เขาจับข้อมือของไรอันแล้วดันออก ก่อนจะค่อย ๆ จัดปกเสื้อโค้ทสีขาวของตัวเองให้เรียบอย่างเดิม“ภารกิจของหมอหรือพยาบาลคือการช่วยชีวิตผู้คนมาตลอดนะ ไรอัน”คำตอบของอดัมทำให้ไรอันตกใจ “แกกำลังพูดถึงอะไร อดัม?”อดัมยังคงสงบนิ่ง ทว่าในแววตาก็มีความไม่พอใจปนอยู่เช่นกัน “ผมไม่อยากจะเปิดโปงเรื่องของคุณหรอกนะ แต่สิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณเคยทำ คือการทำร้ายผู้คนครั้งแล้วครั้งเล่าต่อหน้าคนเป็นหมอ”“ว่าไงนะ?" ไรอันหัวเราะอย่างประชดประชัน “เพราะอย่างนั้น แกเลยบอกเจเรมี่ว่าฉันอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”“ใช่” อดัมยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ใช่แค่บอกเขาเกี่ยวกับที่นี่ แต่ผมยังช่วยชีวิตเขาและส่งเขาไปโรงพยาบาลหลังจากที่โดนคุณทำร้ายอย่างสาหัสอีกด้วย ตอนคุณเอาเอวลีนมาขู่เขา ผมยังบอกเขาด้วยว่าเธอจะไม่เป็นไร”อดัมเล่าทุกอย่างที่เขาทำทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่เจเรมี่คิดเอาไว้ชายลึกลับที่ช่วยเขาคือ อดัม บราวน์ จริง ๆ!ทว่าไรอันกลับรู้สึกตกตะลึงอย่างมากหลังจากได้ฟังสิ่งเหล่านี้เขามองท่าทางสงบของอดัมด้วยสีหน้าชวนหัวเราะ แล้วจู่ ๆ แววตาของเขาก็ดำดิ่งลง“ที่แท้คนที่เป็นหนอนบ่อนไส้ใกล้ตัวฉันคือแกสินะ อดัม!”“ไม่ คุณเข้
เขามองไปที่อดัมที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ภายในส่วนลึกของหัวใจเขาไม่สามารถลบลืมคนที่อยู่ในใจไปได้เลยเขาอยากจะถามอีกสักครั้ง แต่เมื่อมองแววตาของอดัม เขาก็รู้ได้ทันทีว่าไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว“ถ้าขัดขืนการจับกุมอีก ก็ยิงได้เลย!”เจเรมี่ได้ยินคำสั่งดังกล่าวจากเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเขาไม่รอช้าแล้วเริ่มตามล่าไรอันไปพร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่เหลือทันทีดูเหมือนว่าไรอันก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขากระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ในโรงรถขับออกไปอย่างรวดเร็วเจ้าหน้าที่อินเตอร์โพลคนหนึ่งยิงไรอัน ขณะที่กำลังหลบหนี แม้ว่าจะไม่ได้โดนส่วนสำคัญ แต่กระสุนก็โดนเข้าที่แขนเต็ม ๆ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ“จับเขาไว้!”ผู้เป็นหัวหน้าสั่งการแล้วออกไล่ล่าทันที เขารู้สึกสงสารเจเรมี่มากเมื่อเห็นใบหน้ากังวลของอีกฝ่าย “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณเป็นห่วงภรรยา ดังนั้นปล่อยให้ไรอันเป็นหน้าที่ของเรา ไปหาภรรยาของคุณเถอะ”เจเรมี่ไม่รอช้า ก่อนจะขอบคุณแล้ววิ่งกลับไปหาอดัม“อดัม ลินนี่อยู่ที่ไหน? คุณเอาเธอไปไว้ที่ไหน?”อดัมขมวดคิ้วแล้วเอ่ยด้วยความสงบ “คุณมั่นใจไหมว่าจะจับไรอันได้?”“ผมปล่อยให้ลินนี่อยู่กับความทุกข์
เจเรมี่ตั้งสติแล้วค่อย ๆ อุ้มร่างบางออกมาจากรถ ในขณะที่กำลังพาเมเดลีนออกไปนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นชายอีกคนนอนอยู่ที่เบาะคนขับ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนขับรถคันนี้ทว่าชายหนุ่มก็ไม่สนใจเพราะความกังวลทั้งหมดของเขามุ่งตรงมาที่เมเดลีนซึ่งกำลังหลับอยู่เท่านั้น“อดัม เกิดอะไรขึ้นกับลินนี่? ตอนอยู่ในรถคุณยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับผม”“ไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้เธอเพิ่งหลับเพราะผมฉีดยาให้ รวมถึงคนขับด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงกลับไปที่วิลล่าเร็วขนาดนั้นไม่ได้ใช่ไหม?”อดัมอธิบายต่อ “คุณพาเอวลีนกลับไปกับคุณก่อน ผมโทรหาตำรวจแล้ว อีกไม่นานพวกเขาจะเข้ามาจับกุมคนขับรถของไรอันคนนี้”ขณะที่พูด อดัมก็หยิบนามบัตรออกมายัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวนอกของเจเรมี่“นี่คือข้อมูลติดต่อผม หากคุณมีคำถามอะไรสามารถโทรหาผมได้ ตอนนี้ผมต้องกลับไปจัดการเรื่องส่วนตัวบางอย่างก่อน” อดัมหันหลังเดินกลับออกไปอย่างไร้กังวล“อดัม” เจเรมี่หยุดเขาไว้ “ทำไมคุณถึงอยู่กับไรอัน? คุณกำลังทำอะไรกันแน่? ตกลงแล้วคุณเป็นคนยังไงกันแน่?”อดัมหยุดเดินหลังจากฟังคำถามของเจเรมี่ เขายิ้มจาง ๆ แล้วยกยิ้มมุมปากขึ้น“ทุกคนต่างก็มีเรื่องราวของตัวเองที่ไม่สามา
ทว่าเมื่อได้รับสัมผัสนั้น ร่างบางก็ตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยการผลักไสเขาออกไป เธอรีบถอยห่างแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาพันรอบตัวเอาไว้ดวงตาของเมเดลีนเต็มไปด้วยความประหม่า เธอกอดแขนตัวเองแน่นพลางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “อย่าเข้ามานะ ฉันจะทำทุกอย่างที่คุณพูด ฉันจะฟังคุณ อย่าบังคับฉัน…”เจเรมี่จ้องมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก ขณะฟังสิ่งที่เธอพูดเขาก็ค่อย ๆ เข้าใจแล้วว่า ทำไมเมเดลีนถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้เป็นเพราะไรอันทรมานเธอจนเธอเป็นอย่างนี้เจเรมี่กำหมัดแน่น พายุแห่งความโกรธเคืองโหมกระหน่ำในแววตาเขา แต่ในไม่ช้าความมืดและหนาวเย็นในดวงตาของเขาก็สลายไปเพราะเห็นแก่เมเดลีน เขาปรับอารมณ์แล้วจ้องมองเธอด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่นราวกัยสายลมในฤดูใบไม้ผลิ“ลินนี่” เจเรมี่เรียกเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยนก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบศีรษะของอีกฝ่าย แต่เมเดลีนกลับย่นคอและหลบเลี่ยงสัมผัสของเขาอย่างเห็นได้ชัด“ลินนี่ ผมคือเจเรมี่ไง มองผมสิ ผมคือเจเรมี่ของคุณนะ” เจเรมี่เกลี้ยกล่อมด้วยอย่างอดทนและนุ่มนวลในขณะที่ค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เธอเมเดลีนเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวาและยังคงน่าหลงใหลจ้องมองเจเรมี่“เจเ
อดัมวิเคราะห์อาการของเมเดลีนก่อนจะพูดขึ้นว่า “อาการของเธอดูเหมือนจะร้ายแรงกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย แต่มันไม่ได้ทำให้เธอลืมคุณไปจนหมด”เจเรมี่เม้มปากเข้าหากันแน่นกำลังข่มซ่อนความโกรธที่แทบจะทะลักเอาไว้ภายใน“ไรอันเป็นคนบังคับเธอจนเธอกลายเป็นแบบนี้ใช่ไหม? คนสารเลวนั่นทำอะไรกับลินนี่บ้าง?” เจเรมี่ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ เขาพยายามควบคุมอารมณ์แล้ว แต่เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลยในขณะที่อดัมค่อนข้างสงบกว่ามากด้วยฐานะผู้สังเกตการณ์ หลังจากคิดเสร็จในที่สุดเขาก็ได้บอกความจริงอันโหดร้ายกับชายหนุ่ม“ตลอดเวลามานี้เธอได้รับบาดเจ็บมากมายจากฝีมือของไรอัน“ไรอันคิดว่าเอวลีนดื้อรั้นและแข็งแกร่งเกินไป เขาจึงหวังว่าจะทำทุกอย่างให้เอวลีนเชื่อฟังและทำตามที่เขาต้องการทุกอย่าง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไรอันจึงจัดการความดื้อรั้นของเธอด้วยวิธีการแบบนั้น“วิธีการของเขาคือการบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการ โดยใช้พ่อกับแม่ของเธอเข้ามาขู่”เมื่อได้ยินแบบนั้นเส้นเลือดก็ปูดขึ้นมาบนหน้าผากของเจเรมี่อย่างเห็นได้ชัดเขากำหมัดแน่นจนเล็บเกือบทะลุเข้าไปในเนื้อฝ่ามือหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่สามารถระบ
เจเรมี่เอ่ยราวกับกำลังอ้อนวอนเธออยู่ เขากอดเธอแน่นขึ้นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหลุดมือไปอีก แต่ดูเหมือนนี่จะเป็นการกระตุ้นเมเดลีนให้พยายามดิ้นรนด้วยเรี่ยวแรงสุดท้ายที่เหลืออยู่“ปล่อยฉัน ฉันต้องรอเจเรมี่! เขาจะมารับฉันแล้ว!”เจเรมี่รู้สึกปวดใจ ดวงตาเริ่มแดงขณะที่เขากำลังสะอื้น จากนั้นเขาก็จับใบหน้าตื่นตระหนกของเมเดลีนให้เงยขึ้น “ลินนี่ ผมชื่อเจเรมี่! ผมมาที่นี่เพื่อรับคุณ”เมเดลีนหยุดลงชั่วคราวแล้วจ้องมองแววตาที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักของอีกฝ่ายเธอมองเจเรมี่อย่างจริงจังอีกครั้งราวกับว่ากำลังสำรวจอะไรบางอย่างเมื่อเห็นว่าเมเดลีนเริ่มไม่ได้ใช้อารมณ์อีก เขาจึงลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ลินนี่ คุณลองดูดี ๆ สิ ผมเป็นเจเรมี่ คนรักของคุณไง”“เจเรมี่…”“ใช่ ลินนี่ ผมเอง” เจเรมี่ตอบโดยไม่มีความลังเลใด ๆเมื่อเขาคิดว่าเมเดลีนจะค่อย ๆ จำความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาได้ ไม่นานหลังจากนั้นใบหน้าเล็กก็ปรากฎอารมณ์ไม่พอใจและต่อต้านขึ้นมาอีกครั้ง“คุณโกหกฉันอีกแล้ว เจเรมี่ยังไม่มา เขาขอให้ฉันรอเขา แต่เขายังไม่มา ฉันเลยต้องรอเขาต่อไป” หลังจากที่พูดจบ เมเดลีนก็ผลักเจเรมี่ออกแล้วเดินไปที่ประตูร่างสูงรีบเดิ
ด้วยความเร่งรีบของชายคนดังกล่าว และเห็นว่าเมเดลีนเพิกเฉยต่อเขา เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกเสียจากหักจักรยานของเขาลงข้างทาง ก่อนจะพุ่งไปชนกับต้นไม้แล้วล้มลงเมเดลีนชะงักทันทีที่เห็นชายแปลกหน้าล้มลงต่อหน้าต่อตาชายหนุ่มร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก่นด่าเมเดลีนด้วยความโมโห“เธอไม่ได้ยินที่บอกหรือไงว่าออกไปให้พ้นทางน่ะ? หน้าตาก็สะสวย นี่ตาบอดหรือหูหนวกกันแน่แม่คุณ? เธอทำฉันล้มเลยเนี่ย!”“คิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร? ถ้าแน่ก็พูดอีกทีสิวะ!” เจเรมี่ก้าวเข้ามาแล้วดึงเมเดลีนไว้ด้านหลังเขา จากนั้นก็มองชายตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชาจนทำให้อีกฝ่ายตัวสั่นเขาก้มลงไปจับเสื้อของอีกฝ่ายแล้วเตือนเสียงเย็น “ขี่บนทางเท้าแล้วยังย้อนศรแบบนี้อีก ยังกล้ามาต่อว่าคนอื่นอีกเหรอ? ขอโทษภรรยาฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าคิดเลยว่าจะได้ยืนขึ้นมาอีก”เจเรมี่เต็มไปด้วยความโกรธและไม่มีที่ระบาย พอดีกับที่ชายคนดังกล่าวเข้ามาสร้างเรื่องโดยบังเอิญแบบนี้ จึงไม่แปลกที่จะโดนหางเลขไปด้วยเขาไม่เคยเห็นท่าทางที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน จึงเริ่มขอโทษเมเดลีนด้วยความขลาดกลัว“ฉัน… ฉันขอโทษ! มันเป็นความผิดของฉันเอง! ฉันขอโ
เจเรมี่เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาก็เดินช้าลงเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินชื่อนั้น และเขาก็ยังรู้สึกถึงความอ่อนหวานในทุกครั้งที่ได้ยินความทรงจำที่ดูเหมือนจะถูกฝุ่นเกาะหนากำลังค่อย ๆ ปรากฎขึ้นในแววตาเขาอีกครั้งเจเรมี่คิดว่า เมเดลีนอาจจะนึกถึงความทรงจำอันยากจะลืมเลือนระหว่างเขาและเธอในครั้งที่เคยอยู่ด้วยกันที่ชายหาดเขายิ้มอย่างรู้เท่าทัน ก่อนจะนึกอยากแกล้งเธอขึ้นมา“เจส คุณกำลังพูดชื่อคนสำคัญสำหรับคุณอยู่หรือเปล่า?” เจเรมี่จงใจถามด้วยความสงสัยเมเดลีนตอบอย่างไม่ลังเลเมื่อนึกถึงความทรงจำบางอย่างได้ “แน่นอน เขาสำคัญ”“สำคัญยังไง?”ในตอนที่กำลังจะตอบ จู่ ๆ เธอก็โต้กลับอย่างไม่พอใจ “ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย?”“…” เจเรมี่เงียบไป เพราะเขารู้คตอบนั้นอยู่เต็มหัวใจมาตั้งนานแล้ว‘ลินนี่ ผมจะทำให้คุณค่อย ๆ จำได้ว่าผมคือ เจส คนที่สำคัญกับคุณมากคนนั้น’ เจเรมี่สัญญาเงียบ ๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าไหล่ของเขาเริ่มหนักอึ้งเมเดลีนน่าจะหมดแรงไป แล้วพิงร่างบอบบางของเธอลงบนไหล่ของเขาจนหลับไปเมื่อกลับมาที่อพาร์ตเมนต์เจเรมี่ก็พบว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้วบนหลังของเขาและยังพบว่าบะหมี่ที่เขาเตรียมเ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ