เมื่อลิเลียนเห็นฟาเบียน รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยงามของเธอแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ภาษากายของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอต้องการเข้าไปหาฟาเบียนเมเดลีนปล่อยมือและยอมให้ลิเลียนเดินเข้าไปหาฟาเบียนฟาเบียนย่อตัวลงและอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยสุดน่ารักขึ้นมา “ลิลลี่ คิดถึงฉันไหม?”ลิเลียนพยักหน้าฟาเบียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าไร้เดียงสานี้เมเดลีนเองก็ไม่ได้ต่อต้านเขา และคิดว่าสถานการณ์ตรงหน้าตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจเช่นกันเธอเห็นได้ถึงความห่วงใยของฟาเบียนที่มีต่อลิเลียนเขาเคยเป็นคนเหลาะแหละ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเปลี่ยนไปมากแล้ว“ฟาเบียน คุณมาที่นี่เพื่อมาหาฉันเหรอ?” เมเดลีนถามฟาเบียนพยักหน้า เขาไม่ได้ถือสาเรื่องที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในอ้อมแขนกำลังเล่นกับผมของเขาอย่างสนุกสนาน“ลาน่ากำลังจะถูกตัดสินโทษในไม่ช้านี้ แต่เธอก็จะยังปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเป็นคนจุดไฟเผาคฤหาสน์มอนต์โกเมอรี เธอยืนยันว่าเจเรมี่เป็นคนจุดไฟ ตำรวจในเมืองเอฟติดต่อกับตำรวจที่นี่ และผมก็ได้ยินข่าวที่น่าตกใจมา”หัวใจของเมเดลีนเริ่มเต้นแรงเมื่อได้ยินชื่อของเจเรมี่ทว่าเธอก็แสร้งทำเป็นสงบ เธอมองลิเลี
สายลมในต้นฤดูหนาวช่างเหน็บหนาวเสียเหลือเกิน หนาวจนรู้สึกราวกับว่ามันเป็นพุ่มไม้หนามที่พันรอบหัวใจบอบช้ำของเธอ ทั้งยังทำให้ความเจ็บปวดที่มีอยู่เดิมยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกเมเดลีนเอื้อมมืออันสั่นเทาไปรับการ์ดที่เคนยื่นให้เมื่อถือมันไว้ในมือ เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังสัมผัสถึงปลายนิ้วเย็น ๆ ของเจเรมี่อยู่“ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เธอระงับความเศร้าและถามอย่างใจเย็น“นับวันนี้ก็เป็นวันที่ 49 แล้วครับ” เคนตอบและมองไปที่หลุมฝังศพข้างหน้าเขา ก่อนจะถอนหายใจ“เหตุผลที่คุณวิทแมนเลือกสถานที่ตรงนี้ และทำไมหลุมฝังศพถึงได้มีขนาดสั้นกว่าปกติ ก็เป็นเพราะเขาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของคุณ ดังนั้นเมื่อเขาตาย เขาจึงอยากจะใช้สิ่งนี้แสดงถึงการคุกเข่าให้พวกเขา และหวังว่าจะใช้มันเพื่อสำนึกผิดต่อพ่อแม่ของคุณ”หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น เมเดลีนก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม และหยดลงบนการ์ดในมือเรื่อย ๆลิเลียนขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นว่าเมเดลีนร้องไห้ เธอขยับเข้าใกล้เมเดลีนมากขึ้นเพื่อจับมือของผู้เป็นแม่ และทำราวกับว่ากำลังพยายามปลอบใจเมเดลีนรู้สึกถึงความอบอุ่นของลูกสาว เธอจึงจับ
หลังจากอ่านจดหมายเมเดลีนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างควบคุมไม่ได้เธอเงยหน้าขึ้นมองหลุมศพไร้ชื่อด้วยดวงตาที่กลายเป็นสีแดงและมีน้ำตาก่อนจะสัมผัสมันเบา ๆ“ฉันจะลืมคุณได้ยังไง?”เธอยิ้มในขณะที่น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม ลมหนาวพัดผ่านร่างของเธอและขณะนั้นเองเธอก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่ภายในจากนั้นจู่ ๆ เมเดลีนก็ลุกขึ้นและวิ่งไปที่หน้าหลุมฝังศพของเอโลอิสและฌอน ก่อนจะคุกเข่าลงเสียงดัง“แม่คะ พ่อคะ ได้โปรดยกโทษให้เจเรมี่ด้วยนะคะ ได้โปรด…”เมเดลีนวิงวอนอย่างเศร้าสร้อย ลิเลียนไม่รู้ว่าทำไมเมเดลีนถึงร้องไห้อย่างนั้น แต่เด็กน้อยก็วิ่งไปคุกเข่าลงตามแม่ของเธอเช่นกันทั้งสองคุกเข่าลงต่อหน้าหลุมศพและเผชิญกับลมเย็น ๆ ในฤดูหนาว คนหนึ่งกำลังร้องไห้ในขณะที่อีกคนกำลังปลอบโยนชายในรถสีดำที่ทางเข้าสุสานเงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้าก่อนจะเบือนหน้าหนีไป“ไปกันเถอะ”รถสตาร์ทเครื่องยนต์และขับหายไปในถนนอันว่างเปล่า…หลังจากออกจากสุสาน เมเดลีนก็ลืมพาลิเลียนไปพบจิตแพทย์เสียสนิทเธอฟุ้งซ่านมากจนเหม่อลอยตลอดทั้งวันเธอไม่กล้าบอกใครเกี่ยวกับการตายของเจเรมี่ และเธอยอมเจ็บปวดจากการสูญเสียนี้เพียงลำพั
เมเดลีนรู้สึกสงสัยจึงเดินตามลิเลียนไปที่หน้าต่างกระจกซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งลิเลียนทำตัวแปลก ๆ และยังคงชี้ไปที่กระจกเมื่อมองไปยังที่ที่เธอชี้ เมเดลีนกลับไม่เห็นอะไรเลย“ลิลลี่ อยากให้แม่ดูอะไรจ๊ะ?” เมเดลีนยิ้มและถามอย่างอดทนลิเลียนกะพริบตาและคว้ามือของเมเดลีน จากนั้นก็พาเธอไปที่ประตูเมื่อแจ็คสันเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินตามหลังพวกเขาไปเมเดลีนไม่เคยเห็นลูกสาวของเธอทำแบบนี้มาก่อน หัวใจของเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้นขณะที่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าลิเลียนจับมือเมเดลีนแล้วเดินไปอีกฟากของถนน จากนั้นก็เดินเข้าไปในอาคาร“ลิลลี่ อยากให้มาที่นี่ใช่ไหมจ๊ะ?” เมเดลีนมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติดวงตาของลิเลียนเป็นประกายสะท้อนแสง เธอเองก็มองไปรอบ ๆ เช่นกันดูเหมือนว่าเธอกำลังมองหาบางสิ่ง แต่กลับไม่พบสิ่งที่ต้องการเมเดลีนลูบหัวของลูกสาวและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ลิลลี่ กลับไปเลือกของเล่นของเรากันเถอะจ้ะ”ลิเลียนพยักหน้าอย่างผิดหวังก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับผู้เป็นแม่แต่เมื่อพวกเขาหันหลังกลับ ดวงตาที่สวยงามของเด็กน้อยก็เป็นประกายขึ้นอีกครั้งลิเลียนหยุดเดินและคว้าเสื
“เจเรมี่ ฉันคิดถึงคุณ ฉันคิดถึงคุณมากเหลือเกิน…”เมเดลีนจับมือที่สั่นเทาของตัวเองและพยายามระงับความเศร้าเอาไว้ในขณะเดียวกันนั้นเองที่เอวาโทรหาเธอ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงสงบสติอารมณ์และรับสายทันทีอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เอวาส่งเสียงเศร้า “แมดดี้ฉันควรทำยังไงดี? แดนบอกว่าแม่ของเขาอยากจะชวนฉันไปที่บ้าน”เมเดลีนได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงงานวันเกิดอายุ 80 ปีของผู้อาวุโสแห่งตระกูลเกรแฮม และรู้ดีว่าเอวารู้สึกอย่างไรในตอนนี้มันเหมือนกับตอนที่คนในตระกูลวิทแมนทำกับเมเดลีนในตอนนั้นแต่มีสอ่งที่แตกต่างกันเพียงอย่างเดียว คือแดเนียลเข้าข้างเอวาส่วนเจเรมี่ในตอนนั้นเขาไม่สนใจเมเดลีนด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เมเดลีนก็ยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจนแต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับยอมให้เขาปฏิบัติต่อเธออย่างเย็นชามากกว่าที่จะทิ้งเธอไปตลอดกาล“แมดดี้ เธอคิดว่าฉันควรไปไหม?”คำถามที่สับสนและขัดแย้งของเอวาดึงความคิดที่ล่องลอยของเมเดลีนให้กลับมา“เอวา เธอต้องไป” เมเดลีนให้คำตอบที่ชัดเจน “ในเมื่อคนในครอบครัวเกรแฮมชวนเธอไป แสดงว่าแดนต้องทำอะไรเพื่อเธอแน่ ๆ“เอวา ถ้าเธอต้องการสานต่อความสั
เอวาเลือกของขวัญชิ้นนี้อย่างพิถีพิถัน และก่อนที่เธอจะซื้อเธอยังขอความเห็นจากแดเนียลอีกด้วยแต่ตอนนี้เมื่อเอวาเห็นสีหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่าย เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองทำพลาดไปแม่ของแดเนียลขว้างกล่องไปทางโต๊ะกาแฟด้วยความไม่พอใจแล้วตะคอกว่า “หึ แดน ลูกไปคว้าแฟนคนนี้มาจากถังขยะใบไหน? ลูกคิดว่าคุณสมบัติแบบเธอจะเข้ากับตระกูลเกรแฮมได้เหรอ?”“แม่ แม่กำลังจะพูดอะไร?” แดเนียลถามกลับอย่างกังวลนาญ่ายืนขึ้นและพูดเบา ๆ ว่า “แดน ฉันว่ามันก็เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้นะ ว่าทำไมคุณน้าถึงโกรธ”"หมายความว่ายังไง?" แดเนียลและเอวาต่างก็งงงวยนาญ่าถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เธอชี้ไปยังกล่องที่ถูกโยนทิ้ง “แดน ไม่แปลกหรอกค่ะ ที่คุณจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเครื่องประดับเลย แต่สำหรับคุณน้าไม่ใช่อย่างนั้น”“นี่เป็นหนึ่งในเครื่องประดับจากแบรนด์สุดหรูระดับนานาชาติ และไม่มีใครหาซื้อเข็มกลัดเพชรสีดำนี้ได้จากร้านไหนในเกลนเดลเลย”นาญ่าดูพอใจขณะที่พูดอย่างนั้น ในเวลาเดียวกันดวงตาของเธอก็มีแววแห่งชัยชนะปรากฏอยู่ภายใน“เมื่อสองวันก่อน เพื่อนของฉันไปต่างประเทศ ฉันเลยขอให้เธอช่วยหาเข็มกลัดแบบนี้ซึ่งกำลังขาดตลาดมา เธอใช้ความพยาย
แดเนียลพูดได้น่าประทับใจและจับมือของเอวาเอาไว้ก่อนจะให้คำมั่นด้วยท่าทีจริงจัง“ทุกคนในที่นี้ฟังผมให้ดี ๆ ผมจะไม่ยอมแพ้ต่อผู้หญิงที่ผมรักแค่เพราะครอบครัวของเธอ ถ้าใครต้องการให้นาญ่ามาเป็นสะใภ้นักก็จัดการกันเอาเอง แต่อย่าเอาผมเข้าไปยุ่งด้วย”“...” ผู้เป็นแม่ตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้นแดเนียลเป็นคนสุภาพและพูดจานุ่มนวลอยู่เสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาระเบิดอารมณ์ออกมาจากนั้นแดเนียลก็พาเอวาออกไป ทิ้งให้ทุกคนที่โต๊ะมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงนาญ่าเม้มริมฝีปากของเธอแน่นจนเป็นเส้นตรง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกทำให้ขายหน้าขนาดนี้เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในเกลนเดลที่เหมาะสมกับแดเนียล แต่ตอนนี้เธอกำลังพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงคนนี้เธอจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?หลังจากที่แดเนียลส่งเอวากลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ เขาก็ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เอวาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลย และในทางตรงกันข้ามเธอกลับกำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่แดเนียลไม่เข้าใจว่าทำไมเอวาถึงยิ้มและไม่โกรธ เขาจึงถามอย่างประหม่าว่า “ทำไมคุณถึงไม่โกรธล่ะ? ตอนงานวันเกิดคุณปู่คุณก็ไม่โกรธผมเลยเหมือนกัน”“แล้วอยากให้ฉันโกรธคุณเหรอคะ แด
เมเดลีนรู้สึกหัวใจพองโต เมื่อเห็นเขาหยุดเดินเธอกำลังวิ่งไปหาชายคนนั้น แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเด็กสองคนที่ดูน่าจะอายุประมาณหกเจ็ดขวบปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเธอเมเดลีนต้องการหลีกเด็ก ๆ ไป ทว่าในตอนนั้นเองที่มีเด็กคนหนึ่งล้มลงและเริ่มส่งเสียงดังออกมาแม่ซึ่งได้ยินเสียงลูกร้องจึงเข้ามา และเมื่อเธอเห็นเมเดลีนที่กำลังจะหนีไป เธอก็คิดว่าเมเดลีนเป็นคนที่ทำให้ลูกชายของเธอล้มลง“คุณชนลูกชายฉันจนล้มแล้วจะหนีงั้นเหรอ?” แม่ของเด็กตะโกนใส่เมเดลีนอย่างเกรี้ยวกราด และจับมือเธอไว้ “จะบอกให้นะ ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของฉัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่!”ผู้หญิงคนนั้นเตือนด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว แต่ในขณะนี้เมเดลีนกำลังมุ่งความสนใจไปที่ชายซึ่งกำลังจะเดินเข้าไปในอาคารเท่านั้นเธอดึงตัวเองออกจากการเกาะกุม และโยนการ์ดใส่หน้าอีกฝ่าย “ที่นี่มีกล้องวงจรปิด คุณควรดูวิดีโอก่อนที่จะกล่าวหาว่าฉันทำลูกชายคุณล้มนะ แล้วก็หากเป็นฉันจริง ๆ ก็ติดต่อมาหาฉันตามเบอร์บนการ์ดใบนี้แล้วกัน”“...”อีกฝ่ายตกใจกับท่าทีของเมเดลีน และในตอนที่เธอกำลังจะโต้กลับ เธอก็ได้ยินลูกชายของเธอชี้แจง “แม่ฮะ ผมล้มของผมเอง ไม่เกี่
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ