“พี่ไทนี่พูดจริง ๆ นะคะ” รสรินเอ่ยถามว่าที่พี่สะใภ้น้ำเสียงจริงจัง พวงแก้มนุ่มอิ่มเต็มด้วยเลือดฝาดป่องออกเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยเชื่อในคำรับรองที่ได้ยิน ก็ชานนท์น่ะเจ้าชู้ขึ้นชื่อลือชาขนาดนั้น จะเป็นไปได้หรือไงที่จะไม่มีสาว ๆ คอยพะนอแนบชิด
ดวงตากลมโตที่กะพริบปริบ ๆ มองมา ทำเอานันทิยาถึงกับแอบกลืนน้ำลายในลำคอ เพราะคำพูดที่พูดออกไปนั้นไม่มีคำไหนจริงเลยสักนิด ชานนท์มีหญิงรายรอบไม่เว้นแต่ละวัน เคียงข้างไม่เว้นแต่ละคืน บางคืนไม่กลับบ้านด้วยซ้ำ แต่ยังไงชายหนุ่มก็เป็นน้องชาย แค่ช่วยปกปิดให้ทั้งสองคนที่รักกับที่คนหนึ่งแสดงออกอย่างเต็มที่ แต่อีกคนต้องปกปิดความรู้สึกเอาไว้ภายใน เพราะความไม่เท่าเทียมของฐานะ การดูถูกเหยียดหยามจากคนที่อยู่รายรอบให้สบายใจ ดีกว่าบอกความจริงแล้วให้ทั้งคู่ต้องรบรากัน
สองมือเล็กยื่นไปจับมือเล็กเรียวของรสริน “ถึงจะมีจริง แต่นนท์ก็ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน เพราะนนท์รักน้องรสคนเดียว แต่ช่วงนี้งานหนักมาก นนท์เลยไม่ได้ไปวุ่นวายกับผู้หญิงคนไหนเลยจ้ะ” นันทิยาเน้นย้ำเสียงนุ่มอีกครั้ง ‘พี่ช่วยเธอได้เท่านี้นะนนท์ ส่วนที่เหลือก็เคลียร์กับน้องรสเอาเองแล้วกัน’
“ค่า....” รสรินแย้มยิ้มหวานนุ่ม
“ความจริงน้องรสก็รู้หรอกนะคะ พี่ไทนี่พูดให้น้องรสสบายใจและเข้าข้างพี่นนท์ แต่ก็นะ...เห็นพี่ไทนี่ยืนยันหนักแน่นแบบนี้ น้องรสเชื่อก็ได้ค่ะ นี่ถ้าไม่ใช่พี่ไทนี่พูด น้องรสไม่เชื่อนะคะ ก็พี่นนท์น่ะเจ้าชู้เข้าไส้ไม่ต่างจากพี่ภามเลย”
รสรินพูดเสียงใสแจ๋วราวกับนกแก้วกับนันทิยาที่ยืนยันอย่างหนักแน่นเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ชานนท์ไม่ได้ทำตัวเหลวไหลแม้แต่นิดเดียว แต่แอบเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันไว้พร้อมพยักหน้าหงึกๆ เหมือนกับกิ้งก่า ก็เธอรู้นิสัยคู่หมั้นดี มีหรือที่จะทำตัวเป็นฤๅษีชีไพรไม่สนใจผู้หญิงน่ะ เป็นไปไม่ได้เลย ให้เงินสิบบาทซื้อขนมกินได้เลย ลับหลังส่งเธอขึ้นเครื่องบิน ชานนท์จะต้องวิ่งรี่ปรี่ไปหาแม่สาวๆ ที่เขาเคยควงเป็นประจำนั่นแหละ
“ตายโหงแล้ว!” ชานนท์ร้องครางในลำคอ เมื่อคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกลับได้เจอในวันที่เขาได้นัดกับสาวน้อยอีกคนว่าจะไปเล่นจ้ำจี้กัน แล้วนี่ก็เกือบจะได้เวลานัดที่จะไปทานอาหารตอนเที่ยงกันแล้วด้วย ไหนคืนนี้จะมีนัดกับพี่ภามไปปาร์ตี้ชายหาดกับสาว ๆ ให้มันรุ่งสางกันไปเลยอีกล่ะ
“พี่ไทนี่นะพี่ไทนี่ ทำกับน้องชายคนนี้ได้ยังไงครับ...ทำไมถึงไม่บอกกันก่อนว่าน้องรสมาถึงวันนี้ โหย...ตายแน่ ๆ เลยเรา”
แฟ้มเอกสารยกขึ้นปิดหน้าก็คงจะไม่ทันแล้ว เมื่อรสรินหันหน้ามาจ๊ะเอ๋กับเขาพอดีพร้อมส่งรอยยิ้มหวาน ๆ ที่มันละลายหัวใจเขาเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟ
“พี่นนท์ขา...น้องรสคิดถึ้งคิดถึงพี่นนท์ม้ากมากเลยค่ะ”
รสรินวิ่งรี่ไปโถมตัวเข้ากอดชานนท์ที่ยืนอึ้งตัวแข็งเหมือนกับถูกใครเอาปูนมาราดขาไว้ จมูกโด่งได้รูปสูดเอากลิ่นกายหอมด้วยโคโลญจนเต็มปอด อยากที่จะเอาเปรียบอีกนิดด้วยการมอบจูบหวาน ๆ ให้ แต่เดี๋ยวไก่ตื่นหนีไปเสียก่อน แล้วเธอจะอดได้ชานนท์เป็นสามี หญิงสาวคิดติดตลก กลอกตามองไปทั่วกับพวงแก้มอิ่มเต็มที่มันป่องออกเล็กน้อย
“โอ๊ย!! เบา ๆ น้องรสเบา ๆ ครับ พี่หายใจไม่ออกแล้ว”
ใบหน้าคมคร้ามค่อนไปทางขาวแดงก่ำตลอดไปจนถึงใบหู ในหัวใจเต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวง จะเบี่ยงหนีก็ทำไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายนั้นโถมกอดบดเบียดมาทั้งตัวจนส่วนนูนเด่นที่ใหญ่ด้วยไซส์ 36 คับซีเสียดสีกับแผ่นอกกว้าง
“แหม...ทีกับน้องรสละทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว แต่ทีกับสาว ๆ พวกนั้นละก็ไล่จูบไล่หอม มันน่านักเชียว”
รสรินพูดทีเล่นทีจริง พร้อมตวัดค้อนใส่ชานนท์วงโต อีกทั้งปลายนิ้วหยิบและบิดเนื้อบนแขนใหญ่พอให้เจ็บเหมือนกับมดกัด กลับมาคราวนี้เธอคงจะต้องจัดการกับคนตรงหน้าจริง ๆ จัง ๆ เสียที ปล่อยปละละเลยให้เล่นสนุกมานานแล้ว ถึงคราวที่จะต้องเอาจริงแล้วล่ะ
ฮึ! รสรินยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากด้านหนึ่ง นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ ‘อย่าหวังว่าจะรอดจากน้ำมือน้องรสคนนี้ไปได้นะคะพี่นนท์ขา หื่นและอึดมากใช่ไหมคะ น้องรสก็รับรองได้เลยว่าพี่นนท์จะต้องหมดแรงคาอกน้องรสแน่นอนค่า’
ชานนท์เสียววูบในใจ หนาวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อได้เห็นรอยยิ้มมีเลศนัยที่รสรินส่งมาให้
หญิงสาวกำลังคิดจะทำอะไรแน่นอนและเรื่องนี้มันต้องเกี่ยวกับเขา ดวงตาคมกริบปรายไปมองพี่สาวเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็เหมือนกับเขาโดนปล่อยเกาะ เมื่ออีกฝ่ายส่ายศีรษะและยกไหล่ขึ้น พร้อมกับริมฝีปากที่ขมุบขมิบ
‘ขอโทษด้วยนะนนท์ คราวนี้พี่ช่วยไม่ได้จริง ๆ ’
“น้องรสถอยไปก่อนได้ไหมครับ พี่นนท์หายใจไม่ออก” ชานนท์พยายามเลี่ยงที่จะแตะเนื้อต้องตัวอันหอมกรุ่น ที่ชวนทำให้ระบบภายในร่างกายทำงานผิดปกติ
“ไม่ถอยได้ไหมคะพี่นนท์ขา...” ไม่เพียงแค่ปากแต่สองแขนเรียวยาวยิ่งโอบกระชับกอดรัดกายใหญ่สนิทแน่นขึ้น พร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยอมปล่อยชานนท์ให้เป็นอิสระอย่างที่เธอไม่ชอบเลยสักนิด แต่ก็นะ เดี๋ยวไก่ตื่นหนีหมดอดกินลูกเจี๊ยบกันพอดีซิ
“แหม...น้องรสล้อเล่นแค่นี้เอง ทำเป็นหน้าบึ้งใส่ ถอยก็ได้ ชิ...”
รสรินพูดอย่างแง่งอนและเสียมิได้ แต่ฤทธิ์ของเธอนั้นก็มีใช่น้อย ก่อนที่จะยอมถอยห่างจากชานนท์ปลายจมูกเล็กโด่งได้รูปที่รับเชื้อมาจากทั้งพ่อและแม่กดลงไปบนแก้มสากระคายและริมฝีปากอวบอิ่มที่มันปัดไล้ผ่านริมฝีปากหนาของอีกฝ่ายอย่างจงใจ พร้อมเสียงหัวเราะใสแจ๋ว
“แหม...ไม่เห็นจะหอมเลย ไม่รู้สาว ๆ ชอบหอมพี่นนท์ได้ยังไง ใช่ไหมคะพี่ไทนี่”
ท้ายสุดหญิงสาวก็หันไปหาลูกคู่ที่ยืนยิ้มเฉยจนเป็นเฉื่อยชา ประกายในดวงตากลมโตที่เคยสดใสร่าเริงก็หม่นหมองและหดหู่ มองแล้วไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย
“จริงซิ น้องรสว่าจะถามอยู่แล้วเชียว พี่ไทนี่เป็นอะไรคะ ทำไมไม่ค่อยพูดค่อยจาเลย แถมหน้าตาก็เศร้ามากด้วย หรือว่าพี่ภามรังแกเอาอีกแล้วใช่ไหมคะ ไม่ได้ละ เดี๋ยวน้องรสจะต้องจัดการพี่ภามให้หนัก ๆ เลย โทษฐานที่ทำร้ายพี่สาวสุดที่รักของน้องรส”
รสรินเอ่ยเสียงหวานนุ่ม กายโปร่งขนาดส่วนสูงน้อยกว่านันทิยาเล็กน้อยโถมตัวเข้ากอดร่างโปร่งบาง แนบซบใบหน้ากับลาดไหล่กว้าง“โอ๋...พี่ไทนี่ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวน้องรสจัดการพี่ภามให้เองค่ะ” วงหน้ารูปไข่ตวัดมองไปที่ชานนท์พร้อมทำหน้าตาบึ้งตึงเครียดขึงใส่“พี่นนท์ดูแลพี่สาวน้องรสยังไง ถึงปล่อยให้พี่ภามรังแกเอาน่ะ” เธอยังพ่วงความโกรธมาใส่ชานนท์ที่ไม่ยอมดูแลพี่สาว ปล่อยให้ถูกพี่ชายเธอรังแกทางด้านจิตใจบ่อย ๆ อีกด้วย“พี่เปล่านะ” ชานนท์รีบปฏิเสธทันทีและรีบหาทางเปลี่ยนเรื่องให้มันห่างไกลจากตัวเองมากที่สุด ก่อนที่ตัวเองจะถูกหางเลขหนักจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะหาทางเล่นงานเขายังไงถึงให้สาสมกับโทษทัณฑ์“น้องรสเพิ่งมาถึงใช่ไหม ดูซิหน้าตาแดงเชียวและมันแผลบเชียว แถมผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงด้วย พี่ว่าไปพักก่อนดีกว่าไหม”“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยพี่นนท์ มาให้น้องรสชำระความเสียดี ๆ เลยนะ”รสรินตอบกลับอย่างรวดเร็ว มือเล็กเรียวคว้ามือใหญ่ของชานนท์ข้างหนึ่งและอีกมือคว้าแขนเรียวยาวของนันทิยามุ่งเดินไปห้องพี่ชายเพื่อชำระความผิดในทันทีเพราะหลงมัวในตัวหญิงที่เพิ่งมีความสัมพันธ์กัน ทำให้ภามไม่ได้ยินเสียงประตูห้องทำงาน
“บัดสีบัดเถลิงจริงเชียว เดี๋ยวนี้เขาใช้ห้องทำงานเป็นห้องระบายความใคร่กันแล้วหรือคะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ถ้าไม่มาเห็นกับตา ฉันไม่เชื่อนะคะเนี่ย”“หือ...” ภามออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะสำราญ แม้เสียงที่ดังมาจะหวานนุ่มคุ้นหู แต่เขาก็ไม่คิดถึงคนใกล้ คนที่กล้าทำอย่างนี้ก็นันทิยานั่นแหละ ใบหน้าคมคร้ามจึงบึ้งตึงพร้อมดวงตาคมกริบเป็นประกายเกรี้ยวกราดมอบให้ แต่กลับกลายเป็นว่า...“ว้าย ตายแล้ว หล่อนเป็นใครยะ มาเสนอหน้าอะไรในห้องนี้”ชลดาที่เห็นคนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในห้องทำงานก่อนภามตวาดแว้ดใส่ พร้อมสายตาไม่เป็นมิตรตามไปอีกระลอกถ้ามีเพียงแค่ผู้หญิงหน้าไม่อายที่จ้องมองเหมือนกับไม่เคยพบเคยเห็น เธอจะโชว์ออฟให้เห็นไปเลยว่าภามชอบเธอขนาดไหน เชื่อว่าอีกไม่นานชายหนุ่มจะหลงรักและขอเธอแต่งงานแน่นอน“เฮ้ย!” ภามร้องเสียงดังลั่นอีกครั้งด้วยความตกใจจนสะดุ้งเกือบจะพลัดตกจากเก้าอี้เลยทีเดียว เมื่อเห็นคนที่ก้าวมายืนเท้าสองศอกบนโต๊ะทำงาน มืออยู่ที่ปลายคาง จ้องมองเขาและชลดาตาไม่กะพริบ จนเขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายอาย เพราะอีกฝ่ายไม่คิดอายจนต้องรีบจัดเสื้อผ้าของชลดาให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนโอบกอดร่
“ค่า...น้องรสรู้ว่าพี่นนท์น่ะ ไม่เค้ยไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเพียงแค่คนเดียว แต่นอนด้วยหลายคนใช่ไหมคะ” รสรินตอบกลับอย่างรู้เท่าทัน อย่าคิดว่าเธอไปเรียนต่างบ้านต่างเมืองแล้วจะไม่รู้เรื่องของคนที่บ้านนะ สายน่ะมีตั้งหลายคน ไม่ได้มีแต่นันทิยานี่นา เพราะคนนี้นะยังไงก็ต้องเข้าข้างน้องชายตัวเองอยู่ดีนั่นแหละชลดาใช้โอกาสที่ไม่มีใครสนใจเธอ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะหยุดอยู่กึก เมื่อจำได้ว่าหนึ่งในสองคนเป็นคนที่เคยเข้าไปทำร้ายเธอในห้องนอนของภามสายตาแห่งความรักที่มอบให้ชายหนุ่มแต่สายตาแห่งความโกรธระคนเกลียดที่มอบมาให้เธอทำให้ชลดาอยากที่จะแกล้งให้อีกฝ่ายกระอักเลือด ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นลากไล้วงหน้าคมคร้าม เรื่อยลงจนถึงเหนือปากหนา แล้วก็อดที่จะหัวเราะคิกคักไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเล่นด้วย ริมฝีปากหนาอ้างับปลายนิ้วเล็ก ปลายลิ้นร้อนระอุตวัดไล้หยอกกระเซ้าจนหัวใจเต้นแรงรัวเร็ว พวงแก้มนุ่มแดงปลั่ง ดวงตากลมโตเป็นประกายพราวระยับ“นนท์...พาพี่ไปจากที่นี่ที พี่ไม่ไหวแล้ว” นันทิยาบอกน้องชายเสียงสั่นเครือ ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคยเป็นสีแดงซีดเผือดเช่นเดียวกับวงหน้าที่ตอนนี้ซีดจนจะเหมือนกระดาษภามใจร้ายกับเธอ
รสรินทำแก้มป่องงอน ๆ ใส่พี่ชาย มือเล็กยกขึ้นซับหน้า ทั้งเหนื่อยและร้อนแล้วก็ง่วงด้วยอยากกลับไปอาบน้ำเย็น ๆ และคลานขึ้นเตียงจะแย่แล้ว แต่ก็ต้องเคลียร์กับชานนท์ด้วยเหมือนกัน ไม่งั้นนอนไม่หลับ ส่วนพี่ชายน่ะหรือ เอาไว้คุยที่บ้านพรุ่งนี้แล้วกัน จัดปาร์ตี้กองไฟที่ชายหาด มีดนตรีเบา ๆ คลอเคลียกับอาหารนิดหน่อยให้ร่างกายได้สนุกสนานผ่อนคลายก่อนจะต้องลงมือทำงาน“แล้วเราไม่เคยกลับบ้านหรือไงยัยตัวยุ่ง” มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมบนศีรษะทุยแรง ๆ จนกระจายยุ่งเหยิง“ปล่อยนะพี่ภาม น้องไปก็ได้ ไม่อยากอยู่ขวางหูขวางตาพี่นักหรอก”รสรินตอบกลับ เพราะรู้ว่าพี่ชายคงอยากจะคุยกับนันทิยา ก็เห็นปรายสายตาไปมองสาวเจ้าอยู่บ่อยครั้งนี่นา ถึงแม้จะออกแนวไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่คนเราบางทีใกล้เกลือกินด่างก็ยังมี โน่นกว่าจะรู้ตัวว่าเขาสำคัญก็เมื่อตอนเขาจากไปแล้วนั่นแหละ อีกอย่างเรื่องบางเรื่องเร่งรัดไปยิ่งทำให้มันห่างไกลไป ถ้ารู้จักถอยหลังกลับไปสักก้าว นั่นอาจจะทำให้มีค่าขึ้นมากกว่า มีโอกาสเธอคงจะต้องคุยกับนันทิยาเรื่องนี้ คิดจะจับภามใส่กรงหัวใจน่ะมันต้องมีทั้งรุกทั้งรับ และถอยกลับไปตั้งหลัก มันถึงจะชนะ“ไปกันเถอะค่ะพี่นนท์ ทาง
แต่ก็ได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นดอกฟ้า ถึงแม้เขาจะมีหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคง ฐานะก็พอมีพอกินไม่เป็นหนี้เป็นสินและมีทรัพย์สมบัติทางพ่ออีกหน่อย แต่พอคำนวณดูแล้วมันก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งที่รสรินมี เขาเลยกลายเป็นถูกนินทาหลับหลังว่าเป็นหมาที่คอยมองเครื่องบิน เป็นคนที่คิดจะเอาตัวเองไปตกถังข้าวสาร“ไปก็ได้ ไม่ได้อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใครหรอกนะ แต่จะทำอะไรก็คิดถึงหัวใจพี่ไทนี่สักนิดก็ดีนะคะ ถ้าพี่เขาทนไม่ไหวหนีไป น้องรสไม่รู้และไม่ช่วยตามง้อด้วยนะ”“ถ้าเป็นอย่างที่เราพูด พี่จะถวายเลี้ยงโต๊ะจีนท่านเจ้าที่สามวันเต็ม ๆ เลยละน้องรส” ภามโต้กลับ ด้วยเชื่อว่าต่อให้ทำร้ายจิตใจจนช้ำเลือดช้ำหนองแค่ไหน นันทิยาก็ไม่มีทางที่ยอมทิ้งผู้ชายที่ทั้งรูปหล่อ เก่งและร่ำรวยมหาศาลอย่างเขาไปได้หรอกน่า ถ้าเป็นอย่างนั้นหญิงสาวทิ้งเขาไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่ไปเห็นเขานอนกับผู้หญิงคนอื่นในห้องพักในวันคล้ายวันเกิดของนันทิยาเองด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวยังคงดื้อด้านดันทุรังที่จะยังอยู่เคียงข้างเขาอยู่เลย แล้วอย่างนี้หรือที่จะทิ้งเขาไปได้ลงคอ ไม่มีทางชานนท์หน้าตึงกับน้ำเสียงกึ่งเย้ากึ่งดูถูกที่ภามมอบ
“หือ...ไม่ได้คิดหรือไทนี่ ว่าแต่เธอจะห้ามฉันยังไงล่ะ ในเมื่อเธอน่ะร่านอยากได้ฉันจนตัวสั่นขนาดนี้” ฝ่ามือใหญ่กอบกุมทรวงอกอวบที่แทบจะล้นมือใหญ่ ฟอนเฟ้นเพียงแค่เล็กน้อยมันก็ตื่นตัวตอบสนองและเรียกร้องทันที อู้...ภามถึงกับครางในลำคอ เมื่อได้สัมผัสถึงความนุ่มนิ่มหยุ่นมือ ในลำคอแห้งผากอย่างกะทันหัน“ฉันว่า...ฉันเปิดซิงเธอตรงนี้เลยดีไหมไทนี่” ใบหน้าคมคร้ามขยับเคลื่อนลงไปตามลำคอระหง เพื่อจะฝังจมูกบนความนุ่มหยุ่นของสองก้อนเนื้อที่มันเคลื่อนไหวปลุกปั่นความต้องการในกายเขาอยู่ตอนนี้“ดูสิ แค่ฉันแตะนิดเดียว เธอก็ตื่นตัวถึงขนาดนี้” ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้สอดแทรกเข้าไปถึงปลายยอดทรวงสีเข้ม คลึงเคล้นไล้วนอย่างจาบจ้วงฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากจนเจ็บ แม้จะรักเขามากสักเพียงใด แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะให้ตัวเองเป็นเครื่องเล่นแก้เบื่อบนเตียงที่พร้อมจะถูกผลักไสทอดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าไม่คิดที่จะรักเชิดชูก็อย่ามายุ่งด้วยดวงตากลมโตเป็นประกายเจิดจ้าวาววับอย่างไม่ยอมที่จะให้อีกฝ่ายดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิง อัดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด รวบรวมกำลังและสติที่พอจะมีหลงเหลืออยู่ พร้อมๆ กับเท้าเล็กที่มันยกขึ้นกระทืบไปบนเท้าใ
“ขอฉันลิ้มรสเธอหน่อยนะไทนี่ ตรงนี้ของเธอมันจะหวานเหมือนกับที่ฉันคิดไว้หรือเปล่า” ภามถามเสียงนุ่มทุ้มและแหบพร่า ปลายนิ้วกดคลึงเฟ้นไปทั่วเนินอกอวบ ส่งผ่านความร้อนจากมือใหญ่สู่กายสาวสะคราญผ่านผ้าเนื้อนุ่มนันทิยากัดฟันสะกดกลั้นเสียงครางที่เธอคิดว่ามันเป็นเสียงอันน่าเกลียด ลำตัวกลมกลึงที่แอ่นโค้งจนแผ่นหลังไม่ติดกับพื้นกำมะหยี่นุ่มๆ เมื่อปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้กดขยี้ปลายยอดทรวงที่ดุนดันตัวพร้อมกับริมฝีปากหนาร้อนระอุที่มันทาบทับอีกข้างจมูกโด่งสูดดมกลิ่นกายสาวหอมจรุงใจ ริมฝีปากขบเม้มผิวเนื้อเนียนนุ่มลื่น ตวัดปลายลิ้นสากระคายลากไล้เลาะเล็มเวียนวนไปทั่วเต้าสวยอย่างตะกรุมตะกราม ฝ่ามือใหญ่คลึงเคล้นเฟ้นอกอวบอีกข้างอย่างหลงใหล ยิ่งนันทิยาสะกดกลั้นเสียงร้องหวาน ๆ ไว้มากเท่าไหร่ ภามยิ่งปลุกปั่นความต้องการในกายสาวให้ทวีความร้อนจนเหมือนกับว่าได้พาหญิงสาวขึ้นไปอยู่บนตะแลงแกง‘อืม...ไทนี่’ ภามครางเสียงแหบพร่าในลำคอ ก่นด่าตัวเองในใจอย่างค่อนข้างสับสนกับความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในใจ โดยที่ตัวเองไม่เคยจะรู้ ไม่เคยคิดที่จะขุดคุ้ยค้นหาให้มันรู้แจ้งเห็นจริงเขาเกลียดนันทิยาจริง ๆ หรือเปล่า คิดเพียงแค่ว่า โง่..
“เหรอ...” ภามตอบกลับและหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเปล่งออกมาดังลั่นห้องเหมือนกับได้เจอเรื่องสนุก ๆ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เมื่อก่อนตอนที่นันทิยาพยายามไล่จับเขารู้สึกรำคาญ แต่ตอนนี้พอหญิงสาวเปลี่ยนใจเป็นถอยหนี มันเป็นการยั่วยุให้เขาอยากที่จะเข้าใกล้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแต้มบนใบหน้าคมคร้าม สายตาคมกริบกวาดมองทั่วกายโปร่งบางอย่างมีความหมาย “สายไปเสียแล้วละไทนี่ ถ้าคิดว่าจะมายั่วให้อยากแล้วจากไปนะ เตรียมตัวไว้ได้เลยไทนี่จ๋า...ไม่คืนนี้ก็คืนพรุ่งนี้ฉันจะต้องได้เธอมาบำเรอความสุขบนเตียง เราจะมีความสุขกันสักเดือน...สองเดือน หรือว่าจะสามเดือนดีจ๊ะไทนี่จ๋า”นันทิยาหวีดร้องและขยับหนีเมื่อเห็นร่างหนาใหญ่ขยับเหมือนจะมุ่งตรงมาหา แต่ภามกลับเดินหัวเราะออกไปจากห้อง แต่ก็ไม่วายที่จะทิ้งสายตาโลมเลียระคนเร่าร้อนไว้ให้ ประตูห้องทำงานปิดลงพร้อมกับกายโปร่งบางที่มันทรุดลงกองกับพื้นกำมะหยี่นุ่ม ๆ อย่างหมดแรง แพสายน้ำตาไหลอาบสองแก้ม พร้อมเสียงสะอื้นฮักที่มันมิอาจหยุดยั้งเอาไว้เธอควรจะรู้ตัวได้เสียที่นะไทนี่ สำหรับภามเธอเป็นได้แค่ไหน“พี่นนท์คิดว่าพี่ภามจะทำอะไรพี่ไทนี่หรือเปล่าคะ” รสรินที่เดินตามชานนท์ไปยังห
“ไม่เลยไทนี่ พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายไทนี่ให้ต้องอับอายและเจ็บปวด” สองมือใหญ่จับมือเล็กมาทาบบนอกกว้าง“พี่ขอโทษนะไทนี่ น้องจะยกโทษให้พี่ได้ไหม ให้โอกาสกับคนที่รู้ตัวช้าและกลับตัวกลับใจคนนี้ได้พูดได้แสดงออกถึงความรักที่มีแก่ไทนี่...ไทนี่จะยอมให้โอกาสพี่...ให้โอกาสผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ดูแลและรักไทนี่ตลอดไปได้ไหม”ถึงจะได้ยินชัด ๆ จนเต็มสองหูแต่นันทิยาก็ยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำว่ารักที่หนักแน่นที่หลุดออกมาจากปากหนา ให้หัวใจไม่รักดีของเธอก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้วก็ตาม เพราะภามคือคนเบื่อง่ายหน่ายเร็ว แรกรักแรกต้องการคำหวานมีให้เสมอ แต่ยามเมื่อรักคลายน้ำต้มผักที่ว่าหวานก็ยังกลายเป็นขม“ไทนี่จะเชื่อได้หรือคะว่าพี่ภามจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องร้องไห้ อับอายและเจ็บช้ำอีก”“ถึงพี่จะให้คำมั่น แต่อดีตที่ผ่านมามันคือความทรงจำอันเลวร้ายที่พี่มอบให้ไทนี่...มันคงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ไทนี่มั่นใจ นั่นคือจากนี้ไปพี่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มอบให้สุดที่รักของพี่คนนี้” สองมือใหญ่ทาบบนใบหน้านวลเนียนนุ่ม“ขอแค่ไทนี่ให้โอกาสพี่เท่านั้นพอ...พี่สัญญาจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องน
ริมฝีปากหนาทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มจะต่อว่าและผลักไสเขาให้ออกห่าง ขบกัดกลีบปากบนสลับล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเลาะเล็มซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่มโดยที่นันทิยาเองก็ไม่ขัดขืน และยังจะให้ความร่วมมือส่งปลายลิ้นเล็กๆ มาเลาะเลี้ยวเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายเสียอีก เป็นนานกว่าที่เขาจะหักห้ามใจถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย‘โอ๊ย! ไทนี่จ๋า อย่าตอบสนองพี่แบบนี้สิยาหยี เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวปล้ำไทนี่ก่อนจะได้คุยกันนะคนดี’ภามถึงกับร้อนฉ่าไปทั่วทั้งกายเมื่อนันทิยาตอบสนองกลับอย่างไม่มีแง่งอน สัดส่วนความเป็นชายเริ่มขยายตัวนูนเด่นดันตัวผ้าขนหนูออกมาแนบชิดลำขากลมกลึง“คุยกันดี ๆ ไม่คิดหนีและไม่ทำร้ายร่างกายพี่ด้วย พี่จะปล่อย ตกลงไหม” ภามกัดฟันข่มกลั้นความต้องการไว้อย่างสุดความสามารถ ลมหายใจหอบแรงจนกล้ามเนื้อไหวกระเพื่อมนันทิยาขบกัดริมฝีปาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นแล้วเห็นถึงความรักและจริงใจรักหรือ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อย่างภามนี่นะรักเธอ เป็นไปไม่ได้ เธอคงจะตาฝาดไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่สายตาที่เอื้อเอ็นดูระหว่างคนที่เคยเติบโตมาด้วยกันเท่านั้นเอง วงหน้าสวยหมองเศร้าลงทันตา รีบตอบคำ
“มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไง” เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบก็อดที่จะตวาดแว้ดไปด้วยความหงุดหงิดระคนวาบหวิวในทรวง แต่เมื่อนึกได้ว่ามาด้วยเรื่องใดก็สูดลมหายใจเขาเต็มปอด ข่มความโมโหเอาไว้ภายในทั้งที่อารมณ์นั้นเดือดปุด ๆ และวาบหวิวจากสายตาคมกริบเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง ห้วนและกระด้าง“พี่ภามทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะแกล้งกันไปถึงไหน” หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่สุดท้ายแล้วภามก็ยังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองยังทำร้ายหัวใจเธอซ้ำอีก“หือ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง?” ภามแสร้งทวงคนถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เดินไปนั่งบนเตียงนอนใหญ่ที่เขาเพิ่งจะเปลี่ยนสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมข้าวของอีกหลายชิ้นในห้องเพื่อให้เกียรตินันทิยาที่จะไม่ต้องมานอนทับบนเตียงที่เขาเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานอน“พี่ภามอย่ามาเล่นลิ้นนะ ไทนี่ซีเรียดนะ” นันทิยาตวาดแว้ดชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ยังอารมณ์ดีที่กวนโมโหจนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแล้ว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ากรุ่นระอุด้วยไอโกรธที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในเรือนกาย ร่ำ ๆ อยากจะเข้าไปทำร้ายคนหน้าเป็น‘ไม่รู้จะยิ้มอะไรหนักหนา ปากน่ะหุบเสียบ้างก็ได้คนบ้านี่’“ไม่ได้เล่นลิ้น
“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก้อยก็เป็นเจ้าของหัวใจฉันจนหมดทั้งดวง เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อทุกอย่างทุกทางจนก้อยหลงติดกับไปไหนไม่รอดไง”ปากหนาทาบจากพวงแก้มนุ่มสีพีชสุกไล่ไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปแผ่วเบา นุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนที่แผนการนี้ผุดขึ้นมาในสมองเขากลัวแทบตายว่ารวิกานต์จะดื้อดึงดื้อรั้นไม่ยอมง่าย ๆ แต่กาลกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง แม้จะงอนและโกรธอยู่บ้าง แต่รวิกานต์กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างที่คิด คงจะเป็นเพราะเธอรักเขา...แต่คำนี้นอกจากการกระทำแล้วมันก็ต้องได้ยินจากปากด้วย ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง“ว่าไง ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลยนะ รักผมไหม...แล้วเราจะแต่งงานกันใช่ไหมก้อย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายเนียนนุ่ม ครอบครองฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจสาวที่มันอวบอิ่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ริมฝีปากจุมพิตเลาะเล็มขบกัดกลีบปากเนียนนุ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวสั่น ยกสองมือดันกายใหญ่ให้ออกห่างอย่างยากเย็น“คุยกันก่อนสิคะเจ้านาย เล่นรุกถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก้อยทำอะไรไม่ถูกนะคะ” หัวใจรวิกานต์เต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วยิ่งกว่ามีใครยิงปืนกลเสียอีก ใบหน้าแดงปลั่งก้มงุดไม่กล้ามองสบสายตามคมกริบที่จ้องทะลุไปถ
ปากและใจบอกว่าไม่...อย่าไปยอมให้รัฐภาสเห็นเธอเป็นเพียงแค่ของเล่นใกล้มือที่จะหยิบมาเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่ถูกเขากอดจูบเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นมันก็พร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นไอ สองมือที่วางทาบอยู่บนลำตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อล่ำสันไปจนโอบรอบบ่ากว้าง เผลอตัวตอบรับจุมพิตหวานแผดร้อนที่แทบจะสูบเอาลมหายใจออกจากปอดจนหมดสิ้นรัฐภาสถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามพวงแก้มอิ่มนุ่ม สันจมูกโด่งและสุดท้ายประทับบนดวงตากลมโตที่มันบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก“ขอโทษนะก้อยที่ฉันมาช้า อย่าโกรธฉันนะคนดี” ปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปบนกลีบปากอวบอิ่มแดงระเรื่อที่ขบกัดหนี“ปล่อยก้อยได้แล้วเจ้านาย...คุณรัฐภาส” รีบเปลี่ยนเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานในบริษัทเขาแล้ว และไม่คิดที่จะไปลาออกให้มันถูกต้องด้วย จะทำอะไรก็ทำไม่แคร์“แล้วก็รีบออกไปจากบ้านก้อยด้วย ก้อยไม่ได้เป็นอะไรกับคุณอีกแล้ว” สองมือเล็กผลักดันกายใหญ่ให้ออกห่างและรัฐภาสก็ยอมให้ แต่...กายใหญ่ขยับลุกขึ้นพร้อมกับเกี่ยวเอากายโปร่งกลมกลึงขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง จับรั้งไม่ให้เบือนหน้าหนี พร้อมสอดแขนใหญ่กระชับเอวเล็กคอด“หู...หายไปแค่
เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แดงก่ำ รอบ ๆ ขอบตาบวมช้ำขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอาการปวดหัวริ้ว ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง มือเล็กยกขึ้นจับลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษมาถูไถอยู่เลยไปถึงพวงแก้มนิ่มที่เย็นจัด ไล่ไปจนถึงดวงตากลมโตที่ถึงตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือติดอยู่กายกลมกลึงพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องมาจนตาถึงกับพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกที่ตอนนี้มีสิ่งไม่พึงประสงค์อุดอยู่ เสียงท้องร้องประท้วงให้เธอรีบไปหาอะไรใส่ลงไปเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่แบบนี้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากแตกแห้งเพราะขาดการบำรุง พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ยังลำบากยากเย็น เพราะร่างกายหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากการไม่เอาใจใส่ตัวเอง แม้อาหารก็ไม่คิดจะหามาใส่ท้องเธอร้องไห้มากี่วันแล้ว...ร้องและรอว่าเขาคนนั้นจะมาหา บอกเล่าว่าสิ่งที่เธอเห็นในวันนั้นไม่เป็นความจริง เขายังเป็นคนโสดไม่มีพันธะใดๆ กับใคร แต่รอแล้วรอเล่า จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งคืนและล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่ก็ไม่มีวี่แววรัฐภาสจะมา...
“เป็นอะไรไปน่ะนนท์ ไปขอน้องรสแต่งงานมาหน้าตาก็ควรจะยิ้มแย้มเหมือนกับคนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวสิ แต่ไหงกลับมาหน้าตาเหมือนกับตูดหมึกแบบนี้ล่ะ หรือว่าน้องรสไม่ยอมตกลงหือ” นันทิยาเอ่ยแซวน้องชายที่เมื่อตอนไปเธอเห็นหน้าตาระรื่นบานเกือบจะเท่ากระด้ง แต่พอกลับไหงหน้าตาเหมือนกับคนอมบอระเพ็ดมาก็ไม่รู้“เพราะพี่ไทนี่นั่นแหละ”“อ้าว...นนท์ไปขอน้องรสแต่งงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ” คนเป็นพี่ถามอย่างไม่เข้าใจ“ตัวเองไม่มีฝีมือเองมากกว่ามั้ง สาวเขาเลยไม่มั่นใจที่จะฝากชีวิตน่ะ”ชานนท์ชักสีหน้าใส่พี่สาวที่ยังคงยิ้มระรื่นไม่รู้สึกรู้สา “ก็พี่ภามน่ะสิ”“พี่ภามทำไม”“พี่ภามบอกว่าไม่มีธรรมเนียมบ้านไหนที่น้องจะแต่งงานก่อนพี่”นันทิยาพยักหน้าหงึกอย่างเข้า เธอก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็คงไม่มีใครได้แต่งงานกันแล้วละ“พี่ภามยังจะส่งน้องรสไปดูงานต่างประเทศอีกสามปีด้วย” ชานนท์บอกด้วยหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรง กายใหญ่ทรุดตัวลงนั่งไม่ไกลจากที่พี่สาว แหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง“เอ๊ะ...พี่ภามเป็นบ้าอะไร มันเรื่องของนนท์กับน้องรสไม่ใช่หรือไง จะบ้าไปใหญ่แล้ว” นันทิยาก่นว่าด้วยความหงุดหงิดระคนโกรธ
“ครับ ต่อไปนี้พี่นนท์จะไม่หึงดะแบบนั้นอีกแล้ว พี่นนท์จะเชื่อใจน้องรส หากมีอะไรที่ทำให้เราไม่เข้าใจกันจริง ๆ พี่นนท์จะรอเวลาให้อารมณ์ที่มันร้อนลดลงแล้วเราค่อยมาคุยปรับความเข้าใจกัน” ใช่...อะไร ๆ มันก็ต้องดีถ้าคุยกันโดยไม่ใช้อารมณ์โกรธ หึงหวงและประชดประชัน“สัญญานะคะ ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก” นิ้วก้อยเล็กยื่นออกไปและชานนท์ก็ยื่นนิ้วก้อยของเขาออกมาเกี่ยวด้วย“ครับ...สัญญาว่าจะเชื่อใจน้องรส” ปลายนิ้วยาวใหญ่จับตรึงปลายคางมน โน้มใบหน้ามาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มหวานอย่างแสนจะคิดถึง เพียงแค่สามวันเท่านั้นที่ห่างหายจากกายสาวหอมกรุ่นนุ่มนิ่มรัดรึงกายแกร่งก็ทำให้เขาถึงกับโหยหิวเหมือนกับคนที่อดอยากมานานแรมเดือน อย่างนี้จะต้องรีบทำให้รสรินกลับมาอยู่เคียงข้างกายให้เร็วที่สุดและไม่มีวันที่จะจากไกลกันอีกแล้ว“พี่นนท์รักน้องรสครับ...ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว น้องรสก็ตกลงแต่งงานกับพี่ได้แล้วใช่ไหมครับ”“ค่ะ” รสรินตอบกลับอย่างเอียงอาย ในหัวใจพองโตเหมือนกับลูกโป่งที่มันถูกบรรจุแก๊สจนเต็ม รอยยิ้มแต่งแต้มทั้งวงหน้าและดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับสุกสกาวเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า เปี่ยมล้นไปด้วยคว
“น้องรสครับ เมื่อไหร่น้องรสจะหายโกรธพี่นนท์ล่ะครับ” ชานนท์เดินมาจับมือเล็กเรียว แต่ถูกอีกฝ่ายปัดออกและเมินหน้าหนีเสียอีก ทำเอาเขาถึงกับหน้าเสียไปได้ไม่น้อย ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้รสรินถึงได้โกรธนานนัก สามวันแล้วที่ไม่ยอมพูดคุยกับเขาเอาแต่หนีหน้าท่าเดียว“น้องรสไม่ได้โกรธ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสูง สองมือสอดไขว้ระหว่างอก ไม่ได้โกรธแต่อึดอัดและไม่ชอบที่ชานนท์แสดงพฤติกรรมอย่างนั้น ทำอย่างกับว่าเธอน่ะใจง่ายนักนิ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ต้องกระโดดเข้าใส่ อย่างนี้มันไม่เชื่อใจกันนี่นาแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง“ถ้าไม่โกรธแสดงว่างอน...แล้วเมื่อไหร่น้องรสจะหายงอนพี่นนท์ล่ะครับ รู้ไหมว่าน้องรสเป็นอย่างนี้พี่นนท์กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะครับ”“ไม่รู้ไม่ชี้” รสรินยังคงเบือนหน้าหนี เพราะรู้ใจตัวเองดีว่าถ้าหากเจอบทออดอ้อนและวงหน้าเศร้า ๆ ของชานนท์อีกเพียงไม่ถึงห้านาที ใจที่พยายามจะให้เข้มแข็งไม่ยอมรับคำง้อง่ายๆ ก็จะพานอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟ“น้องรสครับ ดีกันนะครับคนดี๊คนดี” สองแขนใหญ่โอบรัดรอบกายโปร่งบาง วางมือใหญ่ทาบทับบนมือเล็กเรียว วางคางแนบกับบ่ากว้าง“จะให้พี่นนท์ทำอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่น้องรสยกโทษให้พี