รสรินทำแก้มป่องงอน ๆ ใส่พี่ชาย มือเล็กยกขึ้นซับหน้า ทั้งเหนื่อยและร้อนแล้วก็ง่วงด้วยอยากกลับไปอาบน้ำเย็น ๆ และคลานขึ้นเตียงจะแย่แล้ว แต่ก็ต้องเคลียร์กับชานนท์ด้วยเหมือนกัน ไม่งั้นนอนไม่หลับ ส่วนพี่ชายน่ะหรือ เอาไว้คุยที่บ้านพรุ่งนี้แล้วกัน จัดปาร์ตี้กองไฟที่ชายหาด มีดนตรีเบา ๆ คลอเคลียกับอาหารนิดหน่อยให้ร่างกายได้สนุกสนานผ่อนคลายก่อนจะต้องลงมือทำงาน
“แล้วเราไม่เคยกลับบ้านหรือไงยัยตัวยุ่ง” มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมบนศีรษะทุยแรง ๆ จนกระจายยุ่งเหยิง
“ปล่อยนะพี่ภาม น้องไปก็ได้ ไม่อยากอยู่ขวางหูขวางตาพี่นักหรอก”
รสรินตอบกลับ เพราะรู้ว่าพี่ชายคงอยากจะคุยกับนันทิยา ก็เห็นปรายสายตาไปมองสาวเจ้าอยู่บ่อยครั้งนี่นา ถึงแม้จะออกแนวไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่คนเราบางทีใกล้เกลือกินด่างก็ยังมี โน่นกว่าจะรู้ตัวว่าเขาสำคัญก็เมื่อตอนเขาจากไปแล้วนั่นแหละ อีกอย่างเรื่องบางเรื่องเร่งรัดไปยิ่งทำให้มันห่างไกลไป ถ้ารู้จักถอยหลังกลับไปสักก้าว นั่นอาจจะทำให้มีค่าขึ้นมากกว่า มีโอกาสเธอคงจะต้องคุยกับนันทิยาเรื่องนี้ คิดจะจับภามใส่กรงหัวใจน่ะมันต้องมีทั้งรุกทั้งรับ และถอยกลับไปตั้งหลัก มันถึงจะชนะ
“ไปกันเถอะค่ะพี่นนท์ ทางนี้ปล่อยให้คู่หมั้นเขาดูแลกันเอง เรามันคนนอก เขาไม่ต้องการให้อยู่เป็นก้างชิ้นโต เดี๋ยวจะติดคอก่อนได้กินเนื้อสมันหวาน ๆ ”
รสรินกระเซ้ากัดพี่ชาย ก่อนขยับกายไปหาชานนท์ สอดมือเล็กคล้องแขนใหญ่ คิ้วโก่งสวยได้รูปเลิกขึ้นเมื่อถูกมือของนันทิยากำเสื้อชานนท์ไว้ไม่ยอมปล่อย
“พี่ไปด้วยนนท์” นันทิยาบอกพร้อมรีบลุกจากที่นั่งเดินตามน้องชายออกจากห้องทำงาน ด้วยเธอรู้ตัวดีว่าคงจะทำใจคุยเรื่องงานไม่ได้ ทว่า...
“ว้าย!!”
นันทิยาหวีดร้องอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคนร่างหนาใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่นจะเคลื่อนไหวได้เร็วถึงเพียงนี้ แค่เธอคล้อยหลังนิดเดียวเอง อีกฝ่ายก็ฉกเข้ามาคว้าแขนเรียวยาว บีบกระชับและดึงแรงๆ จนร่างโปร่งถลาไปด้านหลังชนเข้ากับแผ่นอกกว้างบึกบึน แต่มันคงจะไม่เท่ากับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าพ่นอยู่บริเวณลำคอระหง ทำให้นันทิยาขลาดกลัวอารมณ์โกรธที่แผ่ซ่านออกมาครอบคลุมกาย ระคนหวั่นไหวกับความรู้สึกในหัวใจที่พร้อมจะเผยแย้มออกมาทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับภาม
“ปะ...ปล่อยไทนี่นะพี่ภาม” น้ำเสียงเบาหวิวดังออกจากริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อซึ่งสั่นไหวระริก จนต้องรีบขบกัดเอาไว้ หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักรัวเร็ว ไฟร้อนผ่าวไล่ขึ้นจากกึ่งกลางลำตัวไปรวมกันอยู่ที่วงหน้าจนแดงปลั่ง
ชานนท์ได้ยินเสียงพี่สาวก็รีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว เมื่อได้เห็นพี่สาวอยู่ในอ้อมแขนภาม สายตาที่นันทิยาส่งมาให้มันหลากหลาย จะดีใจที่ได้อยู่ในอ้อมแขนคนที่ชอบก็ใช่ จะขลาดกลัวระคนสับสนก็มี
“พี่ภาม...พี่ปล่อยพี่สาวผมดีกว่าไหมครับ”
ชานนท์เอ่ยพูดเสียงเรียบ ถึงจะรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของพี่สาว การได้อยู่ในอ้อมแขนของภามก็มีความสุขมิใช่น้อย แต่ถ้าใช้ศักดิ์ศรีแลกกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ เขาว่าไม่คุ้มกัน ถ้าไม่ได้ยินคำบอกจากปากภามว่าจะแต่งงานกับนันทิยาเขาก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายเอาเปรียบพี่สาวได้เช่นกัน เพราะนั่นจะยิ่งทำให้พี่สาวไม่มีค่าในสายตาอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น
กายใหญ่ขยับก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะดึงเอาร่างนันทิยาออกจากภาม คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อแขนใหญ่ถูกจับไว้จากอีกคนที่ดูจะพอใจกับสิ่งที่ได้เห็น
“เฉย ๆ น่าพี่นนท์”
“ทำไม” ชานนท์เอ่ยถามเสียงเรียบ ปรายสายตาหันไปมองคนห้ามอย่างไม่เข้าใจและไม่ค่อยจะชอบใจสักเท่าไหร่ ก็เห็น ๆ อยู่ว่าภามทำกับนันทิยายังไงก็ยังจะเข้าข้างกันอีก
“ก็แหม...เรื่องของเขาสองคน ก็ให้เขาสองคนจัดการกันเองสิคะ แล้วอีกอย่างนะ...ให้พี่ภามกับพี่ไทนี่ได้ใกล้ชิดกันหน่อยก็ดีนะ เผื่ออะไร ๆ มันจะดีกว่านี้ แล้วพี่นนท์ก็ไม่ต้องห่วงพี่ไทนี่มากหรอกน่า พี่ไทนี่ดูแลตัวเองได้ เชื่อน้องรสเถอะ” รสรินเชื่อในความดีและน่ารักของนันทิยาว่า จะต้องสามารถยึดพื้นที่ในหัวใจภามได้ เพียงแค่จะต้องให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากกว่านี้และภามต้องไม่มีผู้หญิงข้างกาย รวมถึงไม่มีตัวมารอย่างชานนท์ที่คอยกีดกันและดูแลพี่สาวแบบริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมด้วย
“ทำอะไรน่ะพี่ภาม” รสรินหันไปล้อพี่ชายสีหน้ายิ้ม ๆ นัยน์ตากลมโตเป็นประกายแพรวพราวระยับ พวงแก้มอิ่มเต็มป่องออกอย่างรู้เท่าทัน แหม...ปากบอกว่าไม่สน แล้วไงตอนนี้ถึงได้กอดนันทิยาจนตัวกลมเชียวนะ หน้าตาก็แหมระรื่นสดชื่นเชียว อย่างนี้มีลุ้นใช่ไหมนี่ แต่ยังไงก็ต้องติวเข้มวิชามารยาหญิงให้กับนันทิยาหนัก ๆ หน่อย จะได้มัดใจและกายภามให้อยู่หมัด ไม่มีสายตาไปมองผู้หญิงคนอื่นอีก
“อ้าว!!” ภามแสร้งทำหน้าเหวอ เสแสร้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาของน้องสาวที่มองมาอย่างมีเลศนัย
“ถามแปลกนะน้องรส ไทนี่เป็นเลขาพี่ ถ้าพี่จะให้ช่วยดูงานหน่อย มันแปลกตรงไหน” ภามถามด้วยความหงุดหงิดในใจ ด้วยกลิ่นกายสาวที่มันกำลังยั่วยุอารมณ์ปรารถนาในกายให้ลุกโชน ไหนจะมือเรียวที่พยายามทั้งผลักทั้งดันให้เขาคลายอ้อมแขน เมื่อไม่ได้ดังต้องการก็เปลี่ยนวิธีการเป็นหยิกทึ้งหนังหนา ๆ ด้วยปลายเล็บยาวและแหลมคมที่ไม่ได้เจ็บมากมายแต่มันรำคาญจึงรีบจับเอาไว้มั่น
“เปล่าเลยค่ะ” รสรินตอบกลับเสียงสูง แถมยังหัวเราะขลุกขลิกในคอ “น้องรสกำลังสงสัยมากถึงมากที่สุด เห็นพี่ภามทั้งพูดทั้งแสดงออกว่าไม่ชอบพี่ไทนี่ไงคะ แล้วทำไมถึงกอดเสียแน่นเลย นั่นแน่...คิดอะไรกับพี่ไทนี่ใช่หรือเปล่าละคะพี่ภามขา”
“พี่ว่านนท์รีบเอายายรสไปเก็บดีกว่าไหม ก่อนที่พี่จะเขกหัวเหม่ง ๆ ให้ปูดเลย พูดมากเสียจริง”
ชานนท์หัวเราะเสียงนุ่มพลิ้วอยู่ในลำคอ เมื่อเห็นรสรินยกมือขึ้นปิดศีรษะและส่งค้อนพี่ชายด้วยวงหน้างองุ้มเป็นจวักตักแกง ริมฝีปากสีชมพูก็ขมุบขมิบเจริญพรให้ ก่อนที่หญิงสาวจะส่งมาให้เขาด้วยแพขนตายาวงอนที่มันกะพริบปริบ ๆ ให้อย่างน่ารัก แฝงเร้นด้วยความกระเง้ากระงอด พวงแก้มอิ่มเต็มที่มันป่องออกทั้งสองข้างและปลายนิ้วเล็ก ๆ ยกขึ้นชี้หน้าเขาอย่างบอกว่าฝากเอาไว้ก่อนเถอะ
‘เฮ้อ...น้องรสจ๋า อย่าน่ารักให้มันมากซิ หัวใจพี่มันเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วนะ อยากได้น้องมาครอบครอง รักบนเตียงนอนไม่ต้องหลับต้องนอนกันนะ’
แต่ก็ได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นดอกฟ้า ถึงแม้เขาจะมีหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคง ฐานะก็พอมีพอกินไม่เป็นหนี้เป็นสินและมีทรัพย์สมบัติทางพ่ออีกหน่อย แต่พอคำนวณดูแล้วมันก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งที่รสรินมี เขาเลยกลายเป็นถูกนินทาหลับหลังว่าเป็นหมาที่คอยมองเครื่องบิน เป็นคนที่คิดจะเอาตัวเองไปตกถังข้าวสาร“ไปก็ได้ ไม่ได้อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใครหรอกนะ แต่จะทำอะไรก็คิดถึงหัวใจพี่ไทนี่สักนิดก็ดีนะคะ ถ้าพี่เขาทนไม่ไหวหนีไป น้องรสไม่รู้และไม่ช่วยตามง้อด้วยนะ”“ถ้าเป็นอย่างที่เราพูด พี่จะถวายเลี้ยงโต๊ะจีนท่านเจ้าที่สามวันเต็ม ๆ เลยละน้องรส” ภามโต้กลับ ด้วยเชื่อว่าต่อให้ทำร้ายจิตใจจนช้ำเลือดช้ำหนองแค่ไหน นันทิยาก็ไม่มีทางที่ยอมทิ้งผู้ชายที่ทั้งรูปหล่อ เก่งและร่ำรวยมหาศาลอย่างเขาไปได้หรอกน่า ถ้าเป็นอย่างนั้นหญิงสาวทิ้งเขาไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่ไปเห็นเขานอนกับผู้หญิงคนอื่นในห้องพักในวันคล้ายวันเกิดของนันทิยาเองด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวยังคงดื้อด้านดันทุรังที่จะยังอยู่เคียงข้างเขาอยู่เลย แล้วอย่างนี้หรือที่จะทิ้งเขาไปได้ลงคอ ไม่มีทางชานนท์หน้าตึงกับน้ำเสียงกึ่งเย้ากึ่งดูถูกที่ภามมอบ
“หือ...ไม่ได้คิดหรือไทนี่ ว่าแต่เธอจะห้ามฉันยังไงล่ะ ในเมื่อเธอน่ะร่านอยากได้ฉันจนตัวสั่นขนาดนี้” ฝ่ามือใหญ่กอบกุมทรวงอกอวบที่แทบจะล้นมือใหญ่ ฟอนเฟ้นเพียงแค่เล็กน้อยมันก็ตื่นตัวตอบสนองและเรียกร้องทันที อู้...ภามถึงกับครางในลำคอ เมื่อได้สัมผัสถึงความนุ่มนิ่มหยุ่นมือ ในลำคอแห้งผากอย่างกะทันหัน“ฉันว่า...ฉันเปิดซิงเธอตรงนี้เลยดีไหมไทนี่” ใบหน้าคมคร้ามขยับเคลื่อนลงไปตามลำคอระหง เพื่อจะฝังจมูกบนความนุ่มหยุ่นของสองก้อนเนื้อที่มันเคลื่อนไหวปลุกปั่นความต้องการในกายเขาอยู่ตอนนี้“ดูสิ แค่ฉันแตะนิดเดียว เธอก็ตื่นตัวถึงขนาดนี้” ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้สอดแทรกเข้าไปถึงปลายยอดทรวงสีเข้ม คลึงเคล้นไล้วนอย่างจาบจ้วงฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากจนเจ็บ แม้จะรักเขามากสักเพียงใด แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะให้ตัวเองเป็นเครื่องเล่นแก้เบื่อบนเตียงที่พร้อมจะถูกผลักไสทอดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าไม่คิดที่จะรักเชิดชูก็อย่ามายุ่งด้วยดวงตากลมโตเป็นประกายเจิดจ้าวาววับอย่างไม่ยอมที่จะให้อีกฝ่ายดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิง อัดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด รวบรวมกำลังและสติที่พอจะมีหลงเหลืออยู่ พร้อมๆ กับเท้าเล็กที่มันยกขึ้นกระทืบไปบนเท้าใ
“ขอฉันลิ้มรสเธอหน่อยนะไทนี่ ตรงนี้ของเธอมันจะหวานเหมือนกับที่ฉันคิดไว้หรือเปล่า” ภามถามเสียงนุ่มทุ้มและแหบพร่า ปลายนิ้วกดคลึงเฟ้นไปทั่วเนินอกอวบ ส่งผ่านความร้อนจากมือใหญ่สู่กายสาวสะคราญผ่านผ้าเนื้อนุ่มนันทิยากัดฟันสะกดกลั้นเสียงครางที่เธอคิดว่ามันเป็นเสียงอันน่าเกลียด ลำตัวกลมกลึงที่แอ่นโค้งจนแผ่นหลังไม่ติดกับพื้นกำมะหยี่นุ่มๆ เมื่อปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้กดขยี้ปลายยอดทรวงที่ดุนดันตัวพร้อมกับริมฝีปากหนาร้อนระอุที่มันทาบทับอีกข้างจมูกโด่งสูดดมกลิ่นกายสาวหอมจรุงใจ ริมฝีปากขบเม้มผิวเนื้อเนียนนุ่มลื่น ตวัดปลายลิ้นสากระคายลากไล้เลาะเล็มเวียนวนไปทั่วเต้าสวยอย่างตะกรุมตะกราม ฝ่ามือใหญ่คลึงเคล้นเฟ้นอกอวบอีกข้างอย่างหลงใหล ยิ่งนันทิยาสะกดกลั้นเสียงร้องหวาน ๆ ไว้มากเท่าไหร่ ภามยิ่งปลุกปั่นความต้องการในกายสาวให้ทวีความร้อนจนเหมือนกับว่าได้พาหญิงสาวขึ้นไปอยู่บนตะแลงแกง‘อืม...ไทนี่’ ภามครางเสียงแหบพร่าในลำคอ ก่นด่าตัวเองในใจอย่างค่อนข้างสับสนกับความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในใจ โดยที่ตัวเองไม่เคยจะรู้ ไม่เคยคิดที่จะขุดคุ้ยค้นหาให้มันรู้แจ้งเห็นจริงเขาเกลียดนันทิยาจริง ๆ หรือเปล่า คิดเพียงแค่ว่า โง่..
“เหรอ...” ภามตอบกลับและหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเปล่งออกมาดังลั่นห้องเหมือนกับได้เจอเรื่องสนุก ๆ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เมื่อก่อนตอนที่นันทิยาพยายามไล่จับเขารู้สึกรำคาญ แต่ตอนนี้พอหญิงสาวเปลี่ยนใจเป็นถอยหนี มันเป็นการยั่วยุให้เขาอยากที่จะเข้าใกล้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแต้มบนใบหน้าคมคร้าม สายตาคมกริบกวาดมองทั่วกายโปร่งบางอย่างมีความหมาย “สายไปเสียแล้วละไทนี่ ถ้าคิดว่าจะมายั่วให้อยากแล้วจากไปนะ เตรียมตัวไว้ได้เลยไทนี่จ๋า...ไม่คืนนี้ก็คืนพรุ่งนี้ฉันจะต้องได้เธอมาบำเรอความสุขบนเตียง เราจะมีความสุขกันสักเดือน...สองเดือน หรือว่าจะสามเดือนดีจ๊ะไทนี่จ๋า”นันทิยาหวีดร้องและขยับหนีเมื่อเห็นร่างหนาใหญ่ขยับเหมือนจะมุ่งตรงมาหา แต่ภามกลับเดินหัวเราะออกไปจากห้อง แต่ก็ไม่วายที่จะทิ้งสายตาโลมเลียระคนเร่าร้อนไว้ให้ ประตูห้องทำงานปิดลงพร้อมกับกายโปร่งบางที่มันทรุดลงกองกับพื้นกำมะหยี่นุ่ม ๆ อย่างหมดแรง แพสายน้ำตาไหลอาบสองแก้ม พร้อมเสียงสะอื้นฮักที่มันมิอาจหยุดยั้งเอาไว้เธอควรจะรู้ตัวได้เสียที่นะไทนี่ สำหรับภามเธอเป็นได้แค่ไหน“พี่นนท์คิดว่าพี่ภามจะทำอะไรพี่ไทนี่หรือเปล่าคะ” รสรินที่เดินตามชานนท์ไปยังห
“พี่นนท์ทำไม...หล่อนจะพูดอะไรก็พูดมาเร็ว ๆ ซิยะ อ้ำอึ้งอยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด”“ถ้าฉันบอกไปคุณจะรับได้ ไม่โกรธพี่นนท์แล้วก็จะยังอยู่กับพี่นนท์ใช่ไหมคะ”รสรินถามกลับพร้อมจ้องตาอีกฝ่ายอย่างขอความมั่นใจว่า เมื่อพูดไปแล้วอีกฝ่ายจะต้องทิ้งชานนท์ไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาแลอีกเลยชานนท์ปลดมือเล็กเรียวของน้อยหน่าที่เขาเองยังจำไม่ได้เลยว่าเจอและมีอะไรกันตอนไหนออกจากกาย แล้วเดินไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับหน้าต่างห้อง ทำยังไงก็ได้ให้พ้นรัศมีฝ่ามืออรหันต์ที่เขาคิดว่าจะต้องได้เจอแน่นอนหลังจากที่รสรินพูดจบ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดวงตาจับจ้องรสรินด้วยอยากรู้ว่าหญิงสาวจะพูดอะไรกันแน่“ก็ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่โกรธและจะไม่ทิ้งพี่นนท์ไปฉันก็จะบอก”แน่ะ...รสรินยังคงเล่นลิ้นทำให้อีกฝ่ายอยากรู้มากยิ่งขึ้น จนได้เห็นว่าน้อยหน่าพยักหน้ารับก็ผ่อนลมหายใจออกจากปอดอีกครั้ง ก่อนจะสูดเข้าไปเต็ม ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มกระจ่างสดใส“ดีจังเลยค่ะ น้องรสจะได้บอกให้คุณน้อยหน่ารู้โดยไม่รู้สึกผิด เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...ความจริงพี่นนท์น่ะค่ะชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“น้องรส!” ฉิบหายแล้วตรู...ชานนท์ถึงกับครางในลำคอเมื่อได้ยินคำพูดจ
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณคงไม่เชื่อ ฉันถึงอยากให้คุณดูภาพพวกนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ” รสรินบอกเสียงสั่นไม่ใช่จะร้อง แต่เพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับรสริน มันก็จะได้หน้าหงายกลับไปน่ะสิ...มือเล็กจัดการเปิดเครื่องสื่อสารเล็กจิ๋วที่เพิ่งจะถ่ายรูปพี่ชายกับผู้หญิงคนอื่นที่เธอกะว่าจะเอาไว้ช่วยเหลือนันทิยาไปอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเคยทำเล่น ๆ เมื่อตอนเรียนแล้วไม่คิดว่ามันจะได้ผล ทำให้ผู้หญิงคนแรกที่ชานนท์มีความสัมพันธ์ด้วยหนีหายไปจากข้างกายชายหนุ่มไม่ทันจะข้ามวัน เลยมีการศึกษาเรียนรู้ จนถึงตอนนี้มีความช่ำชองสามารถตัดตกแต่งรูปภาพได้อย่างแนบเนียนชนิดที่ว่าหาตัวจับได้ยากคนหนึ่งเลยทีเดียว“เอาอะไรให้น้อยหน่าดูน่ะน้องรส” ชานนท์อดที่จะถามไม่ได้ คงต้องหาทางแอบดูโทรศัพท์รสรินบ้างละเวลาที่หญิงสาวเผลอนี่พี่สาวเขาก็คงจะใช้แผนการเดียวกันในการผลักไสผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการแล้วออกไปจากชีวิตใช่ไหมนี่ โหย...น่ากลัวจริง ๆ เลย“ว้าย! ไม่จริง!”น้อยหน่ายังไม่อยากเชื่อเต็มร้อยกับภาพที่รสรินส่งให้ดู ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพชายกับชายที่กำลังมีความสัมพันธ์กันอย่างสนิทชิดเชื้อ น่าสะอิดสะ
ก็โต๊ะทำงานรัฐภาสนะเธอต้องเก็บจัดให้แฟ้มงานและทุก ๆ อย่างเข้าที่เข้าทางทุกเช้า เที่ยงและก่อนกลับบ้าน แต่ไม่ถึงสองชั่วโมงมันก็กลับมารกเหมือนเดิม แล้วถ้าไม่ทำให้พ่อเจ้าประคุณก็จะหาของไม่เจอ แล้วก็ใช้เธอมาหาพร้อมกับต่อว่าและชอบที่จะเอามือไม้มาแตะต้องตัวเธอให้สะดุ้งเล่นอันนี้ไม่รู้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพราะพอใกล้ชิดแตะเนื้อต้องตัวกันทีไรก็จะมีคำขอโทษตามมาเสียทุกครั้งไป จากตอนแรกที่คิดว่าอีกฝ่ายคิดทำมิดีมิร้ายด้วย เลยคิดแค่เพียงว่าคงจะเผลอจริงๆ นั่นแหละ จะมีช่วงหลัง ๆ นี่แหละที่เธอเริ่มรู้สึกหนักใจกับท่าทางแปลก ๆ ของคุณเจ้านายสุดหล่อว่ามันชักจะยังไง ๆ กับเธอหรือเปล่าก็จะไม่ให้คิดไงล่ะ พ่อเจ้าประคุณสุดหล่อน่ะชอบจะเอามือมาแตะแขนมั่ง จูงมือมั่ง หนัก ๆ เข้าก็เอาจมูกมาเฉียดแก้มนวลของเธอมั่ง สุดท้ายก็อาทิตย์ก่อนนี้แหละที่มันยิ่งแปลกเสียจนเธอต้องเก็บไปคิด เล่นเอามึนจนทำงานผิดพลาดแล้วยังจะถูกดุแกมปลอบไปหลายคำ แล้วมันก็ยัง...รวิกานต์ดุตัวเองเบา ๆ รัฐภาสคงไม่คิดอะไรกับเธอหรอก มันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์พาไปเท่านั้นเองแหละ มีแต่เธอนี่แหละที่บ้าเก็บเอาไปคิดจนนอนไม่หลับ ตื่นสายเลยถูกคุณเจ้านายขี้เก๊
มือใหญ่วางทาบบนมือเล็กให้หยิบสายไฟไปเสียบจนเรียบร้อย พร้อมจับรั้งร่างโปร่งบางให้หันมาเผชิญหน้าด้วย ซึ่งตอนนี้คนที่เหมือนจะเพิ่งตื่นจากนอนเริ่มที่จะหายจากอาการสะลึมสะลือ เลยรับรู้ถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับหัวใจตัวเองได้ แต่เพราะยังตกอยู่ในอ้อมแขนใหญ่จึงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรให้หลุดรอดจากความอบอุ่นที่โอบล้อมทางร่างกายที่วิ่งลิ่วไปถึงหัวใจให้อ่อนระทวยเหมือนกับน้ำที่ถูกต้มจนเดือดได้อย่างไรดี“คิดจะยั่วผมหรือก้อย” ฝ่ามือใหญ่ร้อนผ่าวถูไถลำแขนกลมกลึง ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงน้อย ๆ แทบจะชิดใบหน้าเรียวรูปไข่ยามที่เอ่ยถาม“คะ?” รวิกานต์ตอบกลับเสียงสูงอย่างงุนงงยั่ว...เธอไปยั่วอะไรอีตาเจ้านายขี้ตู่นี่กันล่ะเนี่ย มีแต่ตัวเองนั่นแหละที่ชอบเอาเปรียบเขาอยู่เรื่อยเลย นี่ไงเห็นไหมมากอดมาลูบอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าทำให้หัวใจคนอื่นเขามันเอนเอียงไปให้ตัวเองจนแทบจะถอนไม่ทันแล้วนะ“ก็...ตรงนี้ไง ยาหยี...”ริมฝีปากหนาร้อนประทับเหนือดวงตากลมโตเล็กน้อย มือใหญ่เคลื่อนไหวเหมือนกับใบไม้ที่มันปลิดปลิวหลุดออกจากต้น ดึงเอาสาบเสื้อคลุมชุดนอนออกจากกัน ก่อนจะทาบฝ่ามือร้อนระอุเหมือนกับเปลวเพลิงบนสองก้อนเนื้อที่ไม่ได้
“คะ” งุนงงเหมือนกับถูกค้อนปอนด์ทุบศีรษะ เหลือบสายตามองนาฬิกาที่ผนังห้องด้านหนึ่งซึ่งซุกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงออกจากห้องทำงานไปก็ตั้งแต่ก่อนจะเที่ยงวัน นี่ก็บ่ายสองครึ่งแล้ว ยังไม่ได้กินอะไร แล้วหายไปทำอะไรมาล่ะ แล้วอีกอย่างเธอไม่ใช่ร้านอาหารนะเฟ้ยที่จะเรียกหาอาหารได้ทันใจน่ะ แต่นั่นแหละ ยังไงก็ต้องยอมแพ้อีตาเจ้านายหุ่นสูงชะลูดนี่อยู่ดี“มีแซนด์วิชอยู่ชิ้นครึ่งจะเอาไหมคะ” ถามประชดนะ เพราะชิ้นหนึ่งนะเธอกินไปแล้วครึ่งหนึ่ง อีกชิ้นก็จะเก็บไว้รองท้องตอนที่ถูกอีกฝ่ายบังคับให้อยู่ทำงานด้วยจนค่ำ“ก็ดี ขอกาแฟแก้วหนึ่งด้วยนะ” สั่งเสร็จคนสั่งก็หลับตาไปเสียงั้นแหละ ปล่อยให้คนถูกสั่งอ้าปากค้างด้วยความมึนงง“อะไรของเขานี่” มือเล็กเรียวยกขึ้นเกาศีรษะเบาๆ และเดินออกไปจากห้องเพื่อจัดการในสิ่งที่คุณเจ้านายผู้แสนจะเอาแต่ใจต้องการมาบริการให้ถึงที่ จมูกโด่งยู่ย่นเล็กน้อยพร้อมกับบ่นพึมพำไปตลอดทางโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพียงแค่ร่างเธอลับไปรัฐภาสก็ลืมตาขึ้นทันควันพร้อมด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยที่มันแต่งแต้มขึ้นบนวงหน้าและดวงตา“ว่าไงคะพี่นนท์ ไม่คิดจะง้อน้องรสใช่ไหม” สองมือเล็กสอดไขว้ระหว่างอก ใบหน้าส
ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นกดซับน้ำตาที่มันยังเอ่อไหลอาบสองแก้มไม่ยอมหยุด แม้จะเจ็บแต่ก็มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนวงหน้าได้บ้าง แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในวันนี้ที่สว่างสดใสผิดแผกกับใจเธอที่ยังไงมันก็หมองหม่นและหดหู่เป็นที่สุด“เปล่าหรอก แค่คิดถึง”“ไม่จริง น้ำเสียงแกไม่ได้บอกอย่างนั้น หรือแกไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้ว ถึงได้ไม่ยอมบอกให้ฉันรู้ว่าแกเป็นอะไร...”“เปล่านะก้อย ฉันก็แค่...” ขบกัดริมฝีปาก ร่ำ ๆ อยากจะบอกรวิกานต์ไป แต่มันก็ยังอายเกินไป“เอาเถอะ ในเมื่อตอนนี้แกไม่อยากจะบอกก็ไม่เป็นไร เอาไว้แกสบายใจเมื่อไหร่ค่อยบอกมาก็ได้” ไม่อยากกดดันนันทิยาไปมากกว่านี้“นี่ถ้าหากแกเหนื่อยมากนักมาพักกับฉันสักระยะหนึ่งไหมไทนี่ อืม...แต่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเราหนีไปเที่ยวกันสองคนดีไหม คลายเครียดคลายเหงาแถมได้เปิดหูเปิดตาดีไหม”“แล้วเจ้านายแกไม่ว่าหรือไง” เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งเหมือนกัน ถ้าอยู่ใกล้หัวใจมันก็คอยแต่จะหวั่นไหวและเจ็บปวดไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ภามทำ อยู่ไกลคงพอให้ทำใจได้บ้าง เก็บรวบรวมพละกำลังทั้งกายและใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ไม่ต้องไปสนใจคนใจร้ายใจดำนั่น ทุกอย่างจะได้ดีขึ้น“โอ๊ย!!” รวิ
ดวงตากลมโตมองการแต่งกายของรวิกานต์ที่ไม่เคยจะเปลี่ยนไปจากตอนที่เรียนหนังสือ เสื้อผ้าสีซีดๆ พื้นด้วย ตัวกระโปรงยาวเลยเข่าถ้าสามารถยาวถึงข้อเท้าได้ยิ่งเป็นการดี ตัวเสื้อก็จะต้องเป็นแบบยาวเลยสะโพกที่สามารถใส่ไว้ในตัวกระโปรงได้โดยไม่หลุดออก แขนยาวถึงข้อมือ ติดกระดุมจนเกือบถึงคอ ถ้าจะถึงลูกกระเดือกได้เป็นยิ่งดี ใบหน้าเรียวสวยรูปไข่ ปากจมูกตารับกันหมดแต่กลับปกปิดดวงตาไว้ภายใต้แว่นตาคันโต ผมถ้าไม่มัดด้วยยางก็จะขมวดๆ มุ่นไว้กลางศีรษะ เสียบด้วยอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้มือ“มีก็แล้วกันน่า”นันทิยาหัวเราะคิกกับอาการไม่ถ่อมตัวของเพื่อน “เออ...ขอให้ทำงานให้สนุกก็แล้วกัน เป็นนักบัญชีดี ๆ ไม่ชอบ ไปเป็นเลขา แกรู้ไหมว่างานหนักนะ” ไม่ได้ขู่แต่งานเลขาที่เธอทำกับภามนั้นหนักจริง ๆ บางครั้งแทบจะไม่ได้หลับได้นอนด้วยถูกอีกฝ่ายเรียกใช้จนแทบไม่ได้เงยหน้า ข้าวปลาแทบไม่ได้แตะ หน้าตาไม่ได้ผัดแม้กระทั่งแป้งฝุ่น“ก็ไม่ได้อยากไปนี่นา แต่ถูกอีตาคุณเจ้านายสั่งน่ะ ตอนแรกก็ไม่ยอมนะ แต่พอบอกว่าได้เงินเพิ่มก็เริ่มตาโตละ ตามต่อท้ายอีกนิดด้วยมีรถรับส่งฟรี”“อื้ออือ...จริงหรือก้อย ตำแหน่งเลขาบริษัทแกมีการรับส่งด้วยเหรอ ทุ่มทุนมาก
“อ๊ะ...เจ้านาย ไม่นะคะ” รวิกานต์ร้องห้ามน้ำเสียงสั่นพร่า แต่มีหรือที่รัฐภาสจะฟัง ชายหนุ่มกดฝังปลายจมูกโด่งไปบนกึ่งกลางทรวง ค่อยเดินทางขึ้นไปบนภูเขาลูกน้อยทีละนิดจนได้พบกับยอดเขาที่มันแข็งตัวชูชันพร้อมให้เขาเก็บผลไม้รสหวานเข้าปาก“อืม...เนื้อตัวคุณนี่หวานจริง ๆ ก้อย” ชายหนุ่มร้องครางในลำคอ ฝ่ามือใหญ่กอบกุมเคล้นคลึงทรวงอกอวบอีกข้างอย่างไม่ให้มันน้อยใจว่าถูกหมางเมิน เมื่อดูดเม้มกัดกินผลไม้รสหวานจนเปียกชื้นริมฝีปากหนาจึงสลับสับเปลี่ยนย้ายไปกัดกินผลไม้รสหวานนุ่มอีกข้างอย่างตะกรุมตะกรามมือใหญ่ลูบไล้ปลีน่องเรียวกลมกลึง สอดแทรกไปอย่างเชื่องช้าจนได้พบกับจุดอับลี้ลับที่ยังมีจีสติงสีเดียวกับตัวชุดนอนปกปิดอยู่ แต่มันก็เท่านั้นแหละ เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะขวางมือเพชฌฆาตของรัฐภาสได้เลย ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวเหมือนกับเพลิงไฟค่อยๆ กดคลึงเคล้นโหนกเนื้อนูนเด่นแผ่วเบา สร้างความเสียวซ่านปั่นป่วนใจให้กับรวิกานต์จนหญิงสาวถึงกับร้องครางไม่เป็นประสากายแกร่งถึงกับสำแดงฤทธิ์เดชดุนดันกางเกง แต่รัฐภาสจำต้องสะกดกลั้นมันเอาไว้ก่อน ไม่ได้เดี๋ยวไก่น้อยตื่นจะอดกินอย่างอิ่มหมีพีมันไปเสียเปล่า ๆ มือใหญ่เคลื่อนออกจับสองขาเร
มือใหญ่วางทาบบนมือเล็กให้หยิบสายไฟไปเสียบจนเรียบร้อย พร้อมจับรั้งร่างโปร่งบางให้หันมาเผชิญหน้าด้วย ซึ่งตอนนี้คนที่เหมือนจะเพิ่งตื่นจากนอนเริ่มที่จะหายจากอาการสะลึมสะลือ เลยรับรู้ถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับหัวใจตัวเองได้ แต่เพราะยังตกอยู่ในอ้อมแขนใหญ่จึงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรให้หลุดรอดจากความอบอุ่นที่โอบล้อมทางร่างกายที่วิ่งลิ่วไปถึงหัวใจให้อ่อนระทวยเหมือนกับน้ำที่ถูกต้มจนเดือดได้อย่างไรดี“คิดจะยั่วผมหรือก้อย” ฝ่ามือใหญ่ร้อนผ่าวถูไถลำแขนกลมกลึง ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงน้อย ๆ แทบจะชิดใบหน้าเรียวรูปไข่ยามที่เอ่ยถาม“คะ?” รวิกานต์ตอบกลับเสียงสูงอย่างงุนงงยั่ว...เธอไปยั่วอะไรอีตาเจ้านายขี้ตู่นี่กันล่ะเนี่ย มีแต่ตัวเองนั่นแหละที่ชอบเอาเปรียบเขาอยู่เรื่อยเลย นี่ไงเห็นไหมมากอดมาลูบอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าทำให้หัวใจคนอื่นเขามันเอนเอียงไปให้ตัวเองจนแทบจะถอนไม่ทันแล้วนะ“ก็...ตรงนี้ไง ยาหยี...”ริมฝีปากหนาร้อนประทับเหนือดวงตากลมโตเล็กน้อย มือใหญ่เคลื่อนไหวเหมือนกับใบไม้ที่มันปลิดปลิวหลุดออกจากต้น ดึงเอาสาบเสื้อคลุมชุดนอนออกจากกัน ก่อนจะทาบฝ่ามือร้อนระอุเหมือนกับเปลวเพลิงบนสองก้อนเนื้อที่ไม่ได้
ก็โต๊ะทำงานรัฐภาสนะเธอต้องเก็บจัดให้แฟ้มงานและทุก ๆ อย่างเข้าที่เข้าทางทุกเช้า เที่ยงและก่อนกลับบ้าน แต่ไม่ถึงสองชั่วโมงมันก็กลับมารกเหมือนเดิม แล้วถ้าไม่ทำให้พ่อเจ้าประคุณก็จะหาของไม่เจอ แล้วก็ใช้เธอมาหาพร้อมกับต่อว่าและชอบที่จะเอามือไม้มาแตะต้องตัวเธอให้สะดุ้งเล่นอันนี้ไม่รู้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพราะพอใกล้ชิดแตะเนื้อต้องตัวกันทีไรก็จะมีคำขอโทษตามมาเสียทุกครั้งไป จากตอนแรกที่คิดว่าอีกฝ่ายคิดทำมิดีมิร้ายด้วย เลยคิดแค่เพียงว่าคงจะเผลอจริงๆ นั่นแหละ จะมีช่วงหลัง ๆ นี่แหละที่เธอเริ่มรู้สึกหนักใจกับท่าทางแปลก ๆ ของคุณเจ้านายสุดหล่อว่ามันชักจะยังไง ๆ กับเธอหรือเปล่าก็จะไม่ให้คิดไงล่ะ พ่อเจ้าประคุณสุดหล่อน่ะชอบจะเอามือมาแตะแขนมั่ง จูงมือมั่ง หนัก ๆ เข้าก็เอาจมูกมาเฉียดแก้มนวลของเธอมั่ง สุดท้ายก็อาทิตย์ก่อนนี้แหละที่มันยิ่งแปลกเสียจนเธอต้องเก็บไปคิด เล่นเอามึนจนทำงานผิดพลาดแล้วยังจะถูกดุแกมปลอบไปหลายคำ แล้วมันก็ยัง...รวิกานต์ดุตัวเองเบา ๆ รัฐภาสคงไม่คิดอะไรกับเธอหรอก มันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์พาไปเท่านั้นเองแหละ มีแต่เธอนี่แหละที่บ้าเก็บเอาไปคิดจนนอนไม่หลับ ตื่นสายเลยถูกคุณเจ้านายขี้เก๊
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณคงไม่เชื่อ ฉันถึงอยากให้คุณดูภาพพวกนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ” รสรินบอกเสียงสั่นไม่ใช่จะร้อง แต่เพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับรสริน มันก็จะได้หน้าหงายกลับไปน่ะสิ...มือเล็กจัดการเปิดเครื่องสื่อสารเล็กจิ๋วที่เพิ่งจะถ่ายรูปพี่ชายกับผู้หญิงคนอื่นที่เธอกะว่าจะเอาไว้ช่วยเหลือนันทิยาไปอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเคยทำเล่น ๆ เมื่อตอนเรียนแล้วไม่คิดว่ามันจะได้ผล ทำให้ผู้หญิงคนแรกที่ชานนท์มีความสัมพันธ์ด้วยหนีหายไปจากข้างกายชายหนุ่มไม่ทันจะข้ามวัน เลยมีการศึกษาเรียนรู้ จนถึงตอนนี้มีความช่ำชองสามารถตัดตกแต่งรูปภาพได้อย่างแนบเนียนชนิดที่ว่าหาตัวจับได้ยากคนหนึ่งเลยทีเดียว“เอาอะไรให้น้อยหน่าดูน่ะน้องรส” ชานนท์อดที่จะถามไม่ได้ คงต้องหาทางแอบดูโทรศัพท์รสรินบ้างละเวลาที่หญิงสาวเผลอนี่พี่สาวเขาก็คงจะใช้แผนการเดียวกันในการผลักไสผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการแล้วออกไปจากชีวิตใช่ไหมนี่ โหย...น่ากลัวจริง ๆ เลย“ว้าย! ไม่จริง!”น้อยหน่ายังไม่อยากเชื่อเต็มร้อยกับภาพที่รสรินส่งให้ดู ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพชายกับชายที่กำลังมีความสัมพันธ์กันอย่างสนิทชิดเชื้อ น่าสะอิดสะ
“พี่นนท์ทำไม...หล่อนจะพูดอะไรก็พูดมาเร็ว ๆ ซิยะ อ้ำอึ้งอยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด”“ถ้าฉันบอกไปคุณจะรับได้ ไม่โกรธพี่นนท์แล้วก็จะยังอยู่กับพี่นนท์ใช่ไหมคะ”รสรินถามกลับพร้อมจ้องตาอีกฝ่ายอย่างขอความมั่นใจว่า เมื่อพูดไปแล้วอีกฝ่ายจะต้องทิ้งชานนท์ไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาแลอีกเลยชานนท์ปลดมือเล็กเรียวของน้อยหน่าที่เขาเองยังจำไม่ได้เลยว่าเจอและมีอะไรกันตอนไหนออกจากกาย แล้วเดินไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับหน้าต่างห้อง ทำยังไงก็ได้ให้พ้นรัศมีฝ่ามืออรหันต์ที่เขาคิดว่าจะต้องได้เจอแน่นอนหลังจากที่รสรินพูดจบ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดวงตาจับจ้องรสรินด้วยอยากรู้ว่าหญิงสาวจะพูดอะไรกันแน่“ก็ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่โกรธและจะไม่ทิ้งพี่นนท์ไปฉันก็จะบอก”แน่ะ...รสรินยังคงเล่นลิ้นทำให้อีกฝ่ายอยากรู้มากยิ่งขึ้น จนได้เห็นว่าน้อยหน่าพยักหน้ารับก็ผ่อนลมหายใจออกจากปอดอีกครั้ง ก่อนจะสูดเข้าไปเต็ม ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มกระจ่างสดใส“ดีจังเลยค่ะ น้องรสจะได้บอกให้คุณน้อยหน่ารู้โดยไม่รู้สึกผิด เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...ความจริงพี่นนท์น่ะค่ะชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“น้องรส!” ฉิบหายแล้วตรู...ชานนท์ถึงกับครางในลำคอเมื่อได้ยินคำพูดจ
“เหรอ...” ภามตอบกลับและหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเปล่งออกมาดังลั่นห้องเหมือนกับได้เจอเรื่องสนุก ๆ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เมื่อก่อนตอนที่นันทิยาพยายามไล่จับเขารู้สึกรำคาญ แต่ตอนนี้พอหญิงสาวเปลี่ยนใจเป็นถอยหนี มันเป็นการยั่วยุให้เขาอยากที่จะเข้าใกล้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแต้มบนใบหน้าคมคร้าม สายตาคมกริบกวาดมองทั่วกายโปร่งบางอย่างมีความหมาย “สายไปเสียแล้วละไทนี่ ถ้าคิดว่าจะมายั่วให้อยากแล้วจากไปนะ เตรียมตัวไว้ได้เลยไทนี่จ๋า...ไม่คืนนี้ก็คืนพรุ่งนี้ฉันจะต้องได้เธอมาบำเรอความสุขบนเตียง เราจะมีความสุขกันสักเดือน...สองเดือน หรือว่าจะสามเดือนดีจ๊ะไทนี่จ๋า”นันทิยาหวีดร้องและขยับหนีเมื่อเห็นร่างหนาใหญ่ขยับเหมือนจะมุ่งตรงมาหา แต่ภามกลับเดินหัวเราะออกไปจากห้อง แต่ก็ไม่วายที่จะทิ้งสายตาโลมเลียระคนเร่าร้อนไว้ให้ ประตูห้องทำงานปิดลงพร้อมกับกายโปร่งบางที่มันทรุดลงกองกับพื้นกำมะหยี่นุ่ม ๆ อย่างหมดแรง แพสายน้ำตาไหลอาบสองแก้ม พร้อมเสียงสะอื้นฮักที่มันมิอาจหยุดยั้งเอาไว้เธอควรจะรู้ตัวได้เสียที่นะไทนี่ สำหรับภามเธอเป็นได้แค่ไหน“พี่นนท์คิดว่าพี่ภามจะทำอะไรพี่ไทนี่หรือเปล่าคะ” รสรินที่เดินตามชานนท์ไปยังห