เมื่อได้ยินเสียงที่เธอเฝ้าฝันถึงในทุกวัน เมเดลีนก็เงยหน้าขึ้นมองโทรศัพท์ในมือของไรอันด้วยความตกใจ ดวงตาของเธอเบิกกว้างขณะที่พยายามมองหาที่มาของเสียงของเจเรมี่ไรอันหันกล้องหลังไปที่เธอ‘ใช่คุณหรือเปล่า เจเรมี่?’‘นี่เป็นเสียงของคุณใช่ไหม?’เมเดลีนลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาเพื่อดูให้แน่ใจ แต่ไรอันคว้าข้อมือของเธอเอาไว้แล้วดึงร่างบางเข้าหาตัวเขาหมุนตัวเมเดลีนหันหลังแล้วแนบชิดกับอกแกร่งของเขา ก่อนจะจับหน้าสวยให้จ้องมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์เมเดลีนพยาพยามดิ้นหนีจากการจับกุมของไรอันด้วยความตื่นตระหนก ก่อนเธอจะเห็นเจเรมี่ในที่สุด“เจเรมี่…”“ลินนี่!” เสียงของเจเรมี่ยังคงก้องอยู่ในหูของเมเดลีนอย่างชัดเจนเมเดลีนจ้องไปที่ชายหนุ่มซึ่งร้อนใจและกระวนกระวายด้วยดวงตาที่ร้อนผ่าวเธอรู้ว่าทำไมเจเรมี่จึงดูเหมือนแวบหนึ่งจะโกรธเกรี้ยวขึ้นมา เธอจึงพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของไรอันเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาเห็นภาพที่ไรอันกำลังทรมานเธอไรอันรู้ทันแผนของเมเดลีน เขาจึงไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ทำตามที่ต้องการ เขายังคงจับกรามของหญิงสาวแน่นแล้วบังคับให้จ้องตรงไปที่กล้องภาพนั้นฉีกหัวใจของเจเรมี่ออกเป็
เมเดลีนรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อหลีกหนี แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจหวังเพราะเธอไม่ได้ทานอะไรมาเลยตลอดทั้งวันและยังต้องเจอการทรมานต่าง ๆ ของไรอันอีก“คนสารเลว!”เมเดลีนตวาด แต่ไรอันจับที่หลังศีรษะเพื่อกันไม่ให้เธอหนี สุดท้ายไรอันก็จูบลงที่แก้มเธออีกครั้งการกระทำนั้นเหมือนศรนับพันปักอกเจเรมี่ผมสั้นของเมเดลีนร่วงลงมาปรกหน้าท่ามกลางการต่อสู้ แต่เจเรมี่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าคนที่เขารักกำลังร้องไห้“มันเจ็บใช่ไหมล่ะ เจเรมี่? หากแกไม่อยากให้เอวลีนทรมาน ก็โอนหุ้นทั้งหมดของวิทแมน คอร์ปอเรชั่นมาเป็นชื่อฉัน แล้วประกาศต่อสาธารณชนว่าวิทแมน คอร์ปอเรชั่นล้มละลายแล้ว”ดวงตาของไรอันเต็มไปด้วยความก้าวร้าวใบหน้าที่เปียกโชกไปด้วยน้ำตาของเมเดลีนมองเจเรมี่อย่างแน่วแน่ “อย่าไปฟังเขานะ เจเรมี่! เขาจะไม่ปล่อยฉันไปแม้ว่าคุณจะทำตามความต้องการทั้งหมดของเขาแล้วก็ตาม อย่าให้คนสารเลวนี่ได้อะไรไปนะ!”การหายใจเริ่มติดขัดเมื่อเห็นใบหน้าเศร้าหมองของเมเดลีนแม้จะรู้ดีว่าไรอันเชื่อถือไม่ได้ แต่เจเรมี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามที่อีกฝ่ายพูดเขาจะไม่ยอมทิ้งความหวังที่จะทำให้เธอไม่เป็นไรไป“ฉันจะให้ทุกอย่างที
ได้ยินอย่างนั้น เจเรมี่ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเย็นยะเยือกขึ้นมาสายตาคมกริบมองผ่านกล้องที่แกว่งไกวไปมา ขณะที่เมเดลีนกำลังกดปลายแหลมของกิ๊บติดผมเข้ากับข้อมือของตัวเองอย่างแรงกิ๊บที่เธอถืออาจจะดูไม่ใช่อาวุธที่ร้ายแรง แต่เมเดลีนใช้กำลังทั้งหมดที่มีกดลงไปจึงทำให้สิ่งของที่ดูไม่อันตรายกลายเป็นอาวุธได้เช่นกันหญิงสาวกรีดที่ข้อมือของตัวเองอย่างแรงและรวดเร็วจนเกิดเป็นเส้นยาว จากนั้นเลือดสด ๆ ก็ไหลออกมาจากบาดแผลอย่างน่ากลัว“ลินนี่!”เจเรมี่ตะโกนอย่างสุดเสียงขณะที่ความเจ็บปวดได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขาราวกับถูกเฉือนเช่นกันเขารู้ว่าเมเดลีนต้องถูกทรมานจนสิ้นหวัง ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีวันทำแบบนี้ไรอันเองก็ผงะไปกับการกระทำของเธอ เขาจ้องเมเดลีนอย่างงุนงงและเจ็บปวดที่หัวใจเช่นเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันความโกรธก็หลั่งไหลเข้ามาในดวงตาคมของเขา“ทำไม? ผมสู้เจเรมี่ไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”เมเดลีนดูน่าสมเพชด้วยผมและเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงราวกับตุ๊กตาที่ถูกทิ้งและไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างดี ทว่าดวงตากลมของเธอกลับสดใสสวยงาม“คุณไม่มีวันเทียบกับเขาได้” รอยยิ้มบางประดับบนใบหน้าสวยก่อนที่เธอจะเอ่ยเสร
เจเรมี่เฝ้าดูอดัมเตรียมเข็มแล้วฉีดยาให้กับเมเดลีนเพียงไม่กี่วินาที แต่ให้ความรู้สึกยาวนานมากเหลือเกินในขณะที่เมเดลีนเองก็ยังไม่ได้สติอยู่ตลอดเวลาเจเรมี่เริ่มสติเลือนราง ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากเฝ้าดู เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกประสาทสัมผัสของเขาอีกครั้ง“เธอจะตกอยู่ในอันตรายจนถึงแก่ชีวิตหรือเปล่า?” ไรอันถามอย่างตรงไปตรงมาเจเรมี่เองก็รอคำตอบเช่นกัน เขามองดูอดัมที่นั่งยอง ๆ อยู่กับพื้นแล้วเริ่มเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์ “หลอดเลือดแดงใหญ่ของเธอไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้”จากนั้นไรอันก็หันกล้องมาที่ตัวเอง“แกได้ยินแล้วใช่ไหม เจเรมี่? ทำตามที่ฉันสั่งไปก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นแกจะไม่ได้เจอเอวลีนอีกเลย”จากนั้นไรอันก็วางสายไปเมื่อเห็นหน้าจอดับลง เจเรมี่ก็นึกถึงข้อมูลที่เขาเพิ่งได้รับมาเมื่อสักครู่นี้ทันทีจากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิด…เมเดลีนหลับไปตลอดทั้งคืน และในตอนที่ตื่นขึ้นแสงแดดอันอบอุ่นก็ส่องกระทบหางตาของเธอเธอกะพริบตาอย่างเหนื่อยล้าและรู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นจิตใจของเธอก็รู้สึกหนักอึ้งและยุ่งเหยิ
สีหน้าของไรอันเปลี่ยนไป และคลื่นอารมณ์กระเพื่อมฉายผ่านแววตาของเมเดลีนเมื่อได้ยินชื่อของเจเรมี่“เขาหาเจอได้ยังไง?” ไรอันถามและสั่งสาวใช้ทั้งสองว่า “จับตาดูคุณผู้หญิงไว้และอยู่ข้างในนี้”พวกเขาพยักหน้าในขณะที่ไรอันรีบออกไป ทั้งสองเดินเข้ามาเฝ้าเมเดลีนที่ข้างเตียงทันทีอดัมละสายตาจากสีหน้าเฉื่อยชาของเมเดลีนด้วยสายตามีเลศนัยก่อนที่จะจากไปไรอันกลับมาที่ห้องทำงานเพื่อตรวจสอบภาพจากในคอมพิวเตอร์ เขาพบรถหลายคันขับเข้ามาที่วิลล่า ชายหนุ่มขยายภาพให้ชัดขึ้น ก่อนจะเห็นร่างสูงของเจเรมี่อย่างชัดเจน“เขารู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่ไหน?” อดัมดูสับสนและหงุดหงิด “ตอนนี้เราจะเอายังไงต่อ?”“ถ้าหาเราเจอก็แสดงว่าเขาเตรียมความพร้อมมาดีมาก เอาตัวเอวลีนและครอบครัวเธอออกไปก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง” ไรอันตัดสินใจโดยไม่เกรงกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเจเรมี่ตัวต่อตัว“คุณจะไม่เป็นไรใช่ไหม?” อดัมถามอย่างเป็นห่วงไรอันคลี่ยิ้มอย่างมั่นใจ “ทำไมจะต้องเป็นไรล่ะ? ก็ไม่ได้ดูเหมือนพวกนั้นจะจับตัวฉันได้นี่”อดัมไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ก่อนจะรีบกลับไปที่ห้องของเมเดลีนตามที่ไรอันสั่งสาวใช้ทักทายอย่างสุภาพเมื่อเห็นอดัมเดินเข้
สีหน้าของเมเดลีนเปลี่ยนไปราวกับว่าเพิ่งนึกอะไรออก“แม่กับพ่อ..”เธอระพริบดวงตากลมสวยเบา ๆ จากนั้นก็ขมวดคิ้วได้รูปแล้วร้องขอไรอันอย่างจริงจัง “บอกเจเรมี่ให้ฉันทีว่า หลังจากที่เจอพ่อกับแม่แล้วฉันจะกลับมา อย่าลืมบอกเขานะ…”“...” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทั้งไรอันและอดัมก็ต่างตกตะลึงเมเดลีนนั่งตัวตรงด้วยท่าทางที่เอาแต่ใจ ก่อนจะสั่งคนขับ “รีบออกรถเดี๋ยวนี้ ถ้าเราไปเร็ว เราก็จะได้กลับมาเร็ว ฉันยังต้องกลับมาที่นี่เพื่อรอเจเรมี่ เขาบอกว่าเขาจะมารับฉัน”ในที่สุดไรอันก็ตระหนักได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมเดลีนเขามองดูใบหน้าด้านข้างอันงดงามนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “ดูแลเธอให้ดีและอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ” ไรอันสั่งอดัมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกระจกรถไรอันยืนอยู่กับที่สักพักแล้วมองดูรถที่ค่อย ๆ ไกลออกไปเขาคิดว่าได้ขจัดความดื้อรั้นและไม่เชื่อฟังเขาออกไปจากเมเดลีนสำเร็จแล้ว และยังคิดว่ายาที่ฉีดให้ได้ลบความทรงจำของเธอจนหมดสิ้น ทว่าเขากลับไม่เคยคาดคิดเลยว่าตัวเองจะบีบบังคับให้เมเดลีนกลับกลายเป็นคนโง่เง่าที่เอาแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับการมาหาของเจเรมี่แล้วพาเธอกลับบ้าน...ไรอันกลับมา
ไรอันคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก เขามองผ่านผู้คนออกไปแล้วก็พบเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขาคนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด อดัมเจเรมี่เองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นอดัม แต่ก็ไม่ได้แปลกใจมากขนาดนั้นเขาเกือบจะเดาทุกอย่างออกหมดแล้วชายลึกลับที่ช่วยปฐมพยาบาล และช่วยนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลพร้อมกับส่งข้อความถึงเขาคือ อดัมไรอันมองอดัมที่กำลังเดินมาหาด้วยรอยยิ้มเย่อหยิ่งที่ค่อย ๆ เหือดหายไป“ทำไมยังอยู่ที่นี่?” สีหน้าของไรอันเย็นชาขึ้นมาก แต่ที่จริงสิ่งที่เขาอยากถามมากที่สุดคือทำไมเมื่อกี้อดัมพูดแบบนั้นออกมาอดัมยิ้มอย่างใจเย็น พลางใช้ดวงตาสีเข้มหลังแว่นสายตาจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง“แล้วคุณคิดว่าผมต้องอยู่ที่ไหนล่ะ?” อดัมถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “คิดว่าผมทำตามคำสั่งของคุณด้วยการพาตัวเอวลีนไปยังที่กบดานที่คุณพูดถึงแล้วหรือเปล่า?”เมื่ออดัมพูดจบทั้งไรอันและเจเรมี่ก็มีแววตาเป็นประกายขึ้นทันใดเจเรมี่เดินไปหยุดด้านหน้าของอดัมแล้วถามอย่างกระวนกระวายใจ “อดัม คุณรู้ไหมว่าลินนี่อยู่ที่ไหน?”อดัมชำเลืองมองเจเรมี่ที่กำลังกังวลใจ จากนั้นก็มองไปยังสีหน้าเย็นชาของ
เขาจับข้อมือของไรอันแล้วดันออก ก่อนจะค่อย ๆ จัดปกเสื้อโค้ทสีขาวของตัวเองให้เรียบอย่างเดิม“ภารกิจของหมอหรือพยาบาลคือการช่วยชีวิตผู้คนมาตลอดนะ ไรอัน”คำตอบของอดัมทำให้ไรอันตกใจ “แกกำลังพูดถึงอะไร อดัม?”อดัมยังคงสงบนิ่ง ทว่าในแววตาก็มีความไม่พอใจปนอยู่เช่นกัน “ผมไม่อยากจะเปิดโปงเรื่องของคุณหรอกนะ แต่สิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณเคยทำ คือการทำร้ายผู้คนครั้งแล้วครั้งเล่าต่อหน้าคนเป็นหมอ”“ว่าไงนะ?" ไรอันหัวเราะอย่างประชดประชัน “เพราะอย่างนั้น แกเลยบอกเจเรมี่ว่าฉันอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”“ใช่” อดัมยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ใช่แค่บอกเขาเกี่ยวกับที่นี่ แต่ผมยังช่วยชีวิตเขาและส่งเขาไปโรงพยาบาลหลังจากที่โดนคุณทำร้ายอย่างสาหัสอีกด้วย ตอนคุณเอาเอวลีนมาขู่เขา ผมยังบอกเขาด้วยว่าเธอจะไม่เป็นไร”อดัมเล่าทุกอย่างที่เขาทำทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่เจเรมี่คิดเอาไว้ชายลึกลับที่ช่วยเขาคือ อดัม บราวน์ จริง ๆ!ทว่าไรอันกลับรู้สึกตกตะลึงอย่างมากหลังจากได้ฟังสิ่งเหล่านี้เขามองท่าทางสงบของอดัมด้วยสีหน้าชวนหัวเราะ แล้วจู่ ๆ แววตาของเขาก็ดำดิ่งลง“ที่แท้คนที่เป็นหนอนบ่อนไส้ใกล้ตัวฉันคือแกสินะ อดัม!”“ไม่ คุณเข้
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ