เฮือก ~~ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย หลังจากที่ตัวเองได้เดินตามคนตัวสูงตรงหน้าที่ดูแผ่ออร่าความน่าเกรงขามและรังสีอำมหิตชนิดที่ว่าใครก็ต่างไม่กล้าจะมองมาตรง ๆ ทั้งที่ภาพที่ก่อนหน้านี้ยังมีเสียงคุยจอแจกันอยู่บ้าง แต่กลับเงียบสงัดลงถนัดตา พร้อมกับเหล่าบรรดาพนักงานทั้งหลายที่ต่างยืนตรงก้มหน้ากันเล็กน้อยยามที่เขานั้นเดินผ่านด้วยท่วงท่าที่เขาเดินช่างดูสง่างามและดุดัน อีกทั้งเท้าที่ก้าวเดินตรงไปอย่างมาดมั่นทำให้เขาที่อยู่ตรงหน้าฉันยิ่งดูสุขุมเยือกเย็นและน่านับถือในเวลาเดียวกัน จนฉันที่เดินตามเขามาตั้งแต่ต้นยังอดชื่นชมต่อความสง่างามของคนตรงหน้าไม่ได้แต่ทว่า...นอกจากความยำเกรงที่หลายคนแสดงออกมานั้นกลับมีให้แค่เขาเพียงผู้เดียว เพราะเมื่อทุกสายตาสาดส่องมายังฉันคนที่เดินตามหลังเขานั้น กลับเป็นสายตาที่แสดงถึงความสงสัย ความไม่พอใจ ความเย้ยหยันและเหยียบหยาบคละเคล้ากันไปจากหลาย ๆ คู่อย่างปิดไม่มิดฉันก้มหน้าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทันทีเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจตัวเองให้กลับมา จนไม่รู้ตัวเลยว่าการก้มหน้าไม่มองทางของฉัน จะทำให้ใบหน้าตัวเองนั้นชนเข้าที่หลังเขาเต็มเปา“อ๊ะ...ขอ
“จะไปไหน...??”และเสียงเข้มที่เอ่ยปากถามตามหลังมาก็เสมือนกับคำอาญาสิทธิ์ให้เท้าฉันหยุดชะงักลงทันที“ก็ไปทำงานไงคะ...” ฉันที่ค่อย ๆ หันกลับมามองหน้าเขาช้า ๆ ก่อนจะส่งสายตาเหล่มองออกไปยังโต๊ะด้านนอกสำทับ“อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนซิ” ส่วนเขาที่ไม่รอฟังคำตอบจากฉันก็ถือวิสาสะเดินมาจูงมือฉันให้ไปนั่งที่โซฟาด้วยกันกับเขา“แต่ว่าตอนนี้ได้เวลางานแล้วนะคะ...ท่านประธาน” ฉันที่แม้ว่าใจจะยังเต้นระรัวจากการกระทำของเขาก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือนเขาเรื่องงานก่อนที่ในจังหวะเดียวกันนั้น...ในขณะที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวจู่ ๆ เขาก็เอนตัวลงนอนหนุนตักฉันพร้อมกับปิดตาหลับไปเสียดื้อ ๆ อย่างงั้น“อ่ะ...คุณดีน...ทำอะไรคะเนี้ย” (O//.//O) ฉันถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจต่อการกระทำของเขา“อืมมมมม ~~ นุ่มจัง...” (- u -) ส่วนเขาที่เปล่งเสียงครางออกมาเพียงแค่ประโยคสั้น ๆ แต่ทว่า...กลับทำให้ร่างกายที่แข็งทื่อของฉันอ่อนยวบยาบลงทันทีจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เอื้อมมือมาจับมือฉันแล้วเอาไปวางลงตรงกลางอกของเขา และการกระทำทั้งหมดของเขานั้นก็ยิ่งทำให้หัวใจของฉันเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมานอกอกก่อนที่ฉันนั่งมองภาพเบื้อง
“อ้าวทำไมล่ะคะ...ก็”ฉันที่สงสัยและกำลังจะถามเขาออกไป แต่ก็ถูกคำพูดบางคำพูดสวนเข้ามาจนเรียกคลื่นหัวใจที่สงบไปเมื่อไม่นานของฉันให้ตื่นมาเต้นตึกตักอีกครั้ง“ก็ฉันอยากเห็นหน้าเธอตลอดเวลานี่...” คำหวานที่ถูกสาดออกมาพร้อมกับแววตาที่มองอย่างหยาดเยิ้ม ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันดีดดิ้นจนแทบจะทะลุออกมานอกอกและแม้ว่าคำป้อยอหวานถึงทรวงเหล่านั้นจะทำให้อะดรีนาลีนในกายสาวหลั่งออกมามากแค่ไหน แต่ทว่า...เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็ต้องเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะฉันไม่อยากที่จะมานั่งทำให้โดยที่มีเขาจับจ้องให้เสียสมาธิ“อย่าดีกว่าค่ะ...ลินคิดว่าลินควรทำงานอยู่ด้านหน้าห้องท่านประธานดีกว่านะคะ อย่างที่ลินหาข้อมูลเกี่ยวกับเลขาเอาไว้ ข้อแรก...ลินจะได้คอยแจ้งเมื่อมีคนมาขอเข้าพบท่านประธาน ข้อสอง...ลินไม่อยากตกเป็นเป้าให้คนอื่นนินทาลินได้ว่าลินไม่ได้มาทำงานแต่ลินจะมาทำอย่างอื่น...” ฉันบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไป หลังจากที่ฉันได้ประสบพบเจอกับสายตาของใครหลาย ๆ คนที่จับจ้องมาที่ฉันตั้งแต่ฉันย่างกายเข้ามายังบริษัทนี้ เพราะฉันรู้ดีว่าสายตาแบบนั้นมันมักจะไม่มีความคิดดีอยู่ในนั้น“แต่ว่า...” ส่วนเขาที่อยากจะแย้ง
ฉันที่ยืนอึ้งกับความตื่นตาตื่นใจที่อยู่ตรงหน้าเพราะถึงแม้ว่าห้องอาหารบริษัทเก่าฉันจะใหญ่โตไม่แพ้กันแต่ต้องยอมรับว่าที่นี่ดีกว่าจริง ๆกระทั่งเสียงจากคนข้าง ๆ ก็ช่วงดึงฉันให้ออกมาจากภวังค์ตรงหน้า...“นายให้ความใส่ใจเกี่ยวกับสวัสดิการพนักงานมากที่สุดครับ ทุกอย่างก็เพื่อความผ่อนคลายของพนักงาน ส่วนร้านอาหารนายก็เลือกแต่สิ่งร้านดี ๆ อร่อย ๆ มาไว้ โดยที่ราคาก็ถูกกว่าร้านข้างนอกทั่วไป และที่ใครหลายคนไม่รู้คือ...ส่วนต่างของราคาอาหารนายเป็นคนจัดการเองทั้งหมดครับ” ริกเอ่ยชมผู้เป็นนายของตนด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม หลังจากที่เขาเห็นหญิงสาวดูจะตื่นเต้นและสนใจต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่หยุดและเมื่อสิ้นประโยคคำบอกเล่าจากลูกน้องคนสนิทของเขา ฉันก็รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เขาทำ โดยที่คำพูดเหล่านั้นก็ไม่เกินจริงเลยสักนิด“นายของพี่ริกใจดีจังเลยนะคะ...แต่ชอบดุแต่กับลิน” ฉันเอ่ยชมเจ้านายของคนด้านข้าง ก่อนจะยู่ปากเมื่อนึกถึงเวลาที่เขาร้ายกับฉัน“คงเป็นเพราะนายต้องรับผิดชอบอะไรหลาย ๆ อย่างตั้งแต่เด็กน่ะครับ เลยทำให้การแสดงออกอาจจะดูกระด้างไปบ้าง แต่ถ้าคุณลลินได้อยู่กับนายนานขึ้น คุณลลินจะเห็นมุมที่อ่อนโยนของนายเองครับ”
“เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่น้องลิน่ะ น้องต้องเล่าให้พี่ฟังทุกอย่างเลยนะ” รามเปิดปากถามทันทีเมื่อตนเองนั่งลงที่โต๊ะ“เรื่องอะไรเหรอคะ” ฉันทำตีหน้าไขสือ เพราะจะให้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคนตรงหน้าได้ช็อกจนเข้าโรงพยาบาลแน่ ๆ“ก็เรื่องที่น้องลินกลายไปเป็นเลขาส่วนตัวของคุณดีแลนได้ยังไงกันครับ” ผู้ชายที่เปรียบเสมือนพี่ชายถามเข้าตรงประเด็น จนฉันเองแอบโล่งใจเล็กน้อยที่เขากังวลแค่เรื่องนี้“เออ...พอดีว่าลินโดนเปลี่ยนตำแหน่งกะทันหันน่ะคะ อีกอย่างก็อย่างที่พี่รามรู้ลินเป็นหนี้คุณดีแลนเขาตั้งล้านหนึ่ง ถ้าทำงานตำแหน่งธุรการชาตินี้ทั้งชาติลินคงไม่มีปัญญาใช้หนี้เขาหมดแน่ ๆ” ฉันพยายามอธิบายโดยอ้างเหตุผลที่ดูจะเหมาะสมมากที่สุด เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าสงสัยไปมากกว่านี้“อืมมมม...จะว่าไปมันก็จริง...” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนคล้อยตามไปกับคำพูดของฉัน“แล้วนี่ตอนนี้น้องลินพักอยู่ที่ไหนครับ...” รามยังคงถามต่อ เพราะเขาอยากรู้ที่อยู่ของหญิงสาวมากที่สุดหลังจากเป็นกังวลข้ามวันข้ามคืน“ลินได้พักอยู่ที่คอนโดเดียวกับคุณดีแลนค่ะ แต่คนละชั้นกันนะคะพี่รามไม่ต้องเป็นกังวลไป อีกอย่างเขาก็ให้เหตุผลว่าถ้าอยู่ใกล้ ๆ เว
“นี่...เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นไหมที่เดินตามท่านประธานเข้ามาในบริษัทตอนเช้าน่ะ”เสียงพนักงานสาวคนแรกจั่วประเด็นร้อนนี้ขึ้นมา“เห็นซิ...ชิ...ไม่รู้ว่าไปอ่อยอีท่าไหน ท่านประธานถึงกับหิ้วมาที่บริษัทด้วย” พนักงานคนที่สองเอ่ยสำทับด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามสุด ๆ“แต่ฉันว่าเขาก็สวยดีนะ ดูเหมาะกับท่านประธานอยู่นะ” พนักงานคนที่สามเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดูขลาดกลัว“โอ๊ยยยย...ยัยนี่เมาส์กับเธอไม่มันเลย นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าพนักงานสาวที่อยู่บริษัทนี้แทบทุกคนก็หวังที่จะได้ขึ้นเตียงกับท่านประธานของเราทั้งนั้นแหละ ฉันเองก็ยังอยากเป็นหนึ่งในนั้นเลย แต่ทำไงได้ตั้งแต่ทำงานมาฉันเองก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เจอท่านประธานเลย แล้วจะไปมีโอกาสอ่อยได้ตอนไหน เห้ออออ...คิดแล้วก็เซ็ง...” พนักงานคนที่มีน้ำเสียงเหยียดหยามทำท่าเสียดาย ก่อนจะพูดต่อว่า...“แต่จะว่านะ...เคยมีพนักงานสาวอยู่หลายคนก่อนหน้านี้โชคดีแจ็กพอตแตกเจอท่านประธานจัดหนักจัดเต็มจนเข่าอ่อนมาทำงานไม่ได้ตั้งสามวัน...สามวันเลยนะหล่อน ฉันนะอยากลองขาอ่อนดูบ้างจัง...คริคริ” พนักงานคนเดิมเอ่ยปากเมาส์อย่างออกรส“ถึงอย่างนั้นแต่ก็ยังมีเรื่องน่าเสียดายอย่างหนึ่งนะพวกเธอ พ
ณ ห้องโถงบริษัท DLKK Corporate“พี่ราม...รอลินนานไหมคะ”ฉันยังคงยิ้มแย้มส่งตรงไปให้คนตรงหน้า หลังจากปรับสีหน้าที่เศร้าหมองให้กลับมาเป็นปกติแล้ว“ไม่นานเลยครับ สำหรับน้องลินพี่รอได้เสมอ” ส่วนผู้ชายตรงหน้าเขาก็ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน แต่ทว่า...ในคำพูดนั้นทำไมฉันถึงกลับรู้สึกว่าเขาแฝงความหมายอะไรบางอย่างก่อนที่ฉันเลือกที่จะไม่ใส่ใจอะไร เพราะไม่อยากให้อะไรเข้ามารกสมองอีกแล้ว เนื่องจากสิ่งที่ฉันรับมาตลอดบ่ายนี้มันหนักหนาจนฉันปวดหัวไปหมดแล้ว“งั้นไปกันเลยไหมคะ” ฉันรีบชวนคนตรงหน้าให้ออกไปจากที่นี่โดยเร็วเสมือนคนที่มีความผิดกำลังหนีตำรวจอย่างไงอย่างงั้น ด้วยเพราะฉันไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้นานสักเท่าไรนักจากนั้นเราสองคนก็พากันเดินออกไปจากบริษัท DLKK Corporate ด้วยความเร็ว...--- ดีแลน Talk ---ผมที่สังเกตเธอมาสักพักตั้งแต่เริ่มงานช่วงบ่ายถึงอารมณ์ที่ดูเปลี่ยนไปอย่างบอกไม่ถูกของเธอ มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาทันทีย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ~~จากตอนแรกผมที่ตั้งใจเอาไว้ว่ามื้อกลางวันนี้ผมจะพาเธอไปหาอะไรกินข้างนอกบริษัทเพื่อเป็นการฉลองงานใหม่ให้กับเธอ แต่ทว่า...ก็ดันมีปัญหาเรื่องธุรกิจเ
“ได้ข้อมูลแล้วครับ...ผู้ชายคนนี้ทำงานอยู่ในฝ่ายวิศวะฯ ในบริษัทของเราเองครับ ชื่อราม มีบ้านอยู่ในกรุงเทพและที่สำคัญคือ...เขากับคุณลลินสนิทกันมานานแล้วครับ”ทันทีที่ลูกน้องคนสนิทของผมรายงานจบ ผมก็ขมวดคิ้วนึกย้อนไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้านี้“รามเหรอ...” ผมกอดอกอย่าใช้ความคิดและเพียงไม่นาน สมองของผมก็ประมวลผลปะติดปะต่อเรื่องราวระหว่างเธอกับผู้ชายขึ้นนั้นขึ้นมาได้...เขาที่นึกออกแล้วว่าตอนที่เขาจับตัวเธอไปได้มีชื่อผู้ชายคนนี้โทรเข้ามา อีกทั้งคนนี้ยังเป็นคนที่คอยส่งข้อความและพยายามตามหาตอนที่เธอหายตัวไป และไหนจะตอนที่เขาขับรถไปส่งเธอที่หน้าห้องพักเก่า ผู้ชายคนนี้นี่เองที่เป็นคนมายืนรอรับและโอบกอดเธอเอาไว้ แถมยังเป็นคนเดียวกันกับที่ผมเห็นเธอเดินหัวเราะต่อกระซิกกันเมื่อเช้าวันวานอีกด้วยและทันทีที่พอจะเข้าเค้าอะไรได้บางอย่างไฟโทสะในกายผมก็ได้โหมกระหน่ำขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับได้ เพราะหลังจากที่เซนส์ของผู้ชายมันบอกว่า ชายคนที่ชื่อรามคนนี้มันเองก็กำลังคิดไม่ซื่อกับผู้หญิงของเขาเหมือนกัน...“ไล่มันออก พร้อมเงินชดเชยให้มัน 5 ปี” ผมพูดสั่งลูกน้องกร้าวด้วยประโยคสั้น ๆ และเพียงแค่ประโยคเดียวนั้นผมรับรอง
สองเดือนผ่านไป ~~“มึงได้ข่าวลินบ้างไหมว่ะ” ผมเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกครั้งยามที่มันเอาเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน“ยังเลยครับนาย แต่ผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกน้องเลิกตามหาเลยนะครับ ทุกครั้งที่มีเบาะแสผมจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองตลอด เพียงแต่ว่า...” ริกพูดรายงานเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง อีกทั้งในน้ำเสียงนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาคนที่เป็นดั่งหัวใจของเจ้านายตัวเอง เพียงแต่ว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยและไร้วี่แววเสมือนกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนบนโลกใบนี้“แล้วรามพี่ชายของลินล่ะ มึงได้ตามไปดูไหมเผื่อว่าเมียกูจะไปอยู่กับเขา” ผมถามไปถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทผมไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะยกขวดแก้วใสที่ใส่น้ำสีอำพันสีเข้มกระดกปล่อยให้ของเหลวดีกรีร้อนแรงไหลลงคอต่อไป อย่างที่ต้องการจะให้มันได้เข้าไปดับความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในให้บรรเทาเบาบางลงได้บ้างริกมองสภาพเจ้านายของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ภาพของชายหนุ่มที่เคยสง่างามมีออร่าเปล่งประกายแต่ทว่า...ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนพเนจรไร้จุดหมา
ดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งเมื่อความทรงจำสุดท้ายได้พาดผ่านเข้ามาในโสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันถึงกับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตกใจ“ทะ...ที่นี่ที่ไหนกัน” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อพบว่าภาพบรรยากาศตรงหน้านั้นไม่เหมือนกับภาพของสถานที่สุดท้ายที่ตัวเองได้หมดสติลงไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสถานที่ตอนนี้ฉันเหมือนกับอยู่บ้านพักที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่สถานีขนส่งอย่างก่อนหน้านี้จากนั้นเมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ได้ฉายวาบเข้ามาในหัวใจทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนที่ใจร้ายด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะหนีจากเขาคนนั้นไม่พ้น และถูกเขาจับตัวกลับมาทรมานอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำและในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกกังวลอยู่นั้น...เสียงที่เหมือนกับว่าจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่ฉันได้ยินก่อนจะหมดสติไปก็ได้ดังขึ้นมาทันที“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณลลิน เป็นยังไงบ้างครับยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้เรียกหมอให้มาตรวจดูอาการให้ครับ” ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาในแบบสไตล์ผู้ชายไทยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร
“มะ...ไม่มี...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”พี่น้ำค้างที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกทั้งยังรีบลนลานเดินไปหายังห้องน้ำด้วยความร้อนใจ เพื่อหวังว่าจะพบร่างเมียรักของผมอยู่ในนั้นแต่แล้วทันทีที่พี่น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วพบเข้ากับความว่างเปล่าเหมือนที่ผมเจอ...เธอก็เริ่มงึมงำกับตัวเองอีกครั้งทันที...ใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดของผู้เป็นพี่สาว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่มีความหวังในตอนแรกเพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สิ่งที่พี่สาวกลั่นแกล้งตนเท่านั้น เริ่มที่จะหวาดหวั่นในใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริง“หะ...หาย...หายไปได้ยังไงก็ในเมื่อตอนแรกก่อนที่ฉันจะออกไปก็ยังเห็นนอนหลับอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” พี่น้ำค้างหันมาถามผมแทนอีกทั้งสีหน้ายังแสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บนพื้นจะเต็มไปด้วยของกินที่นำมาฝากคนป่วยที่บัดนี้ได้กระจัดกระจายหล่นเต็มไปทั่วทั้งพื้นเนื่องจากคนถือตกใจจนทำร่วงหล่น“นี่พี่ไม่รู้เรื่องที่ลินหายไปจริง ๆ เหรอ” ผมที่ยังคงคลางแคลงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยเอ่ยถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่การแสดงจากพี่สาว“ไอ้ดีน!! นี่แกจะบ้าเหรอ!! ฉันเนี้ยน่ะจะร
--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมจัดการชำระแค้นเรียบร้อย แม้ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้และค่อนข้างจะผิดแผนไปนิด แต่ทว่า...คนที่ควรจะได้รับบทลงโทษก็สมควรได้รับหมดแล้ว และคงเหลือแค่เพียงผมเท่านั้นที่ต้องกลับไปรับโทษทัณฑ์จากคนที่ผมรักสุดหัวใจด้วยความเต็มใจสักทีผมจัดการควบรถหรูคู่ใจพุ่งทะยานไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจปรารถนา และหวังเพียงว่าจะไปได้ทันพอที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมปรารถนาที่จะให้เธอตื่นมาพบกับผมเป็นคนแรกเพื่อที่ผมจะได้เสนอหน้าให้เธอเห็นแม้ว่าเธอจะไม่พอใจก็ตาม...ผมใช้เวลาไม่นานมากนักเจ้ารถหรูคู่ใจก็ได้พาผมมายังจุดมุ่งหมายปลายทางพร้อมกับหัวใจที่พองโตด้วยความคิดถึงคนร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง อีกทั้งตลอดระยะทางที่ขับรถมาผมก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะผมเองนั้นก็ได้ใช้เวลาช่วงนั้นในการขบคิดหาวิธีที่จะงอนง้อขอคืนดีกับเมียรักมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจและตั้งใจเอาไว้ว่าจะยอมรับผลของการกระทำแต่โดยดีถ้าหากเธอจะยังไม่ยอมให้อภัยในตอนนี้...ณ โรงพยาบาลชานเมืองหัวใจที่เบิกบานพองโตส่งให้เท้ายาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่ข้างในกำลั
ณ โรงพยาบาลชานเมือง--- ลลิน Talk ---“นะ...น้ำ...ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบแห้งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ทำให้คนที่นั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ๆ ถึงกับรีบกุลีกุจอถามฉันทันที“น้องลิน...พี่อยู่นี่แล้วค่ะ” พี่น้ำค้างรีบเดินมาลูบหัวฉันเบา ๆ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจยามที่เห็นสภาพอิดโรยของฉัน และยิ่งเจ็บใจเมื่อพานคิดไปว่าที่ฉันต้องมีสภาพเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฝีมือของน้องชายตัวเอง“พะ...พี่น้ำค้าง ละ...ลินขอน้ำกินหน่อยค่ะ” ฉันปรือตามองพร้อมกับขยับเรียวปากอีกครั้งถึงความต้องการของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้รู้สึกริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด“อะ...อ๋อ...ได้จ้ะ...ได้” จากนั้นพี่น้ำค้างก็รีบหยิบน้ำให้ฉันกิน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวเผยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องรีบบอกออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้“อ่ะ...น้องลินค่อย ๆ นะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ” พี่น้ำค้างรีบเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้นนั่งตามความต้องการของฉัน ก่อนที่เธอจะกดปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ฉั
“กรี๊ดดดดดด ~~ อีลลินมันก็สกปรก มันก็นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไม!! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่สกปรกล่ะ ไม่...ไม่...ฉันไม่สกปรก ฉันสวย ฉันเพียบพร้อม ฉันมีหน้ามีตาในสังคม ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ยางอาย ฉันคือนางฟ้าของวงการไฮโซ กรี๊ดดดดดด ~~”เสียงหวีดร้องและอาการที่เหมือนกับคนไร้สติของหญิงสาวที่กรี๊ดออกมาไม่หยุดอย่างคนที่จบสิ้นแล้วทุกอย่างก็ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ถึงกับทรุดตัวลงตามเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยกันเนื่องจากสงสารลูกของตนเอง“มายา อย่าเป็นแบบนี้ซิลูก ฮือออออ ~~”“โธ่...มายา พ่อขอโทษ ฮึก...ฮึก ไปกันเถอะนะลูกใครไม่รักแต่พ่อรักลูกนะ”เสียงปลอบจากผู้สูงวัยทั้งสองที่ผลัดกันพูดกับคนที่ต่างฝ่ายต่างรักเหมือนกัน แต่น่าสงสารที่คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะไปไม่ถึงหัวใจของคนที่ตนรักเลย เมื่อคำผรุสวาทที่ออกมาจากปากของหญิงสาวในประโยคถัดมาทำให้แม้กระทั่งผมยังตัวชาเพราะไม่คิดว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้“รักเหรอ...พ่อพูดคำนั้นออกมาได้ไงห๊ะ!! ไอ้พ่อไร้ประโยชน์!! แค่ลบล้างอดีตของกูยังทำไม่ได้มึงมีสิทธิ์อะไรมาอ้างความเป็นพ่อกับกู...ฮึก...ฮึก...มึงมันก็คิดถึงแค่หน้าตา แค่อำนาจ แค่ตำแหน่งจอมปลอมที่มีเอาไว้เชิด
ภาพแผ่นหลังของพ่อแม่ที่ต่างพากันประคองลูกสาวให้เดินออกไป แม้ว่าตัวผมจะรู้สึกขัดใจที่ไม่อาจลงโทษตัวตนเรื่องได้อย่างสาสมอย่างที่ใจต้องการ แต่เพราะเห็นแก่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อหญิงสาวบวกกับในฐานะที่ผมเกือบจะได้เป็นพ่อคนนั้น จึงทำให้ผมเลือกที่จะกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วปล่อยพวกเขาไปและในขณะที่พวกเขากำลังกึ่งดึงกึ่งลากลูกสาวของตนออกไปอยู่นั้น“ปล่อยหนูนะ...บอกให้ปล่อย!!” มายาที่สะบัดแขนพ่อแม่ของตนทิ้ง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว“นี่ไง...กูกลับมาเจอหน้ามึงอีกครั้งแล้วนี่ไง ฆ่ากูเลยซิ!! ฆ่ากูเลย” ดวงตาเฉี่ยวจ้องมองผมอย่างแข็งกร้าว อีกทั้งยังกำมือแน่นอย่างไม่ยินยอมและไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย“มายา...มึงอย่าท้ากูนะ!!” ผมชี้ปลายดาบที่ขึ้นสีเงินวาวตรงไปยังหน้าหญิงสาวที่ท้าทายด้วยความรู้สึกที่ไม่ประหวั่นกับคำท้านั้นเช่นกัน“กูไม่ได้ท้า แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิ หรือว่าความจริงแล้วมึงมันก็น่าตัวเมียเหมือนนิสัย!!” และคำพูดหญิงสาวที่เหมือนกับน้ำมันเติมเชื้อไฟโทสะก็ได้ราดรดลงมาสุมไฟที่ยังไม่มอดไหม้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง“ฮึ่ม...พวกมึงมาเอาลูกมึงไปให้พ้นหน
หญิงสาวที่มีความแค้นคับแน่นอยู่ในอกเพราะไม่เหลือซึ่งความหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งส่งให้เธอระเบิดความบ้าคลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด“ฮือออออ ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงโว้ยยยยย...หึ...ดีแลนมึงอะมันหน้าโง่เหลือเกินทั้งที่มีกูที่เพียบพร้อมแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาในวงสังคม บารมีของครอบครัวที่จะช่วยหนุนมึงให้ขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่มึงก็เสือกไปเลือกมัน...อีคนชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังกำพร้าพ่อแม่อีกอย่างอีลลิน กูถามหน่อยเถอะว่านอกจากความซิงของมันแล้ว มันยังมีอะไรดีกว่ากูงั้นเหรอ...ห๊ะ!!”ความรู้สึกในใจพรั่งพรูออกมาจากปากของมายาที่เปลี่ยนจากร้องไห้เสียใจเป็นหัวเราะใส่หน้าผมอย่างคนบ้าคลั่ง พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก่อนที่เธอจะลอยหน้าลอยตาเย้ยหยันใส่ผมอย่างไม่เหลือมาดคุณหนูผู้ใสซื่ออีกต่อไป“หึ...มึงมันก็เหมือนกับไอ้พวกผู้ชายใจหมาพวกนั้นนั่นแหละที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น มึงก็แค่หลงอีลลินเพียงเพราะว่ามันมีสิ่งที่กูไม่มีนั่นก็คือความสดใหม่เท่านั้นเอง คนอย่างมึงมันก็เห็นค่าผู้หญิงแค่เท่านั้นนั่นแหละ มึงมันก็เหมือนกับผู้ช
ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ได้รับรู้มาถึงวีรกรรมของบริกรสาวคนนี้ที่มักจะชอบอาสาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายของมายาทำเรื่องชั่ว ๆ ให้ตลอดเพื่อแลกกับเงิน โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกวางยาเพื่อส่งไปสนองตัณหาของเจ้าของร้าน และเพราะด้วยอิทธิพลที่มีไม่น้อยของคนบงการจึงทำให้เหล่าบรรดาสาว ๆ ที่โดนวางยาต่างไม่กล้าไปแจ้งความและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป“อะ...เอ่อ...คะ...คือ” ก้อนคำพูดขึ้นมาติดอยู่ที่ลำคอของบริกรสาวทันทีอย่างคนมีพิรุธ และด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออกมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอด“หึ...มึงไม่ต้องมาอ้ำอึ้งกูถามว่ามือไหน...มึงก็แค่ตอบคำถามกูมาแล้วกูจะพิจารณาไว้ชีวิตมึง” ผมถามย้ำเสียงเย็นด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน“มะ...มือ...มะ...ไม่มี...หนูไม่ได้ทำ” สายตาเลิ่กลั่กอีกทั้งเหงื่อกาฬที่ผุดไหลเต็มหน้าบ่งบอกได้ดีเลยว่าบรรดาความชั่วทั้งหลายที่มันเคยทำเอาไว้ในอดีตบัดนี้ได้ทยอยผุดขึ้นมาตอกย้ำความชั่วของมันแล้วส่วนผมที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์เต็มทีก็ได้ตัดความรำคาญพยักหน้าให้ลูกน้องจับมือของบริกรสาวเอามาวางไว้ต่อหน้าผม และด้วยอารามของค