โดยเฉพาะเมื่อความกังวลใจที่ก่อตัวขมุกขมัวอยู่ในหัวผม มันจะทำให้หัวใจของผมร้อนดั่งไฟสุ่ม แต่ผมกลับต้องเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจอะไรและปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วความรู้สึกของผมตอนนี้...มันเจ็บปวดเหมือนหัวใจกำลังถูกกระชากออกไปจากอก มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกแย่งของรักไป และด้วยความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ทำให้ผมว้าวุ่นใจจนเผลอคิดอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจองจำเธอเอาไว้ไม่ให้เธอได้ตกไปเป็นของใคร......อย่างที่ใจผมกำลังหวาดกลัว...โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงเขาคนนั้น...คนที่ผมรู้ดีว่าถ้าหากเขาคนนั้นอยากจะครอบครองเธอขึ้นมามีหรือที่คนระดับนั้นจะไม่สามารถเอาเธอไปครอบครองได้ อีกทั้งด้วยหน้าตาและสถานะของเขามันไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งหวั่นไหว เพราะเขาที่ทั้งติดอันดับความรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศแถมพ่วงด้วยตำแหน่งหนุ่มหน้าตาทรงเสน่ห์ติดท็อปเท็นระดับทวีปและด้วยคุณสมบัติพรีเมียมระดับนี้ มีหรือที่คนหน้าตาดีในระดับชนชั้นกลาง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ระดับพอมีพอกินอย่างผมจะไปสู้เขาได้เพราะถ้าเทียบกับเขาคนนั้นแล้ว...ผมมันก็คือไอ้กระจอก!! ดี ๆ นี่เองผมเดินซึม
“ฮ่าๆๆๆๆ ... / คริคริๆๆๆ”“โอ๊ยยยยย ~~ น่าอายชะมัด” (>////ผมที่ถึงกับรีบเอามือปิดหน้าหัวพิงเบาะรถหนีอายพร้อมกับบ่นอุบกับตัวเอง(หมดกันไอ้ราม เอ๊ยยยย...ภาพลักษณ์ที่เคยสร้างไว้ต่อหน้าน้องลิน...มาหมดเอาวันนี้นี่แหละ...กูจะบ้า!!)“คริคริ...นี่พี่รามหิวขนาดนี้เลยเหรอคะ งั้นไปกินข้าวพร้อมกันกับลินเลยดีไหม ตอนแรกลินก็ตั้งใจจะลงมาหาอะไรกินอยู่พอดีเลยค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสวยใสก็ยังคงหัวเราะคิกคักไม่หยุดให้กับเสียงท้องร้องของผม อีกทั้งเธอยังเอ่ยปากชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับเธอ...ด้วยโอกาสบวกกับความสบายใจที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธความปรารถนาดีของเธอได้เลย นั่นจึงทำให้ผมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับเธอไป ส่วนเธอเองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าสดใสพร้อมกับเอ่ยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง“เดี๋ยวมือนี้ลินเป็นเจ้ามือเองค่ะ...ตอบแทนที่พี่รามดีกับลินตลอดมาด้วย” หญิงสาวยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่เล็กจนโต และมันยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น“ได้เลย...เดี๋ยวพี่จะถล่มให้ยับเลย...ฮึบ” ผมที่มอบใบหน้ายิ้มแย้มดวงนั้นด้วยความสุขใจก่อนจะแกล้งเย้าเธอไปพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งแล้ว
ด้วยความคิดที่ว่าคำตอบนี้ของฉันที่คิดมาแล้วว่าสมเหตุสมผลที่สุด เพราะมันมีทั้งความจริงที่ว่าฉันเป็นหนี้เขาคนนั้นจริง ๆ และฉันก็ต้องไปชดใช้จริง ๆ ด้วยคำอ้างเหล่านั้นก็ทำให้พี่รามหลังจากได้ฟังฉันพูดจบ เขาก็ถึงกับอุทานออกมาดังลั่น...“ห๊ะ...ไปทำของเขาเสียหาย ละ...แล้วน้องลินไปทำของอะไรเขาเสียหายแล้วเสียหายเท่าไรกันครับ” พี่รามถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับนึกขึ้นในใจว่าถ้าหากไม่มากมายเกินไปเขาเองก็ยินดีจะช่วยหญิงสาว เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวหรือใกล้ชิดกับเขาคนนั้นอีกสิ้นประโยคคำถามของคนที่ฉันเคารพรักเสมือนพี่ชาย ฉันก็ค่อย ๆ ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว พร้อมกับยิ้มแหย ๆ ส่งไปให้เขา“ฟู่วววว ~~ แสนหนึ่งเองเหรอครับ เฮ้ออออ ~~ งั้นเดี๋ยวเอาเงินพี่ไปจ่ายหนี้เขาก่อนก็ได้ครับ น้องลินจะได้ไม่ต้องไปอยู่กับคนแบบเขา”พี่รามที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นเข้าใจผิดไปไกลมากแค่ไหน“แหะ ๆ ไม่ใช่หนึ่งแสนค่ะ แต่เป็น...หนึ่งล้าน...” ฉันที่ทำเป็นยิ้มหน้าเจื่อน (ทั้งที่ความจริงก็เจื่อนไม่ต่างกัน) ให้เขาทันที พร้อมกับหดมือที่ชูก่อนหน้านี้ลงไป โดยที่แม้จะรู้สึกผิดในใจแต่ก
“เออ...ก็...เห็นเมื่อวานน้องลินบอกว่าวันนี้จะต้องย้ายของไปที่อยู่ใหม่ใช่ไหมครับ พี่ก็เลยกะว่าจะมาช่วยน้องขนน่ะ” พี่รามที่เอ่ยถึงความจริงใจที่เขามีให้กับฉันด้วยท่าทีเคอะเขินเพราะนอกจากความปรารถนาดีที่เขามีต่อหญิงสาวตรงหน้าแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาใช้การช่วยขนของย้ายที่พักมาอ้างกับเธอ เนื่องจากเขาเองก็อยากรู้ว่าสาวเจ้าที่เขาแอบรักเธอจะย้ายไปอยู่ที่ไหน และอยากจะรู้ด้วยว่ามันจะสะดวกสบายหรือปลอดภัยดีไหม เพราะถึงแม้ว่าเธอจะย้ายไปเพราะต้องทำงานกับเขาคนนั้น แต่มันยังมีเรื่องที่เธอต้องไปอยู่เพื่อชดใช้หนี้สินที่เธอก่อขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าเธอจะถูกนำไปอยู่ในสถานที่ที่คล้ายกับคุกกักขังพวกลูกหนี้อะไรทำนองนั้นหรือเปล่า“ไม่ต้องหรอกค่ะ...ลินจัดการเองได้ อีกอย่างของก็ไม่ได้มีอะไรมากด้วยค่ะ ลินขอรับไว้เพียงแค่น้ำใจก็พอนะคะ” ฉันรีบเอ่ยตอบปฏิเสธพี่รามกลับไป เนื่องจากยังรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เขาเป็นห่วงวิ่งวุ่นตามหาฉันทั้งคืนตั้งแต่เมื่อวันวานนั้น แล้วอีกอย่างทางว่าที่เจ้านายคนใหม่ของฉันเขาเองก็ได้เอ่ยปากจะส่งคนมาช่วยขนของให้ฉันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นยิ่งไม่ต้องรบกวนคนตรงหน้านี้กันไปใหญ่“นี
แต่เวลาของคนรอมันมักเคลื่อนคล้อยไปอย่างเชื่องช้าเสมอ เพราะความรู้สึกที่แสนยาวนานในขณะที่ผมรอกระทั่งจวบจนแสงของรุ่งอรุณวันใหม่ฉายพาดเข้ามาในห้องนอนบนเพนท์เฮ้าส์สุดหรูมันช่างทรมานเหลือเกิน ทั้งที่โดยปกติแล้วผมมักจะเกลียดแสงที่สาดเข้ามากระทบใบหน้าหล่อ ๆ ของผมยามเช้าแบบนี้แต่ทว่า...ด้วยความรู้สึกคะนึงหาและรอเวลาที่จะได้พบใครสักคน ทำให้แสงแดดยามเช้าของวันนี้มันช่างดูอบอุ่นสดใสจนทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความกระปรี้กระเปร่ามากกว่าวันไหน ๆ เสียอีกผมปรายตามองดูนาฬิกาที่บ่งบอกตัวเลขของเวลาว่าเพิ่งจะผ่านพ้นช่วงเวลารุ่งสางมาได้เพียงไม่นานเท่าไรนัก พร้อมกับนึกในใจไปถึงเวลานัดระหว่างผมกับเธอคนที่เข้ามาปั่นป่วนหัวใจของผมทั้งคืนว่าเราทั้งสองคนได้นัดเจอกันในช่วงสาย ๆ ของวันนี้แต่ทว่า...มีหรือที่คนอย่างผม ดีแลน เกรียงไกรไพศาลทรัพย์ คนนี้ จะมานั่งรอเวลาเพื่อทรมานหัวใจของตัวเองไปเปล่า ๆ เพราะคนอย่างผมนั้นมันมักเลือกที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเองมากกว่าและเมื่อผมที่คิดได้ดังนั้นก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนเกรดพรีเมียมทันทีด้วยความกระฉับกระเฉง แล้วตรงดิ่งเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปตามเสียงเรียกร้องของ
“กูบอกแล้วใช่ไหมว่า...อย่า...ประชด!!” คนตรงหน้ากดเสียงต่ำพร้อมกับจ้องมองมาด้วยไฟโทสะปะทุ ก่อนที่เขาจะจัดการอุ้มฉันพาดขึ้นบ่าแล้วตรงไปที่รถสปอร์ตสุดหรูที่จอดติดเครื่องเอาไว้ทันที“ว๊ายยยย ~~” ฉันร้องด้วยความตกใจเนื่องจากตัวเองโดนอุ้มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวตุบๆๆ เพี๊ยะๆๆ“ปล่อย ปล่อยฉันนะ...ฮึก...ฮึก นายจะมาทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ ฮึก...ฮึก” ฉันที่ทั้งดิ้นทั้งร้องทั้งทุบทั้งตีคนตัวโตที่กำลังถูกไฟอารมณ์ครอบงำ แต่ทว่า...คนตัวโตนั้นกลับไม่มีทีท่าจะลดความเกรี้ยวกราดลงเลยแม้แต่น้อยปึก...!!“โอ๊ยยยยย ~~”ปัง...!!ฉันที่ถูกจับยัดให้เข้าไปอยู่ในรถถึงกับร้องออกมาหลังจากที่หัวโขกเข้ากับขอบประตูรถ และทันทีที่เขาปิดประตูรถฝั่งฉัน เขาก็สาวเท้าก้าวไปยังด้านนั่งคนขับทันทีปึก...ปัง...!!แรงปิดประตูฝั่งคนขับที่ดังลั่น บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าของแรงเหวี่ยงประตูนั้นกำลังเดือดดาลมากแค่ไหนและฉันที่เมื่อตั้งสติจากการมึนหัวได้ก็เตรียมจะเอื้อมมือออกไปจับที่เปิดประตูเพื่อจะเปิดออกไป แต่ทว่า...เสียงล็อกประตูและเสียงเหี้ยมที่เอ่ยเตือนตามมาก็ทำให้ฉันถึงกับต้องหยุดมือเอาไว้แค่ตรงนั้น“ถ้ามึงคิดจะลงไป...กูจะส่งมึงไปขายชา
“ฮือออออ ~~”ฉันที่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาไม่ขาดสายด้วย ณ ตอนนี้ที่ตัวเองเริ่มจะรู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังมีความรู้สึกกลัวปะปนอยู่ในนั้น มันเป็นความรู้สึกกลัวอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขา กลัวว่าเขาจะทำให้ฉันเหมือนกับมีความสุขอยู่บนสวรรค์แล้วจู่ ๆ เขานั้นก็กระชากฉันลงมาทำร้ายให้เจ็บปวดใจอีกก่อนที่ฉันจะปล่อยตัวเองให้ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาสักพัก จากนั้นก็ค่อย ๆ ผละตัวออกมาจากอกเขาแล้วนั่งตัวตรงตามเดิม หลังจากที่จัดการตัวเองให้กลับมามีสภาวะทางอารมณ์เป็นปกติแล้วพร้อมกันนั้นฉันที่ต้องการไขข้อสงสัยในสิ่งที่ตนอยากรู้ก็ไม่รอช้าที่จะเปิดปากถามคนข้าง ๆ ออกไป...“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม...” ฉันถามออกไปอย่างไม่เต็มเสียงมากนักด้วยความอยากรู้ว่าทำไมเขาที่ทำเหมือนจะขย้ำฉันให้ตาย แต่จู่ ๆ ก็พาฉันให้มาดื่มด่ำบรรยากาศที่สวยงามดั่งภาพวาดที่อยู่ตรงหน้านี้“ก็อยากพามา...” ส่วนเขาที่ตอบเพียงสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อีกทั้งยังคงเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มของฉันอยู่ด้วยสัมผัสที่แผ่วเบา“...............”ส่วนฉันที่กับอึ้งพูดไม่ออกหลังจากได้ฟังคำตอบของเขา ด้วยเพราะคำพูดเหล่านั้นมันช่างขัดกับการกระทำก่อนหน้า
“ทำไมถึงถามแบบนี้ละ??”ก่อนที่คนตัวโตจะถามกลับด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความน้อยใจ อีกทั้งสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จนแม้ว่าการแสดงออกของเขานั่นในสายตาฉันมันจะดูน่าสงสาร แต่ฉันก็จำเป็นที่ต้องรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาให้ได้“ตอบลินมาเถอะค่ะ...เพราะถ้าคุณแค่นึกสนุกเห็นลินเป็นแค่ของเล่นคลายเหงาเพื่อลดหนี้ที่ลินไม่ได้ก่อละก็ ลินเองก็จะยอมรับมันแต่โดยดี...แต่ว่า...ลินขอร้องได้ไหมคะ...คุณดีแลนอย่าได้มาเล่นกับความรู้สึกของลินเลยนะ ลินรับมันไม่ไหวจริง ๆ และอีกอย่างหนึ่งลินเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตมีจิตใจต้องการอิสระในการใช้ชีวิตเช่นกัน ดังนั้นคุณดีแลนอย่าใช้หนี้สินเป็นข้ออ้างมากักลินเอาไว้แล้วให้ลินได้ชดใช้ให้คุณด้วยวิธีที่เหมาะสมเถอะค่ะ” ฉันหันหน้าไปเผชิญหน้าเขาตรง ๆ พร้อมกับบอกออกไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ข้างในและทันทีที่สิ้นคำพูดที่อยู่ในใจของฉันแล้ว เขาที่จ้องหน้าฉันกลับพร้อมกับนิ่งเงียบอย่างคนที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจ กระทั่งเมื่อคำตอบถัดไปที่ออกมาจากปากทรงเสน่ห์ของเขานั้นได้ทำให้ฉันถึงกับหน้าชาไปไม่เป็น...“ฉันคิดว่าฉันชอบเธอ...ลิน”(OoO) และประโยคเพียงสั้น ๆ ที่ถูกคนตรงหน
“แต่ว่าแม่ครับ...ได้โปรดอย่าห้ามไม่ให้พี่แดนไปบ้านปู่อีกเลยนะครับ” เด็กชายตรงหน้าพูดเหมือนกับรู้เท่าทันความคิดของฉันที่มีต่อเขาในสถานการณ์ตอนนี้“แต่พี่แดน...ลูก...” ส่วนฉันที่แม้จะปวดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนที่แสนจะเด็ดเดี่ยวของลูกชายตัวเองก็ทำได้เพียงแค่เรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ“นะครับแม่...พี่แดนสัญญาว่าพี่แดนจะตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวให้หนักมากขึ้น และพี่แดนขอเรียนพวกการใช้อาวุธด้วยได้ไหมครับ...พี่แดนอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้”สายตามุ่งมั่นของลูกชายที่ส่งมาทำให้ฉันถึงกับสะท้อนใจ พร้อมกับมองไปที่ลูกชายด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายตรงหน้าที่ฉันไม่รู้ว่าเขาบัดนี้เขาได้เติบโตไปมากกว่าที่ฉันเห็นแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยพูดด้วยสายตาแน่วแน่ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือหวั่นใจเลยแม้แต่น้อยในดวงตาคู่นั้นถึงเรื่องที่อยากจะทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่คิดจะทำ“พี่แดนไม่กลัวเหรอลูกถ้า...เอ่อ...ต้องกลับไปที่นั่นอีก” ฉันหยั่งเชิงถามลูกชายออกไป แม้ว่าคำตอบจากท่าทางของลูกชายที่มีให้ก่อนหน้านี้จะเป็นคำตอบให้ฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังอ
รุ่งเช้า ~~วันนี้ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปบริษัท เพราะอยากจะอยู่รอรับลูกชายที่ไม่เคยห่างกายไปไกลขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อสัญญาณการขอลงจอดเครื่องบินดังขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายขึ้นเครื่องบินไปบ้านปู่ของเขาก็ได้ทุเลาลง“แม่คร้าบบบ ~~ พี่แดนคิดถึงแม่จังเลยครับ” ฟอด ~~ ฟอด ~~ ลูกชายตัวน้อยที่นับวันใกล้จะสูงเท่าฉันแล้ว วิ่งยิ้มร่าโผเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้มฉันซ้ายขวาไม่หยุดก่อนที่ผู้ชายอีกคนที่ฉันคิดถึงไม่แพ้กันจะตรงปรี่เข้ามาหาฉันพร้อมกับทำเลียนแบบลูกชายของตัวเอง“พี่ก็คิดถึงลินมากเลยคร้าบบบบ ~~” ฟอด ~~ ฟอด ~~ คนเป็นพ่อที่ไม่ยอมน้อยหน้าลูกตรงถลาเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกัน โดยที่ลูกชายฉันได้แต่ดิ้นพล่านเพราะอึดอัดที่ถูกอัดอยู่ตรงระหว่างกลางการกอดกันของพ่อแม่ของเขา“เป็นไงบ้างคะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม” ฉันผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายทั้งสอง แล้วเอ่ยถามด้วยความคิดถึงแต่ทว่า...เสียงและท่าทางเจื่อน ๆ ของผู้เป็นสามีที่ตอบกลับมา ทำฉันอดแปลกใจไม่ได้“ก็ดีจ๊ะ...”“แล้วลูกล่ะครับพี่แดน เป็นไงบ้างสนุกไหมไปบ้านท่านปู่ครั้งแรก” ฉันมองไปยังลูกชายที่แสดงสีหน
“ผมไม่ต้องการให้คุณมาเร่งรัดให้แดนไปกับคุณนะครับ โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกผมยังเล็ก” คนตัวโตเปิดประเด็นก่อน“ก็แล้วทำไมไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร” ส่วนคนสูงวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน ก็ได้เอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ“เพราะผมรู้ไงว่ามันอันตรายยังไง ผมรู้ว่าท่านนะยิ่งใหญ่แต่ใครจะรับประกันให้กับลูกชายของผมได้ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเราที่ผมจะยอมให้ได้ นั่นก็คือผมจะขอเวลา 5 ปีเพื่อฝึกให้แดนทันคนและมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเวลาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นผมถึงจะอนุญาตให้เขาไปที่ประเทศของท่านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ตัวว่าเขายังพอใจที่จะรับตำแหน่งบ้า ๆ นั้นไหม และหลังจากที่เขาอายุครบที่จะเข้าพิธีรับมอบตำแหน่งได้แล้วถึงวันนั้นถ้าแดนยังต้องการที่จะไปกับท่านอยู่ล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูก เพียงแต่ถ้าหากว่าเขาเล็งเห็นแล้วว่าการไปอยู่กับท่านมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแต่อย่างใด และถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมันคิดจะมาฆ่าล้างตระกูลผมก็ตาม ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไว้อย่างแน่นอน” คนตัวโตพูดรัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง โดยไม่มีช่องให้คนที่มีอำน
“พี่แดนอยากไปครับ...ท่านปู่บอกอยากให้พี่แดนไปดูอาณาจักรที่จะเป็นของพี่แดน แต่พี่แดนก็อยากให้แม่คร้าบกับดีแลนไปด้วย แต่ดีแลนคงไม่อยากไป...ท่านปู่บอกแบบนั้น”เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วด้วยแววตาเป็นประกายซุกซน ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในประโยคท้ายยามเอ่ยปากนินทาผู้เป็นพ่อของตน“อย่างงั้นเหรอลูก” ฉันตอบลูกชายตัวน้อยกลับไปเพียงประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ที่ช่างต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกินแต่ด้วยแววตาดวงน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่อยากจะเห็นโลกกว้าง ทำให้ฉันที่แม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่จำต้องเก็บความต้องการนั้นเอาไว้แล้วเลือกหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้“ถ้าพี่แดนอยากไปแม่ก็จะอนุญาตครับ...เพียงแต่ ณ เวลานี้มันยังเร็วเกินไปที่พี่แดนจะไปบ้านท่านปู่ด้วยเหตุผลแรก แม่เองก็ใกล้ที่จะคลอดน้องแล้วแม่คงจะไปกับพี่แดนด้วยไม่ได้ พี่แดนคงไม่อยากให้แม่ไปคลอดน้องบนฟ้าใช่ไหมครับ” ฉันค่อย ๆ อธิบายให้ลูกชายตัวน้อยฟัง“ส่วนเหตุผลที่สอง แม่อยากให้พี่แดนโตกว่านี้อีกสักหน่อย อยากให้พี่แดนโตจนสามารถดูแลตัวเองได้แม้ในวันที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง เพราะฉะนั้นถ้าพี่แดนอยากจะไปบ้านท่านปู่จริง พี่แดน
--- ดีแลน Talk ---“ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไงครับ” ผมเปิดปากถามคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อแม้ว่าผมจะไม่เคยนับว่าเขาเป็นพ่อก็ตาม“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ...” ก่อนที่คนเจนสนามอย่างเฒ่าเจ้าเล่ห์จะยักคิ้วพูดหยั่งเชิง“พูดมาตรง ๆ เถอะครับ ผมรู้ว่าการที่คุณเทียวไปเทียวมาแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะคิดถึง...เอ่อ...หลาน” ผมพูดไปด้วยรู้เจตนาคนตรงหน้าดีแต่อยากได้ความชัดเจน“เฮ้อ...ดีแลนแกพูดอย่างนั้นมันก็ดูจะดูถูกจิตใจฉันเกินไปนะ ฉันน่ะคิดถึงหลานจริง ๆ และอยากเจอเขาด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันคิดว่าแกคงรู้สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลฉันดี และฉันก็รู้ดีว่าแกไม่โง่ที่จะไม่รู้เจตนารมณ์ของฉัน เพราะแกย่อมรู้ดีที่ฉันทำแบบนี้มันก็เพื่อแกเอง...” คนเป็นพ่อของผมพูดโดยที่มือบรรจงลูบไปที่หัวของลูกชายผมอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังมองดูเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเขา“เพื่อผมเหรอ ผมว่าท่านทำเพื่อตัวเองมากกว่านะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นกับพ่อได้ล่ะ...” ก่อนที่คนสูงวัยจะเบนสายตาจากหลานชายตัวน้อยมายังบุคคลที่เป็นลูกชายตนเองแทน พร้อมกับมอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงเหมือนกับที่ท่านชีคได้พูดเอาไว้ ว่าสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้นั่นก็คือเขายังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านชีคเขาจริง ๆ และยังคงมีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรม เพียงแต่เขาที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าถ้าหากถึงเวลาจวนตัวที่ตำแหน่งท่านชีคว่างขึ้นมาจริง ๆ เขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไรเพราะด้วยกฎประหลาดที่ถูกกำหนดขึ้นมาว่าถ้าหากท่านชีคองค์ปัจจุบันไม่อาจมีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้ ทุกอย่างจำต้องรีเซตใหม่โดยการกำจัดสายเลือดที่เกี่ยวข้องที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือเป็นภัยคุกคามในตระกูลต่อไปที่จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งนี้แทนหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากผู้เป็นสามี ฉันถึงกับหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาไปถึงข้อสันนิษฐานในข้อตกลงที่ในวันนี้ท่านชีคชาดีฟคิดจะมาพูดกับพวกเรา“ถ้างั้นพี่ดีนคิดว่าเพราะอะไรท่านชีคถึงมาหาเราที่นี่ค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ก็อย่างแรกข่าวที่เราแต่งงานหลุดออกไปที่ประเทศนั้นในวงศ์ตระกูลของท่านชีคต่างรู้ว่าพี่เป็นลูกของเขา แต่ด้วยอำนาจของเขาที่ยังคงเข้มแข็งอยู่พี่ถึ
หลายปีผ่านไป ~~“ฮึก...ฮึก...พี่แดนไม่ไปไม่ได้เหรอลูก ฮือออออ ~~ พี่ดีน ลินไม่อยากให้ลูกไปเลย”ฉันร้องไห้หลังจากวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องส่งลูกให้ไปอยู่กับพ่อสามีที่เป็นชีคอยู่ที่ประเทศประเทศหนึ่งของแถบตะวันออกกลาง แต่ทว่า...ลูกชายของฉันนอกจากจะไม่ฟังคำทัดทานของฉันแล้วยังดูท่าว่าอยากจะไปเสียเต็มที“แม่ครับอย่าร้องไห้ซิ ถ้าแม่คิดถึงก็บินไปพี่แดนได้นี่น่าเดี๋ยวพี่แดนให้ท่านปู่ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ หรือเอาไว้ถ้าพี่แดนฝึกขับเครื่องบินเก่งแล้วเมื่อไรเดี๋ยวเอาไว้พี่แดนบินกลับมาหาดีไหมครับ” ลูกชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตเริ่มเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่มแถมรูปร่างยังสูงมากกว่าฉันโอบกอดปลอบฉัน จนกลายเป็นฉันที่ซุกหน้าเข้ากับอกลูกเหมือนเด็กน้อยแทน“ฮืออออ ~~ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลยนี่ครับ” ฉันยังกอดลูกชายแน่นโดยที่ด้านหลังของเขาได้มีร่างของผู้ชายที่เป็นพ่อสามีฉันมายืนรอรับลูกชายของฉันไป“พี่แดนก็ยังอยู่กับแม่เสมอนะครับ” ลูกชายตัวน้อยที่เคยจ้ำม่ำใช้มือที่ใหญ่ขึ้นปาดน้ำตาของฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานที่เหมือนกับพ่อและปู่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ไม่ต้องห่วงนะ เรารับรองได้เลยว่าเราจะดูแลแดเนียลให้ดีที่สุด” ท่า
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ~~ฉันได้รับอนุญาตจากพี่น้ำค้างให้กลับบ้านได้แล้ว และทันทีที่ถึงบ้านฉันที่มัวแต่เป็นห่วงลูกในท้องจนเพิ่งจะมานึกออกถึงเรื่องของแม่ตัวเอง“พี่ดีนค่ะ...” ฉันเรียกชื่อผู้เป็นสามีเบา ๆ ก่อนจะเสหน้าหลบเล็กน้อยด้วยความลังเลที่เกิดขึ้นว่าควรจะถามออกไปดีไหม เนื่องจากกลัวว่าเขาอาจจะยังโกรธเคืองแม่ของฉันอยู่“ว่าไงครับ...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หรือว่ายังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ให้พี่พาไปโรงพยาบาลเอาไหม” ส่วนพี่ดีนที่ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลเขาดูแลฉันไม่ห่างกาย แม้ว่าจะได้รับคำยืนยันจากปากหมออย่างพี่น้ำค้างแล้วว่าทั้งฉันและลูกปลอดภัยดี แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขายังมีความกังวลอยู่“ปะ...เปล่าค่ะ ลินไม่เจ็บแล้วค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธออกไป ก่อนจะทำท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆแต่ทว่า...เขาที่มักจะรู้ใจฉันดีว่าฉันคิดอะไรและกังวลใจเรื่องอะไรอยู่ ก็ได้พูดออกมาก่อน“จะถามเรื่องแม่ของลินใช่ไหม” เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเหมือนกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร และนั่นก็ทำให้ฉันพยักหน้ารับออกไปทันที“พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับลินและลูกอีก” คนตัวโตพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน“พะ...พี่ดีนทำ
“ไม่มีเหรอ...ชิ...ดูสภาพแกตอนนี้จะมาบอกว่าไม่มีเงินใครหน้าไหนมันจะไปเชื่อ ผัวแกทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหน ทำไม...คนเป็นแม่อย่างฉันจะมาขอค่าน้ำนมหน่อยไม่ได้หรือไง...ห๊ะ!! ยัยลิน!!” แม่ฉันระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับตรงเข้ามาบีบแขนฉันแน่น“มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยนะคะ เขาจะรวยมันก็เงินเขาหามา” ฉันที่ทนให้แม่บีบแขนอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามันจะเจ็บมากก็ตาม แต่ทว่า...มันไม่ได้เจ็บไปมากกว่าที่หัวใจฉันเจ็บตอนนี้เลยและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พี่ริกที่วิ่งมาทางพวกเราพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกับคุณดีน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจเท่ากับผู้หญิงตรงหน้า“เกี่ยวซิ...ทำไมจะไม่เกี่ยวฉันเป็นแม่ของแก เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของแก แต่แกไม่คิดจะตามหาฉันมาร่วมงานแต่งงานของแกเลยสักนิด...เหอะ...ปล่อยให้ฉันต้องทนลำบากอยู่ได้ตั้งนาน” แม่ฉันพูดพลางมองบริษัทของคุณดีนไปทั่วด้วยแววตามีความหมายส่วนฉันที่แม้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันดีใจมากแค่ไหนในแวบแรกที่ได้เจอแม่ แต่พอได้มาเห็นพฤติกรรมของท่านที่ไม่เหลือเค้าคนเป็นแม่ที่ฉันเคยรู้จัก มันก็ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าฉันไม่ควรขุดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่เคยมีต่อตัวท่