โดยเฉพาะเมื่อความกังวลใจที่ก่อตัวขมุกขมัวอยู่ในหัวผม มันจะทำให้หัวใจของผมร้อนดั่งไฟสุ่ม แต่ผมกลับต้องเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจอะไรและปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วความรู้สึกของผมตอนนี้...มันเจ็บปวดเหมือนหัวใจกำลังถูกกระชากออกไปจากอก มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกแย่งของรักไป และด้วยความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ทำให้ผมว้าวุ่นใจจนเผลอคิดอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจองจำเธอเอาไว้ไม่ให้เธอได้ตกไปเป็นของใคร......อย่างที่ใจผมกำลังหวาดกลัว...โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงเขาคนนั้น...คนที่ผมรู้ดีว่าถ้าหากเขาคนนั้นอยากจะครอบครองเธอขึ้นมามีหรือที่คนระดับนั้นจะไม่สามารถเอาเธอไปครอบครองได้ อีกทั้งด้วยหน้าตาและสถานะของเขามันไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งหวั่นไหว เพราะเขาที่ทั้งติดอันดับความรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศแถมพ่วงด้วยตำแหน่งหนุ่มหน้าตาทรงเสน่ห์ติดท็อปเท็นระดับทวีปและด้วยคุณสมบัติพรีเมียมระดับนี้ มีหรือที่คนหน้าตาดีในระดับชนชั้นกลาง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ระดับพอมีพอกินอย่างผมจะไปสู้เขาได้เพราะถ้าเทียบกับเขาคนนั้นแล้ว...ผมมันก็คือไอ้กระจอก!! ดี ๆ นี่เองผมเดินซึม
“ฮ่าๆๆๆๆ ... / คริคริๆๆๆ”“โอ๊ยยยยย ~~ น่าอายชะมัด” (>////ผมที่ถึงกับรีบเอามือปิดหน้าหัวพิงเบาะรถหนีอายพร้อมกับบ่นอุบกับตัวเอง(หมดกันไอ้ราม เอ๊ยยยย...ภาพลักษณ์ที่เคยสร้างไว้ต่อหน้าน้องลิน...มาหมดเอาวันนี้นี่แหละ...กูจะบ้า!!)“คริคริ...นี่พี่รามหิวขนาดนี้เลยเหรอคะ งั้นไปกินข้าวพร้อมกันกับลินเลยดีไหม ตอนแรกลินก็ตั้งใจจะลงมาหาอะไรกินอยู่พอดีเลยค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสวยใสก็ยังคงหัวเราะคิกคักไม่หยุดให้กับเสียงท้องร้องของผม อีกทั้งเธอยังเอ่ยปากชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับเธอ...ด้วยโอกาสบวกกับความสบายใจที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธความปรารถนาดีของเธอได้เลย นั่นจึงทำให้ผมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับเธอไป ส่วนเธอเองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าสดใสพร้อมกับเอ่ยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง“เดี๋ยวมือนี้ลินเป็นเจ้ามือเองค่ะ...ตอบแทนที่พี่รามดีกับลินตลอดมาด้วย” หญิงสาวยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่เล็กจนโต และมันยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น“ได้เลย...เดี๋ยวพี่จะถล่มให้ยับเลย...ฮึบ” ผมที่มอบใบหน้ายิ้มแย้มดวงนั้นด้วยความสุขใจก่อนจะแกล้งเย้าเธอไปพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งแล้ว
ด้วยความคิดที่ว่าคำตอบนี้ของฉันที่คิดมาแล้วว่าสมเหตุสมผลที่สุด เพราะมันมีทั้งความจริงที่ว่าฉันเป็นหนี้เขาคนนั้นจริง ๆ และฉันก็ต้องไปชดใช้จริง ๆ ด้วยคำอ้างเหล่านั้นก็ทำให้พี่รามหลังจากได้ฟังฉันพูดจบ เขาก็ถึงกับอุทานออกมาดังลั่น...“ห๊ะ...ไปทำของเขาเสียหาย ละ...แล้วน้องลินไปทำของอะไรเขาเสียหายแล้วเสียหายเท่าไรกันครับ” พี่รามถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับนึกขึ้นในใจว่าถ้าหากไม่มากมายเกินไปเขาเองก็ยินดีจะช่วยหญิงสาว เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวหรือใกล้ชิดกับเขาคนนั้นอีกสิ้นประโยคคำถามของคนที่ฉันเคารพรักเสมือนพี่ชาย ฉันก็ค่อย ๆ ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว พร้อมกับยิ้มแหย ๆ ส่งไปให้เขา“ฟู่วววว ~~ แสนหนึ่งเองเหรอครับ เฮ้ออออ ~~ งั้นเดี๋ยวเอาเงินพี่ไปจ่ายหนี้เขาก่อนก็ได้ครับ น้องลินจะได้ไม่ต้องไปอยู่กับคนแบบเขา”พี่รามที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นเข้าใจผิดไปไกลมากแค่ไหน“แหะ ๆ ไม่ใช่หนึ่งแสนค่ะ แต่เป็น...หนึ่งล้าน...” ฉันที่ทำเป็นยิ้มหน้าเจื่อน (ทั้งที่ความจริงก็เจื่อนไม่ต่างกัน) ให้เขาทันที พร้อมกับหดมือที่ชูก่อนหน้านี้ลงไป โดยที่แม้จะรู้สึกผิดในใจแต่ก
“เออ...ก็...เห็นเมื่อวานน้องลินบอกว่าวันนี้จะต้องย้ายของไปที่อยู่ใหม่ใช่ไหมครับ พี่ก็เลยกะว่าจะมาช่วยน้องขนน่ะ” พี่รามที่เอ่ยถึงความจริงใจที่เขามีให้กับฉันด้วยท่าทีเคอะเขินเพราะนอกจากความปรารถนาดีที่เขามีต่อหญิงสาวตรงหน้าแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาใช้การช่วยขนของย้ายที่พักมาอ้างกับเธอ เนื่องจากเขาเองก็อยากรู้ว่าสาวเจ้าที่เขาแอบรักเธอจะย้ายไปอยู่ที่ไหน และอยากจะรู้ด้วยว่ามันจะสะดวกสบายหรือปลอดภัยดีไหม เพราะถึงแม้ว่าเธอจะย้ายไปเพราะต้องทำงานกับเขาคนนั้น แต่มันยังมีเรื่องที่เธอต้องไปอยู่เพื่อชดใช้หนี้สินที่เธอก่อขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าเธอจะถูกนำไปอยู่ในสถานที่ที่คล้ายกับคุกกักขังพวกลูกหนี้อะไรทำนองนั้นหรือเปล่า“ไม่ต้องหรอกค่ะ...ลินจัดการเองได้ อีกอย่างของก็ไม่ได้มีอะไรมากด้วยค่ะ ลินขอรับไว้เพียงแค่น้ำใจก็พอนะคะ” ฉันรีบเอ่ยตอบปฏิเสธพี่รามกลับไป เนื่องจากยังรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เขาเป็นห่วงวิ่งวุ่นตามหาฉันทั้งคืนตั้งแต่เมื่อวันวานนั้น แล้วอีกอย่างทางว่าที่เจ้านายคนใหม่ของฉันเขาเองก็ได้เอ่ยปากจะส่งคนมาช่วยขนของให้ฉันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นยิ่งไม่ต้องรบกวนคนตรงหน้านี้กันไปใหญ่“นี
แต่เวลาของคนรอมันมักเคลื่อนคล้อยไปอย่างเชื่องช้าเสมอ เพราะความรู้สึกที่แสนยาวนานในขณะที่ผมรอกระทั่งจวบจนแสงของรุ่งอรุณวันใหม่ฉายพาดเข้ามาในห้องนอนบนเพนท์เฮ้าส์สุดหรูมันช่างทรมานเหลือเกิน ทั้งที่โดยปกติแล้วผมมักจะเกลียดแสงที่สาดเข้ามากระทบใบหน้าหล่อ ๆ ของผมยามเช้าแบบนี้แต่ทว่า...ด้วยความรู้สึกคะนึงหาและรอเวลาที่จะได้พบใครสักคน ทำให้แสงแดดยามเช้าของวันนี้มันช่างดูอบอุ่นสดใสจนทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความกระปรี้กระเปร่ามากกว่าวันไหน ๆ เสียอีกผมปรายตามองดูนาฬิกาที่บ่งบอกตัวเลขของเวลาว่าเพิ่งจะผ่านพ้นช่วงเวลารุ่งสางมาได้เพียงไม่นานเท่าไรนัก พร้อมกับนึกในใจไปถึงเวลานัดระหว่างผมกับเธอคนที่เข้ามาปั่นป่วนหัวใจของผมทั้งคืนว่าเราทั้งสองคนได้นัดเจอกันในช่วงสาย ๆ ของวันนี้แต่ทว่า...มีหรือที่คนอย่างผม ดีแลน เกรียงไกรไพศาลทรัพย์ คนนี้ จะมานั่งรอเวลาเพื่อทรมานหัวใจของตัวเองไปเปล่า ๆ เพราะคนอย่างผมนั้นมันมักเลือกที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเองมากกว่าและเมื่อผมที่คิดได้ดังนั้นก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนเกรดพรีเมียมทันทีด้วยความกระฉับกระเฉง แล้วตรงดิ่งเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปตามเสียงเรียกร้องของ
“กูบอกแล้วใช่ไหมว่า...อย่า...ประชด!!” คนตรงหน้ากดเสียงต่ำพร้อมกับจ้องมองมาด้วยไฟโทสะปะทุ ก่อนที่เขาจะจัดการอุ้มฉันพาดขึ้นบ่าแล้วตรงไปที่รถสปอร์ตสุดหรูที่จอดติดเครื่องเอาไว้ทันที“ว๊ายยยย ~~” ฉันร้องด้วยความตกใจเนื่องจากตัวเองโดนอุ้มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวตุบๆๆ เพี๊ยะๆๆ“ปล่อย ปล่อยฉันนะ...ฮึก...ฮึก นายจะมาทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ ฮึก...ฮึก” ฉันที่ทั้งดิ้นทั้งร้องทั้งทุบทั้งตีคนตัวโตที่กำลังถูกไฟอารมณ์ครอบงำ แต่ทว่า...คนตัวโตนั้นกลับไม่มีทีท่าจะลดความเกรี้ยวกราดลงเลยแม้แต่น้อยปึก...!!“โอ๊ยยยยย ~~”ปัง...!!ฉันที่ถูกจับยัดให้เข้าไปอยู่ในรถถึงกับร้องออกมาหลังจากที่หัวโขกเข้ากับขอบประตูรถ และทันทีที่เขาปิดประตูรถฝั่งฉัน เขาก็สาวเท้าก้าวไปยังด้านนั่งคนขับทันทีปึก...ปัง...!!แรงปิดประตูฝั่งคนขับที่ดังลั่น บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าของแรงเหวี่ยงประตูนั้นกำลังเดือดดาลมากแค่ไหนและฉันที่เมื่อตั้งสติจากการมึนหัวได้ก็เตรียมจะเอื้อมมือออกไปจับที่เปิดประตูเพื่อจะเปิดออกไป แต่ทว่า...เสียงล็อกประตูและเสียงเหี้ยมที่เอ่ยเตือนตามมาก็ทำให้ฉันถึงกับต้องหยุดมือเอาไว้แค่ตรงนั้น“ถ้ามึงคิดจะลงไป...กูจะส่งมึงไปขายชา
“ฮือออออ ~~”ฉันที่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาไม่ขาดสายด้วย ณ ตอนนี้ที่ตัวเองเริ่มจะรู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังมีความรู้สึกกลัวปะปนอยู่ในนั้น มันเป็นความรู้สึกกลัวอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขา กลัวว่าเขาจะทำให้ฉันเหมือนกับมีความสุขอยู่บนสวรรค์แล้วจู่ ๆ เขานั้นก็กระชากฉันลงมาทำร้ายให้เจ็บปวดใจอีกก่อนที่ฉันจะปล่อยตัวเองให้ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาสักพัก จากนั้นก็ค่อย ๆ ผละตัวออกมาจากอกเขาแล้วนั่งตัวตรงตามเดิม หลังจากที่จัดการตัวเองให้กลับมามีสภาวะทางอารมณ์เป็นปกติแล้วพร้อมกันนั้นฉันที่ต้องการไขข้อสงสัยในสิ่งที่ตนอยากรู้ก็ไม่รอช้าที่จะเปิดปากถามคนข้าง ๆ ออกไป...“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม...” ฉันถามออกไปอย่างไม่เต็มเสียงมากนักด้วยความอยากรู้ว่าทำไมเขาที่ทำเหมือนจะขย้ำฉันให้ตาย แต่จู่ ๆ ก็พาฉันให้มาดื่มด่ำบรรยากาศที่สวยงามดั่งภาพวาดที่อยู่ตรงหน้านี้“ก็อยากพามา...” ส่วนเขาที่ตอบเพียงสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อีกทั้งยังคงเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มของฉันอยู่ด้วยสัมผัสที่แผ่วเบา“...............”ส่วนฉันที่กับอึ้งพูดไม่ออกหลังจากได้ฟังคำตอบของเขา ด้วยเพราะคำพูดเหล่านั้นมันช่างขัดกับการกระทำก่อนหน้า
“ทำไมถึงถามแบบนี้ละ??”ก่อนที่คนตัวโตจะถามกลับด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความน้อยใจ อีกทั้งสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จนแม้ว่าการแสดงออกของเขานั่นในสายตาฉันมันจะดูน่าสงสาร แต่ฉันก็จำเป็นที่ต้องรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาให้ได้“ตอบลินมาเถอะค่ะ...เพราะถ้าคุณแค่นึกสนุกเห็นลินเป็นแค่ของเล่นคลายเหงาเพื่อลดหนี้ที่ลินไม่ได้ก่อละก็ ลินเองก็จะยอมรับมันแต่โดยดี...แต่ว่า...ลินขอร้องได้ไหมคะ...คุณดีแลนอย่าได้มาเล่นกับความรู้สึกของลินเลยนะ ลินรับมันไม่ไหวจริง ๆ และอีกอย่างหนึ่งลินเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตมีจิตใจต้องการอิสระในการใช้ชีวิตเช่นกัน ดังนั้นคุณดีแลนอย่าใช้หนี้สินเป็นข้ออ้างมากักลินเอาไว้แล้วให้ลินได้ชดใช้ให้คุณด้วยวิธีที่เหมาะสมเถอะค่ะ” ฉันหันหน้าไปเผชิญหน้าเขาตรง ๆ พร้อมกับบอกออกไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ข้างในและทันทีที่สิ้นคำพูดที่อยู่ในใจของฉันแล้ว เขาที่จ้องหน้าฉันกลับพร้อมกับนิ่งเงียบอย่างคนที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจ กระทั่งเมื่อคำตอบถัดไปที่ออกมาจากปากทรงเสน่ห์ของเขานั้นได้ทำให้ฉันถึงกับหน้าชาไปไม่เป็น...“ฉันคิดว่าฉันชอบเธอ...ลิน”(OoO) และประโยคเพียงสั้น ๆ ที่ถูกคนตรงหน
สองเดือนผ่านไป ~~“มึงได้ข่าวลินบ้างไหมว่ะ” ผมเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกครั้งยามที่มันเอาเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน“ยังเลยครับนาย แต่ผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกน้องเลิกตามหาเลยนะครับ ทุกครั้งที่มีเบาะแสผมจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองตลอด เพียงแต่ว่า...” ริกพูดรายงานเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง อีกทั้งในน้ำเสียงนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาคนที่เป็นดั่งหัวใจของเจ้านายตัวเอง เพียงแต่ว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยและไร้วี่แววเสมือนกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนบนโลกใบนี้“แล้วรามพี่ชายของลินล่ะ มึงได้ตามไปดูไหมเผื่อว่าเมียกูจะไปอยู่กับเขา” ผมถามไปถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทผมไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะยกขวดแก้วใสที่ใส่น้ำสีอำพันสีเข้มกระดกปล่อยให้ของเหลวดีกรีร้อนแรงไหลลงคอต่อไป อย่างที่ต้องการจะให้มันได้เข้าไปดับความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในให้บรรเทาเบาบางลงได้บ้างริกมองสภาพเจ้านายของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ภาพของชายหนุ่มที่เคยสง่างามมีออร่าเปล่งประกายแต่ทว่า...ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนพเนจรไร้จุดหมา
ดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งเมื่อความทรงจำสุดท้ายได้พาดผ่านเข้ามาในโสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันถึงกับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตกใจ“ทะ...ที่นี่ที่ไหนกัน” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อพบว่าภาพบรรยากาศตรงหน้านั้นไม่เหมือนกับภาพของสถานที่สุดท้ายที่ตัวเองได้หมดสติลงไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสถานที่ตอนนี้ฉันเหมือนกับอยู่บ้านพักที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่สถานีขนส่งอย่างก่อนหน้านี้จากนั้นเมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ได้ฉายวาบเข้ามาในหัวใจทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนที่ใจร้ายด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะหนีจากเขาคนนั้นไม่พ้น และถูกเขาจับตัวกลับมาทรมานอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำและในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกกังวลอยู่นั้น...เสียงที่เหมือนกับว่าจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่ฉันได้ยินก่อนจะหมดสติไปก็ได้ดังขึ้นมาทันที“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณลลิน เป็นยังไงบ้างครับยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้เรียกหมอให้มาตรวจดูอาการให้ครับ” ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาในแบบสไตล์ผู้ชายไทยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร
“มะ...ไม่มี...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”พี่น้ำค้างที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกทั้งยังรีบลนลานเดินไปหายังห้องน้ำด้วยความร้อนใจ เพื่อหวังว่าจะพบร่างเมียรักของผมอยู่ในนั้นแต่แล้วทันทีที่พี่น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วพบเข้ากับความว่างเปล่าเหมือนที่ผมเจอ...เธอก็เริ่มงึมงำกับตัวเองอีกครั้งทันที...ใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดของผู้เป็นพี่สาว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่มีความหวังในตอนแรกเพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สิ่งที่พี่สาวกลั่นแกล้งตนเท่านั้น เริ่มที่จะหวาดหวั่นในใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริง“หะ...หาย...หายไปได้ยังไงก็ในเมื่อตอนแรกก่อนที่ฉันจะออกไปก็ยังเห็นนอนหลับอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” พี่น้ำค้างหันมาถามผมแทนอีกทั้งสีหน้ายังแสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บนพื้นจะเต็มไปด้วยของกินที่นำมาฝากคนป่วยที่บัดนี้ได้กระจัดกระจายหล่นเต็มไปทั่วทั้งพื้นเนื่องจากคนถือตกใจจนทำร่วงหล่น“นี่พี่ไม่รู้เรื่องที่ลินหายไปจริง ๆ เหรอ” ผมที่ยังคงคลางแคลงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยเอ่ยถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่การแสดงจากพี่สาว“ไอ้ดีน!! นี่แกจะบ้าเหรอ!! ฉันเนี้ยน่ะจะร
--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมจัดการชำระแค้นเรียบร้อย แม้ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้และค่อนข้างจะผิดแผนไปนิด แต่ทว่า...คนที่ควรจะได้รับบทลงโทษก็สมควรได้รับหมดแล้ว และคงเหลือแค่เพียงผมเท่านั้นที่ต้องกลับไปรับโทษทัณฑ์จากคนที่ผมรักสุดหัวใจด้วยความเต็มใจสักทีผมจัดการควบรถหรูคู่ใจพุ่งทะยานไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจปรารถนา และหวังเพียงว่าจะไปได้ทันพอที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมปรารถนาที่จะให้เธอตื่นมาพบกับผมเป็นคนแรกเพื่อที่ผมจะได้เสนอหน้าให้เธอเห็นแม้ว่าเธอจะไม่พอใจก็ตาม...ผมใช้เวลาไม่นานมากนักเจ้ารถหรูคู่ใจก็ได้พาผมมายังจุดมุ่งหมายปลายทางพร้อมกับหัวใจที่พองโตด้วยความคิดถึงคนร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง อีกทั้งตลอดระยะทางที่ขับรถมาผมก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะผมเองนั้นก็ได้ใช้เวลาช่วงนั้นในการขบคิดหาวิธีที่จะงอนง้อขอคืนดีกับเมียรักมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจและตั้งใจเอาไว้ว่าจะยอมรับผลของการกระทำแต่โดยดีถ้าหากเธอจะยังไม่ยอมให้อภัยในตอนนี้...ณ โรงพยาบาลชานเมืองหัวใจที่เบิกบานพองโตส่งให้เท้ายาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่ข้างในกำลั
ณ โรงพยาบาลชานเมือง--- ลลิน Talk ---“นะ...น้ำ...ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบแห้งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ทำให้คนที่นั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ๆ ถึงกับรีบกุลีกุจอถามฉันทันที“น้องลิน...พี่อยู่นี่แล้วค่ะ” พี่น้ำค้างรีบเดินมาลูบหัวฉันเบา ๆ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจยามที่เห็นสภาพอิดโรยของฉัน และยิ่งเจ็บใจเมื่อพานคิดไปว่าที่ฉันต้องมีสภาพเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฝีมือของน้องชายตัวเอง“พะ...พี่น้ำค้าง ละ...ลินขอน้ำกินหน่อยค่ะ” ฉันปรือตามองพร้อมกับขยับเรียวปากอีกครั้งถึงความต้องการของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้รู้สึกริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด“อะ...อ๋อ...ได้จ้ะ...ได้” จากนั้นพี่น้ำค้างก็รีบหยิบน้ำให้ฉันกิน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวเผยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องรีบบอกออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้“อ่ะ...น้องลินค่อย ๆ นะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ” พี่น้ำค้างรีบเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้นนั่งตามความต้องการของฉัน ก่อนที่เธอจะกดปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ฉั
“กรี๊ดดดดดด ~~ อีลลินมันก็สกปรก มันก็นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไม!! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่สกปรกล่ะ ไม่...ไม่...ฉันไม่สกปรก ฉันสวย ฉันเพียบพร้อม ฉันมีหน้ามีตาในสังคม ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ยางอาย ฉันคือนางฟ้าของวงการไฮโซ กรี๊ดดดดดด ~~”เสียงหวีดร้องและอาการที่เหมือนกับคนไร้สติของหญิงสาวที่กรี๊ดออกมาไม่หยุดอย่างคนที่จบสิ้นแล้วทุกอย่างก็ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ถึงกับทรุดตัวลงตามเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยกันเนื่องจากสงสารลูกของตนเอง“มายา อย่าเป็นแบบนี้ซิลูก ฮือออออ ~~”“โธ่...มายา พ่อขอโทษ ฮึก...ฮึก ไปกันเถอะนะลูกใครไม่รักแต่พ่อรักลูกนะ”เสียงปลอบจากผู้สูงวัยทั้งสองที่ผลัดกันพูดกับคนที่ต่างฝ่ายต่างรักเหมือนกัน แต่น่าสงสารที่คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะไปไม่ถึงหัวใจของคนที่ตนรักเลย เมื่อคำผรุสวาทที่ออกมาจากปากของหญิงสาวในประโยคถัดมาทำให้แม้กระทั่งผมยังตัวชาเพราะไม่คิดว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้“รักเหรอ...พ่อพูดคำนั้นออกมาได้ไงห๊ะ!! ไอ้พ่อไร้ประโยชน์!! แค่ลบล้างอดีตของกูยังทำไม่ได้มึงมีสิทธิ์อะไรมาอ้างความเป็นพ่อกับกู...ฮึก...ฮึก...มึงมันก็คิดถึงแค่หน้าตา แค่อำนาจ แค่ตำแหน่งจอมปลอมที่มีเอาไว้เชิด
ภาพแผ่นหลังของพ่อแม่ที่ต่างพากันประคองลูกสาวให้เดินออกไป แม้ว่าตัวผมจะรู้สึกขัดใจที่ไม่อาจลงโทษตัวตนเรื่องได้อย่างสาสมอย่างที่ใจต้องการ แต่เพราะเห็นแก่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อหญิงสาวบวกกับในฐานะที่ผมเกือบจะได้เป็นพ่อคนนั้น จึงทำให้ผมเลือกที่จะกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วปล่อยพวกเขาไปและในขณะที่พวกเขากำลังกึ่งดึงกึ่งลากลูกสาวของตนออกไปอยู่นั้น“ปล่อยหนูนะ...บอกให้ปล่อย!!” มายาที่สะบัดแขนพ่อแม่ของตนทิ้ง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว“นี่ไง...กูกลับมาเจอหน้ามึงอีกครั้งแล้วนี่ไง ฆ่ากูเลยซิ!! ฆ่ากูเลย” ดวงตาเฉี่ยวจ้องมองผมอย่างแข็งกร้าว อีกทั้งยังกำมือแน่นอย่างไม่ยินยอมและไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย“มายา...มึงอย่าท้ากูนะ!!” ผมชี้ปลายดาบที่ขึ้นสีเงินวาวตรงไปยังหน้าหญิงสาวที่ท้าทายด้วยความรู้สึกที่ไม่ประหวั่นกับคำท้านั้นเช่นกัน“กูไม่ได้ท้า แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิ หรือว่าความจริงแล้วมึงมันก็น่าตัวเมียเหมือนนิสัย!!” และคำพูดหญิงสาวที่เหมือนกับน้ำมันเติมเชื้อไฟโทสะก็ได้ราดรดลงมาสุมไฟที่ยังไม่มอดไหม้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง“ฮึ่ม...พวกมึงมาเอาลูกมึงไปให้พ้นหน
หญิงสาวที่มีความแค้นคับแน่นอยู่ในอกเพราะไม่เหลือซึ่งความหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งส่งให้เธอระเบิดความบ้าคลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด“ฮือออออ ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงโว้ยยยยย...หึ...ดีแลนมึงอะมันหน้าโง่เหลือเกินทั้งที่มีกูที่เพียบพร้อมแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาในวงสังคม บารมีของครอบครัวที่จะช่วยหนุนมึงให้ขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่มึงก็เสือกไปเลือกมัน...อีคนชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังกำพร้าพ่อแม่อีกอย่างอีลลิน กูถามหน่อยเถอะว่านอกจากความซิงของมันแล้ว มันยังมีอะไรดีกว่ากูงั้นเหรอ...ห๊ะ!!”ความรู้สึกในใจพรั่งพรูออกมาจากปากของมายาที่เปลี่ยนจากร้องไห้เสียใจเป็นหัวเราะใส่หน้าผมอย่างคนบ้าคลั่ง พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก่อนที่เธอจะลอยหน้าลอยตาเย้ยหยันใส่ผมอย่างไม่เหลือมาดคุณหนูผู้ใสซื่ออีกต่อไป“หึ...มึงมันก็เหมือนกับไอ้พวกผู้ชายใจหมาพวกนั้นนั่นแหละที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น มึงก็แค่หลงอีลลินเพียงเพราะว่ามันมีสิ่งที่กูไม่มีนั่นก็คือความสดใหม่เท่านั้นเอง คนอย่างมึงมันก็เห็นค่าผู้หญิงแค่เท่านั้นนั่นแหละ มึงมันก็เหมือนกับผู้ช
ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ได้รับรู้มาถึงวีรกรรมของบริกรสาวคนนี้ที่มักจะชอบอาสาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายของมายาทำเรื่องชั่ว ๆ ให้ตลอดเพื่อแลกกับเงิน โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกวางยาเพื่อส่งไปสนองตัณหาของเจ้าของร้าน และเพราะด้วยอิทธิพลที่มีไม่น้อยของคนบงการจึงทำให้เหล่าบรรดาสาว ๆ ที่โดนวางยาต่างไม่กล้าไปแจ้งความและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป“อะ...เอ่อ...คะ...คือ” ก้อนคำพูดขึ้นมาติดอยู่ที่ลำคอของบริกรสาวทันทีอย่างคนมีพิรุธ และด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออกมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอด“หึ...มึงไม่ต้องมาอ้ำอึ้งกูถามว่ามือไหน...มึงก็แค่ตอบคำถามกูมาแล้วกูจะพิจารณาไว้ชีวิตมึง” ผมถามย้ำเสียงเย็นด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน“มะ...มือ...มะ...ไม่มี...หนูไม่ได้ทำ” สายตาเลิ่กลั่กอีกทั้งเหงื่อกาฬที่ผุดไหลเต็มหน้าบ่งบอกได้ดีเลยว่าบรรดาความชั่วทั้งหลายที่มันเคยทำเอาไว้ในอดีตบัดนี้ได้ทยอยผุดขึ้นมาตอกย้ำความชั่วของมันแล้วส่วนผมที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์เต็มทีก็ได้ตัดความรำคาญพยักหน้าให้ลูกน้องจับมือของบริกรสาวเอามาวางไว้ต่อหน้าผม และด้วยอารามของค