“ฮือออออ ~~”ฉันที่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาไม่ขาดสายด้วย ณ ตอนนี้ที่ตัวเองเริ่มจะรู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังมีความรู้สึกกลัวปะปนอยู่ในนั้น มันเป็นความรู้สึกกลัวอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขา กลัวว่าเขาจะทำให้ฉันเหมือนกับมีความสุขอยู่บนสวรรค์แล้วจู่ ๆ เขานั้นก็กระชากฉันลงมาทำร้ายให้เจ็บปวดใจอีกก่อนที่ฉันจะปล่อยตัวเองให้ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาสักพัก จากนั้นก็ค่อย ๆ ผละตัวออกมาจากอกเขาแล้วนั่งตัวตรงตามเดิม หลังจากที่จัดการตัวเองให้กลับมามีสภาวะทางอารมณ์เป็นปกติแล้วพร้อมกันนั้นฉันที่ต้องการไขข้อสงสัยในสิ่งที่ตนอยากรู้ก็ไม่รอช้าที่จะเปิดปากถามคนข้าง ๆ ออกไป...“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม...” ฉันถามออกไปอย่างไม่เต็มเสียงมากนักด้วยความอยากรู้ว่าทำไมเขาที่ทำเหมือนจะขย้ำฉันให้ตาย แต่จู่ ๆ ก็พาฉันให้มาดื่มด่ำบรรยากาศที่สวยงามดั่งภาพวาดที่อยู่ตรงหน้านี้“ก็อยากพามา...” ส่วนเขาที่ตอบเพียงสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อีกทั้งยังคงเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มของฉันอยู่ด้วยสัมผัสที่แผ่วเบา“...............”ส่วนฉันที่กับอึ้งพูดไม่ออกหลังจากได้ฟังคำตอบของเขา ด้วยเพราะคำพูดเหล่านั้นมันช่างขัดกับการกระทำก่อนหน้า
“ทำไมถึงถามแบบนี้ละ??”ก่อนที่คนตัวโตจะถามกลับด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความน้อยใจ อีกทั้งสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จนแม้ว่าการแสดงออกของเขานั่นในสายตาฉันมันจะดูน่าสงสาร แต่ฉันก็จำเป็นที่ต้องรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาให้ได้“ตอบลินมาเถอะค่ะ...เพราะถ้าคุณแค่นึกสนุกเห็นลินเป็นแค่ของเล่นคลายเหงาเพื่อลดหนี้ที่ลินไม่ได้ก่อละก็ ลินเองก็จะยอมรับมันแต่โดยดี...แต่ว่า...ลินขอร้องได้ไหมคะ...คุณดีแลนอย่าได้มาเล่นกับความรู้สึกของลินเลยนะ ลินรับมันไม่ไหวจริง ๆ และอีกอย่างหนึ่งลินเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตมีจิตใจต้องการอิสระในการใช้ชีวิตเช่นกัน ดังนั้นคุณดีแลนอย่าใช้หนี้สินเป็นข้ออ้างมากักลินเอาไว้แล้วให้ลินได้ชดใช้ให้คุณด้วยวิธีที่เหมาะสมเถอะค่ะ” ฉันหันหน้าไปเผชิญหน้าเขาตรง ๆ พร้อมกับบอกออกไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ข้างในและทันทีที่สิ้นคำพูดที่อยู่ในใจของฉันแล้ว เขาที่จ้องหน้าฉันกลับพร้อมกับนิ่งเงียบอย่างคนที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจ กระทั่งเมื่อคำตอบถัดไปที่ออกมาจากปากทรงเสน่ห์ของเขานั้นได้ทำให้ฉันถึงกับหน้าชาไปไม่เป็น...“ฉันคิดว่าฉันชอบเธอ...ลิน”(OoO) และประโยคเพียงสั้น ๆ ที่ถูกคนตรงหน
กระทั่งเมื่อรถสปอร์ตคันงามเลี้ยวเข้ามายังโครงการคอนโดสุดหรูใจกลางเมืองและด้วยความยิ่งใหญ่บวกกับความสวยงามอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้ฉันได้แต่มองเพลินจนเผลอลืมไปเลยว่าเขาต้องพาฉันไปยังที่พักใหม่ของฉัน ไม่ใช่พาเลี้ยงเข้ามาที่หรู ๆ แบบนี้และทันทีที่รถสปอร์ตจอดยังชั้นจอดรถที่กว้างใหญ่เสมือนกับว่าทำไว้ให้เขาโดยเฉพาะเท่านั้น...สติที่เหม่อลอยไปความสวยงามอลังการของวัตถุของฉันนั้นก็พลันกลับคืนสติมาในทันที“เอ๊ะ!!...เอ่อ...คุณดีแลนค่ะมาแวะเอาของเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามเขาพร้อมกับฝึกเรียกชื่อเขาให้ชินปาก เนื่องจากพรุ่งนี้ฉันก็ต้องเริ่มไปทำงานกับเขาแล้ว จะมาเรียกนาย ๆ เรียกห้วน ๆ ไม่ได้เดี๋ยวใครมาได้ยินเขา เขาจะหาว่าฉันยกตนเสมอนาย“อืม...เธอเองก็ลงมาด้วยสิเห็นมองนู้นมองนี้ไม่หยุด...อ่อ...แล้วก็เรียกฉันว่า ดีน ก็พอดีแลนมันดูห่างเหินเกินไปหน่อย” เขาที่จะบอกฉันพร้อมกับเดินนำทางฉันไปฉันที่รู้สึกลังเลในตอนแรกเล็กน้อย แต่ด้วยความกว้างของลานจอดรถและความเงียบวังเวงจนดูน่ากลัวก็ทำให้ฉันตัดสินใจเลือกเดินตามเขาเข้าไปยังลิฟต์ส่วนตัว พร้อมกับลิฟต์ที่พาขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของคอนโดสุดหรูแห่งนี้และทันทีที่ประตูลิฟต์ได้
“เป็นไงอยู่ได้ไหม หรือว่าจะขึ้นไปอยู่กับฉันที่ชั้นสองก็ได้นะ...ฉันไม่ติด...หึหึ”เขาที่มองฉันสำรวจห้องอยู่สักพัก และเห็นว่าฉันนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาก็ทำให้เขาที่ร้อนใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสาวเจ้าจะไม่ถูกใจกับห้องที่เขาตั้งใจตกแต่งให้ ก็ได้ทำทีเป็นพูดเย้าขึ้นมาจนหญิงสาวตรงหน้าถึงกับหันค้อนขวับ“อยู่ได้ค่ะ...ขอบคุณนะคะ...แล้วก็ของของลินล่ะคะจะมาถึงตอนไหน” ฉันยู่ปากบอกเขาออกไปอย่างนึกหมั่นไส้กับสิ่งที่เขาพูดจากสองแง่สองง่ามก่อนหน้า ก่อนจะเอ่ยถามถึงของของตัวเองเพราะอยากจะจัดของให้เสร็จในวันนี้“ใกล้จะถึงแล้วมั้ง เอางี้แล้วกันฉันเริ่มหิวล่ะเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า แล้วถ้าของเธอมาถึงแล้วเราค่อยกลับเข้ามาใหม่...ดีไหม” เขายืนกอดอกยื่นข้อเสนอด้วยท่าทางสบาย ๆ และด้วยข้อเสนอที่ส่งมานั้น ฉันเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้เนื่องจากว่าตอนนี้ฉันเองก็เริ่มหิวขึ้นมาหน่อย ๆ แล้วหลังจากที่เราตกลงกันแบบนั้น เขาก็ได้พาฉันขับรถไปหาอะไรกินยังห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ เสร็จแล้วเขาก็พาฉันไปหาซื้อเสื้อผ้าที่ดูให้เหมาะสมกับฐานะเลขาข้างกายของเขาอีกเป็นสิบ ๆ ชุด ซึ่งตอนแรกฉันเองก็ยืนกร้านที่จะปฏิเสธไม่รับเนื่องจากเสื้อผ้าฉัน
ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ต่างประเดประดังเข้ามาในห้วงวินาทีนั้น แม้จะเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจในอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ทว่า...กลับมีอยู่หนึ่งอย่างที่ชัดเจนแจ่มแจ้งได้ฉายขึ้นมายังกลางใจของฉัน นั่นก็คือ...ฉันไม่อยากเปลี่ยนแบบนาฬิกาไปเป็นแบบอื่นที่ไม่ใช่รูปแบบที่คล้ายกันกับเขา...และไม่ใช่เพราะว่าฉันกลัวจะได้นาฬิกาใหม่ที่ราคาน้อยกว่าเรือนที่ใส่แต่อย่างใด...แต่มันเป็นเพราะว่า...“ว่าไงล่ะลิน...เธอยินดีจะใส่นาฬิกาแบบเดียวกับฉันไหม หรือว่า...เธออยากจะเปลี่ยนแบบใหม่...เอ่อ...ฉันก็จะตามใจเธอนะ และรับรองได้ว่าฉันจะซื้อให้ในราคาที่ไม่น้อยกว่าเรือนนี้เลย” เขาถามย้ำอย่างต้องการฟังคำตอบด้วยใจที่เต้นระรัว และไม่ใช่ว่าเขาจะกลัวว่าเธอจะเลือกซื้อนาฬิกาใหม่ที่แพงกว่าที่เธอใส่ แต่ทว่า...เขากลัวคำตอบของเธอมากกว่า...เขากลัวว่าคำตอบนั้นจะทำให้เขาต้องผิดหวังหลังจากที่ฉันยืนนิ่งเงียบมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองอยู่สักพัก ฉันก็ได้คำตอบที่แน่ชัดกับตัวเองแล้วว่าฉันควรจะตอบเขากลับไปอย่างไรดี“กลับบ้านได้หรือยังค่ะ...ลินอยากพักผ่อนแล้ว” ฉันก้มหน้ามองข้อมือที่ประดับด้วยนาฬิกาที่แพงที่สุดในชีวิตของตัวเองและคิดว่าชาตินี้คงไ
ฉันหวีดออกมาอย่างไม่เต็มเสียงมากนักแต่ความรู้สึกข้างในกลับเต็มไปด้วยความโมโห พร้อมกับคิดไม่ถึงว่าการกระทำอันดิบเถื่อนของเขาตอนนั้นจะสร้างรอยอารยธรรมให้ฉันได้มากถึงขนาดนี้ และทันทีที่คิดได้แบบนั้นขาเรียวยาวก็รีบสาวเท้าทั้งสองข้างให้เดินมุ่งออกไปจากห้องด้วยความโกรธเคืองทันที“หึ๊ย ~~ มิน่าล่ะ...ทำไมวันนี้มีแต่คนมองฉันแปลก ๆ” ฉันที่พานนึกไปถึงท่าทีของผู้คนที่ฉันได้พบเจอในวันนี้...พร้อมกับนึกไปถึงสายตาของพวกเขาที่เหล่มองมาทางฉันอยู่หลายหน จนในตอนนั้นฉันก็คิดว่ามันคงเป็นเพราะผู้ชายที่อยู่ด้านข้างฉันมากกว่าที่คงดูหล่อเหล่าราวกับเทพบุตรจนทุกคนต้องเผลอมองแต่ทว่า...ความจริงแล้วมันกลับไม่ใช่!! แต่มันเป็นเพราะไอ้รอยบ้าพวกนี้ต่างหากที่ทำให้ทุกคนมองมา...แต่เรื่องนั้นมันก็ยังไม่น่าเจ็บใจเท่า...เมื่อเขาคนนั้นคนที่ทำให้เกิดรอยเหล่านี้กลับไม่ยอมบอกอะไรกับฉันเลยสักนิดเดียวปล่อยให้ฉันเดินไปไหนต่อไหนพร้อมกับโชว์หราความน่าอายไปทั่ว ทั้งที่เขาคนที่อยู่ใกล้ชิดฉันน่าจะเห็นชัดที่สุดด้วยซ้ำ...(โอ๊ยยยย...คิดแล้วมันน่าเจ็บใจชะมัด...ตายๆๆ แล้วแบบนี้แกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนยัยลลิน เอ้ยยยยย...) ฉันที่ก่นด่าตัวเองไป
ส่วนฉันหลังจากที่ได้คำตอบที่พึงพอใจแล้ว ฉันก็ฉีกยิ้มเยาะเย้ยคนตรงหน้าไปอย่างผู้ชนะพร้อมกับเชิดหน้าเดินหันหลังกลับเข้าบ้านไปด้วยอารมณ์ที่เบิกบานทันทีจากนั้นเมื่อฉันได้พาร่างตัวเองเข้ามายังห้องนอนแล้ว ฉันก็เริ่มทบทวนจำนวนหนี้ที่ยังเหลืออีกครั้งว่ายังเหลือที่จะต้องชดใช้ให้กับผู้ชายหน้าเลือดคนนั้นอีกสักเท่าไร“เอ...เหลือหนี้อีกเท่าไหร่แล้วนะ...” ฉันนึกย้อนพร้อมกับเอามือถือที่เคยโน้ตข้อมูลขึ้นมาดูประกอบกัน“เมื่อวันนั้นก็น่าจะเคลียร์ไปจนเหลือประมาณ 79 ล้าน...แล้ววันนี้หักไปอีก 15 ล้าน เพราะฉะนั้นก็จะเหลืออีก 64 ล้าน...เย้...ใกล้แล้วยัยลลินเอ๊ย...แกใกล้จะได้เป็นไทยแล้ว...” (^-^) ฉันยิ้มกว้างออกมาเต็มใบหน้า พร้อมกับมือที่กดบันทึกข้อความเพิ่มเติมลงไป ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนฟูกใหญ่ด้วยความดีใจที่ตัวเองปลดหนี้ได้จนเกือบจะถึงครึ่งทางแล้ว...รุ่งเช้า~~ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสหลังจากที่เมื่อคืนฉันนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่พร้อมกับฝันดีสุด ๆ และด้วยวันนี้เป็นวันแรกที่ฉันได้เริ่มงานใหม่ในตำแหน่งใหม่ที่ฉันยังไม่เคยทำ นั่นจึงทำให้ฉันทั้งกระปรี้กระเปร่าตื่นเต้นอยากจะเรียนรู้งานเต็มทีและแม้ในใจขอ
“มานานแล้วเหรอ”เสียงนุ่มทุ้มทรงพลังเช่นเคยเอ่ยถามฉัน จนฉันที่กำลังเหม่อลอยไปกับคำหวานของป้านุ่มถึงกับสะดุ้งออกจากภวังค์“อะ...อ๋อ...ค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับความรู้สึกที่ร้อนผ่าวบนใบหน้า“เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายเหรอทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะ” ผู้ที่มาใหม่ขมวดคิ้วเอ่ยถาม ก่อนที่เขาจะวางเสื้อสูทไว้บนเก้าอี้แล้วเปลี่ยนทิศทางการนั่งจากตรงข้ามมาเป็นด้านข้างฉันแทน“ว่าไง...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เขาพูดพลางเอาหลังมือของตัวเองมาแตะอังที่หน้าผากของฉัน และด้วยการกระทำนั้นก็ยิ่งทำให้ใบหน้าสาวร้อนผ่าวขึ้นไปอีก“ปะ...เปล่าค่ะ” ฉันรีบส่ายหัวปฏิเสธเขาออกไป พร้อมกับเสหน้าหลบหลังมือของเขาที่เอาแต่อังหน้าฉันไม่หยุด“หน้าแดงขนาดนี้แล้วยังบอกไม่เป็นอะไรอีก...วันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรอกพักผ่อนอยู่บ้านนี้แหละ” จากนั้นเขาที่บอกด้วยสีหน้ากังวล จนฉันต้องรีบทำอะไรบางอย่างก่อนที่เรื่องราวมันไปบานปลายไปกันใหญ่โต(ตาทึ่มเอ๊ย...เพราะนายนั่นแหละที่ทำให้ฉันหน้าแดง...) (o//_//o) ฉันแอบว่าเขาในใจ ก่อนจะรีบอธิบายให้เขาเข้าใจ“ลินไม่เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ คุณดีแลน...” ฉันกุลีกุจอบอกเขา เพราะไม่อยากพลาดงานใหม่วันนี้“ดีน...” (-_-) ก่อ
สองเดือนผ่านไป ~~“มึงได้ข่าวลินบ้างไหมว่ะ” ผมเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกครั้งยามที่มันเอาเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน“ยังเลยครับนาย แต่ผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกน้องเลิกตามหาเลยนะครับ ทุกครั้งที่มีเบาะแสผมจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองตลอด เพียงแต่ว่า...” ริกพูดรายงานเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง อีกทั้งในน้ำเสียงนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาคนที่เป็นดั่งหัวใจของเจ้านายตัวเอง เพียงแต่ว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยและไร้วี่แววเสมือนกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนบนโลกใบนี้“แล้วรามพี่ชายของลินล่ะ มึงได้ตามไปดูไหมเผื่อว่าเมียกูจะไปอยู่กับเขา” ผมถามไปถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทผมไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะยกขวดแก้วใสที่ใส่น้ำสีอำพันสีเข้มกระดกปล่อยให้ของเหลวดีกรีร้อนแรงไหลลงคอต่อไป อย่างที่ต้องการจะให้มันได้เข้าไปดับความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในให้บรรเทาเบาบางลงได้บ้างริกมองสภาพเจ้านายของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ภาพของชายหนุ่มที่เคยสง่างามมีออร่าเปล่งประกายแต่ทว่า...ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนพเนจรไร้จุดหมา
ดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งเมื่อความทรงจำสุดท้ายได้พาดผ่านเข้ามาในโสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันถึงกับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตกใจ“ทะ...ที่นี่ที่ไหนกัน” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อพบว่าภาพบรรยากาศตรงหน้านั้นไม่เหมือนกับภาพของสถานที่สุดท้ายที่ตัวเองได้หมดสติลงไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสถานที่ตอนนี้ฉันเหมือนกับอยู่บ้านพักที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่สถานีขนส่งอย่างก่อนหน้านี้จากนั้นเมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ได้ฉายวาบเข้ามาในหัวใจทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนที่ใจร้ายด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะหนีจากเขาคนนั้นไม่พ้น และถูกเขาจับตัวกลับมาทรมานอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำและในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกกังวลอยู่นั้น...เสียงที่เหมือนกับว่าจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่ฉันได้ยินก่อนจะหมดสติไปก็ได้ดังขึ้นมาทันที“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณลลิน เป็นยังไงบ้างครับยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้เรียกหมอให้มาตรวจดูอาการให้ครับ” ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาในแบบสไตล์ผู้ชายไทยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร
“มะ...ไม่มี...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”พี่น้ำค้างที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกทั้งยังรีบลนลานเดินไปหายังห้องน้ำด้วยความร้อนใจ เพื่อหวังว่าจะพบร่างเมียรักของผมอยู่ในนั้นแต่แล้วทันทีที่พี่น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วพบเข้ากับความว่างเปล่าเหมือนที่ผมเจอ...เธอก็เริ่มงึมงำกับตัวเองอีกครั้งทันที...ใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดของผู้เป็นพี่สาว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่มีความหวังในตอนแรกเพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สิ่งที่พี่สาวกลั่นแกล้งตนเท่านั้น เริ่มที่จะหวาดหวั่นในใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริง“หะ...หาย...หายไปได้ยังไงก็ในเมื่อตอนแรกก่อนที่ฉันจะออกไปก็ยังเห็นนอนหลับอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” พี่น้ำค้างหันมาถามผมแทนอีกทั้งสีหน้ายังแสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บนพื้นจะเต็มไปด้วยของกินที่นำมาฝากคนป่วยที่บัดนี้ได้กระจัดกระจายหล่นเต็มไปทั่วทั้งพื้นเนื่องจากคนถือตกใจจนทำร่วงหล่น“นี่พี่ไม่รู้เรื่องที่ลินหายไปจริง ๆ เหรอ” ผมที่ยังคงคลางแคลงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยเอ่ยถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่การแสดงจากพี่สาว“ไอ้ดีน!! นี่แกจะบ้าเหรอ!! ฉันเนี้ยน่ะจะร
--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมจัดการชำระแค้นเรียบร้อย แม้ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้และค่อนข้างจะผิดแผนไปนิด แต่ทว่า...คนที่ควรจะได้รับบทลงโทษก็สมควรได้รับหมดแล้ว และคงเหลือแค่เพียงผมเท่านั้นที่ต้องกลับไปรับโทษทัณฑ์จากคนที่ผมรักสุดหัวใจด้วยความเต็มใจสักทีผมจัดการควบรถหรูคู่ใจพุ่งทะยานไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจปรารถนา และหวังเพียงว่าจะไปได้ทันพอที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมปรารถนาที่จะให้เธอตื่นมาพบกับผมเป็นคนแรกเพื่อที่ผมจะได้เสนอหน้าให้เธอเห็นแม้ว่าเธอจะไม่พอใจก็ตาม...ผมใช้เวลาไม่นานมากนักเจ้ารถหรูคู่ใจก็ได้พาผมมายังจุดมุ่งหมายปลายทางพร้อมกับหัวใจที่พองโตด้วยความคิดถึงคนร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง อีกทั้งตลอดระยะทางที่ขับรถมาผมก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะผมเองนั้นก็ได้ใช้เวลาช่วงนั้นในการขบคิดหาวิธีที่จะงอนง้อขอคืนดีกับเมียรักมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจและตั้งใจเอาไว้ว่าจะยอมรับผลของการกระทำแต่โดยดีถ้าหากเธอจะยังไม่ยอมให้อภัยในตอนนี้...ณ โรงพยาบาลชานเมืองหัวใจที่เบิกบานพองโตส่งให้เท้ายาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่ข้างในกำลั
ณ โรงพยาบาลชานเมือง--- ลลิน Talk ---“นะ...น้ำ...ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบแห้งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ทำให้คนที่นั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ๆ ถึงกับรีบกุลีกุจอถามฉันทันที“น้องลิน...พี่อยู่นี่แล้วค่ะ” พี่น้ำค้างรีบเดินมาลูบหัวฉันเบา ๆ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจยามที่เห็นสภาพอิดโรยของฉัน และยิ่งเจ็บใจเมื่อพานคิดไปว่าที่ฉันต้องมีสภาพเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฝีมือของน้องชายตัวเอง“พะ...พี่น้ำค้าง ละ...ลินขอน้ำกินหน่อยค่ะ” ฉันปรือตามองพร้อมกับขยับเรียวปากอีกครั้งถึงความต้องการของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้รู้สึกริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด“อะ...อ๋อ...ได้จ้ะ...ได้” จากนั้นพี่น้ำค้างก็รีบหยิบน้ำให้ฉันกิน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวเผยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องรีบบอกออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้“อ่ะ...น้องลินค่อย ๆ นะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ” พี่น้ำค้างรีบเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้นนั่งตามความต้องการของฉัน ก่อนที่เธอจะกดปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ฉั
“กรี๊ดดดดดด ~~ อีลลินมันก็สกปรก มันก็นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไม!! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่สกปรกล่ะ ไม่...ไม่...ฉันไม่สกปรก ฉันสวย ฉันเพียบพร้อม ฉันมีหน้ามีตาในสังคม ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ยางอาย ฉันคือนางฟ้าของวงการไฮโซ กรี๊ดดดดดด ~~”เสียงหวีดร้องและอาการที่เหมือนกับคนไร้สติของหญิงสาวที่กรี๊ดออกมาไม่หยุดอย่างคนที่จบสิ้นแล้วทุกอย่างก็ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ถึงกับทรุดตัวลงตามเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยกันเนื่องจากสงสารลูกของตนเอง“มายา อย่าเป็นแบบนี้ซิลูก ฮือออออ ~~”“โธ่...มายา พ่อขอโทษ ฮึก...ฮึก ไปกันเถอะนะลูกใครไม่รักแต่พ่อรักลูกนะ”เสียงปลอบจากผู้สูงวัยทั้งสองที่ผลัดกันพูดกับคนที่ต่างฝ่ายต่างรักเหมือนกัน แต่น่าสงสารที่คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะไปไม่ถึงหัวใจของคนที่ตนรักเลย เมื่อคำผรุสวาทที่ออกมาจากปากของหญิงสาวในประโยคถัดมาทำให้แม้กระทั่งผมยังตัวชาเพราะไม่คิดว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้“รักเหรอ...พ่อพูดคำนั้นออกมาได้ไงห๊ะ!! ไอ้พ่อไร้ประโยชน์!! แค่ลบล้างอดีตของกูยังทำไม่ได้มึงมีสิทธิ์อะไรมาอ้างความเป็นพ่อกับกู...ฮึก...ฮึก...มึงมันก็คิดถึงแค่หน้าตา แค่อำนาจ แค่ตำแหน่งจอมปลอมที่มีเอาไว้เชิด
ภาพแผ่นหลังของพ่อแม่ที่ต่างพากันประคองลูกสาวให้เดินออกไป แม้ว่าตัวผมจะรู้สึกขัดใจที่ไม่อาจลงโทษตัวตนเรื่องได้อย่างสาสมอย่างที่ใจต้องการ แต่เพราะเห็นแก่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อหญิงสาวบวกกับในฐานะที่ผมเกือบจะได้เป็นพ่อคนนั้น จึงทำให้ผมเลือกที่จะกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วปล่อยพวกเขาไปและในขณะที่พวกเขากำลังกึ่งดึงกึ่งลากลูกสาวของตนออกไปอยู่นั้น“ปล่อยหนูนะ...บอกให้ปล่อย!!” มายาที่สะบัดแขนพ่อแม่ของตนทิ้ง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว“นี่ไง...กูกลับมาเจอหน้ามึงอีกครั้งแล้วนี่ไง ฆ่ากูเลยซิ!! ฆ่ากูเลย” ดวงตาเฉี่ยวจ้องมองผมอย่างแข็งกร้าว อีกทั้งยังกำมือแน่นอย่างไม่ยินยอมและไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย“มายา...มึงอย่าท้ากูนะ!!” ผมชี้ปลายดาบที่ขึ้นสีเงินวาวตรงไปยังหน้าหญิงสาวที่ท้าทายด้วยความรู้สึกที่ไม่ประหวั่นกับคำท้านั้นเช่นกัน“กูไม่ได้ท้า แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิ หรือว่าความจริงแล้วมึงมันก็น่าตัวเมียเหมือนนิสัย!!” และคำพูดหญิงสาวที่เหมือนกับน้ำมันเติมเชื้อไฟโทสะก็ได้ราดรดลงมาสุมไฟที่ยังไม่มอดไหม้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง“ฮึ่ม...พวกมึงมาเอาลูกมึงไปให้พ้นหน
หญิงสาวที่มีความแค้นคับแน่นอยู่ในอกเพราะไม่เหลือซึ่งความหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งส่งให้เธอระเบิดความบ้าคลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด“ฮือออออ ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงโว้ยยยยย...หึ...ดีแลนมึงอะมันหน้าโง่เหลือเกินทั้งที่มีกูที่เพียบพร้อมแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาในวงสังคม บารมีของครอบครัวที่จะช่วยหนุนมึงให้ขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่มึงก็เสือกไปเลือกมัน...อีคนชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังกำพร้าพ่อแม่อีกอย่างอีลลิน กูถามหน่อยเถอะว่านอกจากความซิงของมันแล้ว มันยังมีอะไรดีกว่ากูงั้นเหรอ...ห๊ะ!!”ความรู้สึกในใจพรั่งพรูออกมาจากปากของมายาที่เปลี่ยนจากร้องไห้เสียใจเป็นหัวเราะใส่หน้าผมอย่างคนบ้าคลั่ง พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก่อนที่เธอจะลอยหน้าลอยตาเย้ยหยันใส่ผมอย่างไม่เหลือมาดคุณหนูผู้ใสซื่ออีกต่อไป“หึ...มึงมันก็เหมือนกับไอ้พวกผู้ชายใจหมาพวกนั้นนั่นแหละที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น มึงก็แค่หลงอีลลินเพียงเพราะว่ามันมีสิ่งที่กูไม่มีนั่นก็คือความสดใหม่เท่านั้นเอง คนอย่างมึงมันก็เห็นค่าผู้หญิงแค่เท่านั้นนั่นแหละ มึงมันก็เหมือนกับผู้ช
ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ได้รับรู้มาถึงวีรกรรมของบริกรสาวคนนี้ที่มักจะชอบอาสาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายของมายาทำเรื่องชั่ว ๆ ให้ตลอดเพื่อแลกกับเงิน โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกวางยาเพื่อส่งไปสนองตัณหาของเจ้าของร้าน และเพราะด้วยอิทธิพลที่มีไม่น้อยของคนบงการจึงทำให้เหล่าบรรดาสาว ๆ ที่โดนวางยาต่างไม่กล้าไปแจ้งความและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป“อะ...เอ่อ...คะ...คือ” ก้อนคำพูดขึ้นมาติดอยู่ที่ลำคอของบริกรสาวทันทีอย่างคนมีพิรุธ และด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออกมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอด“หึ...มึงไม่ต้องมาอ้ำอึ้งกูถามว่ามือไหน...มึงก็แค่ตอบคำถามกูมาแล้วกูจะพิจารณาไว้ชีวิตมึง” ผมถามย้ำเสียงเย็นด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน“มะ...มือ...มะ...ไม่มี...หนูไม่ได้ทำ” สายตาเลิ่กลั่กอีกทั้งเหงื่อกาฬที่ผุดไหลเต็มหน้าบ่งบอกได้ดีเลยว่าบรรดาความชั่วทั้งหลายที่มันเคยทำเอาไว้ในอดีตบัดนี้ได้ทยอยผุดขึ้นมาตอกย้ำความชั่วของมันแล้วส่วนผมที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์เต็มทีก็ได้ตัดความรำคาญพยักหน้าให้ลูกน้องจับมือของบริกรสาวเอามาวางไว้ต่อหน้าผม และด้วยอารามของค