“ฉันรู้ค่ะว่าคุณคงไม่เชื่อ ฉันถึงอยากให้คุณดูภาพพวกนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ” รสรินบอกเสียงสั่นไม่ใช่จะร้อง แต่เพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับรสริน มันก็จะได้หน้าหงายกลับไปน่ะสิ...มือเล็กจัดการเปิดเครื่องสื่อสารเล็กจิ๋วที่เพิ่งจะถ่ายรูปพี่ชายกับผู้หญิงคนอื่นที่เธอกะว่าจะเอาไว้ช่วยเหลือนันทิยาไปอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเคยทำเล่น ๆ เมื่อตอนเรียนแล้วไม่คิดว่ามันจะได้ผล ทำให้ผู้หญิงคนแรกที่ชานนท์มีความสัมพันธ์ด้วยหนีหายไปจากข้างกายชายหนุ่มไม่ทันจะข้ามวัน เลยมีการศึกษาเรียนรู้ จนถึงตอนนี้มีความช่ำชองสามารถตัดตกแต่งรูปภาพได้อย่างแนบเนียนชนิดที่ว่าหาตัวจับได้ยากคนหนึ่งเลยทีเดียว“เอาอะไรให้น้อยหน่าดูน่ะน้องรส” ชานนท์อดที่จะถามไม่ได้ คงต้องหาทางแอบดูโทรศัพท์รสรินบ้างละเวลาที่หญิงสาวเผลอนี่พี่สาวเขาก็คงจะใช้แผนการเดียวกันในการผลักไสผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการแล้วออกไปจากชีวิตใช่ไหมนี่ โหย...น่ากลัวจริง ๆ เลย“ว้าย! ไม่จริง!”น้อยหน่ายังไม่อยากเชื่อเต็มร้อยกับภาพที่รสรินส่งให้ดู ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพชายกับชายที่กำลังมีความสัมพันธ์กันอย่างสนิทชิดเชื้อ น่าสะอิดสะ
ก็โต๊ะทำงานรัฐภาสนะเธอต้องเก็บจัดให้แฟ้มงานและทุก ๆ อย่างเข้าที่เข้าทางทุกเช้า เที่ยงและก่อนกลับบ้าน แต่ไม่ถึงสองชั่วโมงมันก็กลับมารกเหมือนเดิม แล้วถ้าไม่ทำให้พ่อเจ้าประคุณก็จะหาของไม่เจอ แล้วก็ใช้เธอมาหาพร้อมกับต่อว่าและชอบที่จะเอามือไม้มาแตะต้องตัวเธอให้สะดุ้งเล่นอันนี้ไม่รู้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพราะพอใกล้ชิดแตะเนื้อต้องตัวกันทีไรก็จะมีคำขอโทษตามมาเสียทุกครั้งไป จากตอนแรกที่คิดว่าอีกฝ่ายคิดทำมิดีมิร้ายด้วย เลยคิดแค่เพียงว่าคงจะเผลอจริงๆ นั่นแหละ จะมีช่วงหลัง ๆ นี่แหละที่เธอเริ่มรู้สึกหนักใจกับท่าทางแปลก ๆ ของคุณเจ้านายสุดหล่อว่ามันชักจะยังไง ๆ กับเธอหรือเปล่าก็จะไม่ให้คิดไงล่ะ พ่อเจ้าประคุณสุดหล่อน่ะชอบจะเอามือมาแตะแขนมั่ง จูงมือมั่ง หนัก ๆ เข้าก็เอาจมูกมาเฉียดแก้มนวลของเธอมั่ง สุดท้ายก็อาทิตย์ก่อนนี้แหละที่มันยิ่งแปลกเสียจนเธอต้องเก็บไปคิด เล่นเอามึนจนทำงานผิดพลาดแล้วยังจะถูกดุแกมปลอบไปหลายคำ แล้วมันก็ยัง...รวิกานต์ดุตัวเองเบา ๆ รัฐภาสคงไม่คิดอะไรกับเธอหรอก มันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์พาไปเท่านั้นเองแหละ มีแต่เธอนี่แหละที่บ้าเก็บเอาไปคิดจนนอนไม่หลับ ตื่นสายเลยถูกคุณเจ้านายขี้เก๊
มือใหญ่วางทาบบนมือเล็กให้หยิบสายไฟไปเสียบจนเรียบร้อย พร้อมจับรั้งร่างโปร่งบางให้หันมาเผชิญหน้าด้วย ซึ่งตอนนี้คนที่เหมือนจะเพิ่งตื่นจากนอนเริ่มที่จะหายจากอาการสะลึมสะลือ เลยรับรู้ถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับหัวใจตัวเองได้ แต่เพราะยังตกอยู่ในอ้อมแขนใหญ่จึงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรให้หลุดรอดจากความอบอุ่นที่โอบล้อมทางร่างกายที่วิ่งลิ่วไปถึงหัวใจให้อ่อนระทวยเหมือนกับน้ำที่ถูกต้มจนเดือดได้อย่างไรดี“คิดจะยั่วผมหรือก้อย” ฝ่ามือใหญ่ร้อนผ่าวถูไถลำแขนกลมกลึง ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงน้อย ๆ แทบจะชิดใบหน้าเรียวรูปไข่ยามที่เอ่ยถาม“คะ?” รวิกานต์ตอบกลับเสียงสูงอย่างงุนงงยั่ว...เธอไปยั่วอะไรอีตาเจ้านายขี้ตู่นี่กันล่ะเนี่ย มีแต่ตัวเองนั่นแหละที่ชอบเอาเปรียบเขาอยู่เรื่อยเลย นี่ไงเห็นไหมมากอดมาลูบอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าทำให้หัวใจคนอื่นเขามันเอนเอียงไปให้ตัวเองจนแทบจะถอนไม่ทันแล้วนะ“ก็...ตรงนี้ไง ยาหยี...”ริมฝีปากหนาร้อนประทับเหนือดวงตากลมโตเล็กน้อย มือใหญ่เคลื่อนไหวเหมือนกับใบไม้ที่มันปลิดปลิวหลุดออกจากต้น ดึงเอาสาบเสื้อคลุมชุดนอนออกจากกัน ก่อนจะทาบฝ่ามือร้อนระอุเหมือนกับเปลวเพลิงบนสองก้อนเนื้อที่ไม่ได้
“อ๊ะ...เจ้านาย ไม่นะคะ” รวิกานต์ร้องห้ามน้ำเสียงสั่นพร่า แต่มีหรือที่รัฐภาสจะฟัง ชายหนุ่มกดฝังปลายจมูกโด่งไปบนกึ่งกลางทรวง ค่อยเดินทางขึ้นไปบนภูเขาลูกน้อยทีละนิดจนได้พบกับยอดเขาที่มันแข็งตัวชูชันพร้อมให้เขาเก็บผลไม้รสหวานเข้าปาก“อืม...เนื้อตัวคุณนี่หวานจริง ๆ ก้อย” ชายหนุ่มร้องครางในลำคอ ฝ่ามือใหญ่กอบกุมเคล้นคลึงทรวงอกอวบอีกข้างอย่างไม่ให้มันน้อยใจว่าถูกหมางเมิน เมื่อดูดเม้มกัดกินผลไม้รสหวานจนเปียกชื้นริมฝีปากหนาจึงสลับสับเปลี่ยนย้ายไปกัดกินผลไม้รสหวานนุ่มอีกข้างอย่างตะกรุมตะกรามมือใหญ่ลูบไล้ปลีน่องเรียวกลมกลึง สอดแทรกไปอย่างเชื่องช้าจนได้พบกับจุดอับลี้ลับที่ยังมีจีสติงสีเดียวกับตัวชุดนอนปกปิดอยู่ แต่มันก็เท่านั้นแหละ เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะขวางมือเพชฌฆาตของรัฐภาสได้เลย ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวเหมือนกับเพลิงไฟค่อยๆ กดคลึงเคล้นโหนกเนื้อนูนเด่นแผ่วเบา สร้างความเสียวซ่านปั่นป่วนใจให้กับรวิกานต์จนหญิงสาวถึงกับร้องครางไม่เป็นประสากายแกร่งถึงกับสำแดงฤทธิ์เดชดุนดันกางเกง แต่รัฐภาสจำต้องสะกดกลั้นมันเอาไว้ก่อน ไม่ได้เดี๋ยวไก่น้อยตื่นจะอดกินอย่างอิ่มหมีพีมันไปเสียเปล่า ๆ มือใหญ่เคลื่อนออกจับสองขาเร
ดวงตากลมโตมองการแต่งกายของรวิกานต์ที่ไม่เคยจะเปลี่ยนไปจากตอนที่เรียนหนังสือ เสื้อผ้าสีซีดๆ พื้นด้วย ตัวกระโปรงยาวเลยเข่าถ้าสามารถยาวถึงข้อเท้าได้ยิ่งเป็นการดี ตัวเสื้อก็จะต้องเป็นแบบยาวเลยสะโพกที่สามารถใส่ไว้ในตัวกระโปรงได้โดยไม่หลุดออก แขนยาวถึงข้อมือ ติดกระดุมจนเกือบถึงคอ ถ้าจะถึงลูกกระเดือกได้เป็นยิ่งดี ใบหน้าเรียวสวยรูปไข่ ปากจมูกตารับกันหมดแต่กลับปกปิดดวงตาไว้ภายใต้แว่นตาคันโต ผมถ้าไม่มัดด้วยยางก็จะขมวดๆ มุ่นไว้กลางศีรษะ เสียบด้วยอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้มือ“มีก็แล้วกันน่า”นันทิยาหัวเราะคิกกับอาการไม่ถ่อมตัวของเพื่อน “เออ...ขอให้ทำงานให้สนุกก็แล้วกัน เป็นนักบัญชีดี ๆ ไม่ชอบ ไปเป็นเลขา แกรู้ไหมว่างานหนักนะ” ไม่ได้ขู่แต่งานเลขาที่เธอทำกับภามนั้นหนักจริง ๆ บางครั้งแทบจะไม่ได้หลับได้นอนด้วยถูกอีกฝ่ายเรียกใช้จนแทบไม่ได้เงยหน้า ข้าวปลาแทบไม่ได้แตะ หน้าตาไม่ได้ผัดแม้กระทั่งแป้งฝุ่น“ก็ไม่ได้อยากไปนี่นา แต่ถูกอีตาคุณเจ้านายสั่งน่ะ ตอนแรกก็ไม่ยอมนะ แต่พอบอกว่าได้เงินเพิ่มก็เริ่มตาโตละ ตามต่อท้ายอีกนิดด้วยมีรถรับส่งฟรี”“อื้ออือ...จริงหรือก้อย ตำแหน่งเลขาบริษัทแกมีการรับส่งด้วยเหรอ ทุ่มทุนมาก
ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นกดซับน้ำตาที่มันยังเอ่อไหลอาบสองแก้มไม่ยอมหยุด แม้จะเจ็บแต่ก็มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนวงหน้าได้บ้าง แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในวันนี้ที่สว่างสดใสผิดแผกกับใจเธอที่ยังไงมันก็หมองหม่นและหดหู่เป็นที่สุด“เปล่าหรอก แค่คิดถึง”“ไม่จริง น้ำเสียงแกไม่ได้บอกอย่างนั้น หรือแกไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้ว ถึงได้ไม่ยอมบอกให้ฉันรู้ว่าแกเป็นอะไร...”“เปล่านะก้อย ฉันก็แค่...” ขบกัดริมฝีปาก ร่ำ ๆ อยากจะบอกรวิกานต์ไป แต่มันก็ยังอายเกินไป“เอาเถอะ ในเมื่อตอนนี้แกไม่อยากจะบอกก็ไม่เป็นไร เอาไว้แกสบายใจเมื่อไหร่ค่อยบอกมาก็ได้” ไม่อยากกดดันนันทิยาไปมากกว่านี้“นี่ถ้าหากแกเหนื่อยมากนักมาพักกับฉันสักระยะหนึ่งไหมไทนี่ อืม...แต่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเราหนีไปเที่ยวกันสองคนดีไหม คลายเครียดคลายเหงาแถมได้เปิดหูเปิดตาดีไหม”“แล้วเจ้านายแกไม่ว่าหรือไง” เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งเหมือนกัน ถ้าอยู่ใกล้หัวใจมันก็คอยแต่จะหวั่นไหวและเจ็บปวดไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ภามทำ อยู่ไกลคงพอให้ทำใจได้บ้าง เก็บรวบรวมพละกำลังทั้งกายและใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ไม่ต้องไปสนใจคนใจร้ายใจดำนั่น ทุกอย่างจะได้ดีขึ้น“โอ๊ย!!” รวิ
“คะ” งุนงงเหมือนกับถูกค้อนปอนด์ทุบศีรษะ เหลือบสายตามองนาฬิกาที่ผนังห้องด้านหนึ่งซึ่งซุกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงออกจากห้องทำงานไปก็ตั้งแต่ก่อนจะเที่ยงวัน นี่ก็บ่ายสองครึ่งแล้ว ยังไม่ได้กินอะไร แล้วหายไปทำอะไรมาล่ะ แล้วอีกอย่างเธอไม่ใช่ร้านอาหารนะเฟ้ยที่จะเรียกหาอาหารได้ทันใจน่ะ แต่นั่นแหละ ยังไงก็ต้องยอมแพ้อีตาเจ้านายหุ่นสูงชะลูดนี่อยู่ดี“มีแซนด์วิชอยู่ชิ้นครึ่งจะเอาไหมคะ” ถามประชดนะ เพราะชิ้นหนึ่งนะเธอกินไปแล้วครึ่งหนึ่ง อีกชิ้นก็จะเก็บไว้รองท้องตอนที่ถูกอีกฝ่ายบังคับให้อยู่ทำงานด้วยจนค่ำ“ก็ดี ขอกาแฟแก้วหนึ่งด้วยนะ” สั่งเสร็จคนสั่งก็หลับตาไปเสียงั้นแหละ ปล่อยให้คนถูกสั่งอ้าปากค้างด้วยความมึนงง“อะไรของเขานี่” มือเล็กเรียวยกขึ้นเกาศีรษะเบาๆ และเดินออกไปจากห้องเพื่อจัดการในสิ่งที่คุณเจ้านายผู้แสนจะเอาแต่ใจต้องการมาบริการให้ถึงที่ จมูกโด่งยู่ย่นเล็กน้อยพร้อมกับบ่นพึมพำไปตลอดทางโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพียงแค่ร่างเธอลับไปรัฐภาสก็ลืมตาขึ้นทันควันพร้อมด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยที่มันแต่งแต้มขึ้นบนวงหน้าและดวงตา“ว่าไงคะพี่นนท์ ไม่คิดจะง้อน้องรสใช่ไหม” สองมือเล็กสอดไขว้ระหว่างอก ใบหน้าส
นันทิยาก้าวลงจากรถคันใหญ่ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ มีเสน่ห์ นัยน์ตากลมโตใสแจ๋วเหมือนกับลูกแก้วเป็นประกายระยิบระยับ ด้วยความดีใจที่จะได้เจอกับพี่ภาม คู่หมั้นหนุ่มรูปหล่อซึ่งกลับจากการไปติดต่อประสานงานกับเอเจนซี่รายใหญ่ ที่จะส่งแขกมาให้ในช่วงหน้าไฮซีซั่น จนอดทนรอถึงตอนเย็นไม่ไหวจำต้องแอบมาเตรียมตัวเซอร์ไพรส์ชายหนุ่มถึงที่บ้านหญิงสาวพาร่างโปร่งบางด้วยความสูง 175 เซนติเมตร อวบอัดไปด้วยสัดส่วนอก เอวและสะโพก 36-24-36 บวกด้วยผิวสีน้ำผึ้งอ่อนจางที่สาวๆ หลายคนมองแล้วก็ต้องอิจฉา ส่วนหนุ่มๆ ไม่ต้องพูดถึงเพราะเหลียวหลังมองจนคอแทบจะเคล็ดเลยก็ยังมี ก้าวเดินอย่างมั่นใจเข้าไปในบ้านพักหลังใหญ่เหมือนกับว่าเธอเป็นเจ้าของ ด้วยกุญแจพวงใหญ่ที่คุณแม่ของภามมอบให้ แต่เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปเท่านั้นเองไอเย็นที่แผ่กระจายมาหนาวจนจับหัวใจให้สงสัยครามครัน แต่คงจะไม่เท่ากลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นดอกไม้ที่ลอยมา‘หรือว่าพี่ภามกลับมาแล้ว...แต่ตามกำหนดการภามจะเดินทางกลับจากสวิสมาถึงบ้านในช่วงเย็นของวันนี่นา แต่นี่มันเป็นเพียงแค่บ่ายเองนะ’นันทิยาได้แต่แปลกใจ แม้บ้านหลังนี้จะไม่ได้มีเพียงแค่ภามคนเดียว ยังมีรสรินอีกคน แต่น้องรสก็
“คะ” งุนงงเหมือนกับถูกค้อนปอนด์ทุบศีรษะ เหลือบสายตามองนาฬิกาที่ผนังห้องด้านหนึ่งซึ่งซุกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงออกจากห้องทำงานไปก็ตั้งแต่ก่อนจะเที่ยงวัน นี่ก็บ่ายสองครึ่งแล้ว ยังไม่ได้กินอะไร แล้วหายไปทำอะไรมาล่ะ แล้วอีกอย่างเธอไม่ใช่ร้านอาหารนะเฟ้ยที่จะเรียกหาอาหารได้ทันใจน่ะ แต่นั่นแหละ ยังไงก็ต้องยอมแพ้อีตาเจ้านายหุ่นสูงชะลูดนี่อยู่ดี“มีแซนด์วิชอยู่ชิ้นครึ่งจะเอาไหมคะ” ถามประชดนะ เพราะชิ้นหนึ่งนะเธอกินไปแล้วครึ่งหนึ่ง อีกชิ้นก็จะเก็บไว้รองท้องตอนที่ถูกอีกฝ่ายบังคับให้อยู่ทำงานด้วยจนค่ำ“ก็ดี ขอกาแฟแก้วหนึ่งด้วยนะ” สั่งเสร็จคนสั่งก็หลับตาไปเสียงั้นแหละ ปล่อยให้คนถูกสั่งอ้าปากค้างด้วยความมึนงง“อะไรของเขานี่” มือเล็กเรียวยกขึ้นเกาศีรษะเบาๆ และเดินออกไปจากห้องเพื่อจัดการในสิ่งที่คุณเจ้านายผู้แสนจะเอาแต่ใจต้องการมาบริการให้ถึงที่ จมูกโด่งยู่ย่นเล็กน้อยพร้อมกับบ่นพึมพำไปตลอดทางโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพียงแค่ร่างเธอลับไปรัฐภาสก็ลืมตาขึ้นทันควันพร้อมด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยที่มันแต่งแต้มขึ้นบนวงหน้าและดวงตา“ว่าไงคะพี่นนท์ ไม่คิดจะง้อน้องรสใช่ไหม” สองมือเล็กสอดไขว้ระหว่างอก ใบหน้าส
ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นกดซับน้ำตาที่มันยังเอ่อไหลอาบสองแก้มไม่ยอมหยุด แม้จะเจ็บแต่ก็มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนวงหน้าได้บ้าง แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในวันนี้ที่สว่างสดใสผิดแผกกับใจเธอที่ยังไงมันก็หมองหม่นและหดหู่เป็นที่สุด“เปล่าหรอก แค่คิดถึง”“ไม่จริง น้ำเสียงแกไม่ได้บอกอย่างนั้น หรือแกไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้ว ถึงได้ไม่ยอมบอกให้ฉันรู้ว่าแกเป็นอะไร...”“เปล่านะก้อย ฉันก็แค่...” ขบกัดริมฝีปาก ร่ำ ๆ อยากจะบอกรวิกานต์ไป แต่มันก็ยังอายเกินไป“เอาเถอะ ในเมื่อตอนนี้แกไม่อยากจะบอกก็ไม่เป็นไร เอาไว้แกสบายใจเมื่อไหร่ค่อยบอกมาก็ได้” ไม่อยากกดดันนันทิยาไปมากกว่านี้“นี่ถ้าหากแกเหนื่อยมากนักมาพักกับฉันสักระยะหนึ่งไหมไทนี่ อืม...แต่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเราหนีไปเที่ยวกันสองคนดีไหม คลายเครียดคลายเหงาแถมได้เปิดหูเปิดตาดีไหม”“แล้วเจ้านายแกไม่ว่าหรือไง” เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งเหมือนกัน ถ้าอยู่ใกล้หัวใจมันก็คอยแต่จะหวั่นไหวและเจ็บปวดไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ภามทำ อยู่ไกลคงพอให้ทำใจได้บ้าง เก็บรวบรวมพละกำลังทั้งกายและใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ไม่ต้องไปสนใจคนใจร้ายใจดำนั่น ทุกอย่างจะได้ดีขึ้น“โอ๊ย!!” รวิ
ดวงตากลมโตมองการแต่งกายของรวิกานต์ที่ไม่เคยจะเปลี่ยนไปจากตอนที่เรียนหนังสือ เสื้อผ้าสีซีดๆ พื้นด้วย ตัวกระโปรงยาวเลยเข่าถ้าสามารถยาวถึงข้อเท้าได้ยิ่งเป็นการดี ตัวเสื้อก็จะต้องเป็นแบบยาวเลยสะโพกที่สามารถใส่ไว้ในตัวกระโปรงได้โดยไม่หลุดออก แขนยาวถึงข้อมือ ติดกระดุมจนเกือบถึงคอ ถ้าจะถึงลูกกระเดือกได้เป็นยิ่งดี ใบหน้าเรียวสวยรูปไข่ ปากจมูกตารับกันหมดแต่กลับปกปิดดวงตาไว้ภายใต้แว่นตาคันโต ผมถ้าไม่มัดด้วยยางก็จะขมวดๆ มุ่นไว้กลางศีรษะ เสียบด้วยอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้มือ“มีก็แล้วกันน่า”นันทิยาหัวเราะคิกกับอาการไม่ถ่อมตัวของเพื่อน “เออ...ขอให้ทำงานให้สนุกก็แล้วกัน เป็นนักบัญชีดี ๆ ไม่ชอบ ไปเป็นเลขา แกรู้ไหมว่างานหนักนะ” ไม่ได้ขู่แต่งานเลขาที่เธอทำกับภามนั้นหนักจริง ๆ บางครั้งแทบจะไม่ได้หลับได้นอนด้วยถูกอีกฝ่ายเรียกใช้จนแทบไม่ได้เงยหน้า ข้าวปลาแทบไม่ได้แตะ หน้าตาไม่ได้ผัดแม้กระทั่งแป้งฝุ่น“ก็ไม่ได้อยากไปนี่นา แต่ถูกอีตาคุณเจ้านายสั่งน่ะ ตอนแรกก็ไม่ยอมนะ แต่พอบอกว่าได้เงินเพิ่มก็เริ่มตาโตละ ตามต่อท้ายอีกนิดด้วยมีรถรับส่งฟรี”“อื้ออือ...จริงหรือก้อย ตำแหน่งเลขาบริษัทแกมีการรับส่งด้วยเหรอ ทุ่มทุนมาก
“อ๊ะ...เจ้านาย ไม่นะคะ” รวิกานต์ร้องห้ามน้ำเสียงสั่นพร่า แต่มีหรือที่รัฐภาสจะฟัง ชายหนุ่มกดฝังปลายจมูกโด่งไปบนกึ่งกลางทรวง ค่อยเดินทางขึ้นไปบนภูเขาลูกน้อยทีละนิดจนได้พบกับยอดเขาที่มันแข็งตัวชูชันพร้อมให้เขาเก็บผลไม้รสหวานเข้าปาก“อืม...เนื้อตัวคุณนี่หวานจริง ๆ ก้อย” ชายหนุ่มร้องครางในลำคอ ฝ่ามือใหญ่กอบกุมเคล้นคลึงทรวงอกอวบอีกข้างอย่างไม่ให้มันน้อยใจว่าถูกหมางเมิน เมื่อดูดเม้มกัดกินผลไม้รสหวานจนเปียกชื้นริมฝีปากหนาจึงสลับสับเปลี่ยนย้ายไปกัดกินผลไม้รสหวานนุ่มอีกข้างอย่างตะกรุมตะกรามมือใหญ่ลูบไล้ปลีน่องเรียวกลมกลึง สอดแทรกไปอย่างเชื่องช้าจนได้พบกับจุดอับลี้ลับที่ยังมีจีสติงสีเดียวกับตัวชุดนอนปกปิดอยู่ แต่มันก็เท่านั้นแหละ เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะขวางมือเพชฌฆาตของรัฐภาสได้เลย ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวเหมือนกับเพลิงไฟค่อยๆ กดคลึงเคล้นโหนกเนื้อนูนเด่นแผ่วเบา สร้างความเสียวซ่านปั่นป่วนใจให้กับรวิกานต์จนหญิงสาวถึงกับร้องครางไม่เป็นประสากายแกร่งถึงกับสำแดงฤทธิ์เดชดุนดันกางเกง แต่รัฐภาสจำต้องสะกดกลั้นมันเอาไว้ก่อน ไม่ได้เดี๋ยวไก่น้อยตื่นจะอดกินอย่างอิ่มหมีพีมันไปเสียเปล่า ๆ มือใหญ่เคลื่อนออกจับสองขาเร
มือใหญ่วางทาบบนมือเล็กให้หยิบสายไฟไปเสียบจนเรียบร้อย พร้อมจับรั้งร่างโปร่งบางให้หันมาเผชิญหน้าด้วย ซึ่งตอนนี้คนที่เหมือนจะเพิ่งตื่นจากนอนเริ่มที่จะหายจากอาการสะลึมสะลือ เลยรับรู้ถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับหัวใจตัวเองได้ แต่เพราะยังตกอยู่ในอ้อมแขนใหญ่จึงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรให้หลุดรอดจากความอบอุ่นที่โอบล้อมทางร่างกายที่วิ่งลิ่วไปถึงหัวใจให้อ่อนระทวยเหมือนกับน้ำที่ถูกต้มจนเดือดได้อย่างไรดี“คิดจะยั่วผมหรือก้อย” ฝ่ามือใหญ่ร้อนผ่าวถูไถลำแขนกลมกลึง ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงน้อย ๆ แทบจะชิดใบหน้าเรียวรูปไข่ยามที่เอ่ยถาม“คะ?” รวิกานต์ตอบกลับเสียงสูงอย่างงุนงงยั่ว...เธอไปยั่วอะไรอีตาเจ้านายขี้ตู่นี่กันล่ะเนี่ย มีแต่ตัวเองนั่นแหละที่ชอบเอาเปรียบเขาอยู่เรื่อยเลย นี่ไงเห็นไหมมากอดมาลูบอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าทำให้หัวใจคนอื่นเขามันเอนเอียงไปให้ตัวเองจนแทบจะถอนไม่ทันแล้วนะ“ก็...ตรงนี้ไง ยาหยี...”ริมฝีปากหนาร้อนประทับเหนือดวงตากลมโตเล็กน้อย มือใหญ่เคลื่อนไหวเหมือนกับใบไม้ที่มันปลิดปลิวหลุดออกจากต้น ดึงเอาสาบเสื้อคลุมชุดนอนออกจากกัน ก่อนจะทาบฝ่ามือร้อนระอุเหมือนกับเปลวเพลิงบนสองก้อนเนื้อที่ไม่ได้
ก็โต๊ะทำงานรัฐภาสนะเธอต้องเก็บจัดให้แฟ้มงานและทุก ๆ อย่างเข้าที่เข้าทางทุกเช้า เที่ยงและก่อนกลับบ้าน แต่ไม่ถึงสองชั่วโมงมันก็กลับมารกเหมือนเดิม แล้วถ้าไม่ทำให้พ่อเจ้าประคุณก็จะหาของไม่เจอ แล้วก็ใช้เธอมาหาพร้อมกับต่อว่าและชอบที่จะเอามือไม้มาแตะต้องตัวเธอให้สะดุ้งเล่นอันนี้ไม่รู้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพราะพอใกล้ชิดแตะเนื้อต้องตัวกันทีไรก็จะมีคำขอโทษตามมาเสียทุกครั้งไป จากตอนแรกที่คิดว่าอีกฝ่ายคิดทำมิดีมิร้ายด้วย เลยคิดแค่เพียงว่าคงจะเผลอจริงๆ นั่นแหละ จะมีช่วงหลัง ๆ นี่แหละที่เธอเริ่มรู้สึกหนักใจกับท่าทางแปลก ๆ ของคุณเจ้านายสุดหล่อว่ามันชักจะยังไง ๆ กับเธอหรือเปล่าก็จะไม่ให้คิดไงล่ะ พ่อเจ้าประคุณสุดหล่อน่ะชอบจะเอามือมาแตะแขนมั่ง จูงมือมั่ง หนัก ๆ เข้าก็เอาจมูกมาเฉียดแก้มนวลของเธอมั่ง สุดท้ายก็อาทิตย์ก่อนนี้แหละที่มันยิ่งแปลกเสียจนเธอต้องเก็บไปคิด เล่นเอามึนจนทำงานผิดพลาดแล้วยังจะถูกดุแกมปลอบไปหลายคำ แล้วมันก็ยัง...รวิกานต์ดุตัวเองเบา ๆ รัฐภาสคงไม่คิดอะไรกับเธอหรอก มันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์พาไปเท่านั้นเองแหละ มีแต่เธอนี่แหละที่บ้าเก็บเอาไปคิดจนนอนไม่หลับ ตื่นสายเลยถูกคุณเจ้านายขี้เก๊
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณคงไม่เชื่อ ฉันถึงอยากให้คุณดูภาพพวกนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ” รสรินบอกเสียงสั่นไม่ใช่จะร้อง แต่เพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับรสริน มันก็จะได้หน้าหงายกลับไปน่ะสิ...มือเล็กจัดการเปิดเครื่องสื่อสารเล็กจิ๋วที่เพิ่งจะถ่ายรูปพี่ชายกับผู้หญิงคนอื่นที่เธอกะว่าจะเอาไว้ช่วยเหลือนันทิยาไปอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเคยทำเล่น ๆ เมื่อตอนเรียนแล้วไม่คิดว่ามันจะได้ผล ทำให้ผู้หญิงคนแรกที่ชานนท์มีความสัมพันธ์ด้วยหนีหายไปจากข้างกายชายหนุ่มไม่ทันจะข้ามวัน เลยมีการศึกษาเรียนรู้ จนถึงตอนนี้มีความช่ำชองสามารถตัดตกแต่งรูปภาพได้อย่างแนบเนียนชนิดที่ว่าหาตัวจับได้ยากคนหนึ่งเลยทีเดียว“เอาอะไรให้น้อยหน่าดูน่ะน้องรส” ชานนท์อดที่จะถามไม่ได้ คงต้องหาทางแอบดูโทรศัพท์รสรินบ้างละเวลาที่หญิงสาวเผลอนี่พี่สาวเขาก็คงจะใช้แผนการเดียวกันในการผลักไสผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการแล้วออกไปจากชีวิตใช่ไหมนี่ โหย...น่ากลัวจริง ๆ เลย“ว้าย! ไม่จริง!”น้อยหน่ายังไม่อยากเชื่อเต็มร้อยกับภาพที่รสรินส่งให้ดู ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพชายกับชายที่กำลังมีความสัมพันธ์กันอย่างสนิทชิดเชื้อ น่าสะอิดสะ
“พี่นนท์ทำไม...หล่อนจะพูดอะไรก็พูดมาเร็ว ๆ ซิยะ อ้ำอึ้งอยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด”“ถ้าฉันบอกไปคุณจะรับได้ ไม่โกรธพี่นนท์แล้วก็จะยังอยู่กับพี่นนท์ใช่ไหมคะ”รสรินถามกลับพร้อมจ้องตาอีกฝ่ายอย่างขอความมั่นใจว่า เมื่อพูดไปแล้วอีกฝ่ายจะต้องทิ้งชานนท์ไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาแลอีกเลยชานนท์ปลดมือเล็กเรียวของน้อยหน่าที่เขาเองยังจำไม่ได้เลยว่าเจอและมีอะไรกันตอนไหนออกจากกาย แล้วเดินไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับหน้าต่างห้อง ทำยังไงก็ได้ให้พ้นรัศมีฝ่ามืออรหันต์ที่เขาคิดว่าจะต้องได้เจอแน่นอนหลังจากที่รสรินพูดจบ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดวงตาจับจ้องรสรินด้วยอยากรู้ว่าหญิงสาวจะพูดอะไรกันแน่“ก็ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่โกรธและจะไม่ทิ้งพี่นนท์ไปฉันก็จะบอก”แน่ะ...รสรินยังคงเล่นลิ้นทำให้อีกฝ่ายอยากรู้มากยิ่งขึ้น จนได้เห็นว่าน้อยหน่าพยักหน้ารับก็ผ่อนลมหายใจออกจากปอดอีกครั้ง ก่อนจะสูดเข้าไปเต็ม ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มกระจ่างสดใส“ดีจังเลยค่ะ น้องรสจะได้บอกให้คุณน้อยหน่ารู้โดยไม่รู้สึกผิด เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...ความจริงพี่นนท์น่ะค่ะชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“น้องรส!” ฉิบหายแล้วตรู...ชานนท์ถึงกับครางในลำคอเมื่อได้ยินคำพูดจ
“เหรอ...” ภามตอบกลับและหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเปล่งออกมาดังลั่นห้องเหมือนกับได้เจอเรื่องสนุก ๆ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เมื่อก่อนตอนที่นันทิยาพยายามไล่จับเขารู้สึกรำคาญ แต่ตอนนี้พอหญิงสาวเปลี่ยนใจเป็นถอยหนี มันเป็นการยั่วยุให้เขาอยากที่จะเข้าใกล้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแต้มบนใบหน้าคมคร้าม สายตาคมกริบกวาดมองทั่วกายโปร่งบางอย่างมีความหมาย “สายไปเสียแล้วละไทนี่ ถ้าคิดว่าจะมายั่วให้อยากแล้วจากไปนะ เตรียมตัวไว้ได้เลยไทนี่จ๋า...ไม่คืนนี้ก็คืนพรุ่งนี้ฉันจะต้องได้เธอมาบำเรอความสุขบนเตียง เราจะมีความสุขกันสักเดือน...สองเดือน หรือว่าจะสามเดือนดีจ๊ะไทนี่จ๋า”นันทิยาหวีดร้องและขยับหนีเมื่อเห็นร่างหนาใหญ่ขยับเหมือนจะมุ่งตรงมาหา แต่ภามกลับเดินหัวเราะออกไปจากห้อง แต่ก็ไม่วายที่จะทิ้งสายตาโลมเลียระคนเร่าร้อนไว้ให้ ประตูห้องทำงานปิดลงพร้อมกับกายโปร่งบางที่มันทรุดลงกองกับพื้นกำมะหยี่นุ่ม ๆ อย่างหมดแรง แพสายน้ำตาไหลอาบสองแก้ม พร้อมเสียงสะอื้นฮักที่มันมิอาจหยุดยั้งเอาไว้เธอควรจะรู้ตัวได้เสียที่นะไทนี่ สำหรับภามเธอเป็นได้แค่ไหน“พี่นนท์คิดว่าพี่ภามจะทำอะไรพี่ไทนี่หรือเปล่าคะ” รสรินที่เดินตามชานนท์ไปยังห