12แท้จริงผู้ใดถูกใส่ร้าย เวลาผ่านไปสามวันเร็วจนน่าใจหาย นางไม่มีโอกาสแม้แต่บอกลาเขาด้วยซ้ำ เพราะในวันที่สามหลังจากเสร็จสิ้นการรักษาหยางฮูหยินก็พาตัวคนที่นอนไร้สติกลับจวน แม้ก่อนลาจากอีกฝ่ายจะกล่าวว่านางสามารถไปเยี่ยมเยียนเขาได้ทุกเมื่อ แต่นางก็คงไม่ไป นางไม่อยากเห็นแววตาห่างเหินราวกับจ้องมองคนแปลกหน้า “เฮ้อ...” “คุณหนู ท่านถอนหายใจหลายครั้งแล้วนะเจ้าคะ หากท่านคิดถึงคุณชายหยาง ท่านก็ไปเยี่ยมสิเจ้าคะ จวนหยางก็อยู่ไม่ไกล” “เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้ากำลังคิดถึงคุณชายหยาง” “ตั้งแต่ฮูหยินท่านแม่ทัพใหญ่พาตัวคุณชายหยางกลับจวนไป ในแต่ละวันคุณหนูก็มักจะมานั่งที่สวนแล้วเหม่อมองเรือนรับรอง” เป็นเช่นนี้ซ้ำๆ จนพี่เสี่ยวปิงและตนได้แต่ถอนหายใจตามไปด้วย “อืม เจ้าก็ทราบดีว่าข้าเพียงแค่ช่วยเหลือเขาที่สติฟั่นเฟือนเข้าใจผิดว่าข้าเป็นฮูหยินเพียงเท่านั้น เมื่อเขาหายดี ความสัมพันธ์ของข้าและเขาก็จบลง” ตอนนี้เขาอาจจะได้เจอกับสตรีที่รักฝังใจแม้แต่ยามสติฟั่นเฟือนยังมองว่านางเป็นสตรีผู้นั้น “คุณหนูชื่นชอบคุณชายหยางถึงเพียงนี้ เหตุใดท
“หนิงเซียนเจ้าใจร้ายกับข้ามาก ทำลายชื่อเสียงของข้าที่เป็นสหายของเจ้าได้ลงคอ” ดวงตาใบหลิวจ้องมองนางก่อนจะมีหยาดน้ำรื้นขึ้นมาราวกับเสียใจเหลือคณา “ข้าไปทำเช่นไร เจ้ากล่าวให้ข้าฟังได้หรือไม่” “ก็เรื่องอาภรณ์ที่เจ้ามอบให้ข้าใส่ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองการรับตำแหน่งของท่านรองเจ้ากรมอาญาที่จวนหยางอย่างไรเล่า” “เรื่องนั้น...” นางยังไม่ทันกล่าวอันใด สหายน่าตายก็กล่าววาจาแทรก “เจ้าจงใจมอบอาภรณ์สำหรับสาวใช้ให้กับข้า หวังให้ข้าอับอาย ไหนจะเรื่องที่ข้าเคยหยิบยืมอาภรณ์เจ้า เหตุใดถึงมีเสียงเล่าลือว่าตัวข้านั้นหน้าไม่อายทั้งที่ในหลายครั้งเป็นเจ้าคะยั้นคะยอให้ข้ารับอาภรณ์เหล่านั้นไป” “ข้า...” นางยังไม่ทันได้กล่าวอันใด หม่าลี่อินก็กล่าวแทรกอย่างไร้มารยาทอีกครั้ง “ตัวข้านั้นเห็นเจ้าเป็นสหาย จึงรักและหวังดีกับเจ้ามาตลอดแต่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะปล่อยข่าวลือเสียหายหวังทำลายชื่อเสียงข้า” กล่าวจบหยาดน้ำตาก็ไหลรินเป็นสาย ดูน่าสงสารจนชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาหยุดมอง “เจ้า...” นางกำลังจะกล่าวอีกครั้งแต่บุตรสาวเจ้าหน้าที่ชันสูตรศ
“นางยังกล่าวไม่จบ อย่าเพิ่งเอ่ยวาจาแทรกราวกับสตรีไร้มารยาทที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมา” วาจาร้ายกาจของหมิงอี้เฉินทำให้หม่าลี่อินหยุดพูด “แต่เป็นความผิดข้าเองที่วันนั้นมีอาภรณ์อยู่ในห่อถึงสามชุดวางอยู่ด้วยกัน ด้วยเหตุนี้สาวใช้ของข้าจึงหยิบผิดไป หากข้าจำไม่ผิด นางพยายามจะเอ่ยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ แต่เป็นเจ้าที่รีบคว้าอาภรณ์ห่อนั้นไปราวกับกลัวข้าเปลี่ยนใจ ข้าจึงมิทันได้เอะใจจนได้เห็นเจ้าสวมชุดนั้นไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนหยาง ด้วยความหวังดีข้าจึงมิอยากให้เจ้าอับอายเลยไม่ได้ทักท้วงอันใด หากเจ้าจะกล่าวโทษข้าเรื่องนี้ข้ายอมรับผิดที่ให้เจ้ายืมอาภรณ์ผิดชุด ตอนนั้นคงเป็นเพราะข้าดีใจที่เจ้ารับปากว่าจะนำอาภรณ์และเครื่องประดับล้ำค่าที่ยืมข้าไปเกือบยี่สิบชุดในช่วงสองปีตั้งแต่เป็นสหายกันมาคืน จึงไม่ได้คิดจะตรวจสอบก่อนมอบให้กับเจ้า” ‘หน้าไม่อายจริงๆ นั่นเรียกว่ายืมหรือ มิใช่เป็นการยึดเอาไปเป็นของตนเองอย่างหน้าไม่อายหรือ’ ‘ข้าว่าเป็นคุณหนูหม่าแล้วที่คบหาคุณหนูซูเพราะผลประโยชน์’ ‘นั่นสิ ข้าก็ว่าอยู่ยามไปร่วมงานเลี้ยงเหตุใดคุณหนูซู บุตรสาวเจ้
“ลี่อิน ข้าไม่ทราบจริงๆ ว่าเหตุใดเจ้าถึงคิดทำร้ายข้าเช่นนี้ แต่หากข้าทำอันใดให้เจ้าต้องริษยา ข้าต้องขอโทษด้วย” “เจ้าเป็นสหายข้า ข้าจะริษยาเจ้าได้อย่างไร ข้าต้องขอโทษที่เข้าใจเจ้าผิด” แม้จะอยากกรีดร้องทำลายข้าวของเพื่อระบายอารมณ์เพียงใด แต่ทว่าบัดนี้ยังอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายหม่าลี่อินจึงจำเป็นต้องเพียรพยายามระงับโทสะของตน “มิเป็นไร ขอเพียงแค่เจ้าเข้าใจข้าก็เพียงพอแล้ว แต่เรื่องราวนี้ช่างใหญ่โตนัก เกรงว่าหากเรื่องนี้ทราบถึงหูบิดาของข้าเขาก็คงมิอาจให้ข้าได้พบเจอเจ้าอีก” คำกล่าวเช่นนี้คล้ายกับการตัดสัมพันธ์ “หนิงเซียนนี่มันเป็นเพียงการเข้าใจผิด...” หม่าลี่อินยังเอ่ยวาจาไม่ทันจะจบ หมิงอี้เฉินที่ชมงิ้วอยู่นานรีบกล่าวตัดบททันที “ตั้งใจจะมาใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงผู้อื่น แล้วมากล่าวว่าเข้าใจผิดช่างหน้าไม่อายเสียจริง หนิงเซียนกลับจวนเถิด เจ้าต้องรีบไปเตรียมของขวัญให้ท่านย่าของข้ามิใช่หรือ” “อืม ลี่อินข้าขอตัวก่อน ขอบคุณที่เป็นสหายกับข้า ส่วนอาภรณ์และเครื่องประดับทั้งหมดที่เจ้าหยิบยืมไปและยังไม่ได้คืน ข้ายกให้เจ้า หวังว่าต่อจากนี
13 หวนคืนมาเพื่อเจ้า เหตุการณ์ที่โต้เถียงกันในตลาดของคุณหนูทั้งสองถูกเล่าลือปากต่อปากจนลุกลามไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว โดยคนที่ถูกประณามเหมือนจะเป็นคุณหนูหม่าผู้เริ่มเปิดวาจาบีบน้ำตาหวังใส่ร้ายสหาย และเพราะเรื่องราวถูกเล่าลือใหญ่โตสุดท้ายมันจึงดังเข้าหูของเจ้ากรมอาญาผู้รักบุตรสาวดุจแก้วตาดวงใจ “ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นเช่นนี้” ซูหนิงเซียนที่ถูกบิดาเรียกมาสอบถามกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ในคราแรกที่นางคิดจะให้เล่าลือกันปากต่อปากในหมู่คุณหนูพอหอมปากหอมคอ ใครจะคิดว่าอดีตสหายชั่วผู้นั้นจะเล่นงิ้วแสร้งเป็นผู้ถูกกระทำกลางตลาด เพื่อรักษาชื่อเสียงของตนนางจึงจำต้องตอบโต้กลับไป เพียงแต่อาจจะตอบโต้แรงไปสักหน่อย หลังจากนี้เกรงว่าหากใครได้ยินชื่อของหม่าลี่อิน ก็คงต้องเบือนหน้าหนีเป็นแน่ “พ่อไม่ได้ว่าอันใดเจ้า ที่เรียกมาเพราะพ่อเป็นห่วง” อยากเห็นสีหน้าว่าบุตรสาวเป็นเช่นไร กำลังโศกเศร้าเสียใจที่ถูกสหายหักหลังหรือไม่ “ข้ามิเป็นอันใดเจ้าค่ะ” นางตายเพราะหม่าลี่อินมาครั้งหนึ่งแล้ว เพียงแค่เรื่องใส่ร
“จะให้ข้าตอบจริงๆ หรือเจ้าคะศิษย์พี่” ศิษย์น้องที่ปลอมแปลงตนเป็นสาวใช้คนสนิทกล่าวถาม “ข้ามิได้ดื้อรั้นมากถึงเพียงนี้เสียหน่อย ข้าว่าบุตรชายข้าต้องดื้อรั้นได้บิดาเป็นแน่” “หากศิษย์พี่คิดเช่นนั้นแล้วสบายใจ ก็แล้วแต่ศิษย์พี่เถิดเจ้าค่ะ” “ข้าร้อนแล้ว เหตุใดผู้ติดตามของข้าจึงจัดการบุตรชายไม่ได้” “พวกเขาเป็นเพียงผู้น้อยจะกล้าลงมือกับคุณชายได้อย่างไรเจ้าคะ” “ต้องเป็นข้าอีกแล้วใช่หรือไม่” “หากมารดาไม่กล้าลงมือ ผู้ติดตามของท่านไหนจะกล้าทุบหัวคุณชายแล้วพากลับจวน” “เฮ้อ...กลับไปต้องไปอาบน้ำแช่ดอกไม้เสียหน่อยแล้ว ประเดี๋ยวสามีข้ากลับมาจะได้กลิ่นเหงื่อไคล” ตั้งใจว่าจะไม่ออกแรงให้เหนื่อยแต่คนพวกนี้ช่างทำให้ผิดหวัง “บุตรชายดื้อรั้นได้ใคร ศิษย์พี่ก็น่าจะทราบเพียงแค่ส่องกระจก” สาวใช้คนสนิทได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเบื่อหน่าย “ไป กลับจวนได้” ฮูหยินท่านแม่ทัพใหญ่จัดอาภรณ์ให้เรียบร้อยดังเดิมก่อนจะบอกกล่าวศิษย์น้องของตน “รวดเร็วถึงเพียงนี้” ซ่างกวนเยว่เอ่ยถามพลางมองหลานชายที่ห
“มีอันใด มือปราบผู้นั้นกำลังทำให้เจ้าลำบากใจหรือ” “ใช่ ข้าไม่ชอบที่เขาพยายามเสนอตัวเข้ามาช่วยข้า” “คารวะหมิงซือเย่” “มือปราบกวาง ท่านมีอันใดกับข้าหรือ” “มิมีอันใดขอรับ เมื่อครู่ข้าเพียงเห็นคุณหนูซูใบหน้าซีดเซียวดูไม่ค่อยดี จึงอยากช่วยเหลือ” เพราะอีกฝ่ายมีตำแหน่งสูงกว่ากวางเหลียงอี้จึงต้องกล่าววาจาอย่างนอบน้อม “ขอบคุณมือปราบกวางที่ช่วยเหลือสหายข้า ประเดี๋ยวข้าจะดูแลนางเอง” “เป็นเช่นนั้นข้าก็เบาใจ ข้าขอตัวนะขอรับ” ประกายแห่งความเสียดายพาดผ่านดวงตาของมือปราบกวางก่อนจะเดินแยกตัวไป “ไม่เป็นอันใดแล้ว เข้าไปนั่งพักในร้านตำราสักครู่เถิด” “ขอบคุณ โชคดีจริงๆ ที่ได้เจอเจ้า” “มีอันใด ค่อยๆ เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่” “เจ้าก็ทราบว่าเขาเป็นคู่หมั้นของสหายข้า เอ่อ...จะเรียกว่าอดีตสหายก็ได้ แต่การที่เขามาทักทายข้าและพยายามแสดงตัวช่วยเหลือข้าอย่างออกนอกหน้ามันทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจ พอข้าปฏิเสธเขายิ่งเสนอตัวช่วยเหลือ ทำให้ข้าพยายามหลีกหนี แต่เขาก็ยังตามตื้อจนข้าพบเจอเจ้า เขา
“ขออภัยท่านมือปราบเจ้าคะข้าขอเสียมารยาทแล้ว ท่านพ่อต้องพักผ่อนแล้ว อย่างไรท่านกลับไปก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ” “หนิงเซียนอย่าเสียมารยาทเช่นนั้น” ซูฉือห้ามปรามบุตรสาว “มิได้ๆ ขอรับ เป็นข้าที่เสียมารยาทเองที่ชวนท่านเจ้ากรมอาญาสนทนามากไป เช่นนั้นข้ามิรบกวนการพักผ่อนของเจ้ากรมอาญาแล้วขอรับ” “ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียน พ่อบ้านไปส่งท่านมือปราบให้ข้าด้วย” “ขอรับนายท่าน” สิ้นเสียงท่านพ่อบ้านก็เข้ามาเชิญลูกน้องใต้บังคับบัญชาของผู้เป็นนายออกไป “ข้าขอลาท่านเจ้ากรมอาญาและคุณหนูซูขอรับ” เขากล่าวพร้อมกับจ้องมองดวงหน้าหวานอีกครา ก่อนจะหมุนตัวเดินตามหลังพ่อบ้านอาวุโสไป ‘หรือจะเป็นฝีมือเขาที่ทำร้ายท่านพ่อเพื่อแผนการบางอย่าง’ จะกล่าวว่านางคิดในแง่ร้ายก็ไม่ได้ ในเมื่อบุรุษผู้นี้กับอดีตสหายชั่วเคยใช้แผนการมากมายกับนาง โชคดีที่ครั้งนี้บิดารอดชีวิตมาได้แม้จะโดนกระบี่แทงเข้าที่ท้อง แต่หากคราวหน้าไม่โชคดีเช่นนี้เล่า นางจะทำเช่นไร นางคงต้องปรึกษาหมิงอี้เฉินเกี่ยวกับการหาคนคุ้มกันบิดา แต่คงต้องกล่าวอ้างเรื่องความป
“อ้ายช่าง พี่คิดถึงรอยยิ้มของเจ้ายิ่งนัก” “...” “อ้ายช่าง พี่อยากเห็นรอยยิ้มของเจ้าในวันวานได้หรือไม่” “...” “อ้ายช่าง พี่ขอโทษที่เคยทำร้ายเจ้า พี่ขอโทษที่ร่วมมือกับผู้อื่นทำร้ายเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ พี่มันโง่เง่า” “...” “เจ้าให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวกับเจ้าอีกสักครั้งได้หรือไม่ พี่ขอโอกาสจากเจ้าอีกเพียงครั้งเดียว” “...” “อ้ายช่างเจ้ารู้หรือไม่ แท้จริงแล้วพี่รักเจ้ามานาน เพียงแต่พี่ไม่รู้ใจตนเอง กว่าจะยอมรับว่าพี่ก็รักเจ้ามากเช่นกัน เจ้าก็พยายามจะไปจากพี่” “เฮ้อ...เอาเถิดเจ้าค่ะ ข้าง่วงแล้วเราไปนอนกันดีกว่า” “เช่นนั้นให้พี่กล่อมเจ้านอนนะ” “ไม่...” นางกล่าววาจาไม่ทันจบ ริมฝีปากนางก็ถูกปิด ลิ้นร้อนรุกเร้าโพรงปากของนางอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการบดเบียดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงคล้ายกับลงโทษที่นางกล่าววาจาไม่เข้าหู “ให้พี่ได้ดูแลเจ้าเถิด” เขายกตัวนางขึ้นก่อนจะวางลงบนเตียงด้านใน ไม่ปล่อยให้นางปฏิเสธอีก “อ้ายช่าง ให้โอกาสบุรุษโง่เ
แท้จริงในใจเขาอยากจะฉีกหนังสือถอนหมั้นเช่นที่เคยทำ แต่ทว่าเขากลัวว่าหากทำเช่นนั้นแล้วนางจะโกรธจนไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีก องค์ชายที่เคยถูกเอาอกเอาใจมาโดยตลอดอย่างเขาจึงยอมลงให้นางและหาข้ออ้างสารพัดเพื่อหลีกหนีการลงนามแทน ไม่กี่วันต่อมาเขานำขนมมาให้นางถึงจวนอีกแล้ว เมื่อเห็นเขากล่าวถึงความเลิศรสของขนมที่นำมา ในดวงตาหงส์มีประกายเย็นชาพาดผ่าน “ลี่เกา[1]ที่พี่นำมาทั้งหมดนี้ล้วนรสเลิศพี่จึงอยากให้เจ้าลองชิม” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางยังคงตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อเห็นขนมที่เขานำมาให้นางในวันนี้ นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก เพราะขนมทั้งหมดล้วนเป็นขนมที่กวนฮวาเหมยเคยบอกว่าชอบนักหนา แต่เซียวอ้ายช่างผู้นี้นั้น ‘แพ้เกาลัด’ “ลองชิมสิ กินคู่กับชารสดีไม่น้อย” “ได้เจ้าค่ะ ข้าจะชิมมัน แต่ต้องเป็นหลังจากท่านลงนามให้ข้าเรียบร้อยแล้ว” แม้จะต้องแพ้จนหายใจติดขัด จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดนางก็จะยอมกิน ขอเพียงแค่เขาลงนามในหนังสือถอนหมั้นให้นาง “อ้ายช่าง พี่ขอโทษในเรื่องราวที่แล้วมา พี่ไม่ขอให้เจ้าอภัยให้ เพราะพี
“คงต้องรบกวนให้เจ้าช่วยเหลือแล้ว” คนที่เคยปรามาสสหายของตนบัดนี้กลับลงมือทำเสียเอง หากหยางซีซวนทราบเข้ามิแคล้วคงล้อเลียนเขาไปอีกนาน แต่แล้วอย่างไร หากมารยาแล้วทำให้เขาได้สตรีอันเป็นที่รักกลับคืน เขาก็ยินยอมจะถูกสหายเย้ยหยัน “เช่นนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นนะเจ้าคะ” เซียวอ้ายช่างที่เห็นเลือดซึมออกจากอาภรณ์ของเขาใจคอไม่ดี จึงรีบทำตามคำขอของเขาในทันที ใช้เวลาไม่นานท่านหมอก็มาถึงและเริ่มทำการรักษา เซียวอ้ายช่างฟังคำแนะนำของท่านหมออย่างตั้งใจก่อนจะให้เจ๋อคุนมอบตำลึงแล้วไปส่งท่านหมอ แก้วตาดวงใจของตระกูลเซียวมีสีหน้ายุ่งยากเมื่อท่านหมอสั่งว่าเขาต้องกินยาในทันที แต่คนที่คล้ายจะเสียเลือดมากกลับไร้สติไม่อาจทำตามที่ท่านหมอสั่งไว้ได้ “เหตุใดข้าถึงใจแข็งกับท่านไม่ได้สักที” นางพึมพำเสียงเบาก่อนจะยกชามยาสีน่ากลัวขึ้นดื่มแล้วป้อนยาให้เขาด้วยปากของตนเอง หากท่านหมอไม่กล่าวว่าเขาต้องดื่มยาในชามให้หมดห้ามขาดแม้แต่หยดเดียวนางก็คงไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก ‘เป็นเช่นนั้นดีแล้ว’ คนที่แสร้งหมดสติอยู่คิด นอกจากเขาจะไม่ยอมถอนหมั้นนาง
น้ำตาของนางไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว พี่ชายทั้งห้าคนที่ลอบฟังอยู่ด้านนอกตั้งแต่แรกรีบเข้ามาหลังจากเขาออกไป ไร้คำปลอบประโลมใดๆ มีเพียงอ้อมกอดอบอุ่นจากบุรุษที่รักนางทั้งห้าคน สุดท้ายแล้วคนที่รักนางที่สุดคงจะมีเพียงบุรุษตระกูลเซียว หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้ออกจากจวนไปไหนอีก ข่าวการลอบเจอกันของทั้งคู่ยังคงดังเข้าหูนางอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่อาจถอนหมั้นยกเลิกสมรสพระราชทานได้ จวนเซียวจึงได้แต่ตระเตรียมงานมงคล แต่ทว่าก่อนกราบไหว้ฟ้าดินเพียงหนึ่งวันก็ได้รับข่าวว่าองค์ชายห้าหายตัวออกไปจากตำหนักส่วนพระองค์ เพื่อเป็นการปลอบใจ นางจึงได้รับพระราชทานของล้ำค่าจำนวนมาก พร้อมทั้งยังได้รับคำสั่งลับให้ตามตัวองค์ชายกลับคืน ด้วยเหตุนี้นางพร้อมผู้ติดตามจึงรีบไปตามหาทันทีที่ได้รับรายงานว่าพบเขา แต่กลับต้องคลาดกันเพราะบุรุษรูปงามผู้หนึ่งเข้าช่วยเหลือ และก็อีกครั้งที่ชายแดนแคว้นหวงนางก็เกือบจะพบตัวเขาแล้ว แต่ทว่าก็คลาดกันจนได้เพราะเล่ห์เหลี่ยมของบุรุษคนเดิมที่นางทราบภายหลังว่าเขาเป็นบุตรชายคนเล็กของแม่ทัพหยาง แม้นางจะท้อแต่นางก็ยังคงตามหาเขาตามคำสั่งของฮ่องเต้
เรื่องราวของท่านหมอ 1 สตรีที่มีใบหน้างดงามน่าเอ็นดูนิ่งฟังวาจาที่เต็มไปด้วยโทสะของบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้า “อ้ายช่างเจ้าถอนหมั้นเถิด มิเช่นนั้นหากเจ้ายังดื้อรั้นตบแต่งเข้าตำหนักข้า ชีวิตของเจ้าจะไม่ได้พบกับความสุขอีกชั่วชีวิต” หากไม่เป็นเพราะนางรักเขา นางคงไม่ยอมทนให้เขากล่าววาจาร้ายกาจใส่หลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่จริงสิ่งที่นางทำไปทั้งหมดเพราะต้องการปกป้องเขาจากสตรีที่มีคู่หมายแล้วอย่างกวนฮวาเหมยที่มาดักรอหวังจะแสร้งบังเอิญพบเขา ‘คุณหนูเซียว เหตุใดท่านจึงชอบกล่าวว่าร้ายข้าเช่นนี้’ ท่าทางโศกเศร้าราวกับดอกสาลี่ต้องฝนของสตรีที่ตนพึงใจทำให้หวงหลี่จื้อเกิดโทสะ เซียวอ้ายช่าง สตรีที่เขาเคยมองว่าน่าเอ็นดูเหตุใดถึงได้ทำตัวร้ายกาจเช่นนี้ ให้บิดาขอสมรสพระราชทานหวังบีบบังคับแต่งเป็นพระชายาเขายังไม่พอ ยังชอบเอ่ยวาจาหยามเกียรติสตรีที่เขาพึงใจอีก ‘อ้ายช่าง เจ้าขอโทษคุณหนูกวนเดี๋ยวนี้’ ‘เหตุใดข้าต้องขอโทษนาง ในเมื่อที่ข้ากล่าวไปทั้งหมดเป็นความจริง’ นางกอดอกอย่างไม่ยอม ‘ช่างเถิดเพคะองค์ชาย บ่อยครั้งที่หม่อมฉันม
“ข้าเพียงแต่จะถามว่าหลังจากที่สหายชั่วช้าของข้าถูกสามีตบตีจนเจ็บหนักแล้วเป็นอย่างไรต่อเจ้าคะ” “สองแม่ลูกที่กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงมีหรือจะยอมเรียกหมอมาดูอาการ แต่อดีตนางโลมผู้นั้นกลับหยิบยื่นความเมตตาให้ด้วยความสงสาร ท่านหมอจึงถูกสาวใช้ที่ติดตามอนุฯ ผู้นั้นพาไปรักษาฮูหยินเอกอย่างเงียบๆ” “ตระกูลกวางช่างน่าขันนะเจ้าคะ ฮูหยินเอกไม่มีสาวใช้ แต่อนุภรรยากลับมีสาวใช้เคียงกาย” “นี่คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สตรีผู้นั้นโกรธแค้น” แท้จริงสาวใช้ผู้นั้นเป็นคนของเขา ทั้งยังมีวรยุทธ์เก่งกาจยิ่งกว่ามือปราบกวาง “แล้วเป็นอย่างไรต่อเจ้าคะ” “ตรงนี้ร้อนแล้ว เราไปนั่งสนทนากันในเรือนดีหรือไม่” “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้านี่มันใช้ไม่ได้...” จุ๊บ ริมฝีปากของเขาแตะลงบนกลีบปากบางราวกับไม่ต้องการให้นางได้เอื้อนเอ่ยวาจา “อย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้น พี่ไม่ได้กล่าวโทษเจ้า พี่เพียงแต่ไม่อยากให้เจ้าร้อนหรือต้องยืนเมื่อยเช่นนี้” “ขอบคุณนะเจ้าคะที่รักและห่วงใยข้าถึงเพียงนี้” เขาช่างใส่ใจนาง แต่กว่าฮูหยินน้อยจะทราบว่
ตอนพิเศษจุดจบของคนชั่วช้า เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เผลอครู่เดียวบุตรชายของนางก็อายุครบหนึ่งปีแล้ว พิธีจวาโจว[1] เพิ่งจัดไปเมื่อสามวันก่อน แม่สามีกล่าวว่าหนิงเฉิงช่างเลือกหยิบของได้เหมือนกับบิดาไม่มีผิด ดูแล้วกิจการที่มากมายของหยางซีซวนจะมีผู้สืบทอดแล้ว “กำลังคิดอันใดอยู่หรือฮูหยิน” บุรุษผู้นี้เป็นฟูจวินมานานเกือบสองปีแล้ว ความโปรดปรานที่มีให้ไม่เคยลดน้อยลง น่าสงสารก็แต่บุตรชายที่แม้จะร้องไห้งอแงเพียงใด ก็ยังถูกมอบให้แม่นมดูแล เพื่อจะได้ไม่มารบกวนบิดามารดาในยามค่ำคืน “กำลังคิดถึงคำของท่านแม่เจ้าค่ะ คิดไปคิดมาหนิงเฉิงนอกจากมีใบหน้าคล้ายคลึงกับท่านแล้ว อีกไม่นานคงเก่งกาจไม่แพ้ท่าน” ในพิธีจวาโจว มีของวางมากมาย ทั้งธนู ตำรา หรือแม้แต่ดาบ แต่พอนางปล่อยหยางหนิงเฉิงลง เจ้าเด็กคนนั้นกลับคลานตรงไปหาตำลึงทองก้อนใหญ่และซ่วนผาน[2] สายตาของบุตรชายจับจ้องของสองสิ่งนี้อย่างมุ่งมั่น ยามคลานนั้นไม่มีท่าทีลังเลเลยแม้แต่น้อย จะว่าลังเลหรือไม่ ก็มีบ้างเพียงเล็กน้อย เพราะก่อนที่เด็กคนนั้นจะคลานไปหยิบตำลึงทองและซ่วนผาน เขาพยายามจับและยกทองก้อนใ
“ใช่ แต่เป็นเพียงต่อหน้าสามีเท่านั้น เพราะลับหลังนางก็แทบจะเข้าไปตบตีกับฮูหยินผู้เฒ่า จนกวางเหลียงอี้เอือมระอาปัญหาในจวนทั้งมารดาและฮูหยินต่างผลัดเปลี่ยนกันไปฟ้องขอความเป็นธรรม สุดท้ายหอนางโลมจึงกลายเป็นที่หลับนอนของเขา” “สหายข้าคงมีความสุขไม่น้อยที่ทราบเรื่องนี้” “จากที่พี่ดูก็น่าจะมีความสุข ได้ยินว่าอีกไม่นานมือปราบกวางเตรียมไถ่ตัวแม่นางเหมยฮวาเพื่อไปเป็นอนุฯ” คนทั่วไปย่อมเข้าใจเช่นนั้นแต่แท้จริง การที่กวางเหลียงอี้ยอมไปขลุกอยู่ที่หอนางโลมเป็นเพราะนอกจากนางจะเอาอกเอาใจเก่ง นางยังมอบเงินช่วยเหลือยามที่เขาเดือดร้อนความซาบซึ้งใจนี้ทำให้กวางเหลียงอี้ยอมคล้อยตามที่นางบอกทุกอย่าง เงินทองที่คล้ายว่าจวนกวางจะมีจับจ่ายไม่ขาดมือย่อมมาจากเหมยฮวาที่เป็นคนของเขา การไถ่ตัวที่ว่ามีจริงที่ใด เพราะเหมยฮวาไม่ได้มีสัญญาอันใดกับหอนางโลมแห่งนั้นตั้งแต่แรก “คงมิใช่ว่านางโลมผู้นั้นตั้งท้องนะเจ้าคะ” “ใช่แล้ว” และอีกไม่นานนางโลมผู้นั้นจะต้องแท้งลูกเพราะฝีมือของหม่าลี่อิน สุดท้ายรับความเสียใจไม่ไหว ไปผูกคอตายในห้องที่หม่าลี่อินนอนยามค่ำคืน
“ท่าน...” นางยังไม่ทันเอ่ยวาจาต่อรองอีกครั้ง ริมฝีปากก็ถูกปิดไม่ให้เอื้อนเอ่ยวาจาปฏิเสธ ลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัดปลุกเร้าความรัญจวนทำให้นางคล้ายจะอ่อนระทวยไร้แรงต่อต้าน มือใหญ่แหวกอาภรณ์ที่บดบังให้เปิดออก นิ้วแกร่งบดเบียดแทรกเข้าไปในส่วนลึกของโพรงนุ่มที่ตอดรัดอย่างรู้งาน น้ำหวานยิ่งเอ่อล้นออกมามากขึ้นเมื่อนิ้วที่ว่างอยู่เคล้นคลึงจุดอ่อนไหว “อ๊า...” นางส่งเสียงร้องครวญครางออกมาทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ “พี่ชอบยามเจ้าครวญครางยิ่งนัก” บุรุษที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการหยอกเย้ายอดอกอวบอิ่มที่ชูชันกล่าว นิ้วแกร่งก็ขยับเข้าออกทำให้เรือนร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดเขา “อ๊า...ข้าปรารถนาท่านเหลือเกินท่านพี่” “พี่ก็ปรารถนาในตัวเจ้าฮูหยิน” กล่าวจบเขาก็จับสะโพกกลมกลึงให้ยกสูงขึ้นก่อนจะจับแท่งหยกให้ตั้งตรงแล้วกดตัวนางลง “ท่านี้ทำข้าเสียวซ่านยิ่งนัก” ทุกครั้งที่ทำท่านี้นางจะปลดปล่อยความสุขสมออกมาอย่างรวดเร็ว “พี่ก็ชอบ ยามเจ้าขยับขึ้นลง” อกอวบอิ่มที่ขยับไปมาตามแรงช่างเป็นภาพที่น่ามอง “อ๊า...ท่าน