หลังจากที่เธอออกจากสถานีตำรวจไป รอยยิ้มในรอบหลายเดือนได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ มาเดลีน ในที่สุดเธอก็สามารถหาหลักฐานมาลงโทษเมเรดิธในความผิดที่หล่อนทำหากพวกเขาพบเลือดของบริทนีย์ที่ต่างหู เมเรดิธเองจะไม่สามารถหาคำแก้ตัวใด ๆ ให้ตัวเองได้มาเดลีนกำลังนับวันรอข้อมูลที่คืบหน้าจากตำรวจ แต่เธอก็ยังไม่ได้รับอะไรเลยหลังจากผ่านไปสองวันเธอไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เธอจึงไปที่สถานีตำรวจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เธอกำลังวิ่งเข้าไปหาเมเรดิธและเจเรมี่ที่ทางเข้าสถานีมาเดลีนมองไม่เห็นว่าพวกเขาเป็นใครจากระยะไกล เธอถือร่มขณะยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน เธอสามารถได้ยินเพียงเสียงของเมเรดิธจากในระยะหนึ่งไมล์เท่านั้น“เจเรมี่ ทำไมมาเดลีนไม่ปล่อยฉันไปสักที? เธอจะมีความสุขก็ต่อเมื่อฉันตายเท่านั้นหรือไงกัน?”หลังจากที่เมเรดิธพูดสิ่งนี้ เธอก็เห็นมาเดลีนยืนอยู่เสียงของเธอฟังดูประหลาดใจ “แมดดี้?”มาเดลีนพยายามลืมตาขึ้น จากนั้นเธอเห็นใบหน้าของเมเรดิธที่เข้ามาใกล้เธออย่างพร่ามัว“แมดดี้ ฉันจะทำยังไงให้เธอปล่อยฉันไป? ทำไมถึงกล่าวหาว่าฉันฆ่าบริทย์? บริทย์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน! ทำไมฉันต้องฆ่าเธอ? เป็นเรื่องปกติที่จะมีเลื
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นในขณะที่มาเดลีนยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นที่เปียกแฉะ มือของเธอคลำไปรอบ ๆ ตัวเธออย่างบ้าคลั่งรถยนต์ที่ขับผ่านเธอไปสาดน้ำใส่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า กระนั้น เธอก็ยังไม่พบร่มของเธอที่ตกได้เจเรมี่กำลังจะสตาร์ทรถ แต่เขาเหลือบมองกระจกมองหลังโดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเมเรดิธสังเกตเห็นสิ่งนี้และทำให้ความสนใจของเจเรมี่เปลี่ยนไปทันที “เจเรมี่ ไปกันเถอะ เราต้องพาแจ็คไปตรวจหน้า”เจเรมี่หันหน้าของเขากลับมา “ไม่ต้องกังวล ไม่มีแผลเป็นบนใบหน้าของแจ็คแน่นอน”“ฉันไม่คิดว่าแมดดี้จะเกลียดชังฉันถึงขนาดนี้ ฉันคิดไม่ถึงว่าพ่อของฉันจะขอให้คนอื่นกรีดใบหน้าของเเมดดี้เพื่อล้างแค้นให้ฉันและแจ็ค” เมเรดิธพูดอย่างไร้เดียงสา“เจเรมี่ คุณคงไม่ตำหนิพ่อของฉัน ใช่ไหม?”“เด็กโง่ ทำไมผมถึงตำหนิพวกเขากัน?” เจเรมี่ยิ้มเขามองกระจกมองหลังอีกครั้ง เขาเห็นมาเดลีนยืนขึ้นหลังจากหาร่มของเธอเจอ จากนั้น เขาเฝ้าดูเธอเดินจากไปตามเส้นทางเดินเท้า เขาเยาะเย้ยด้วยความโกรธ“ผู้หญิงคนนั้นสมควรที่จะถูกทำให้ใบหน้าเสียโฉม ใครขอให้เธอทำสิ่งที่โหดร้ายและน่ารังเกียจพวกนั้นกันล่ะ?”เมเรดิธรู้สึกยินดีเมื่อเห็นความโกรธและความไม่พอ
ใบหน้าของเจเรมี่เย็นชาขึ้น “มาเดลีน ผมขอให้เธอเซ็นเอกสาร”“ฉันจะไม่เซ็นมัน” มาเดลีนพูดออกม าในที่สุดน้ำเสียงของเธอฟังดูสงบอย่างผิดปกติเจเรมี่เห็นมาเดลีนนั่งอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเย็นชาและนิ่งในขณะที่เธอจ้องมองไปทางอื่น เธอไม่ได้มองเข้าไปในตาของเขาเลยสักครั้ง เจเรมี่รู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ “มาเดลีน อย่าพยายามท้าทายความอดทนของผม เธอรู้ดีถึงผลที่จะตามมา”เมื่อเธอต้องเผชิญกับการคุกคามและคำเตือนแบบขู่ของเขา มาเดลีนไม่ได้มีความกลัวใด ๆ เกิดขึ้นบนใบหน้า ตรงกันข้าม เธอกลับยิ้มออกมา“เจเรมี่ ฉันจะบอกเป็นครั้งสุดท้าย ฉันจะไม่เซ็นเอกสารการหย่าใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณอยากแต่งงานกับเมเรดิธใจจะขาด แน่นอน คุณควรรอให้ฉันฟ้องคุณในข้อหาแต่งงานซ้ำซ้อน”“มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด!” เจเรมี่โกรธมาก “ผมจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน เธอเซ็นหรือไม่เซ็น?”“ไม่!” มาเดลีนกล่าวอย่างหนักแน่นใบหน้าของเจเรมี่กลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อเขาเห็นว่ามาเดลีนยังคงแสดงท่าทีหยิ่งผยองและไม่ยอมมองหน้าเขา เขาจึงเดินไปหาเธอและบังคับปากกาไว้ในมือของเธอ จากนั้น เขาจับมือขวาของเธอแน่น“เจเรมี่ จะทำอะไร? ปล่อยฉัน!” มาเดลีนเริ่มดิ้นรน“เธอปฎิเ
หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น มาเดลีนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่หลังมือของเธอเจเรมี่จับมือเธอแน่นและบังคับให้เธอเซ็นชื่อ ‘มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด’ ในหน้าสุดท้ายมันเป็นชื่อของเธอแต่อยู่ในลายมือของเขาหลังจากที่เจเรมี่ทำเสร็จ เขาเหวี่ยงมือของเธอออกไปข้าง ๆ และดึงกระดาษออกไป เขามองไปที่ชื่อบนกระดาษและรู้สึกอึดอัดใจ ไม่เพียงเเค่นั้นเขาไม่รู้สึกโล่งใจเลยสักนิด แต่เขายังรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับบางอย่างที่ผิดปกติอีกด้วยเขาลดสายตาลงและมองไปที่มาเดลีนที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าของเธอซีดและมีน้ำตาในดวงตาของเธอ นอกจากนั้น ยังมีเลือดที่ริมฝีปากราวกับว่าเธอกัดมันแรงเกินไป เธอดูสะบักสะบอมและน่าสงสารมากเจเรมี่ขมวดคิ้ว “มาเดลีน มีอะไรจะขอไหม?”“500,000 ดอลลาร์” เธอกล่าวโดยไม่ลังเลหลังจากเจเรมี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็เย้ยหยันอย่างดูถูก “ดูเหมือนว่าจะเตรียมตัวมาแล้วอย่างดี ผมจะขอให้ใครโอนเงินเข้าบัญชีของคุณทันที”หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเมือเขากดรับโทรศัพท์ มาเดลีนได้ยินเสียงหวาน ๆ ของเมเรดิธจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เธอได้ยินเจเรมี่ตอบเบา ๆ ว่า “โอเค ผมจะไปที่นั่นในอีกสักครู่”
เจเรมี่กำพวงมาลัยแน่นยิ่งขึ้น เขาเริ่มสงสัยว่าดวงตาของเขาเสียหรือว่ายังไง แต่อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามาเดลีนเป็นคนที่สูญเสียการมองเห็นที่แท้จริงเธอตาบอดเธอตาบอดจริง ๆเธอไม่ได้ล้อเล่นก่อนหน้านี้ในตอนที่เธอมีปัญหาในการเซ็นเอกสารการหย่า มันเป็นเรื่องจริงแต่ก่อนหน้านี้เธอก็สบายดีอยู่ ทำไมตอนนี้ถึงตาบอดได้?เจเรมี่เฝ้ามองมาเดลีนในขณะที่เธอคลานอยู่ที่พื้นคล้ายเธอกำลังหาบางสิ่งที่หายไปพร้อมกับร้องไห้ออกมา เขารู้สึกว่าตัวเองหายใจได้ยากลำบากและมันรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกด้วยซ้ำหิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ และฝนเริ่มตกลงมาผู้คนรอบตัวเธอเริ่มจากไป ทิ้งไว้เพียงถนนที่ว่างเปล่า กระนั้น มาเดลีนยังคงค้นหาอะไรบางอย่างอย่างไม่ยอมแพ้เธอร้องไห้ และดูกังวลมาก เหมือนเด็กที่ทำของเล่นชิ้นโปรดหายไปเจเรมี่ลงจากรถในขณะที่รู้สึกถึงความท้อแท้ เขาค่อย ๆ เดินไปหามาเดลีน ฝีเท้าของเขาหนักอึ้งอย่างผิดปกติถึงอย่างนั้น เธอไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวหรือการมีตัวตนอยู่ของเขา ร่างที่ผอมแห้งของเธอยังคงอยู่บนพื้น ในขณะที่มือของเธอยังคงควานหาบางสิ่งอย่างบ้าคลั่งแม้จะถูกปกคลุมไปด้วยดินเจเรมี่มองเธอด้วยสีหน้าง
เมื่อเสียงของเธอดังขึ้น เจเรมี่รีบหดมือของเขากลับเข้าตัวทันทีทันใดนั้น มือของเมเรดิธที่กำลังจะสวมแหวนได้ว่างเปล่าในขณะที่ใบหน้าของเธอเริ่มชา และสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือความรู้สึกเสียหน้า ทุกคนมองไปยังที่มาของเสียงอันเด็ดเดี่ยวนั่น รูปร่างเพียวที่แสนเปราะบางปรากฎขึ้นในสายตาพวกเขานั้นคือมาเดลีนเธอสวมชุดเรียบง่ายและสง่างาม เธอแต่งหน้าเบา ๆ บนใบหน้า แม้จะมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอ แต่เธอยังคงดูสวยงามราวกับเพิ่งเดินออกมาจากภาพวาดทุกคนสามารถบอกได้ว่านี่คือมาเดลีน และเธอยังเป็นอดีตภรรยาของเจเรมี่อย่างไรก็ตาม ใครสามารถดูออกว่าเธอตาบอด เพราะเธอบังคับตัวเองให้เดินไปสู่จุดหมาย ร่างกายของเธอต้อนรับอ้อมกอดแห่งความตาย แต่เธอก็ยังเลือกเดินไปข้างหน้าแม้จะมันยากลำบากเจเรมี่เฝ้ามองในขณะที่มาเดลีนเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้า ๆ เขาพยายามอย่างมากที่จะมองเข้าไปในดวงตาของมาเดลีน แต่พระเจ้า เธอไม่มีจุดเพ็งเล็งในดวงตา เขาไม่พบความรักอันเร่าร้อนและความปรารถนาที่เธอเคยมีต่อเขาในสายตาของเธอนอกจากนี้ เธอยังสะดุดเมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าเป็นเพราะเธอมองไม่เห็น เธอมองไม่เห็นแสงสว่างใด ๆ ดังนั้นเธอจึงต้องเ
เมเรดิธโยนช่อดอกไม้ที่มือทิ้งอย่างไม่ใยดี และรีบวิ่งไปขว้างหน้ามาเดลีนอย่างเร่งรีบ เธอเริ่มสะอื้นตามบทปกติที่คอยแต่สวมหน้ากากที่น่าสงสารบนใบหน้าของเธอเสมอมา“แมดดี้ วันนี้เป็นพิธีหมั้นของฉันและเจเรมี่ ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉัน แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำอะไรแบบไร้ความคิดเพียงเพื่อทำร้ายคนที่ฉันรักหลอกนะ”“มาเดลีน วันนี้เป็นงานหมั้นของลูกสาวสุดที่รักและลูกเขยของผม ถ้าไม่อยากมีปัญหา เธอควรไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” ฌอนเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงดุดัน เขาต้องการไล่เธอให้ออกจากงานนี้ไป“มาเดลีน สำหรับผู้หญิงโหดร้ายและไร้หัวใจอย่างเธอยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้…บทลงโทษพวกนั้นมันน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับเธอ ไปให้พ้น! ถ้าไม่ ฉันจะทำให้เธอต้องเสียใจ!” เอโลอิสขู่มาเดลีนจุกในใจเป็นอย่างมาก กระนั้น เธอยังคงมีสีหน้าสงบ เธอยิ้มอย่างใจกว้าง และพูดว่า “คุณรู้ดวงชะตาของฉันหรือไงกัน นายหญิงแห่งมอนต์โกเมอรี? ฉันมีชีวิตที่ขื่นขมและลำบากมาจนถึงอายุเท่านี้”เมื่อเจเรมี่ได้ยินเช่นนั้นเขารู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของมาเดลีนนั้นช่างน่ามองเป็นพิเศษ มันน่าสะพรึงกลัวจนกัดกินจิตใจเขาเช่นกันใบหน้าของเอโลอิสและฌอนเปลี่ยนเป็นสีเข้ม “มาเดล
“มาเดลีน!”เจเรมี่วิ่งเข้าหามาเดลีนอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง เขาไม่รู้ว่าความกลัวและความหวาดกลัวที่กัดกินในใจของเขามากแค่ไหนในขณะที่ตะโกนเรียกชื่อมาเดลีนออกมาร่างที่สั่นเทาของมาเดลีนถูกเจเรมี่โอบอุ้มไว้ขาของเธออ่อนแอไม่มีแม้แรงพยุงตัวเองขึ้นในขณะที่เธอพิงกำแพงเพื่อบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นยืน อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถทำได้ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ตาม แม้แต่สติของเธอก็ล่องลอยและเดินเตร่คล้ายมันจะทรุดลงไปทุกทีเมื่อมองไปที่เลือดที่น่าสยดสยองบนริมฝีปากของมาเดลีน หัวใจของเจเรมี่ได้รูกสึกเจ็บปวดแล้วเหมือนมีอะไรจุก ๆ ไปอยู่ที่ลำคอของเขาในขณะที่เขารู้สึกได้ถึงความกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน“เจเรมี่!” เมเรดิธวิ่งเข้ามาหาเขาขณะที่สายตาจับจ้องไปที่มาเดลีนที่กำลังจะตาย แน่นอนว่าเธอรู้สึกไร้กังวล แต่เธอไม่พอใจอย่างมากกับการที่เจเรมี่ปฏิบัติต่อมาเดลีนในตอนนี้“เจเรมี่ แขกรออยู่ นายจะทิ้งเมอร์และไล่ตามผู้หญิงคนนั้นหรือไง?” เอโลอิสเดินตามมาเช่นกัน เธอมองไปที่มาเดลีนที่กำลังอาเจียนเป็นเลือดด้วยสีหน้าที่เเสดงความรังเกียจออกมา “นี่มันเป็นเลือดปลอมชัด ๆ เจเรมี่ มองไม่ออกหรือไง? หล่อนโกหกคุณด
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ