ซือเจ๋อเยว่ยังเอ่ยไม่ทันจบ เยียนเซียวหรานก็คว้ากระบี่ไม้ท้อขึ้นมา ก้าวไปยืนขวางหน้านางโดยสัญชาตญาณไป๋จื้อเซียนรู้ดีว่าเขาย่อมไม่อาจปกปิดซือเจ๋อเยว่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดจะปิดบังตั้งแต่ต้นร่างของเขาปรากฏขึ้นมาให้เด่นชัดอย่างช้า ๆ ที่หน้าประตูศาลเจ้า อาภรณ์สีแดงฉานดั่งโลหิต ยังคงอหังการไม่เคยเปลี่ยนแปลง แววตาของเขามองเยียนเซียวหรานด้วยความท้าทาย สายตาเต็มไปด้วยความดูแคลนเยียนเซียวหรานหรี่ตาลงเล็กน้อย แม้จะเผชิญหน้ากับการท้าทายของไป๋จื้อเซียน เขากลับนิ่งสงบอย่างยิ่ง ในสมองของเขากำลังคิดหาวิธีรับมืออย่างรวดเร็วในครั้งก่อนไป๋จื้อเซียนยังไม่อาจรวบรวมร่างกายให้เป็นรูปเป็นร่างได้ แต่บัดนี้เมื่อเวลาผ่านไปเพียงเจ็ดวัน เขากลับสามารถทำได้แล้วการฟื้นตัวของไป๋จื้อเซียนเร็วกว่าที่เขาคาดไว้มากนัก วันนี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต เขาก็จะไม่ยอมให้ไป๋จื้อเซียนแตะต้องซือเจ๋อเยว่อีก!แต่สิ่งที่ทำให้เยียนเซียวหรานประหลาดใจก็คือ วันนี้ไป๋จื้อเซียนไม่ได้ลงมือทันทีอย่างทุกครั้งที่ผ่านมาชื่อปาเลี่ยเพียงเห็นเงาของไป๋จื้อเซียน ก็รีบหลบเข้าไปอยู่หลังรูปปั้นเทพเจ้าภูเขาที่แตกหักอย่างขี้ขลาดซือเจ๋อเยว่
หากไม่ใช่เพราะเยียนเซียวหรานเป็นคนเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ที่สามารถช่วยนางได้ เขาก็คงสังหารเยียนเซียวหรานไปตั้งนานแล้วตอนนี้ต่อให้เขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็ช่วยชีวิตนางไม่ได้แล้วซือเจ๋อเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อย หลังจากจ้องมองเขาตั้งแต่ตัวจรดปลายเท้าก็กล่าวขึ้น “จริงหรือ? เมื่อหนึ่งพันปีก่อนเจ้ากับข้าคงจะไม่ได้รักกันปานจะกลืนกินอยู่ช่วงหนึ่งหรอกใช่หรือไม่?”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนลำบากใจยิ่งกว่าเดิม เขากล่าวเสียงจริงจัง “ไม่ใช่!”ซือเจ๋อเยว่ส่งสัญญาณให้เยียนเซียวหรานเก็บกระบี่ลงไป ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาทั้งหมดรวมกันก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะไป๋จื้อเซียนได้นางกระแอมเบา ๆ อีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นข้าก็วางใจแล้ว หากเมื่อหนึ่งพันปีก่อนข้าเคยชอบเจ้า ถ้าอย่างนั้นตาของข้าก็คงจะแย่มากเกินไปแล้ว”ไป๋จื้อเซียน “...”ไป๋จื้อเซียน “!!!!!!”เขาแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ?เขาจำได้ว่าตอนที่เขามีชีวิตอยู่ก็เป็นคุณชายผู้มีฐานะร่ำรวยเช่นกัน แล้วก็เคยเป็นผู้มีความสามารถไม่เป็นรองใครมือทั้งสองข้างของซือเจ๋อเยว่กอดอก หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าว “เจ้าไม่โมโหหรือ?”ไป๋จื้อเซียนกล่าวเสียงขรึม “โมโหมากเชียวล่ะ อยากจะฆ่าคน แต่
ตอนนี้นางจำเรื่องราวสมัยก่อนไม่ได้ ย่อมไม่มีทางเกรงใจเขาในใจของเขากลัดกลุ้ม พ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่งแล้วโยนโสมสีม่วงลงไปบนพื้น หันหลังแล้วก็เดินจากไป ร่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยความรวดเร็วซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทีหนึ่ง หว่างคิ้วของเยียนเซียวหรานขมวดเข้าหากัน “ตกลงวันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”ซือเจ๋อเยว่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ฟังอย่างคร่าว ๆ สุดท้ายสรุปว่า “เหมือนว่าตอนนั้นจะสัมผัสความทรงจำในดวงวิญญาณของข้าได้”“ข้ามีความทรงจำบางอย่าง แต่จำได้ไม่ค่อยแม่นเท่าใดนัก”ที่นางพูดคือเรื่องจริง ความทรงจำในวันนั้นถูกไป๋จื้อเซียนตัดขาดไปหมดแล้ว ถึงแม้นางจะมองเห็นแล้ว แต่เพราะร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงมองได้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ทว่าความทรงจำที่ตัดขาด เพราะวันนั้นไป๋จื้อเซียนพยายามทำลายดินแดนแห่งความฝันจนสลายหายไปจนสิ้นซากดังนั้นนางไม่ได้เจตนาจะยั่วโมโหไป๋จื้อเซียน ทว่านางจำไม่ได้จริง ๆเพียงแต่วันนี้นางได้เจอกับไป๋จื้อเซียนอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะสาเหตุของความทรงจำช่วงนั้น จึงอาจจะทำให้ท่าทีของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไป ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างพวกเขาจึงลดลงไปมากชื
ไป๋จื้อเซียนมองเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาจึงกล่าวด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “หากข้าอยากจะสังหารพวกเจ้า ก็คงลงมือไปนานแล้ว”“ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกพวกเจ้าหรอกนะ ความสามารถอันน้อยนิดของพวกเจ้า ไม่พอสู้กับข้าเลยเสียด้วยซ้ำ”ซือเจ๋อเยว่รู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผล จึงกล่าว “โสมสีม่วงที่เจ้าโยนให้ที่ศาลเจ้าภูเขาเมื่อวานนี้ ข้าจะจ่ายเงินซื้อกับเจ้า เจ้าบอกราคามาเลย!”ไป๋จื้อเซียนหันหน้ามองเขา นางเสริมขึ้นอีกประโยค “หลังจากที่ข้ารักษาตัวหายดีแล้ว จะต้องคิดหาหนทางจับตัวเจ้าให้ได้แน่นอน”“ข้าคิด ๆ ดูแล้วว่าไม่ควรเอาเปรียบเจ้า จึงตัดสินใจว่าจะซื้อกับเจ้า”ไป๋จื้อเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อยากเอาก็เอา ไม่เอาก็โยนทิ้งไป”ซือเจ๋อเยว่ “...”ไม่คิดเลยว่านางจะได้เห็นท่าทางแง่งอนของไป๋จื้อเซียน รู้สึกประหลาดใจมากตอนนี้ไป๋จื้อเซียนไม่เหมือนจะมีทีท่าว่าจะลงมือ นางก็คร้านจะสนใจเขา หันหน้าไปให้ชื่อปาเลี่ยขุดดินถึงแม้ชื่อปาเลี่ยจะกลัวไป๋จื้อเซียนอยู่บ้าง แต่เพราะซือเจ๋อเยว่ออกคำสั่ง เขาจึงไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังในใจของเขา ซือเจ๋อเยว่เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าไป๋จื้อเซียนเสียอีกเขาหยิบเสียมออกมาแล้วออก
ซือเจ๋อเยว่ถามด้วยใบหน้างุนงง “ข้าเคยพูดจาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”ไป๋จื้อเซียนตอบ “หนึ่งพันปีก่อน!”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางจ้องเขาด้วยดวงตากลมโตพร้อมกล่าว “ขออภัยจริง ๆ เรื่องเมื่อพันปีก่อนข้าจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”ในใจของไป๋จื้อเซียนรู้สึกน้อยใจจนทนไม่ไหว “เจ้าลืมจนหมดสิ้นได้อย่างไร?”ซือเจ๋อเยว่ยิ้ม “เจ้าพูดจามีเหตุผลหน่อยได้หรือไม่ คนบนโลกใบนี้ จะมีใครจำเรื่องราวเมื่อหนึ่งพันปีก่อนได้บ้าง?”ไป๋จื้อเซียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปเมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นว่าเขาไม่ได้ลงมือ ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกทีหนึ่งหลังจากเขาไป ซือเจ๋อเยว่ให้ชื่อปาเลี่ยขุดต่อไป ด้านล่างล้วนเป็นผงละเอียดทั้งหมดนางยื่นมือออกไปร่ายคาถา หลับตาลงเพื่อสัมผัสอารมณ์ที่เหลืออยู่บริเวณรอบ ๆ อารมณ์ที่นี่ ส่วนมากเต็มไปด้วยความเกลียดแค้นที่รุนแรง ยังแฝงไปด้วยความทุกข์ทรมานที่ถูกจองจำและถูกสังหาร ไม่ได้มีข่าวสารที่มีประโยชน์อะไรอารมณ์พวกนั้นแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของนาง แล้วก็ส่งอิทธิพลต่ออารมณ์ของนางด้วยเช่นกันนางทนรับไม่ได้เล็กน้อย จึงถอนคาถานี้เยียนเซียวหรานยื่นมือไปประคองนางกล่าว “ท่านไม่เป็น
“อย่างน้อยเดรัจฉานก็ไม่ทำร้ายพวกเดียวกันเอง แต่คนบางคนกลับไม่ใช่”หลังจากชื่อปาเลี่ยลังเลครู่หนึ่งก็กล่าวกับเยียนเซียวหราน “คุณชายสาม ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ลืมบอกท่านไป”เยียนเซียวหรานหันหน้าไปมองเขา เขากล่าวเสียงจริงจัง “ตอนที่ข้าเป็นผู้ลั่นระฆังในกองทัพ อันที่จริงได้ยินมาเรื่องหนึ่ง”“ตอนนั้นที่เยียนอ๋องกำลังวางแผน ที่จริงตั้งใจว่าจะใช้กองทัพหย่งอันห้าหมื่นนายเป็นเหยื่อล่อ จากนั้นให้กองทัพติ้งอันเป็นกำลังหนุนให้ เพื่อกวาดล้างชาวเผ่าต๋าต๋าที่อ่าวจันทร์กระจ่าง”“เพียงแต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด กองทัพติ้งอันถึงไม่ได้ส่งกำลังหนุนมา”“แต่ชาวเผ่าต๋าต๋ากลับซุ่มโจมตีอยู่ที่อ่าวจันทร์กระจ่าง จากนั้นกองทัพหย่งอันห้าหมื่นนายถึงได้พินาศย่อยยับ”สีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นี่เป็นรายงานลับของหน่วยข่าวกรองทางทหาร เจ้าเป็นเพียงผู้ลั่นระฆัง รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”ชื่อปาเลี่ยตอบ “คืนวันหนึ่งข้ารีบร้อนไปปลดเบา จึงได้ยินเข้าโดยบังเอิญ”ซือเจ๋อเยว่กลับสนใจอีกเรื่อง “อ่าวจันทร์กระจ่าง? อ่าวจันทร์กระจ่างอยู่ที่ไหน?”ถึงแม้เยียนเซียวหรานจะเคยมาที่ด่านชายแดนมาก่อน แต่กลับไม่เคยได้ย
เขาหลบอยู่ด้านหลังคนเดียวถามขึ้น “พวกเจ้าจะไปไหน?”ซือเจ๋อเยว่นวดขมับพลางกล่าว “เจ้าไม่ต้องตามพวกเราได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “เจ้าอยากจะเก็บข้ามาตลอดไม่ใช่หรือ? หากข้าไม่ตามเจ้า เจ้าจะมีโอกาสเก็บข้าได้อย่างไร?”ซือเจ๋อเยว่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง กล่าว “ฟังดูเหมือนว่าจะค่อนข้างมีเหตุผลนะ”ไป๋จื้อเซียนเลิกคิ้วเล็กน้อยกล่าว “อีกอย่าง ข้ากินดวงวิญญาณเพื่อความสุข หากเจ้าไม่คอยจับตาดูข้าเอาไว้ ข้าก็จะสังหารคนทุกวัน แล้วกินดวงวิญญาณเล่น”ดวงตาของซือเจ๋อเยว่เย็นยะเยือก เจ้าหมอนี่เป็นอาวุธทำลายล้างที่ไม่ย่อท้อในดวงตาของเขามีเพียงการฆ่า ไม่มีศีลธรรมจรรยาใด ๆ เขาเคยสังหารล้างเมือง เรื่องแบบนี้เขาทำได้หนึ่งครั้ง ก็สามารถทำครั้งที่สองได้ไป๋จื้อเซียนเขยิบเข้าไปใกล้ด้านหลังของนาง กล่าว “ข้าจะสังหารใครสักคน อันที่จริงเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก”เขาพูดจบก็ยื่นมือไปทางชื่อปาเลี่ยทันที ชื่อปาเลี่ยรู้สึกถึงแรงดูดมหาศาลทันทีภายในชั่วพริบตา ลำคอของชื่อปาเลี่ยก็ถูกไป๋จื้อเซียนบีบเอาไว้สีหน้าของซือเจ๋อเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ยื่นมือออกไปร่ายคาถา “ปล่อยเขา!”ไป๋จื้อเซียนกล
นางมีความคิดที่อยากจะตายตกไปตามกันกับไป๋จื้อเซียน แต่นางก็รับปากแล้วว่าจะทวงความยุติธรรมให้พลทหารพวกนั้นดังนั้นก่อนหน้าที่เรื่องนี้ยังไม่จบสิ้น พวกเขาจะตายไม่ได้นางค่อย ๆ คลายคาถาลง บริเวณรอบ ๆ กลับไปเป็นตามปกติเช่นเดิมแล้วซือเจ๋อเยว่มองเขา กล่าว “ข้าเป็นหัวหน้าสำนักเต๋า เจ้าเป็นวิญญาณดุร้ายที่สังหารคนราวกับผักปลา”“จุดยืนของพวกเราย่อมตรงข้ามกัน”“ข้าขอบคุณที่วันนี้เจ้าออมมือ แต่วันหน้าหากมีโอกาสสังหารเจ้า ข้าไม่มีทางออมมือแน่!”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าโศกเศร้า วันนี้เขาเพียงแค่อยากให้นางประนีประนอม แต่นางกลับอยากจะสู้ตายกับเขาไม่คิดเลยว่านางจะสู้ตายกับเขาเพื่อคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องพวกนั้น!ความเกลียดชังปรากฏขึ้นภายในใจของเขา แทบอยากจะฉีกพวกเขาทุกคน!ตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา ใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปทั่วหล้า แทบจะไม่มีผู้ใดกล้ายั่วโมโหเขาทันทีที่เขาโบกแขนเสื้อหันหลังกลับแล้วเดินจากไป เพียงแค่อึดใจเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันทีที่เขาจากไป ร่างกายของซือเจ๋อเยว่ก็โอนเอนทันที เยียนเซียวหรานประคองนางเอาไว้นางถอนหายใจแล้วกล่าว “ครั้งก่อนในที่สุดก็บาดเจ็บถึงพลังชีวิต คาถาร้
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊
ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ
ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ
ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ
“ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา
ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว
เขายิ้มแย้มพร้อมกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ข้าพาเจ๋อเยว่นำไปก่อน พวกเจ้าสู้ ๆ ล่ะ”ซือเจ๋อเยว่ “...”เยียนเซียวหราน “...”ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยความร้อนใจ “นี่ เจ้าพาพวกเขาไปด้วยกันสิ!”ไป๋จื้อเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “สถานการณ์แบบนี้ไม่ฆ่าคนก็พาพวกเขาออกไปไม่ได้”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยสาบานต่อสวรรค์ไว้ว่า ไม่สามารถลงมือฆ่าคนได้โดยไม่มีสาเหตุ ดังนั้น...”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ามองเขา ในดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งสองข้างของเขาแฝงไปด้วยหยอกเย้า ท่าทางเหมือนกับกำลังดูละครด้วยความสุขนางรู้ดีว่า เรื่องในวันนี้เขานั้นเจตนา!นางรู้ดีว่า คนที่ชั่วร้ายเช่นไป๋จื้อเซียนจะยอมร่วมมือกับพวกเขาได้อย่างไร?นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “ปล่อยข้าลง! ข้าจะไปช่วยพวกเขา!”ไป๋จื้อเซียนยิ้มด้วยความร่าเริงพร้อมกล่าว “ตอนนี้ด้านล่างมีแต่คน ทั้งเจ้ายังไม่เป็นวรยุทธ์ หากลงไปจริง ๆ ก็รังแต่จะยิ่งอันตราย”“อีกอย่าง ขอเพียงเจ้าสงบ เยียนเซียวหรานก็จะไม่เป็นพะวง ก็สามารถแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่”“ข้าเชื่อ ด้วยความสามารถของเขา ต้องสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่ ปลอดภัยหายห่วง” ซือเจ๋อเยว่ค้อนเขา เขากะพริบตาใส
เยียนเซียวหรานกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างสุดแรง พยายามพาซือเจ๋อเยว่พุ่งตัวออกไปด้านนอกชื่อปาเลี่ยกลับด่าทออย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น “ไอ้แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนเกือบตายที่ด่านอวิ๋นหลิ่ง ครั้งนี้ยังจะมาอีก!”เขาพูดจบก็กล่าวกับซือเจ๋อเยว่อีก “องค์หญิง ค่ายกลนั่นของท่านเมื่อครั้งก่อน เอาออกมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “เอามาใช้อีกครั้ง ข้าก็สามารถตายตรงนี้ต่อหน้าพวกเจ้าได้เลย!”ชื่อปาเลี่ย “...”เยียนเซียวหรานกล่าวเสียงขรึม “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับข้า”ซือเจ๋อเยว่ครุ่นคิด ครั้งนี้อยู่ภายในห้องปิดตาย จะอย่างไรก็ต้องพุ่งตัวเข้าไปหาก่อนดังนั้นนางจึงหยิบยันต์ออกมา ใช้คาถาเต๋าทำให้ระเบิด ภายในชั่วพริบตา ภายในห้องก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น พัดทหารยามพวกนั้นที่อยู่หน้าประตูลอยกระเด็นออกไปข้างนอกชื่อปาเลี่ยหลบไม่ทัน หัวจึงกระแทกพื้นเยียนเซียวหรานอยากจะจับเขาเอาไว้ แต่ลมแรงเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถจับเขาได้เลยซือเจ๋อเยว่คว้าขาของชื่อปาเลี่ยเอาไว้แล้วกล่าว “รีบไป!”ชื่อปาเลี่ย “!!!!!!”เขาเองก็อยากจะหนีไปโดยเร็วเช่นกัน แต่ปัญหาคือลมทั้งรุนแ
สิ่งของที่อยู่ด้านในมองดูค่อนข้างสลับซับซ้อน กองกันเละเทะ ทันทีที่ดูก็รู้ว่าหลังจากถูกใครบางคนรื้อค้นจนเละเทะ ก็ไม่ได้จัดระเบียบใหม่ภายในห้องที่รกรุงรังแบบนี้ อยากจะตามหาสิ่งของที่พวกเขาอยากได้ เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานรื้อค้นรอบหนึ่ง ก็ไม่ได้อะไรแม้แต่อย่างเดียวทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก็เห็นความจนปัญญาจากดวงตาของอีกฝ่ายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าไม่มีความจำเป็นที่จะตามหาต่อไปแล้วในเวลานี้เอง เสียงของทหารยามก็ดังลอยมาจากหน้าประตู “ใครกัน?”ซือเจ๋อเยว่รีบเก็บไข่มุกราตรีลงไป ด้านในจึงกลับคืนสู่ความมืดอีกครั้งเนื่องจากเมื่อครู่นี้ทหารยามได้เห็น ‘การแสดง’ ของไป๋จื้อเซียน ภายในใจจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมากแต่เพราะมีคำสั่งของนายพลที่เฝ้าด่าน เขาจึงไม่กล้าละทิ้งหน้าที่โดยพลการอีก จึงเรียกเพื่อนร่วมงาน ตั้งใจว่าจะจุดเทียนแล้วเข้าไปตรวจค้นด้านในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู ทหารยามคนนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่ชั่วร้ายของไป๋จื้อเซียน เสื้อผ้าสีแดงราวกับเลือดทหารยามไม่ได้รู้สึกตัวในทันที ยังถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ไป๋จื้อ