้วถูกใจก็ชวนกันพาไปขึ้นเตียงตลอดจนรุ่งเช้า แล้วต่อถึงสายจนไปทำงานไม่ไหวก็เลยเกมันสักวัน เลยมานอนหลับอุตุอยู่ในห้องรับแขกของบ้านสะดุ้งเฮือกลืมตา รีบขยับตัวลุกจากโซฟาตัวนุ่มเหมือนกับถูกใครกดสปริงอย่างนั้นแหละ
“เฮ้ย! ฟ้าถล่มดินทลาย หรือสึนามิเข้าหรือไงกันนี่ ผมบนศีรษะทุยชี้โด่เด่ไม่เป็นทรง วงหน้าคร้ามแกร่งหันมองไปทั่วบริเวณอย่างเลิ่กลั่กมองหาที่มาของเสียงที่จนตอนนี้ยังไม่หยุด
“นี่มันบ้าอะไร ใครมาเล่นพิเรนทร์อะไรกันวะนี่”
คนที่ต้องตื่นมาอย่างงง ๆ สบถเสียงเขียว ยื่นมือไปคว้าเสื้อเชิ้ตที่ถอดและโยนไปวางไว้บนโซฟาอีกตัวมาสวมใส่ลวก ๆ โดยไม่ยอมติดกระดุมให้เรียบร้อย แม้จะเปิดเครื่องปรับอากาศแต่เพราะเขาเป็นคนร้อนง่ายและตอนที่กลับเข้าบ้านใหม่ ๆ นั้นก็ร้อนมาก แต่ก็ง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้น เลยเลือกที่จะถอดเสื้อนอนมันทั้งอย่างนั้นแหละ
ร่างที่ทั้งหนาและใหญ่ด้วยสัดส่วนความสูง 190 เซนติเมตร ทุกส่วนของร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายทั้งบนเตียงและใช้บริการฟิตเนสเดินออกไปเร็วรี่ เพื่อที่จะอาละวาดคนที่ทำเสียงรบกวนคนอื่นอย่างไม่รู้กาลเทศะ เขากำลังต้องการพักผ่อน แต่เพียงแค่ประตูบ้านเปิดออกจนได้เห็นที่มาของเสียง คนที่ยังเมาขี้ตาอยู่ก็เบิกกว้าง พร้อมสบถเสียงลอดไรฟันอีกครั้ง
“พี่ไทนี่ เป็นบ้าอะไรนี่ ทำไมถึงได้กดแตรรถเล่นแบบนี้” มือใหญ่ยกขึ้นเกาผมบนศีรษะแรงๆ อย่างอารมณ์เสียจากการถูกรบกวนการนอนและการจะต้องออกมายืนกลางแดดเปรี้ยง ๆ ร้อนจนเหงื่อไหลอาบตามร่องรูขุมขนและขมับ เพราะพี่สาวที่ดูท่าว่าจะมีเรื่องกับภามมาอีกแล้ว
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ
“พี่ไทนี่” ชานนท์เคาะกระจกรถเรียกพี่สาวด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายระคนระอิดระอาใจ เตือนไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าให้วางเรื่องภามลงเสียบ้าง รู้ก็รู้ว่าเขาไม่เคยจะสนใจ ก็ไม่เคยที่จะฟังเลย นี่คงจะไปอาละวาดใส่ภามมาแล้ว และคงจะโดนอีกฝ่ายตอกจนหน้าหงายกลับมาอีกล่ะซินี่ เฮ้อ...ลมหายใจร้อนๆ เป่าพ่นจากริมฝีปากสีแดงสด
‘พี่สาวใครไม่รู้ ทั้งหัวดื้อและเอาแต่ใจตัวเองชะมัด’
ดูเหมือนว่านันทิยาจะไม่สนใจเสียงเคาะประตูจากฝั่งคนขับ ยังคงทุ่มตัวแนบไปกับพวงมาลัยรถและร้องไห้สะอื้นจนตัวคลอน ศีรษะทุยสะบัดแรง ๆ เคาะกระจกรถและร้องเรียกพี่สาวดัง ๆ อีกครั้ง
“พี่ไทนี่!! พี่ไทนี่ครับ!!!”
เหมือนมีเสียงดังแว่วมาจากภายนอก นันทิยาผงกศีรษะที่ฟุบอยู่กับพวงมาลัยรถ ร้องไห้จนหน้าตาบวมเป่งและแดงก่ำไปตลอดจนถึงปลายจมูกที่กำลังสูดเอาลมผ่านน้ำใส ๆ ที่ไหลออกมาผ่านเข้าไปในปอดขึ้นมองที่มาของเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอก็ฟุบกลับไปเหมือนเดิม จนอีกฝ่ายดูท่าจะทนรำคาญไม่ไหวเลยทุบเข้าให้ดังปัง ๆ อย่างไม่กลัวว่ากระจกรถจะแตก
“อือ...มีอะไรนนท์” นันทิยาเอ่ยถามเสียงเบาหวิวปนสะอื้นเล็ก ๆ มือเรียวกดสวิตช์ให้กระจกรถเคลื่อนตัวลงช้า ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนวงหน้า จนน้ำใส ๆ เปื้อนเหนือริมฝีปากและพวงแก้มเหมือนกับเด็กวัยสามสี่ขวบ
สองมือใหญ่เท้าสะเอว ปลายนิ้วยาวใหญ่บางส่วนสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและบางส่วนอยู่ชิดขอบเข็มขัด พร้อมด้วยเรือนกายแข็งแกร่งทรงพลัง กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ จากการออกกำลังกายเป็นประจำทำให้ไม่มีไขมันเกาะพอกไปทุกส่วนของร่างกายที่สาวๆ คนใดได้เห็นชานนท์ในลักษณะแบบนี้ ไม่ให้หัวใจและร่างกายละลายเป็นน้ำก็ให้มันรู้ไป แม้กระทั่งนันทิยาซึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ หัวใจก็ยังอดที่จะเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ มองน้องชายตาปรอยไม่ได้
“ไม่ต้องมาทำตาละห้อยแบบนั้นเลยพี่ไทนี่ ลงมาเลย พี่ลงจากรถมาเลยนะ”
มือใหญ่ยื่นไปปลดล็อกและเปิดประตู พร้อมร่างพี่สาวจนเกือบจะเป็นกระชากลงมาจากรถ ปิดดังปังใหญ่ก่อนจะช้อนร่างโปร่งที่หมดแรงเดินกลับเข้าไปในบ้าน สองแขนใหญ่โอบกอด ฝ่ามือลูบศีรษะทุยไล่ลงมาถึงแผ่นหลังอย่างต้องการปลอบประโลมคนที่กำลังสะอื้นฮักเหมือนกำลังจะขาดใจ เมื่อได้รับความรักและปรารถนาดีจากน้องชาย
ชานนท์ปล่อยให้พี่สาวร้องไห้จนหนำใจอย่างที่ไม่รำคาญเหมือนดังเช่นตอนแรก
เขาและนันทิยาสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ มีอะไรคุยกันได้ในทุกเรื่องจริง ๆ ในตอนที่นันทิยามีประจำเดือนครั้งแรกก็เป็นเขาที่อยู่ด้วย มองดูพี่สาวที่กำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความปวดโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้ หลายครั้งเป็นเขาที่เคยวิ่งโร่ไปหาซื้อผ้าอนามัยมาให้อย่างไม่อายสายตาของคนที่มอง ก็เพราะคนที่เขาทำสิ่งเหล่านั้นให้คือพี่สาวสุดที่รักของเขาเอง แล้วจะไปอายอะไรและอายทำไมเขาเคยแม้กระทั่งไปนอนกับใครมาแล้วบอกเล่าให้พี่สาวฟัง เคยนอนเตียงเดียวกับพี่สาวแล้วนินทาผู้หญิงอย่างที่ผู้ชายดีๆ เขาไม่ทำ เขาก็เคยทำมาแล้ว ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่เผอิญว่ามันเต็มกลืนจริง ๆ กับรายนั้นที่เล่นเอาเขาถึงกับหน้าแหกแตกหมอไม่รับเย็บกับความขี้ตู่ของเจ้าหล่อน ที่ทำเอาเขานั้นน่วมไปทั้งตัว เพราะถูกแม่เสือที่ไม่เคยจะมีทีท่าหึงหวงอย่างรสรินปล่อยหมัดน็อกเข้าปลายคางและใช้ร่างกายเขาแทนกระสอบทราย จะโต้ตอบก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายหาใช่เพียงแค่คู่หมั้นแต่ดันเป็นลูกสาวเจ้าของโรงแรมที่เขาทำงานอยู่ เป็นน้องสาวของพี่ภามที่เขารักและเคารพประดุจพี่ชายแท้ ๆ และเป็นเจ้าของหัวใจเขามาโดยตลอดด้วยนันทิยาเองก็เช่นกัน รู้สึกกับใครยังไงก็บอกเล่าอย่างไม่มีปิดบัง
“แต่พี่รักพี่ภามนี่…มาก” นันทิยาตอบกลับเสียงเบาหวิว อยากให้ตัวเองเข้มแข็งกว่านี้ จะได้ตัดใจจากภามได้เสียที ไม่ต้องเจ็บช้ำใจเหมือนดังเช่นทุกวันนี้ แต่เธอก็ยังไม่อาจทำได้“ผมรู้ครับ พี่รักพี่ภาม แต่พี่จะยอมเจ็บอยู่แบบนี้หรือครับ เป็นพี่ที่เจ็บและร้องไห้อยู่เพียงคนเดียว พี่ภามไม่เคยหันมาสนใจความรู้สึกของพี่สักนิด” สองมือใหญ่จับมือเล็กเรียวบีบเบา ๆ“ผมรักพี่นะครับ ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นพี่ร้องไห้และเป็นทุกข์แบบนี้โดยที่ผมช่วยอะไรไม่ได้เลย” ชานนท์พูดเสียงแผ่วเบาด้วยความอัดอั้นตันใจ เขาเป็นเพียงแค่คนนอกที่จะไปบอกกับภามว่า...ถึงไม่รักกันก็อย่าทำร้ายหัวใจกันแบบนี้ได้ไหม ไม่รักแต่ให้สงสารพี่สาวผมหน่อยได้ไหม“พี่รู้ พี่...พี่ขออีกครั้งนะนนท์ ถ้าหากครั้งนี้พี่ภามทำให้พี่เจ็บอีก พี่...พี่จะยอมตัดใจ” นันทิยาเอ่ยบอกน้องชายเสียงเบาหวิวและขาดเป็นห้วง ใบหน้าสวยก้มลงมองสองมือเล็กที่วางจับกันอยู่บนตัก ในหัวใจอึดอัดคับแค้นทั้งโหวงเหวงและเบาหวิว“สัญญานะครับ” ปลายนิ้วก้อยยาวใหญ่ยื่นออกมาตรงหน้าพี่สาว “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมยังอยู่ตรงนี้...ข้าง ๆ พี่เสมอนะครับ”นันทิยาพยักหน้ารับพร้อมยกนิ้วก้อยเล็กเรียว
“พี่ไทนี่พูดจริง ๆ นะคะ” รสรินเอ่ยถามว่าที่พี่สะใภ้น้ำเสียงจริงจัง พวงแก้มนุ่มอิ่มเต็มด้วยเลือดฝาดป่องออกเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยเชื่อในคำรับรองที่ได้ยิน ก็ชานนท์น่ะเจ้าชู้ขึ้นชื่อลือชาขนาดนั้น จะเป็นไปได้หรือไงที่จะไม่มีสาว ๆ คอยพะนอแนบชิดดวงตากลมโตที่กะพริบปริบ ๆ มองมา ทำเอานันทิยาถึงกับแอบกลืนน้ำลายในลำคอ เพราะคำพูดที่พูดออกไปนั้นไม่มีคำไหนจริงเลยสักนิด ชานนท์มีหญิงรายรอบไม่เว้นแต่ละวัน เคียงข้างไม่เว้นแต่ละคืน บางคืนไม่กลับบ้านด้วยซ้ำ แต่ยังไงชายหนุ่มก็เป็นน้องชาย แค่ช่วยปกปิดให้ทั้งสองคนที่รักกับที่คนหนึ่งแสดงออกอย่างเต็มที่ แต่อีกคนต้องปกปิดความรู้สึกเอาไว้ภายใน เพราะความไม่เท่าเทียมของฐานะ การดูถูกเหยียดหยามจากคนที่อยู่รายรอบให้สบายใจ ดีกว่าบอกความจริงแล้วให้ทั้งคู่ต้องรบรากันสองมือเล็กยื่นไปจับมือเล็กเรียวของรสริน “ถึงจะมีจริง แต่นนท์ก็ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน เพราะนนท์รักน้องรสคนเดียว แต่ช่วงนี้งานหนักมาก นนท์เลยไม่ได้ไปวุ่นวายกับผู้หญิงคนไหนเลยจ้ะ” นันทิยาเน้นย้ำเสียงนุ่มอีกครั้ง ‘พี่ช่วยเธอได้เท่านี้นะนนท์ ส่วนที่เหลือก็เคลียร์กับน้องรสเอาเองแล้วกัน’“ค่า....” รสรินแย้มยิ
รสรินเอ่ยเสียงหวานนุ่ม กายโปร่งขนาดส่วนสูงน้อยกว่านันทิยาเล็กน้อยโถมตัวเข้ากอดร่างโปร่งบาง แนบซบใบหน้ากับลาดไหล่กว้าง“โอ๋...พี่ไทนี่ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวน้องรสจัดการพี่ภามให้เองค่ะ” วงหน้ารูปไข่ตวัดมองไปที่ชานนท์พร้อมทำหน้าตาบึ้งตึงเครียดขึงใส่“พี่นนท์ดูแลพี่สาวน้องรสยังไง ถึงปล่อยให้พี่ภามรังแกเอาน่ะ” เธอยังพ่วงความโกรธมาใส่ชานนท์ที่ไม่ยอมดูแลพี่สาว ปล่อยให้ถูกพี่ชายเธอรังแกทางด้านจิตใจบ่อย ๆ อีกด้วย“พี่เปล่านะ” ชานนท์รีบปฏิเสธทันทีและรีบหาทางเปลี่ยนเรื่องให้มันห่างไกลจากตัวเองมากที่สุด ก่อนที่ตัวเองจะถูกหางเลขหนักจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะหาทางเล่นงานเขายังไงถึงให้สาสมกับโทษทัณฑ์“น้องรสเพิ่งมาถึงใช่ไหม ดูซิหน้าตาแดงเชียวและมันแผลบเชียว แถมผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงด้วย พี่ว่าไปพักก่อนดีกว่าไหม”“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยพี่นนท์ มาให้น้องรสชำระความเสียดี ๆ เลยนะ”รสรินตอบกลับอย่างรวดเร็ว มือเล็กเรียวคว้ามือใหญ่ของชานนท์ข้างหนึ่งและอีกมือคว้าแขนเรียวยาวของนันทิยามุ่งเดินไปห้องพี่ชายเพื่อชำระความผิดในทันทีเพราะหลงมัวในตัวหญิงที่เพิ่งมีความสัมพันธ์กัน ทำให้ภามไม่ได้ยินเสียงประตูห้องทำงาน
“บัดสีบัดเถลิงจริงเชียว เดี๋ยวนี้เขาใช้ห้องทำงานเป็นห้องระบายความใคร่กันแล้วหรือคะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ถ้าไม่มาเห็นกับตา ฉันไม่เชื่อนะคะเนี่ย”“หือ...” ภามออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะสำราญ แม้เสียงที่ดังมาจะหวานนุ่มคุ้นหู แต่เขาก็ไม่คิดถึงคนใกล้ คนที่กล้าทำอย่างนี้ก็นันทิยานั่นแหละ ใบหน้าคมคร้ามจึงบึ้งตึงพร้อมดวงตาคมกริบเป็นประกายเกรี้ยวกราดมอบให้ แต่กลับกลายเป็นว่า...“ว้าย ตายแล้ว หล่อนเป็นใครยะ มาเสนอหน้าอะไรในห้องนี้”ชลดาที่เห็นคนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในห้องทำงานก่อนภามตวาดแว้ดใส่ พร้อมสายตาไม่เป็นมิตรตามไปอีกระลอกถ้ามีเพียงแค่ผู้หญิงหน้าไม่อายที่จ้องมองเหมือนกับไม่เคยพบเคยเห็น เธอจะโชว์ออฟให้เห็นไปเลยว่าภามชอบเธอขนาดไหน เชื่อว่าอีกไม่นานชายหนุ่มจะหลงรักและขอเธอแต่งงานแน่นอน“เฮ้ย!” ภามร้องเสียงดังลั่นอีกครั้งด้วยความตกใจจนสะดุ้งเกือบจะพลัดตกจากเก้าอี้เลยทีเดียว เมื่อเห็นคนที่ก้าวมายืนเท้าสองศอกบนโต๊ะทำงาน มืออยู่ที่ปลายคาง จ้องมองเขาและชลดาตาไม่กะพริบ จนเขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายอาย เพราะอีกฝ่ายไม่คิดอายจนต้องรีบจัดเสื้อผ้าของชลดาให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนโอบกอดร่
“ค่า...น้องรสรู้ว่าพี่นนท์น่ะ ไม่เค้ยไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเพียงแค่คนเดียว แต่นอนด้วยหลายคนใช่ไหมคะ” รสรินตอบกลับอย่างรู้เท่าทัน อย่าคิดว่าเธอไปเรียนต่างบ้านต่างเมืองแล้วจะไม่รู้เรื่องของคนที่บ้านนะ สายน่ะมีตั้งหลายคน ไม่ได้มีแต่นันทิยานี่นา เพราะคนนี้นะยังไงก็ต้องเข้าข้างน้องชายตัวเองอยู่ดีนั่นแหละชลดาใช้โอกาสที่ไม่มีใครสนใจเธอ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะหยุดอยู่กึก เมื่อจำได้ว่าหนึ่งในสองคนเป็นคนที่เคยเข้าไปทำร้ายเธอในห้องนอนของภามสายตาแห่งความรักที่มอบให้ชายหนุ่มแต่สายตาแห่งความโกรธระคนเกลียดที่มอบมาให้เธอทำให้ชลดาอยากที่จะแกล้งให้อีกฝ่ายกระอักเลือด ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นลากไล้วงหน้าคมคร้าม เรื่อยลงจนถึงเหนือปากหนา แล้วก็อดที่จะหัวเราะคิกคักไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเล่นด้วย ริมฝีปากหนาอ้างับปลายนิ้วเล็ก ปลายลิ้นร้อนระอุตวัดไล้หยอกกระเซ้าจนหัวใจเต้นแรงรัวเร็ว พวงแก้มนุ่มแดงปลั่ง ดวงตากลมโตเป็นประกายพราวระยับ“นนท์...พาพี่ไปจากที่นี่ที พี่ไม่ไหวแล้ว” นันทิยาบอกน้องชายเสียงสั่นเครือ ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคยเป็นสีแดงซีดเผือดเช่นเดียวกับวงหน้าที่ตอนนี้ซีดจนจะเหมือนกระดาษภามใจร้ายกับเธอ
รสรินทำแก้มป่องงอน ๆ ใส่พี่ชาย มือเล็กยกขึ้นซับหน้า ทั้งเหนื่อยและร้อนแล้วก็ง่วงด้วยอยากกลับไปอาบน้ำเย็น ๆ และคลานขึ้นเตียงจะแย่แล้ว แต่ก็ต้องเคลียร์กับชานนท์ด้วยเหมือนกัน ไม่งั้นนอนไม่หลับ ส่วนพี่ชายน่ะหรือ เอาไว้คุยที่บ้านพรุ่งนี้แล้วกัน จัดปาร์ตี้กองไฟที่ชายหาด มีดนตรีเบา ๆ คลอเคลียกับอาหารนิดหน่อยให้ร่างกายได้สนุกสนานผ่อนคลายก่อนจะต้องลงมือทำงาน“แล้วเราไม่เคยกลับบ้านหรือไงยัยตัวยุ่ง” มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมบนศีรษะทุยแรง ๆ จนกระจายยุ่งเหยิง“ปล่อยนะพี่ภาม น้องไปก็ได้ ไม่อยากอยู่ขวางหูขวางตาพี่นักหรอก”รสรินตอบกลับ เพราะรู้ว่าพี่ชายคงอยากจะคุยกับนันทิยา ก็เห็นปรายสายตาไปมองสาวเจ้าอยู่บ่อยครั้งนี่นา ถึงแม้จะออกแนวไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่คนเราบางทีใกล้เกลือกินด่างก็ยังมี โน่นกว่าจะรู้ตัวว่าเขาสำคัญก็เมื่อตอนเขาจากไปแล้วนั่นแหละ อีกอย่างเรื่องบางเรื่องเร่งรัดไปยิ่งทำให้มันห่างไกลไป ถ้ารู้จักถอยหลังกลับไปสักก้าว นั่นอาจจะทำให้มีค่าขึ้นมากกว่า มีโอกาสเธอคงจะต้องคุยกับนันทิยาเรื่องนี้ คิดจะจับภามใส่กรงหัวใจน่ะมันต้องมีทั้งรุกทั้งรับ และถอยกลับไปตั้งหลัก มันถึงจะชนะ“ไปกันเถอะค่ะพี่นนท์ ทาง
แต่ก็ได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นดอกฟ้า ถึงแม้เขาจะมีหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคง ฐานะก็พอมีพอกินไม่เป็นหนี้เป็นสินและมีทรัพย์สมบัติทางพ่ออีกหน่อย แต่พอคำนวณดูแล้วมันก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งที่รสรินมี เขาเลยกลายเป็นถูกนินทาหลับหลังว่าเป็นหมาที่คอยมองเครื่องบิน เป็นคนที่คิดจะเอาตัวเองไปตกถังข้าวสาร“ไปก็ได้ ไม่ได้อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใครหรอกนะ แต่จะทำอะไรก็คิดถึงหัวใจพี่ไทนี่สักนิดก็ดีนะคะ ถ้าพี่เขาทนไม่ไหวหนีไป น้องรสไม่รู้และไม่ช่วยตามง้อด้วยนะ”“ถ้าเป็นอย่างที่เราพูด พี่จะถวายเลี้ยงโต๊ะจีนท่านเจ้าที่สามวันเต็ม ๆ เลยละน้องรส” ภามโต้กลับ ด้วยเชื่อว่าต่อให้ทำร้ายจิตใจจนช้ำเลือดช้ำหนองแค่ไหน นันทิยาก็ไม่มีทางที่ยอมทิ้งผู้ชายที่ทั้งรูปหล่อ เก่งและร่ำรวยมหาศาลอย่างเขาไปได้หรอกน่า ถ้าเป็นอย่างนั้นหญิงสาวทิ้งเขาไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่ไปเห็นเขานอนกับผู้หญิงคนอื่นในห้องพักในวันคล้ายวันเกิดของนันทิยาเองด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวยังคงดื้อด้านดันทุรังที่จะยังอยู่เคียงข้างเขาอยู่เลย แล้วอย่างนี้หรือที่จะทิ้งเขาไปได้ลงคอ ไม่มีทางชานนท์หน้าตึงกับน้ำเสียงกึ่งเย้ากึ่งดูถูกที่ภามมอบ
“คะ” งุนงงเหมือนกับถูกค้อนปอนด์ทุบศีรษะ เหลือบสายตามองนาฬิกาที่ผนังห้องด้านหนึ่งซึ่งซุกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงออกจากห้องทำงานไปก็ตั้งแต่ก่อนจะเที่ยงวัน นี่ก็บ่ายสองครึ่งแล้ว ยังไม่ได้กินอะไร แล้วหายไปทำอะไรมาล่ะ แล้วอีกอย่างเธอไม่ใช่ร้านอาหารนะเฟ้ยที่จะเรียกหาอาหารได้ทันใจน่ะ แต่นั่นแหละ ยังไงก็ต้องยอมแพ้อีตาเจ้านายหุ่นสูงชะลูดนี่อยู่ดี“มีแซนด์วิชอยู่ชิ้นครึ่งจะเอาไหมคะ” ถามประชดนะ เพราะชิ้นหนึ่งนะเธอกินไปแล้วครึ่งหนึ่ง อีกชิ้นก็จะเก็บไว้รองท้องตอนที่ถูกอีกฝ่ายบังคับให้อยู่ทำงานด้วยจนค่ำ“ก็ดี ขอกาแฟแก้วหนึ่งด้วยนะ” สั่งเสร็จคนสั่งก็หลับตาไปเสียงั้นแหละ ปล่อยให้คนถูกสั่งอ้าปากค้างด้วยความมึนงง“อะไรของเขานี่” มือเล็กเรียวยกขึ้นเกาศีรษะเบาๆ และเดินออกไปจากห้องเพื่อจัดการในสิ่งที่คุณเจ้านายผู้แสนจะเอาแต่ใจต้องการมาบริการให้ถึงที่ จมูกโด่งยู่ย่นเล็กน้อยพร้อมกับบ่นพึมพำไปตลอดทางโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพียงแค่ร่างเธอลับไปรัฐภาสก็ลืมตาขึ้นทันควันพร้อมด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยที่มันแต่งแต้มขึ้นบนวงหน้าและดวงตา“ว่าไงคะพี่นนท์ ไม่คิดจะง้อน้องรสใช่ไหม” สองมือเล็กสอดไขว้ระหว่างอก ใบหน้าส
ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นกดซับน้ำตาที่มันยังเอ่อไหลอาบสองแก้มไม่ยอมหยุด แม้จะเจ็บแต่ก็มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนวงหน้าได้บ้าง แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในวันนี้ที่สว่างสดใสผิดแผกกับใจเธอที่ยังไงมันก็หมองหม่นและหดหู่เป็นที่สุด“เปล่าหรอก แค่คิดถึง”“ไม่จริง น้ำเสียงแกไม่ได้บอกอย่างนั้น หรือแกไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้ว ถึงได้ไม่ยอมบอกให้ฉันรู้ว่าแกเป็นอะไร...”“เปล่านะก้อย ฉันก็แค่...” ขบกัดริมฝีปาก ร่ำ ๆ อยากจะบอกรวิกานต์ไป แต่มันก็ยังอายเกินไป“เอาเถอะ ในเมื่อตอนนี้แกไม่อยากจะบอกก็ไม่เป็นไร เอาไว้แกสบายใจเมื่อไหร่ค่อยบอกมาก็ได้” ไม่อยากกดดันนันทิยาไปมากกว่านี้“นี่ถ้าหากแกเหนื่อยมากนักมาพักกับฉันสักระยะหนึ่งไหมไทนี่ อืม...แต่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเราหนีไปเที่ยวกันสองคนดีไหม คลายเครียดคลายเหงาแถมได้เปิดหูเปิดตาดีไหม”“แล้วเจ้านายแกไม่ว่าหรือไง” เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งเหมือนกัน ถ้าอยู่ใกล้หัวใจมันก็คอยแต่จะหวั่นไหวและเจ็บปวดไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ภามทำ อยู่ไกลคงพอให้ทำใจได้บ้าง เก็บรวบรวมพละกำลังทั้งกายและใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ไม่ต้องไปสนใจคนใจร้ายใจดำนั่น ทุกอย่างจะได้ดีขึ้น“โอ๊ย!!” รวิ
ดวงตากลมโตมองการแต่งกายของรวิกานต์ที่ไม่เคยจะเปลี่ยนไปจากตอนที่เรียนหนังสือ เสื้อผ้าสีซีดๆ พื้นด้วย ตัวกระโปรงยาวเลยเข่าถ้าสามารถยาวถึงข้อเท้าได้ยิ่งเป็นการดี ตัวเสื้อก็จะต้องเป็นแบบยาวเลยสะโพกที่สามารถใส่ไว้ในตัวกระโปรงได้โดยไม่หลุดออก แขนยาวถึงข้อมือ ติดกระดุมจนเกือบถึงคอ ถ้าจะถึงลูกกระเดือกได้เป็นยิ่งดี ใบหน้าเรียวสวยรูปไข่ ปากจมูกตารับกันหมดแต่กลับปกปิดดวงตาไว้ภายใต้แว่นตาคันโต ผมถ้าไม่มัดด้วยยางก็จะขมวดๆ มุ่นไว้กลางศีรษะ เสียบด้วยอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้มือ“มีก็แล้วกันน่า”นันทิยาหัวเราะคิกกับอาการไม่ถ่อมตัวของเพื่อน “เออ...ขอให้ทำงานให้สนุกก็แล้วกัน เป็นนักบัญชีดี ๆ ไม่ชอบ ไปเป็นเลขา แกรู้ไหมว่างานหนักนะ” ไม่ได้ขู่แต่งานเลขาที่เธอทำกับภามนั้นหนักจริง ๆ บางครั้งแทบจะไม่ได้หลับได้นอนด้วยถูกอีกฝ่ายเรียกใช้จนแทบไม่ได้เงยหน้า ข้าวปลาแทบไม่ได้แตะ หน้าตาไม่ได้ผัดแม้กระทั่งแป้งฝุ่น“ก็ไม่ได้อยากไปนี่นา แต่ถูกอีตาคุณเจ้านายสั่งน่ะ ตอนแรกก็ไม่ยอมนะ แต่พอบอกว่าได้เงินเพิ่มก็เริ่มตาโตละ ตามต่อท้ายอีกนิดด้วยมีรถรับส่งฟรี”“อื้ออือ...จริงหรือก้อย ตำแหน่งเลขาบริษัทแกมีการรับส่งด้วยเหรอ ทุ่มทุนมาก
“อ๊ะ...เจ้านาย ไม่นะคะ” รวิกานต์ร้องห้ามน้ำเสียงสั่นพร่า แต่มีหรือที่รัฐภาสจะฟัง ชายหนุ่มกดฝังปลายจมูกโด่งไปบนกึ่งกลางทรวง ค่อยเดินทางขึ้นไปบนภูเขาลูกน้อยทีละนิดจนได้พบกับยอดเขาที่มันแข็งตัวชูชันพร้อมให้เขาเก็บผลไม้รสหวานเข้าปาก“อืม...เนื้อตัวคุณนี่หวานจริง ๆ ก้อย” ชายหนุ่มร้องครางในลำคอ ฝ่ามือใหญ่กอบกุมเคล้นคลึงทรวงอกอวบอีกข้างอย่างไม่ให้มันน้อยใจว่าถูกหมางเมิน เมื่อดูดเม้มกัดกินผลไม้รสหวานจนเปียกชื้นริมฝีปากหนาจึงสลับสับเปลี่ยนย้ายไปกัดกินผลไม้รสหวานนุ่มอีกข้างอย่างตะกรุมตะกรามมือใหญ่ลูบไล้ปลีน่องเรียวกลมกลึง สอดแทรกไปอย่างเชื่องช้าจนได้พบกับจุดอับลี้ลับที่ยังมีจีสติงสีเดียวกับตัวชุดนอนปกปิดอยู่ แต่มันก็เท่านั้นแหละ เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะขวางมือเพชฌฆาตของรัฐภาสได้เลย ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวเหมือนกับเพลิงไฟค่อยๆ กดคลึงเคล้นโหนกเนื้อนูนเด่นแผ่วเบา สร้างความเสียวซ่านปั่นป่วนใจให้กับรวิกานต์จนหญิงสาวถึงกับร้องครางไม่เป็นประสากายแกร่งถึงกับสำแดงฤทธิ์เดชดุนดันกางเกง แต่รัฐภาสจำต้องสะกดกลั้นมันเอาไว้ก่อน ไม่ได้เดี๋ยวไก่น้อยตื่นจะอดกินอย่างอิ่มหมีพีมันไปเสียเปล่า ๆ มือใหญ่เคลื่อนออกจับสองขาเร
มือใหญ่วางทาบบนมือเล็กให้หยิบสายไฟไปเสียบจนเรียบร้อย พร้อมจับรั้งร่างโปร่งบางให้หันมาเผชิญหน้าด้วย ซึ่งตอนนี้คนที่เหมือนจะเพิ่งตื่นจากนอนเริ่มที่จะหายจากอาการสะลึมสะลือ เลยรับรู้ถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับหัวใจตัวเองได้ แต่เพราะยังตกอยู่ในอ้อมแขนใหญ่จึงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรให้หลุดรอดจากความอบอุ่นที่โอบล้อมทางร่างกายที่วิ่งลิ่วไปถึงหัวใจให้อ่อนระทวยเหมือนกับน้ำที่ถูกต้มจนเดือดได้อย่างไรดี“คิดจะยั่วผมหรือก้อย” ฝ่ามือใหญ่ร้อนผ่าวถูไถลำแขนกลมกลึง ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงน้อย ๆ แทบจะชิดใบหน้าเรียวรูปไข่ยามที่เอ่ยถาม“คะ?” รวิกานต์ตอบกลับเสียงสูงอย่างงุนงงยั่ว...เธอไปยั่วอะไรอีตาเจ้านายขี้ตู่นี่กันล่ะเนี่ย มีแต่ตัวเองนั่นแหละที่ชอบเอาเปรียบเขาอยู่เรื่อยเลย นี่ไงเห็นไหมมากอดมาลูบอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าทำให้หัวใจคนอื่นเขามันเอนเอียงไปให้ตัวเองจนแทบจะถอนไม่ทันแล้วนะ“ก็...ตรงนี้ไง ยาหยี...”ริมฝีปากหนาร้อนประทับเหนือดวงตากลมโตเล็กน้อย มือใหญ่เคลื่อนไหวเหมือนกับใบไม้ที่มันปลิดปลิวหลุดออกจากต้น ดึงเอาสาบเสื้อคลุมชุดนอนออกจากกัน ก่อนจะทาบฝ่ามือร้อนระอุเหมือนกับเปลวเพลิงบนสองก้อนเนื้อที่ไม่ได้
ก็โต๊ะทำงานรัฐภาสนะเธอต้องเก็บจัดให้แฟ้มงานและทุก ๆ อย่างเข้าที่เข้าทางทุกเช้า เที่ยงและก่อนกลับบ้าน แต่ไม่ถึงสองชั่วโมงมันก็กลับมารกเหมือนเดิม แล้วถ้าไม่ทำให้พ่อเจ้าประคุณก็จะหาของไม่เจอ แล้วก็ใช้เธอมาหาพร้อมกับต่อว่าและชอบที่จะเอามือไม้มาแตะต้องตัวเธอให้สะดุ้งเล่นอันนี้ไม่รู้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพราะพอใกล้ชิดแตะเนื้อต้องตัวกันทีไรก็จะมีคำขอโทษตามมาเสียทุกครั้งไป จากตอนแรกที่คิดว่าอีกฝ่ายคิดทำมิดีมิร้ายด้วย เลยคิดแค่เพียงว่าคงจะเผลอจริงๆ นั่นแหละ จะมีช่วงหลัง ๆ นี่แหละที่เธอเริ่มรู้สึกหนักใจกับท่าทางแปลก ๆ ของคุณเจ้านายสุดหล่อว่ามันชักจะยังไง ๆ กับเธอหรือเปล่าก็จะไม่ให้คิดไงล่ะ พ่อเจ้าประคุณสุดหล่อน่ะชอบจะเอามือมาแตะแขนมั่ง จูงมือมั่ง หนัก ๆ เข้าก็เอาจมูกมาเฉียดแก้มนวลของเธอมั่ง สุดท้ายก็อาทิตย์ก่อนนี้แหละที่มันยิ่งแปลกเสียจนเธอต้องเก็บไปคิด เล่นเอามึนจนทำงานผิดพลาดแล้วยังจะถูกดุแกมปลอบไปหลายคำ แล้วมันก็ยัง...รวิกานต์ดุตัวเองเบา ๆ รัฐภาสคงไม่คิดอะไรกับเธอหรอก มันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์พาไปเท่านั้นเองแหละ มีแต่เธอนี่แหละที่บ้าเก็บเอาไปคิดจนนอนไม่หลับ ตื่นสายเลยถูกคุณเจ้านายขี้เก๊
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณคงไม่เชื่อ ฉันถึงอยากให้คุณดูภาพพวกนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ” รสรินบอกเสียงสั่นไม่ใช่จะร้อง แต่เพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับรสริน มันก็จะได้หน้าหงายกลับไปน่ะสิ...มือเล็กจัดการเปิดเครื่องสื่อสารเล็กจิ๋วที่เพิ่งจะถ่ายรูปพี่ชายกับผู้หญิงคนอื่นที่เธอกะว่าจะเอาไว้ช่วยเหลือนันทิยาไปอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเคยทำเล่น ๆ เมื่อตอนเรียนแล้วไม่คิดว่ามันจะได้ผล ทำให้ผู้หญิงคนแรกที่ชานนท์มีความสัมพันธ์ด้วยหนีหายไปจากข้างกายชายหนุ่มไม่ทันจะข้ามวัน เลยมีการศึกษาเรียนรู้ จนถึงตอนนี้มีความช่ำชองสามารถตัดตกแต่งรูปภาพได้อย่างแนบเนียนชนิดที่ว่าหาตัวจับได้ยากคนหนึ่งเลยทีเดียว“เอาอะไรให้น้อยหน่าดูน่ะน้องรส” ชานนท์อดที่จะถามไม่ได้ คงต้องหาทางแอบดูโทรศัพท์รสรินบ้างละเวลาที่หญิงสาวเผลอนี่พี่สาวเขาก็คงจะใช้แผนการเดียวกันในการผลักไสผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการแล้วออกไปจากชีวิตใช่ไหมนี่ โหย...น่ากลัวจริง ๆ เลย“ว้าย! ไม่จริง!”น้อยหน่ายังไม่อยากเชื่อเต็มร้อยกับภาพที่รสรินส่งให้ดู ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพชายกับชายที่กำลังมีความสัมพันธ์กันอย่างสนิทชิดเชื้อ น่าสะอิดสะ
“พี่นนท์ทำไม...หล่อนจะพูดอะไรก็พูดมาเร็ว ๆ ซิยะ อ้ำอึ้งอยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด”“ถ้าฉันบอกไปคุณจะรับได้ ไม่โกรธพี่นนท์แล้วก็จะยังอยู่กับพี่นนท์ใช่ไหมคะ”รสรินถามกลับพร้อมจ้องตาอีกฝ่ายอย่างขอความมั่นใจว่า เมื่อพูดไปแล้วอีกฝ่ายจะต้องทิ้งชานนท์ไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาแลอีกเลยชานนท์ปลดมือเล็กเรียวของน้อยหน่าที่เขาเองยังจำไม่ได้เลยว่าเจอและมีอะไรกันตอนไหนออกจากกาย แล้วเดินไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับหน้าต่างห้อง ทำยังไงก็ได้ให้พ้นรัศมีฝ่ามืออรหันต์ที่เขาคิดว่าจะต้องได้เจอแน่นอนหลังจากที่รสรินพูดจบ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดวงตาจับจ้องรสรินด้วยอยากรู้ว่าหญิงสาวจะพูดอะไรกันแน่“ก็ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่โกรธและจะไม่ทิ้งพี่นนท์ไปฉันก็จะบอก”แน่ะ...รสรินยังคงเล่นลิ้นทำให้อีกฝ่ายอยากรู้มากยิ่งขึ้น จนได้เห็นว่าน้อยหน่าพยักหน้ารับก็ผ่อนลมหายใจออกจากปอดอีกครั้ง ก่อนจะสูดเข้าไปเต็ม ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มกระจ่างสดใส“ดีจังเลยค่ะ น้องรสจะได้บอกให้คุณน้อยหน่ารู้โดยไม่รู้สึกผิด เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...ความจริงพี่นนท์น่ะค่ะชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“น้องรส!” ฉิบหายแล้วตรู...ชานนท์ถึงกับครางในลำคอเมื่อได้ยินคำพูดจ
“เหรอ...” ภามตอบกลับและหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเปล่งออกมาดังลั่นห้องเหมือนกับได้เจอเรื่องสนุก ๆ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เมื่อก่อนตอนที่นันทิยาพยายามไล่จับเขารู้สึกรำคาญ แต่ตอนนี้พอหญิงสาวเปลี่ยนใจเป็นถอยหนี มันเป็นการยั่วยุให้เขาอยากที่จะเข้าใกล้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแต้มบนใบหน้าคมคร้าม สายตาคมกริบกวาดมองทั่วกายโปร่งบางอย่างมีความหมาย “สายไปเสียแล้วละไทนี่ ถ้าคิดว่าจะมายั่วให้อยากแล้วจากไปนะ เตรียมตัวไว้ได้เลยไทนี่จ๋า...ไม่คืนนี้ก็คืนพรุ่งนี้ฉันจะต้องได้เธอมาบำเรอความสุขบนเตียง เราจะมีความสุขกันสักเดือน...สองเดือน หรือว่าจะสามเดือนดีจ๊ะไทนี่จ๋า”นันทิยาหวีดร้องและขยับหนีเมื่อเห็นร่างหนาใหญ่ขยับเหมือนจะมุ่งตรงมาหา แต่ภามกลับเดินหัวเราะออกไปจากห้อง แต่ก็ไม่วายที่จะทิ้งสายตาโลมเลียระคนเร่าร้อนไว้ให้ ประตูห้องทำงานปิดลงพร้อมกับกายโปร่งบางที่มันทรุดลงกองกับพื้นกำมะหยี่นุ่ม ๆ อย่างหมดแรง แพสายน้ำตาไหลอาบสองแก้ม พร้อมเสียงสะอื้นฮักที่มันมิอาจหยุดยั้งเอาไว้เธอควรจะรู้ตัวได้เสียที่นะไทนี่ สำหรับภามเธอเป็นได้แค่ไหน“พี่นนท์คิดว่าพี่ภามจะทำอะไรพี่ไทนี่หรือเปล่าคะ” รสรินที่เดินตามชานนท์ไปยังห