มาเดลีนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?”เฟลิเป้มองไปที่เธอ อย่างไม่พอใจ จากนั้น เขาแยกริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะหยุดตัวเองไม่ให้พูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด“ไม่มีอะไร ผมแค่คิดว่ามันน่าเสียดายมาก”น่าเสียดาย?มาเดลีนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เธอไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมบางคำจะพูดได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาอาจคิดว่าเธอน่ารำคาญถ้าเธอเอาแต่ถามโน่นนี่ในที่สุด เธอได้เปิดประตูและเชิญเฟลิเป้เข้ามา“ผมได้ยินข่าวเกี่ยวกับบริทนีย์ ผมเชื่อว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ คุณไม่ใช่คนที่โหดร้ายและเลือดเย็นขนาดนั้น”มาเดลีนรู้สึกประทับใจที่เฟลิเป้ไว้วางใจเธอเสมอมา เขาจิบชาอุ่น ๆ และมองใบหน้าซีดเซียวของมาเดลีน“ผมจะเก็บจดหมายลาออกของคุณไว้ คุณสามารถกลับไปทำงานได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ”“ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจและความเมตตา คุณวิทแมน แต่อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าฉันไม่มีโอกาสกลับไปอีกแล้ว” มาเดลีนยิ้มอย่างขมขื่น“คุณสามารถกลับมาได้ตลอดเวลาตราบเท่าที่คุณต้องการ” คำตอบของเฟลิเป้นั้นอ่อนโยน เช่นเดียวกับรอยยิ้มอันหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาแม้ว่าเขาจะดูเย็นชาและสง่างาม แต่เมื่อเขาอ้าปากพู
มาเดลีนนิ่งเงียบและพึมพำกับตัวเองอย่างไม่ขัดขืนเธอมีเวลาเหลืออย่างน้อยหนึ่งเดือนหนึ่งเดือนเพียงพอที่เธอจะรวบรวมและเอาหลักฐานที่มีไปแจ้งตำรวจกับหลักฐานที่เมเรดิธเป็นฆาตรกรหลังจากเธอออกจากโรงพยาบาล แดเนียลพาเธอนั่งรถเล่นรอบ ๆ ใจกลางเมืองอย่างไร้จุดหมาย ในตอนท้ายของการเดินทาง รถของเขาหยุดอยู่ข้างรถขายอาหารแดเนียลมองมาเดลีนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและนุ่มนวลบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา “แมดดี้คราวนี้เธอจะทานทาโก้กับซอสพริกกับผมอีกไหม?”มาเดลีนรู้สึกแปลกใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นน้ำตาที่เปล่งประกายในดวงตาของแดเนียล เธอก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างนี่เขารู้แล้วหรือว่าเธอมีเวลาอยู่ไม่มากนัก?มาเดลีนไม่อยากคิดมากเกินไป เธอยิ้มและพยักหน้า “แน่นอน และไม่ใช่แค่ครั้งนี้นะ เราจะยังมีโอกาสอีกหลายครั้งในอนาคต”“จริงหรือ?” แดเนียลมองเธออย่างคาดหวัง“ใช่ จริง ๆ” มาเดลีนตอบอย่างมั่นใจมาเดลีนพร้อมกับแดเนียลขณะที่พวกเขากินทาโก้กับซอสพริกข้างรถขายอหาหารเคลื่อนที่ พวกเขาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตในมหาวิทยาลัยแดเนียลสารภาพว่าเขาตกหลุมรักมาเดลีนตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามหาวิทยาลัย แต่แล้ว เขาก็พบว่าเธอ
มาเดลีนตกใจมากจนใบหน้าของเธอซีดเซียว เธออยากจะวิ่ง แต่ก็ถูกจับได้ทุกครั้งเจเรมี่บีบแก้มและบังคับให้เธอมองเขาเธอยังคงส่ายหัวขณะที่เธอดิ้นรน “ไม่! เจเรมี่ อย่าแตะต้องฉัน! ไปให้พ้น!”“เธอดูมีความสุขมากตอนที่แดเนียลจูบเธอ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกไม่เต็มใจเมื่อผมสัมผัสเธองั้นหรอ?”เมื่อมองไปที่การจ้องมองที่ขัดแย้งและต่อต้านของมาเดลีน ใบหน้าของเจเรมี่ได้บูดบึ้งขณะที่ดวงตาของเขากลับเย็นชา“มาเดลีน ดูใกล้ ๆ ให้ชัด ๆ ผมเป็นสามีของเธอ” เสียงทุ้มและเย้ายวนของเขาดังขึ้นข้างหูของ มาเดลีน ในวินาทีต่อมา เธอรู้สึกว่าเขากัดไหล่ของเธอ“ฉันไม่ต้องการเเบบนี้ เจเรมี่!”เธอรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรกับเธอ และมันทำให้เธอกลัวมากจนกระดูกของเธอสั่นอย่างไรก็ตาม มันเหมือนกับว่าผู้ชายคนนั้นถูกครอบงำไร้ซึ้งสติ เขาฉีกเสื้อผ้าของเธอเป็นชิ้น ๆก่อนที่จะกลืนกินเธออย่างโหดเหี้ยมมาเดลีนหลับไปอย่างสนิท เธอฝันว่าได้กลับไปสู่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตอย่างไรก็ตาม เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ความจริงก็เหมือนฝันร้ายที่ทำให้เธอหายใจไม่ออกเธอเห็นว่าเธอยังถูกขังอยู่และชายคนนั้นก็นอนอยู่ข้าง ๆ เธอ มาเดลีนมองไปที่ดวงจันทร์นอก
เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังอยู่ที่ไหน แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้น กลับเห็นเพียงเมเรดิธที่ยืนสูงอยู่เหนือเธอในขณะที่หล่อนก้มมองลงไปที่เธออย่างดูถูกเหยียดหยาม“เธอตื่นแล้วเหรอ? ฉันคิดว่าเธอตายไปแล้ว มันจะน่าเบื่อมากหากเธอตายไปจริง ๆ”เมเรดิธเยาะเย้ยขณะนั่งยองๆ จากนั้นเธอจับใบหน้าของมาเดลีนและบีบมันแน่นเมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เสียโฉมแต่ยังคงสวย เมเรดิธมีความรู้สึกอิจฉาเริ่มก่อตัวขึ้นจนความอาฆาตพยาบาทเริ่มเติมเต็มในดวงตาของเธอ“มาเดลีน ฉันประเมินแกต่ำไป แม้อยู่ในสภาพนี้แต่ แกยังสามารถยั่วยวนผู้ชายได้!” เธอกดไปที่แผลของมาเดลีนที่เพิ่งเริ่มหาย “เธอหลอกล่อเจเรมี่ได้อย่างไร? กับสายตาที่น่าสมเพชของเธอเนี่ยนะ?”ในที่สุดมาเดลีนก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอได้ยินสิ่งที่เมเรดิธพูดเมเรดิธรู้เรื่องที่เขาใช้เวลาทั้งคืนกับเธอ นอกจากนี้ เมเรดิธยังจินตนาการถึงฉากที่พวกเขาพัวพันกันบนเตียงเธอเย้ยหยันและหัวเราะออกมา เธอหัวเราะอย่างประชดประชันและในขณะเดียวกัน เธอก็หัวเราะในขณะที่รู้สึกยินดีที่หล่อนคิดเช่นนั้น “เป็นบ้าเหรอ? ดูเหมือนว่าเจเรมี่จะไม่ได้รักเธอขนาดนั้น ฮะ? ถ้าเขารักเธอจริง ๆ แล้วทำไมเขาถึงนอนกับผ
เนื่องจากโดนผลของยากล่อมประสาทเล่นงาน มาเดลีนไม่รู้ว่าเธอหมดสติไปนานแค่ไหนแล้วเมเธอฟื้นขึ้นมาในที่สุด แต่เธอกลับรู้สึกชาที่แขน จากนั้นดวงตาของเธอเริ่มแสดงอาการปวดทันทีเธอลืมตาขึ้นช้าๆและเธอรู้สึกว่าการมองเห็นของเธอพร่ามัว มันใกล้จะมืดสนิทแล้วสินะนี่เป็นตอนกลางคืนหรือเปล่า?เมื่อเธอนึกถึงสิ่งสุดท้ายที่เมเรดิธพูดก่อนที่จะหมดสติไป มาเดลีนลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วและไม่สนใจบาดแผลของเธอ มาเดลีนกวาดมือไปตามพื้นอย่างบ้าคลั้งในความมืดภาพถ่าย…รูปลูกของเธอ!มาเดลีนเริ่มค้นหามันในความมืด กระนั้น เธอไม่เห็นอะไรและไม่รู้สึกถึงอะไรเลยเธอหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาจากกระเป๋าเสื้อและกดที่หน้าจออย่างเร่งรีบ แต่ทว่า หน้าจอกลับไม่สว่างขึ้น แบตเตอรี่หมดงั้นหรือ?ในขณะที่เธอครุ่นคิดถึงสิ่งนั้น เธอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ช่างคล้ายคลึงกับไพ่ด้วยปลายนิ้วสัมผัสของเธอ เธอแน่ใจว่านี่เป็นภาพถ่ายที่ถูกเมเรดิธโยนใส่ก่อนที่จะเดินออกไปมาเดลีนหยิบมันขึ้นมาอย่างมีความสุข เธอยกมันขึ้นมาในระดับสายตาแต่เธอไม่เห็นอะไรเลยเธอพยุงร่างที่สั่นเทาของเธอขณะที่เธอยืนขึ้น เธอต้องการหาแสงสว่าง แต่ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอม
หลังจากที่เธอออกจากสถานีตำรวจไป รอยยิ้มในรอบหลายเดือนได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ มาเดลีน ในที่สุดเธอก็สามารถหาหลักฐานมาลงโทษเมเรดิธในความผิดที่หล่อนทำหากพวกเขาพบเลือดของบริทนีย์ที่ต่างหู เมเรดิธเองจะไม่สามารถหาคำแก้ตัวใด ๆ ให้ตัวเองได้มาเดลีนกำลังนับวันรอข้อมูลที่คืบหน้าจากตำรวจ แต่เธอก็ยังไม่ได้รับอะไรเลยหลังจากผ่านไปสองวันเธอไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เธอจึงไปที่สถานีตำรวจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เธอกำลังวิ่งเข้าไปหาเมเรดิธและเจเรมี่ที่ทางเข้าสถานีมาเดลีนมองไม่เห็นว่าพวกเขาเป็นใครจากระยะไกล เธอถือร่มขณะยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน เธอสามารถได้ยินเพียงเสียงของเมเรดิธจากในระยะหนึ่งไมล์เท่านั้น“เจเรมี่ ทำไมมาเดลีนไม่ปล่อยฉันไปสักที? เธอจะมีความสุขก็ต่อเมื่อฉันตายเท่านั้นหรือไงกัน?”หลังจากที่เมเรดิธพูดสิ่งนี้ เธอก็เห็นมาเดลีนยืนอยู่เสียงของเธอฟังดูประหลาดใจ “แมดดี้?”มาเดลีนพยายามลืมตาขึ้น จากนั้นเธอเห็นใบหน้าของเมเรดิธที่เข้ามาใกล้เธออย่างพร่ามัว“แมดดี้ ฉันจะทำยังไงให้เธอปล่อยฉันไป? ทำไมถึงกล่าวหาว่าฉันฆ่าบริทย์? บริทย์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน! ทำไมฉันต้องฆ่าเธอ? เป็นเรื่องปกติที่จะมีเลื
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นในขณะที่มาเดลีนยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นที่เปียกแฉะ มือของเธอคลำไปรอบ ๆ ตัวเธออย่างบ้าคลั่งรถยนต์ที่ขับผ่านเธอไปสาดน้ำใส่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า กระนั้น เธอก็ยังไม่พบร่มของเธอที่ตกได้เจเรมี่กำลังจะสตาร์ทรถ แต่เขาเหลือบมองกระจกมองหลังโดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเมเรดิธสังเกตเห็นสิ่งนี้และทำให้ความสนใจของเจเรมี่เปลี่ยนไปทันที “เจเรมี่ ไปกันเถอะ เราต้องพาแจ็คไปตรวจหน้า”เจเรมี่หันหน้าของเขากลับมา “ไม่ต้องกังวล ไม่มีแผลเป็นบนใบหน้าของแจ็คแน่นอน”“ฉันไม่คิดว่าแมดดี้จะเกลียดชังฉันถึงขนาดนี้ ฉันคิดไม่ถึงว่าพ่อของฉันจะขอให้คนอื่นกรีดใบหน้าของเเมดดี้เพื่อล้างแค้นให้ฉันและแจ็ค” เมเรดิธพูดอย่างไร้เดียงสา“เจเรมี่ คุณคงไม่ตำหนิพ่อของฉัน ใช่ไหม?”“เด็กโง่ ทำไมผมถึงตำหนิพวกเขากัน?” เจเรมี่ยิ้มเขามองกระจกมองหลังอีกครั้ง เขาเห็นมาเดลีนยืนขึ้นหลังจากหาร่มของเธอเจอ จากนั้น เขาเฝ้าดูเธอเดินจากไปตามเส้นทางเดินเท้า เขาเยาะเย้ยด้วยความโกรธ“ผู้หญิงคนนั้นสมควรที่จะถูกทำให้ใบหน้าเสียโฉม ใครขอให้เธอทำสิ่งที่โหดร้ายและน่ารังเกียจพวกนั้นกันล่ะ?”เมเรดิธรู้สึกยินดีเมื่อเห็นความโกรธและความไม่พอ
ใบหน้าของเจเรมี่เย็นชาขึ้น “มาเดลีน ผมขอให้เธอเซ็นเอกสาร”“ฉันจะไม่เซ็นมัน” มาเดลีนพูดออกม าในที่สุดน้ำเสียงของเธอฟังดูสงบอย่างผิดปกติเจเรมี่เห็นมาเดลีนนั่งอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเย็นชาและนิ่งในขณะที่เธอจ้องมองไปทางอื่น เธอไม่ได้มองเข้าไปในตาของเขาเลยสักครั้ง เจเรมี่รู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ “มาเดลีน อย่าพยายามท้าทายความอดทนของผม เธอรู้ดีถึงผลที่จะตามมา”เมื่อเธอต้องเผชิญกับการคุกคามและคำเตือนแบบขู่ของเขา มาเดลีนไม่ได้มีความกลัวใด ๆ เกิดขึ้นบนใบหน้า ตรงกันข้าม เธอกลับยิ้มออกมา“เจเรมี่ ฉันจะบอกเป็นครั้งสุดท้าย ฉันจะไม่เซ็นเอกสารการหย่าใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณอยากแต่งงานกับเมเรดิธใจจะขาด แน่นอน คุณควรรอให้ฉันฟ้องคุณในข้อหาแต่งงานซ้ำซ้อน”“มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด!” เจเรมี่โกรธมาก “ผมจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน เธอเซ็นหรือไม่เซ็น?”“ไม่!” มาเดลีนกล่าวอย่างหนักแน่นใบหน้าของเจเรมี่กลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อเขาเห็นว่ามาเดลีนยังคงแสดงท่าทีหยิ่งผยองและไม่ยอมมองหน้าเขา เขาจึงเดินไปหาเธอและบังคับปากกาไว้ในมือของเธอ จากนั้น เขาจับมือขวาของเธอแน่น“เจเรมี่ จะทำอะไร? ปล่อยฉัน!” มาเดลีนเริ่มดิ้นรน“เธอปฎิเ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ