หลังจากที่เธอเสนอเงินนั้น ทุกคนได้แต่มองเธออย่างตกใจเมเรดิธโกรธมากจนแทบจะฉีกป้ายประมูลเป็นชิ้น ๆ ผู้หญิงคนนี้จงใจที่จะเป็นปริปักษ์กับเธองั้นหรือ?หล่อนคิดว่าเธอเป็นใคร? หล่อนกล้าดียังไงมาต่อสู้กับเธอ?!เมเรดิธยอมให้ทำเช่นนี้ได้อย่างไร? เธอยกป้ายประกาศอีกครั้งทุกคนคิดว่าเมเรดิธจะเพิ่มเงินสองถึงสามล้าน แต่เธอเพิ่มเพียง 500,000 ดอลลาร์เท่านั้นทันทีที่เธอพูดจบ มาเดลีนก็พูดสวนกลับอย่างเมินเฉย “20 ล้าน”“ว้าว…”ทุกคนต่างร้องอุทานเมเรดิธไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอระงับไฟแห่งความโกรธแค้นในตัวเธอและจ้องมองมาเดลีน จากนั้นเธอก็ฝืนยิ้มที่ไร้เดียงสาและอ่อนโยน“คุณผู้หญิง คุณถูกอีกฝ่ายจ้างให้มาที่นี่เพื่อจงใจขึ้นราคาร้านหรือเปล่า? ใคร ๆ ก็รู้ว่าคู่หมั้นของฉันกำลังจะซื้อร้านนี้ให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิด มันอาจเป็นไปได้ว่าที่ว่าคุณชอบที่จะขโมยของจากคนอื่นจริงไหม?”“ขโมยของจากคนอื่น? คุณครอว์ฟอร์ด เป็นสิ่งที่คุณถนัดไม่ใช่หรือไงกัน?”ใบหน้าของเมเรดิธเริ่มตึง “อะ อะไรคุณพูดถึงอะไรกัน?”“ไม่มีอะไรนิ” มาเดลีนแสยะยิ้มอย่างชื่นบาน “ฉันก็แค่อยากถามคุณ คุณครอว์ฟอร์ด ว่าชื่อของคุณอยู่บนร้านหรือเปล่
‘ขอบคุณ’คำที่เธอเปล่งออกมาเบา ๆ ก้องอยู่ในหูของเขา แต่ว่า มันกลับวิ่งเข้าสู่หัวใจของเจเรมี่เป็นอย่างมากทันทีที่เจเรมี่เห็นใบหน้าที่สวยงามตรงหน้าเขา เขารู้สึกราวกับว่าเขากลายเป็นประติมากรรม ในเสี้ยววินาทีนั้น เขาสูญเสียวิญญาณและสติสัไปทั้งหมดเขารู้สึกด้วยซ้ำว่านี่เขาอาจกำลังฝันอยู่ใบหน้าสวยตรงหน้าจ้องเขม็งมันเจ็บปวดมาก!‘แมดดี้!’เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองจากการกรีดร้องชื่อของเธอในใจได้หัวใจของเขาที่เคยตกอยู่ในห้วงนิทราในช่วงสามปีที่ผ่านมากลับตื่นขึ้นอย่างกะทันหันมาเดลีนยิ้มเบา ๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจเรมี่‘คุณแปลกใจไหม เจเรมี่?‘อดีตภรรยาที่คุณดูถูกมาตลอดยังไม่ตาย‘อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ใช่ มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด ที่รักคุณมากจนละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง ความรักตัวเอง และแม้แต่ตัวเธอเองทั้งหมดไม่ว่าอะไรก็ช่าง’“ฉันต้องขออภัย คุณวิทแมน ฉันยังมีบางอย่างที่ต้องดูแล ดังนั้นฉันจะต้องขอตัวกลับแล้วตอนนี้”มาเดลีนหดมือและเดินผ่านเจเรมี่อย่างสง่างามคงไว้ซึ้งความใจเย็นเมื่อสัมผัสที่อบอุ่นถูกดึงออกจากมือของเขา เจเรมี่กระตุกหนึ่งครั้งก่อนกลับสู่ความรู้สึกของเขากลิ่นหอมแปลกพิเศษบุกเข้า
ทันทีที่เขาได้ยินน้ำเสียงของมาเดลีน ใบหน้าของเจเรมี่เริ่มแสดงออกอย่างเย็นชาเขาเม้มริมฝีปากบางของตัวเองเข้าหากันแน่นและคว้าคางของมาเดลีนมาทันทีมาเดลีนคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้ แต่ทว่า เธอสามารถหลบหลีกมันได้อย่างรวดเร็ว “คุณวิทแมน คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้ว โปรดเคารพและให้เกียรติตัวเองบ้าง” เธอเตือนสติเขาอย่าไรก็ตาม ใบหน้าของเจเรมี่ยังคงเย็นชาขณะที่เขาจ้องมองมาเดลีน “คุณบอกว่าไม่ใช่เธอ แต่คุณมีความกล้ามากพอที่จะเปิดหน้าอกด้านบริเวณซ้ายให้ผมเห็นหรือปล่าวล่ะ?”เขาไม่มีวันลืมไฝบนหน้าอกด้ายซ้ายของมาเดลีน มันชัดเจนเเละโดดเด่นมากกับผิวที่เนียนและเรียบของเธอหลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น ใบหน้าของมาเดลีนได้ตึงขึ้นทันที“คุณวิทแมน คุณกำลังล้อฉันเล่นหรือไง? คุณคิดว่าฉันจะให้คุณเห็นส่วนนั้นของร่างกายฉันไหม? กรุณาปล่อยฉัน”เขาจ้องดวงตาคู่สวยตรงหน้า “เธอรู้สึกผิดงั้นหรอ? หรือนั่นคือสาเหตุที่ไม่เปิดให้ผมดู? มาเดลีน ทำไมเธอถึงยังไม่ตาย?”“ทำไมเธอไม่กลับมาหาผมถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่และไม่เป็นอะไร?”‘ทำไมฉันยังไม่ตายนะ?‘ฉันเป็นอุปสรรคในชีวิตของนายเพียงเพราะฉันยังมีชีวิตอยู่งั้นหรอ? นายต้องการให้
หลังจากที่เจเรมี่ได้ยินดังนั้น เขาชะงักมือที่กำลังจะเปิดเอกสาร “ออกไปได้แล้ว”เคนเดินออกมาไม่ได้ถามอะไรต่อเจเรมี่เปิดดูเอกสารอย่างเร็ว ๆ ข้อมูลที่ได้มาเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปวีล่า ควินน์ มาจากเมืองเอฟ เธอเติบโตในเมืองเอฟและไม่เคยเดินทางมาที่เกลนเดลมาก่อน เธอเรียนจบคณะจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยและสนใจเรื่องต่าง ๆ มากมาย แทบจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าสังคมเพื่อนฝูงของเธอเลยแต่ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะเริ่มมีเพื่อนชายคนสนิทแฟนของเธอเจเรมี่รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ เขายังจำครั้งแรกที่เจอเธอที่เคเอฟซีได้ เธอสวมแหวนบนนิ้วนางข้างซ้าย เธอหมั้นแล้วอย่างงั้นเหรอ?เจเรมี่จุดบุหรี่และควันสีขาวพ่นออกจากปากของเขา ควันที่ปกคลุมความรู้สึกของเขา ในขณะที่จ้องรูปภาพอยู่นั้น จิตใจของเขาก็ล่องลอยออกไปไม่นานนัก เจเรมี่ก็ดึงสติกลับมาและจดจ่อในเรื่องของเอวาแทนก่อนนั้น เอวาคือคนที่นำร่างของมาเดลีนมาที่สถานที่เก็บศพ ตอนที่เขาไปถึงที่นั่น เธอคือคนที่เดินออกมาพร้อมโกศเขาไม่เคยคิดสงสัยเลยว่านั่นใช่อัฐิของมาเดลีนจริงหรือเปล่า จะอย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้…เจเรมี่ไปที่ทำงานของเอวาและติดตามเธอตลอดทั้งวัน เขายังจ้า
เจเรมี่เริ่มชินกับการเจอมาเดลีนในรูปแบบนี้ เขาเลิกคิ้ว จ้องมองใบหน้าไร้ที่ติราวกับภาพวาดของมาเดลีนอย่างจริงจังเขายังจำได้ดีว่าเธอเคยมีรอยแผลบาดลึกบนใบหน้าด้านขวาของเธอ รอยแผลนั้นไม่เคยหายไปจนกระทั่งวันสุดท้ายที่เธอหยุดหายใจ หากใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ที่ส่งยิ้มมาอย่างไร้ที่ติ ผิวของเธอดูนุ่มลื่นไปหมด พูดง่าย ๆ ก็คือ เธองดงามเหลือเกิน“คุณวีล่า ดูเหมือนโชคชะตาจะพาให้เรามาเจอกันบ่อย ๆ นะครับ” เจเรมี่พูดด้วยท่าทีสบาย ๆมาเดลีนจ้องมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอพร้อมกับส่งยิ้มสดใส “ดูเหมือนว่าวันนี้คุณวิทแมนจะมีสติครบถ้วนดีนะคะ คุณไม่จำฉันผิดเป็นภรรยาที่ตายไปแล้วของคุณ”เจเรมี่ขมวดคิ้ว ไม่ค่อยพอใจสิ่งที่ได้ยินนักกระนั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมากลับส่งยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ผมหวังว่าผมจะได้รับเกียรติเลี้ยงข้าวเย็นคุณสักมื้อ?”มาเดลีนขมวดคิ้ว “อาหารเย็นคงจะไม่ได้ แต่ถ้าเป็นอาหารกลางวันนี้ฉันว่างค่ะ”เจเรมี่มีความสุขมากที่มาเดลีนยอมตกลงแต่กระนั้น ความสุขก็อยู่ได้เพียงชั่วครู่หัวใจของเขาเริ่มเจ็บปวดจู่ ๆ เขาก็นึกถึงมาเดลีนเขานึกย้อนไปถึงวันที่พวกเขาแต่งงานกัน เธอจัดเตรียมอาห
เมื่อเมเรดิธมาถึงที่ร้าน เธอเจอเจเรมี่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างในทันที แม้จะเห็นแค่เพียงด้านหลัง แต่เมเรดิธก็ไม่มีทางจำเขาผิดกับใครแน่นอนแต่อย่างไรก็ตาม เมเรดิธไม่เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเจเรมี่ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็นึกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะไปเข้าห้องน้ำอยู่ เธอไม่เสียเวลาหยุดทักทายเจเรมี่แต่กลับตรงไปที่ห้องน้ำในทันทีมองสำรวจไปรอบ ๆ แต่เธอก็ไม่เจอผู้หญิงคนไหนใส่ชุดเดียวกับผู้หญิงที่อยู่ในภาพที่เธอได้รับมาเลยเมเรดิธได้แต่สบถในใจเธอจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองให้เข้าที่แล้วพยามฝืนยิ้มให้มากที่สุดเพื่อที่จะออกไปหาเจเรมี่ แต่เมื่อเธอเดินไปที่โต๊ะเจเรมี่ก็ได้หายไปแล้วเช่นกันเธอรีบลงลิฟต์ไปแต่ก็เจอแค่ท้ายรถสปอร์ตสีขาวของเจเรมี่ที่ขับออกไปต่อหน้าเธอ และอีกฝั่งก็มีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ในรถด้วยเมเรดิธกัดฟันด้วยความโกรธ เธอรีบกดโทรศัพท์หาเจเรมี่ในทันที แต่เขาไม่รับสายในคืนนั้น ขณะที่มาเดลีนกำลังนั่งออกแบบเครื่องประดับตัวใหม่อย่างจริงจังบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอ พลันเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาเธอที่ด้านข้าง เด็กน้อยปีนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเธอ ราวกับลูกแมวน้อยที
เมเรดิธรู้สึกว่าเธอกำลังตเจอเรื่องแย่ ๆ เธอจึงแกล้งทำเป็นข้อเท้าแพลง เธอตั้งใจสร้างเรื่องใหญ่โตจากการที่เธอได้รับบาดเจ็บให้เจเรมี่ฟัง เพื่อที่จะหลอกล่อให้เขามาเยี่ยมเธอที่บ้านตระกูลมอนต์โกเมอรีห้องที่ใหญ่โตกว้างขว้างตกแต่งอย่างหรูหรา และสวยงาม แม้กระทั่งห้องน้ำก็ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสุขภัณฑ์ที่ดีและหรูหรา แน่นอนว่าเมเรดิธเพลิดเพลินไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่แท้จริงแล้วควรจะเป็นของมาเดลีน เธอไม่เคยรู้สึกสำนึกผิดเลย และการตายของบริทนีย์ก็เช่นกัน มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองที่เธอจัดการมันสำเร็จได้อย่างเด็ดขาด มีแค่ผู้หญิงที่ฉลาดและรับมือได้ในทุกสถานการณ์อย่างเธอเท่านั้นแหละที่คู่ควรกับใช้ชีวิตอย่างคนชนชั้นสูงเช่นนี้มาเดลีนกับบริทนีย์ไม่คู่ควรต่อการเป็นศัตรูของเธอแต่แล้ว เธอก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ วีล่า ควินน์ ผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนั้นในขณะที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เมเรดิธก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเจเรมี่ เธอรีบล้มตัวลงนอนราวกับคนป่วยที่แสนอ่อนแอ พร้อมกับทำตาน่าสงสาร “เจเรมี่ คุณมาเยี่ยมฉันแล้ว”เจเรมี่มองไปที่ขาขวาที่ถูกพันผ้าไว้ของเธอ “คุณเป็นยังไงบ้าง?”“
เมื่อเมเรดิธได้ยินเสียง ดวงตาของเธอลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ สามปีที่ผ่านมานี้ เธอไม่มีความสุขนักกับการที่เจเรมี่ปฎิบัติกับเธออย่างเย็นชา และตอนนี้ก็มีผู้หญิงเข้ามาแย่งความสนใจของเจเรมี่ไปจากเธออีก มันยิ่งทำให้เธอร้อนรุ่มไปด้วยความโกรธ แต่อย่าไรก็ตาม ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เคเอฟซีเมื่อคราวก่อน เมเรดิธจึงพยายามอย่างมากในการควบคุมอารมณ์โกรธของเธอ เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “เธอคงจะเป็นวีล่าผู้หญิงที่ช่วงนี้เข้ามาสนิทสนมกับคู่หมั้นของฉันสินะ” เธอพูดพร้อมกับหันหลังกลับ แต่แล้ว ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบประโยค สายตาเธอมองขึ้นไปเจอใบหน้าที่สวยงามและยิ้มแย้มของมาเดลีนนั้นก็ทำให้เธอตัวแข็งทื่อดวงตาของเธอเบิกกว้างเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้า“เป็นไป ดะ ได้ยังไง มาเดลีน?!” เมเรดิธพูดไม่ออกขณะที่เธอถอยหลังไป “เป็นไปได้ยังไง…”เธอปฏิเสธที่จะเชื่อกับตัวเองในใจ‘มันจะเป็นไปได้ยังไง?!’‘ยัยผู้หญิงตาบอดแพศยานั่นกลายเป็นเถ้าถ่านไปตั้งนานแล้วนี่ แล้วทำไมเธอถึงมาโผล่ตรงหน้าฉันได้อีก!’‘มันเป็นไปไม่ได้!’มาเดลีนยิ้มในขณะที่เธอจ้องมองสีหน้าของเมเรดิธที่เปลี่ยนไปด้วยความสับสน
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ