ฉันที่ยืนอึ้งกับความตื่นตาตื่นใจที่อยู่ตรงหน้าเพราะถึงแม้ว่าห้องอาหารบริษัทเก่าฉันจะใหญ่โตไม่แพ้กันแต่ต้องยอมรับว่าที่นี่ดีกว่าจริง ๆกระทั่งเสียงจากคนข้าง ๆ ก็ช่วงดึงฉันให้ออกมาจากภวังค์ตรงหน้า...“นายให้ความใส่ใจเกี่ยวกับสวัสดิการพนักงานมากที่สุดครับ ทุกอย่างก็เพื่อความผ่อนคลายของพนักงาน ส่วนร้านอาหารนายก็เลือกแต่สิ่งร้านดี ๆ อร่อย ๆ มาไว้ โดยที่ราคาก็ถูกกว่าร้านข้างนอกทั่วไป และที่ใครหลายคนไม่รู้คือ...ส่วนต่างของราคาอาหารนายเป็นคนจัดการเองทั้งหมดครับ” ริกเอ่ยชมผู้เป็นนายของตนด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม หลังจากที่เขาเห็นหญิงสาวดูจะตื่นเต้นและสนใจต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่หยุดและเมื่อสิ้นประโยคคำบอกเล่าจากลูกน้องคนสนิทของเขา ฉันก็รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เขาทำ โดยที่คำพูดเหล่านั้นก็ไม่เกินจริงเลยสักนิด“นายของพี่ริกใจดีจังเลยนะคะ...แต่ชอบดุแต่กับลิน” ฉันเอ่ยชมเจ้านายของคนด้านข้าง ก่อนจะยู่ปากเมื่อนึกถึงเวลาที่เขาร้ายกับฉัน“คงเป็นเพราะนายต้องรับผิดชอบอะไรหลาย ๆ อย่างตั้งแต่เด็กน่ะครับ เลยทำให้การแสดงออกอาจจะดูกระด้างไปบ้าง แต่ถ้าคุณลลินได้อยู่กับนายนานขึ้น คุณลลินจะเห็นมุมที่อ่อนโยนของนายเองครับ”
“เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่น้องลิน่ะ น้องต้องเล่าให้พี่ฟังทุกอย่างเลยนะ” รามเปิดปากถามทันทีเมื่อตนเองนั่งลงที่โต๊ะ“เรื่องอะไรเหรอคะ” ฉันทำตีหน้าไขสือ เพราะจะให้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคนตรงหน้าได้ช็อกจนเข้าโรงพยาบาลแน่ ๆ“ก็เรื่องที่น้องลินกลายไปเป็นเลขาส่วนตัวของคุณดีแลนได้ยังไงกันครับ” ผู้ชายที่เปรียบเสมือนพี่ชายถามเข้าตรงประเด็น จนฉันเองแอบโล่งใจเล็กน้อยที่เขากังวลแค่เรื่องนี้“เออ...พอดีว่าลินโดนเปลี่ยนตำแหน่งกะทันหันน่ะคะ อีกอย่างก็อย่างที่พี่รามรู้ลินเป็นหนี้คุณดีแลนเขาตั้งล้านหนึ่ง ถ้าทำงานตำแหน่งธุรการชาตินี้ทั้งชาติลินคงไม่มีปัญญาใช้หนี้เขาหมดแน่ ๆ” ฉันพยายามอธิบายโดยอ้างเหตุผลที่ดูจะเหมาะสมมากที่สุด เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าสงสัยไปมากกว่านี้“อืมมมม...จะว่าไปมันก็จริง...” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนคล้อยตามไปกับคำพูดของฉัน“แล้วนี่ตอนนี้น้องลินพักอยู่ที่ไหนครับ...” รามยังคงถามต่อ เพราะเขาอยากรู้ที่อยู่ของหญิงสาวมากที่สุดหลังจากเป็นกังวลข้ามวันข้ามคืน“ลินได้พักอยู่ที่คอนโดเดียวกับคุณดีแลนค่ะ แต่คนละชั้นกันนะคะพี่รามไม่ต้องเป็นกังวลไป อีกอย่างเขาก็ให้เหตุผลว่าถ้าอยู่ใกล้ ๆ เว
“นี่...เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นไหมที่เดินตามท่านประธานเข้ามาในบริษัทตอนเช้าน่ะ”เสียงพนักงานสาวคนแรกจั่วประเด็นร้อนนี้ขึ้นมา“เห็นซิ...ชิ...ไม่รู้ว่าไปอ่อยอีท่าไหน ท่านประธานถึงกับหิ้วมาที่บริษัทด้วย” พนักงานคนที่สองเอ่ยสำทับด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามสุด ๆ“แต่ฉันว่าเขาก็สวยดีนะ ดูเหมาะกับท่านประธานอยู่นะ” พนักงานคนที่สามเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดูขลาดกลัว“โอ๊ยยยย...ยัยนี่เมาส์กับเธอไม่มันเลย นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าพนักงานสาวที่อยู่บริษัทนี้แทบทุกคนก็หวังที่จะได้ขึ้นเตียงกับท่านประธานของเราทั้งนั้นแหละ ฉันเองก็ยังอยากเป็นหนึ่งในนั้นเลย แต่ทำไงได้ตั้งแต่ทำงานมาฉันเองก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เจอท่านประธานเลย แล้วจะไปมีโอกาสอ่อยได้ตอนไหน เห้ออออ...คิดแล้วก็เซ็ง...” พนักงานคนที่มีน้ำเสียงเหยียดหยามทำท่าเสียดาย ก่อนจะพูดต่อว่า...“แต่จะว่านะ...เคยมีพนักงานสาวอยู่หลายคนก่อนหน้านี้โชคดีแจ็กพอตแตกเจอท่านประธานจัดหนักจัดเต็มจนเข่าอ่อนมาทำงานไม่ได้ตั้งสามวัน...สามวันเลยนะหล่อน ฉันนะอยากลองขาอ่อนดูบ้างจัง...คริคริ” พนักงานคนเดิมเอ่ยปากเมาส์อย่างออกรส“ถึงอย่างนั้นแต่ก็ยังมีเรื่องน่าเสียดายอย่างหนึ่งนะพวกเธอ พ
ณ ห้องโถงบริษัท DLKK Corporate“พี่ราม...รอลินนานไหมคะ”ฉันยังคงยิ้มแย้มส่งตรงไปให้คนตรงหน้า หลังจากปรับสีหน้าที่เศร้าหมองให้กลับมาเป็นปกติแล้ว“ไม่นานเลยครับ สำหรับน้องลินพี่รอได้เสมอ” ส่วนผู้ชายตรงหน้าเขาก็ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน แต่ทว่า...ในคำพูดนั้นทำไมฉันถึงกลับรู้สึกว่าเขาแฝงความหมายอะไรบางอย่างก่อนที่ฉันเลือกที่จะไม่ใส่ใจอะไร เพราะไม่อยากให้อะไรเข้ามารกสมองอีกแล้ว เนื่องจากสิ่งที่ฉันรับมาตลอดบ่ายนี้มันหนักหนาจนฉันปวดหัวไปหมดแล้ว“งั้นไปกันเลยไหมคะ” ฉันรีบชวนคนตรงหน้าให้ออกไปจากที่นี่โดยเร็วเสมือนคนที่มีความผิดกำลังหนีตำรวจอย่างไงอย่างงั้น ด้วยเพราะฉันไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้นานสักเท่าไรนักจากนั้นเราสองคนก็พากันเดินออกไปจากบริษัท DLKK Corporate ด้วยความเร็ว...--- ดีแลน Talk ---ผมที่สังเกตเธอมาสักพักตั้งแต่เริ่มงานช่วงบ่ายถึงอารมณ์ที่ดูเปลี่ยนไปอย่างบอกไม่ถูกของเธอ มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาทันทีย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ~~จากตอนแรกผมที่ตั้งใจเอาไว้ว่ามื้อกลางวันนี้ผมจะพาเธอไปหาอะไรกินข้างนอกบริษัทเพื่อเป็นการฉลองงานใหม่ให้กับเธอ แต่ทว่า...ก็ดันมีปัญหาเรื่องธุรกิจเ
“ได้ข้อมูลแล้วครับ...ผู้ชายคนนี้ทำงานอยู่ในฝ่ายวิศวะฯ ในบริษัทของเราเองครับ ชื่อราม มีบ้านอยู่ในกรุงเทพและที่สำคัญคือ...เขากับคุณลลินสนิทกันมานานแล้วครับ”ทันทีที่ลูกน้องคนสนิทของผมรายงานจบ ผมก็ขมวดคิ้วนึกย้อนไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้านี้“รามเหรอ...” ผมกอดอกอย่าใช้ความคิดและเพียงไม่นาน สมองของผมก็ประมวลผลปะติดปะต่อเรื่องราวระหว่างเธอกับผู้ชายขึ้นนั้นขึ้นมาได้...เขาที่นึกออกแล้วว่าตอนที่เขาจับตัวเธอไปได้มีชื่อผู้ชายคนนี้โทรเข้ามา อีกทั้งคนนี้ยังเป็นคนที่คอยส่งข้อความและพยายามตามหาตอนที่เธอหายตัวไป และไหนจะตอนที่เขาขับรถไปส่งเธอที่หน้าห้องพักเก่า ผู้ชายคนนี้นี่เองที่เป็นคนมายืนรอรับและโอบกอดเธอเอาไว้ แถมยังเป็นคนเดียวกันกับที่ผมเห็นเธอเดินหัวเราะต่อกระซิกกันเมื่อเช้าวันวานอีกด้วยและทันทีที่พอจะเข้าเค้าอะไรได้บางอย่างไฟโทสะในกายผมก็ได้โหมกระหน่ำขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับได้ เพราะหลังจากที่เซนส์ของผู้ชายมันบอกว่า ชายคนที่ชื่อรามคนนี้มันเองก็กำลังคิดไม่ซื่อกับผู้หญิงของเขาเหมือนกัน...“ไล่มันออก พร้อมเงินชดเชยให้มัน 5 ปี” ผมพูดสั่งลูกน้องกร้าวด้วยประโยคสั้น ๆ และเพียงแค่ประโยคเดียวนั้นผมรับรอง
พี่รามเอ่ยบอกอย่างคนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง หลังจากที่มีข้อความส่งมาที่มือถือแจ้งให้พ้นจากสภาพการเป็นพนักงานทันที พร้อมกับเงินที่ถูกส่งเข้ามาจำนวนก้อนโตเพื่อเป็นค่าชดเชยในการเลิกจ้าง“ไหนขอลินดูหน่อยค่ะ...” ฉันที่ตกใจไม่แพ้กัน ได้หยิบมือถือของพี่รามเอามาอ่านซ้ำอีกที“จริงด้วย...!!” (O_O) ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ที่ได้เห็นความจริงตรงหน้า“นี่มันเกิดอะไรขึ้นพี่งงไปหมดแล้ว” พี่รามที่ยังไม่หายจากอาการช็อกบ่นพึมพำแบบคนไม่ได้สติ“มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ ค่ะ ลินว่าเดี๋ยวรอพรุ่งนี้เราเข้าไปถามหาเหตุผลจากฝ่ายบุคคลกันดีไหมคะ” ฉันเอ่ยปลอบคนตรงหน้าผู้ที่ฉันเคารพเหมือนเป็นพี่ชายแท้ ๆ เพราะถ้าจะเข้าไปที่บริษัทตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้และในขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดด้วยความสงสัย สัญญาณบางอย่างที่ส่งขึ้นมาในใจก็เริ่มจะทำให้ฉันพอจะเข้าใจถึงสิ่งที่พี่รามกำลังเผชิญ“ไอ้คนใจร้าย...!!” ฉันสบถเบา ๆ พร้อมกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพึมพำด้วยความเจ็บแค้น“น้องลินว่าไงนะครับ” พี่รามเอ่ยถามเพราะได้ยินไม่ถนัด เนื่องจากตอนนี้เขาหูอื้ออึงไปหมด“เปล่าค่ะ...วันนี้พี่รามกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้
ฉันที่มองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจทั้งที่ฉันกับพี่รามเราสองคนไม่ได้ทำอะไรผิดกันเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขาทำเหมือนกับว่าเราสองคนทำอะไรผิดอย่างใหญ่หลวง“เหตุผลแค่นั้น คุณถึงกับทำร้ายชีวิตคนคนหนึ่งเลยหรือไงกันค่ะ” ฉันถามออกไปอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ“แล้วยังมีนี่อีก...” เขาที่ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปของฉันกับพี่รามที่ถ่ายด้วยกันเพื่อร่วมแคมเปญของร้านที่เราสองคนเพิ่งไปกินมาเมื่อครู่...“เธอตกลงเป็นแฟนมันแล้วใช่ไหม...แล้วที่เธอรับปากกับฉันไว้ล่ะลิน...” เขาที่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองในประโยคแรก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ดูน้อยใจในประโยคท้าย“ลินไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับใครทั้งนั้น” ฉันปฏิเสธเขาออกไปทันทีหลังจากได้เห็นรูปภาพต้นเหตุ พร้อมกับเม้มปากด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ฉันไม่พอใจที่ตัวเองถูกปรักปรำอยู่แบบนี้และยังไม่พอใจที่เขาหาว่าฉันเป็นแฟนกับพี่รามทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับพี่รามเลยสักนิด“แล้วแคปชั่นพวกนี้อีกมันหมายความว่าไง” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจระคนขุ่นเคืองใจ อีกทั้งยังยกโทรศัพท์ที่อยู่ในมือขึ้นมาให้ฉันดูอีกครั้ง“แคปชั่นพวกนี้พี่รามเขาก็แค่ลงเล่น ๆ เพราะร่วมแคมเปญท
ส่วนเขาที่ได้ฟังความในใจของฉันที่มีต่อพฤติกรรมของเขา ก็ทำให้การกระทำของเขาที่มีต่อฉันตอนนี้ยิ่งอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด“ฉันขอโทษนะลิน ลินยกโทษให้ฉันได้ไหม ขอโอกาสให้ฉันเถอะนะลิน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ที่มาพร้อมกับสายตาร้องขอและไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขามักจะแสดงนิสัยด้านแย่ ๆ ใส่เธอคนที่เขากำลังหลงรักมาโดยตลอด แต่มันเป็นเพราะว่าเขาคงรักเธอมากเกินไป มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร แม้แต่กับผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่าเหมาะสมกับเขาทั้งด้านหน้าตาและสถานะทางสังคม แต่ทว่า...พอมาเจอกับเธอคนที่อยู่ตรงหน้านี้ เขากลับได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ต่างออกไปจากตอนแรกที่เขารู้สึกว่าเขาชอบผู้หญิงคนหนึ่งคนที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับเขาถ้าหากจะต้องสร้างครอบครัวเข้าสักวัน แต่พอมีเธอคนตรงหน้าเข้ามาในชีวิตให้ได้เปรียบเทียบ มันจึงทำให้เขารู้ความรู้สึกที่แท้จริงว่าเขามองผู้หญิงคนก่อนหน้านั้นเป็นเพียงแค่ความเหมาะสมทางสถานะทางสังคมก็เท่านั้นเอง แต่กับเธอคนนี้คนที่อยู่ตรงหน้า เธอทำให้ความรู้สึกรักมันชัดเจนไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกถึงการอยากครอบครอง ความรู้สึกที่ไม่อยากให้ชายใดมาชายตามองเธอ และรู้ส
“แต่ว่าแม่ครับ...ได้โปรดอย่าห้ามไม่ให้พี่แดนไปบ้านปู่อีกเลยนะครับ” เด็กชายตรงหน้าพูดเหมือนกับรู้เท่าทันความคิดของฉันที่มีต่อเขาในสถานการณ์ตอนนี้“แต่พี่แดน...ลูก...” ส่วนฉันที่แม้จะปวดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนที่แสนจะเด็ดเดี่ยวของลูกชายตัวเองก็ทำได้เพียงแค่เรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ“นะครับแม่...พี่แดนสัญญาว่าพี่แดนจะตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวให้หนักมากขึ้น และพี่แดนขอเรียนพวกการใช้อาวุธด้วยได้ไหมครับ...พี่แดนอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้”สายตามุ่งมั่นของลูกชายที่ส่งมาทำให้ฉันถึงกับสะท้อนใจ พร้อมกับมองไปที่ลูกชายด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายตรงหน้าที่ฉันไม่รู้ว่าเขาบัดนี้เขาได้เติบโตไปมากกว่าที่ฉันเห็นแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยพูดด้วยสายตาแน่วแน่ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือหวั่นใจเลยแม้แต่น้อยในดวงตาคู่นั้นถึงเรื่องที่อยากจะทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่คิดจะทำ“พี่แดนไม่กลัวเหรอลูกถ้า...เอ่อ...ต้องกลับไปที่นั่นอีก” ฉันหยั่งเชิงถามลูกชายออกไป แม้ว่าคำตอบจากท่าทางของลูกชายที่มีให้ก่อนหน้านี้จะเป็นคำตอบให้ฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังอ
รุ่งเช้า ~~วันนี้ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปบริษัท เพราะอยากจะอยู่รอรับลูกชายที่ไม่เคยห่างกายไปไกลขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อสัญญาณการขอลงจอดเครื่องบินดังขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายขึ้นเครื่องบินไปบ้านปู่ของเขาก็ได้ทุเลาลง“แม่คร้าบบบ ~~ พี่แดนคิดถึงแม่จังเลยครับ” ฟอด ~~ ฟอด ~~ ลูกชายตัวน้อยที่นับวันใกล้จะสูงเท่าฉันแล้ว วิ่งยิ้มร่าโผเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้มฉันซ้ายขวาไม่หยุดก่อนที่ผู้ชายอีกคนที่ฉันคิดถึงไม่แพ้กันจะตรงปรี่เข้ามาหาฉันพร้อมกับทำเลียนแบบลูกชายของตัวเอง“พี่ก็คิดถึงลินมากเลยคร้าบบบบ ~~” ฟอด ~~ ฟอด ~~ คนเป็นพ่อที่ไม่ยอมน้อยหน้าลูกตรงถลาเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกัน โดยที่ลูกชายฉันได้แต่ดิ้นพล่านเพราะอึดอัดที่ถูกอัดอยู่ตรงระหว่างกลางการกอดกันของพ่อแม่ของเขา“เป็นไงบ้างคะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม” ฉันผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายทั้งสอง แล้วเอ่ยถามด้วยความคิดถึงแต่ทว่า...เสียงและท่าทางเจื่อน ๆ ของผู้เป็นสามีที่ตอบกลับมา ทำฉันอดแปลกใจไม่ได้“ก็ดีจ๊ะ...”“แล้วลูกล่ะครับพี่แดน เป็นไงบ้างสนุกไหมไปบ้านท่านปู่ครั้งแรก” ฉันมองไปยังลูกชายที่แสดงสีหน
“ผมไม่ต้องการให้คุณมาเร่งรัดให้แดนไปกับคุณนะครับ โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกผมยังเล็ก” คนตัวโตเปิดประเด็นก่อน“ก็แล้วทำไมไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร” ส่วนคนสูงวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน ก็ได้เอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ“เพราะผมรู้ไงว่ามันอันตรายยังไง ผมรู้ว่าท่านนะยิ่งใหญ่แต่ใครจะรับประกันให้กับลูกชายของผมได้ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเราที่ผมจะยอมให้ได้ นั่นก็คือผมจะขอเวลา 5 ปีเพื่อฝึกให้แดนทันคนและมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเวลาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นผมถึงจะอนุญาตให้เขาไปที่ประเทศของท่านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ตัวว่าเขายังพอใจที่จะรับตำแหน่งบ้า ๆ นั้นไหม และหลังจากที่เขาอายุครบที่จะเข้าพิธีรับมอบตำแหน่งได้แล้วถึงวันนั้นถ้าแดนยังต้องการที่จะไปกับท่านอยู่ล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูก เพียงแต่ถ้าหากว่าเขาเล็งเห็นแล้วว่าการไปอยู่กับท่านมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแต่อย่างใด และถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมันคิดจะมาฆ่าล้างตระกูลผมก็ตาม ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไว้อย่างแน่นอน” คนตัวโตพูดรัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง โดยไม่มีช่องให้คนที่มีอำน
“พี่แดนอยากไปครับ...ท่านปู่บอกอยากให้พี่แดนไปดูอาณาจักรที่จะเป็นของพี่แดน แต่พี่แดนก็อยากให้แม่คร้าบกับดีแลนไปด้วย แต่ดีแลนคงไม่อยากไป...ท่านปู่บอกแบบนั้น”เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วด้วยแววตาเป็นประกายซุกซน ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในประโยคท้ายยามเอ่ยปากนินทาผู้เป็นพ่อของตน“อย่างงั้นเหรอลูก” ฉันตอบลูกชายตัวน้อยกลับไปเพียงประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ที่ช่างต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกินแต่ด้วยแววตาดวงน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่อยากจะเห็นโลกกว้าง ทำให้ฉันที่แม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่จำต้องเก็บความต้องการนั้นเอาไว้แล้วเลือกหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้“ถ้าพี่แดนอยากไปแม่ก็จะอนุญาตครับ...เพียงแต่ ณ เวลานี้มันยังเร็วเกินไปที่พี่แดนจะไปบ้านท่านปู่ด้วยเหตุผลแรก แม่เองก็ใกล้ที่จะคลอดน้องแล้วแม่คงจะไปกับพี่แดนด้วยไม่ได้ พี่แดนคงไม่อยากให้แม่ไปคลอดน้องบนฟ้าใช่ไหมครับ” ฉันค่อย ๆ อธิบายให้ลูกชายตัวน้อยฟัง“ส่วนเหตุผลที่สอง แม่อยากให้พี่แดนโตกว่านี้อีกสักหน่อย อยากให้พี่แดนโตจนสามารถดูแลตัวเองได้แม้ในวันที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง เพราะฉะนั้นถ้าพี่แดนอยากจะไปบ้านท่านปู่จริง พี่แดน
--- ดีแลน Talk ---“ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไงครับ” ผมเปิดปากถามคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อแม้ว่าผมจะไม่เคยนับว่าเขาเป็นพ่อก็ตาม“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ...” ก่อนที่คนเจนสนามอย่างเฒ่าเจ้าเล่ห์จะยักคิ้วพูดหยั่งเชิง“พูดมาตรง ๆ เถอะครับ ผมรู้ว่าการที่คุณเทียวไปเทียวมาแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะคิดถึง...เอ่อ...หลาน” ผมพูดไปด้วยรู้เจตนาคนตรงหน้าดีแต่อยากได้ความชัดเจน“เฮ้อ...ดีแลนแกพูดอย่างนั้นมันก็ดูจะดูถูกจิตใจฉันเกินไปนะ ฉันน่ะคิดถึงหลานจริง ๆ และอยากเจอเขาด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันคิดว่าแกคงรู้สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลฉันดี และฉันก็รู้ดีว่าแกไม่โง่ที่จะไม่รู้เจตนารมณ์ของฉัน เพราะแกย่อมรู้ดีที่ฉันทำแบบนี้มันก็เพื่อแกเอง...” คนเป็นพ่อของผมพูดโดยที่มือบรรจงลูบไปที่หัวของลูกชายผมอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังมองดูเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเขา“เพื่อผมเหรอ ผมว่าท่านทำเพื่อตัวเองมากกว่านะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นกับพ่อได้ล่ะ...” ก่อนที่คนสูงวัยจะเบนสายตาจากหลานชายตัวน้อยมายังบุคคลที่เป็นลูกชายตนเองแทน พร้อมกับมอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงเหมือนกับที่ท่านชีคได้พูดเอาไว้ ว่าสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้นั่นก็คือเขายังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านชีคเขาจริง ๆ และยังคงมีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรม เพียงแต่เขาที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าถ้าหากถึงเวลาจวนตัวที่ตำแหน่งท่านชีคว่างขึ้นมาจริง ๆ เขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไรเพราะด้วยกฎประหลาดที่ถูกกำหนดขึ้นมาว่าถ้าหากท่านชีคองค์ปัจจุบันไม่อาจมีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้ ทุกอย่างจำต้องรีเซตใหม่โดยการกำจัดสายเลือดที่เกี่ยวข้องที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือเป็นภัยคุกคามในตระกูลต่อไปที่จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งนี้แทนหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากผู้เป็นสามี ฉันถึงกับหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาไปถึงข้อสันนิษฐานในข้อตกลงที่ในวันนี้ท่านชีคชาดีฟคิดจะมาพูดกับพวกเรา“ถ้างั้นพี่ดีนคิดว่าเพราะอะไรท่านชีคถึงมาหาเราที่นี่ค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ก็อย่างแรกข่าวที่เราแต่งงานหลุดออกไปที่ประเทศนั้นในวงศ์ตระกูลของท่านชีคต่างรู้ว่าพี่เป็นลูกของเขา แต่ด้วยอำนาจของเขาที่ยังคงเข้มแข็งอยู่พี่ถึ
หลายปีผ่านไป ~~“ฮึก...ฮึก...พี่แดนไม่ไปไม่ได้เหรอลูก ฮือออออ ~~ พี่ดีน ลินไม่อยากให้ลูกไปเลย”ฉันร้องไห้หลังจากวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องส่งลูกให้ไปอยู่กับพ่อสามีที่เป็นชีคอยู่ที่ประเทศประเทศหนึ่งของแถบตะวันออกกลาง แต่ทว่า...ลูกชายของฉันนอกจากจะไม่ฟังคำทัดทานของฉันแล้วยังดูท่าว่าอยากจะไปเสียเต็มที“แม่ครับอย่าร้องไห้ซิ ถ้าแม่คิดถึงก็บินไปพี่แดนได้นี่น่าเดี๋ยวพี่แดนให้ท่านปู่ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ หรือเอาไว้ถ้าพี่แดนฝึกขับเครื่องบินเก่งแล้วเมื่อไรเดี๋ยวเอาไว้พี่แดนบินกลับมาหาดีไหมครับ” ลูกชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตเริ่มเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่มแถมรูปร่างยังสูงมากกว่าฉันโอบกอดปลอบฉัน จนกลายเป็นฉันที่ซุกหน้าเข้ากับอกลูกเหมือนเด็กน้อยแทน“ฮืออออ ~~ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลยนี่ครับ” ฉันยังกอดลูกชายแน่นโดยที่ด้านหลังของเขาได้มีร่างของผู้ชายที่เป็นพ่อสามีฉันมายืนรอรับลูกชายของฉันไป“พี่แดนก็ยังอยู่กับแม่เสมอนะครับ” ลูกชายตัวน้อยที่เคยจ้ำม่ำใช้มือที่ใหญ่ขึ้นปาดน้ำตาของฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานที่เหมือนกับพ่อและปู่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ไม่ต้องห่วงนะ เรารับรองได้เลยว่าเราจะดูแลแดเนียลให้ดีที่สุด” ท่า
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ~~ฉันได้รับอนุญาตจากพี่น้ำค้างให้กลับบ้านได้แล้ว และทันทีที่ถึงบ้านฉันที่มัวแต่เป็นห่วงลูกในท้องจนเพิ่งจะมานึกออกถึงเรื่องของแม่ตัวเอง“พี่ดีนค่ะ...” ฉันเรียกชื่อผู้เป็นสามีเบา ๆ ก่อนจะเสหน้าหลบเล็กน้อยด้วยความลังเลที่เกิดขึ้นว่าควรจะถามออกไปดีไหม เนื่องจากกลัวว่าเขาอาจจะยังโกรธเคืองแม่ของฉันอยู่“ว่าไงครับ...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หรือว่ายังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ให้พี่พาไปโรงพยาบาลเอาไหม” ส่วนพี่ดีนที่ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลเขาดูแลฉันไม่ห่างกาย แม้ว่าจะได้รับคำยืนยันจากปากหมออย่างพี่น้ำค้างแล้วว่าทั้งฉันและลูกปลอดภัยดี แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขายังมีความกังวลอยู่“ปะ...เปล่าค่ะ ลินไม่เจ็บแล้วค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธออกไป ก่อนจะทำท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆแต่ทว่า...เขาที่มักจะรู้ใจฉันดีว่าฉันคิดอะไรและกังวลใจเรื่องอะไรอยู่ ก็ได้พูดออกมาก่อน“จะถามเรื่องแม่ของลินใช่ไหม” เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเหมือนกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร และนั่นก็ทำให้ฉันพยักหน้ารับออกไปทันที“พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับลินและลูกอีก” คนตัวโตพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน“พะ...พี่ดีนทำ
“ไม่มีเหรอ...ชิ...ดูสภาพแกตอนนี้จะมาบอกว่าไม่มีเงินใครหน้าไหนมันจะไปเชื่อ ผัวแกทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหน ทำไม...คนเป็นแม่อย่างฉันจะมาขอค่าน้ำนมหน่อยไม่ได้หรือไง...ห๊ะ!! ยัยลิน!!” แม่ฉันระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับตรงเข้ามาบีบแขนฉันแน่น“มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยนะคะ เขาจะรวยมันก็เงินเขาหามา” ฉันที่ทนให้แม่บีบแขนอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามันจะเจ็บมากก็ตาม แต่ทว่า...มันไม่ได้เจ็บไปมากกว่าที่หัวใจฉันเจ็บตอนนี้เลยและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พี่ริกที่วิ่งมาทางพวกเราพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกับคุณดีน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจเท่ากับผู้หญิงตรงหน้า“เกี่ยวซิ...ทำไมจะไม่เกี่ยวฉันเป็นแม่ของแก เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของแก แต่แกไม่คิดจะตามหาฉันมาร่วมงานแต่งงานของแกเลยสักนิด...เหอะ...ปล่อยให้ฉันต้องทนลำบากอยู่ได้ตั้งนาน” แม่ฉันพูดพลางมองบริษัทของคุณดีนไปทั่วด้วยแววตามีความหมายส่วนฉันที่แม้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันดีใจมากแค่ไหนในแวบแรกที่ได้เจอแม่ แต่พอได้มาเห็นพฤติกรรมของท่านที่ไม่เหลือเค้าคนเป็นแม่ที่ฉันเคยรู้จัก มันก็ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าฉันไม่ควรขุดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่เคยมีต่อตัวท่