ตอนที่ 33 โทสะนี้แน่นอนว่าเป็นเจ้าที่จะต้องรับเอาไว้ 1 ยามนี้หัวใจของสวีฟางซินเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้างามเต็มไปด้วยความขัดเขินอย่างเห็นได้ชัดเจน ครั้งพระพักตร์คมคาย เคลื่อนเข้ามาใกล้ นางจึงหลับตาลงเตรียมตัวรับความใกล้ชิดลึกซึ้งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามความปรารถนาของพระองค์ที่มีทว่ายังไม่ทันที่ความใกล้ชิดใด ๆ จะเกิดขึ้นอย่างที่นางคาดคิดเอาไว้ ความขวยเขินก่อนหน้านี้เป็นอันต้องหายลับไปและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวแทนเมื่อองค์ไท่จื่อที่สมควรจะต้องโอบกอดนางลงที่ประทับอย่างเร่าร้อนกลับผลักนางลงมาจากเตียงบรรทมอย่างแรง จนนางล้มลงอย่างไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้นด้านล่างเตียงบรรทม“เพียงเพื่อที่จะได้ปีนขึ้นเตียงบรรทมข้า เจ้าที่มาจากสกุลใหญ่ถึงขั้นใช้วิธีสกปรกที่สุดอย่างการวางยาปลุกกำหนัดได้อย่างไม่รู้สึกละอาย” พระสุรเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะและความเดือดดาลเต็มทีตรัสออกมาอย่างไม่ไว้หน้าโชคดีที่พระองค์มีวรยุทธ์จึงได้สามารถสกัดฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดเอาไว้ได้ครู่หนึ่ง แม้พระวรกายจะยังมีความต้องการอย่างห้ามไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ร้อนรุ่มอย่างหน้ามืดตามัวอีก“หม่อมฉันไม่ได้ทำนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้เป็นคนวางยาพระองค์”
ตอนที่ 34 โทสะนี้แน่นอนว่าเป็นเจ้าที่จะต้องรับเอาไว้ 2 “ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมไปแล้วว่าเปิ่นไท่จื่อเคยบอกเจ้าเอาไว้ชัดเจนว่าไม่มีทางปลดเจ้าง่าย ๆ ยิ่งไม่มีทางปล่อยเจ้าให้มีอิสระ”ท่ามกลางความเงียบ พระสุรเสียงเฉียบชาตรัสขึ้นทำให้ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินได้อย่างชัดเจน นางรีบปัดม่านกั้นเตียงออกเพื่อมองหาเจ้าของเสียงเย็นเฉียบทันทีที่ม่านกั้นเตียงถูกปัดออก สายตาของเฉินจินฮวาก็มองเห็นเจ้าของร่างทรงอำนาจได้อย่างชัดเจน เพราะพระองค์ประทับนั่งอยู่ไม่ไกลจากเตียงของนาง ตรงกันข้ามพระองค์ประทับนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับเตียงของนางพอดิบพอดี ซ้ำตะเกียงไฟเพียงอันเดียวที่ถูกจุดเอาไว้ยังวางเอาไว้ที่โต๊ะด้านข้างพระองค์อีกด้วย ทำให้ยามนี้นางสามารถมองเห็นพระพักตร์ดุดันไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยของพระองค์ได้ เป็นอย่างดี ทรงมาทวงถามความผิดกับนางเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ร่างบาง ได้แต่คิดอยู่ในใจ ภายในใจยามนี้เกิดหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ จำต้องเอ่ยอะไรออกไปสักคำ ไม่เช่นนั้นนางอาจจะถูกความเงียบกดดัน ให้รู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม “ดึกแล้วทรงเสด็จมาได้อย่างไรเพคะ” นางเอ่ยถามออ
ตอนที่ 35 โทสะนี้แน่นอนว่าเป็นเจ้าที่จะต้องรับเอาไว้ 3ไม่ทันได้ตั้งตัวร่างสูงที่คร่อมเหนือร่างกายของนางก็โน้มพระพักตร์ลงมาก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะทาบทับลงมาที่ริมฝีปากบางของนางอย่างรวดเร็วและดุดัน เฉินจินฮวาตกใจกับการกระทำของคนร่างสูงนางพยายามจะหันหน้าหนีจุมพิตร้อนนี้แต่ก็ไม่อาจจะหลบพ้นไปได้ ในนางถูกพระองค์เอื้อมพระหัตถ์มาจับใบหน้าของนางเอาไว้ไม่ให้หันหนีได้จุมพิตร้อนของพระองค์เริ่มที่จะรุกล้ำเข้ามาในโพร่งปากเล็กของนาง หญิงสาวไม่อาจเม้มปากปิดกั้นการรุกล้ำของลิ้นร้อนที่หมายจะเข้ามาดูดกลืนความหวานภายในปากเล็กได้เลย จำต้องถูกเจ้าของลิ้นร้ายเข้ามาตักตวงสำรวจไปทั่วช่องปากหวานอย่างเข้าแต่ใจลิ้นร้อนนั้นแสนเอาแต่ใจ ไม่ยอมให้นางที่ไม่มีประสบการณ์ได้หลบหลีกแต่อย่างไร ดูดดึงลิ้มรสจากปากของนางจนร่างเล็กแทบจะหายใจไม่ทัน กว่าที่จะทรงปล่อยริมฝีปากนางเป็นอิสระก็ทำเอานางเกือบจะหายใจไม่ทัน“ทรง…จะฆ่าหม่อมฉันแล้ว”“หึ แค่จูบไม่กี่นาทีไม่อาจทำเจ้าตาย”น้ำเสียงที่พระองค์กล่าวเมื่อครู่บ่งบอกว่ากำลังพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางรู้สึกได้ว่ายิ่งพระองค์เห็นท่าทีที่ไม่อาจหลบหลีกได้ของนางยามถูกพระองค์รังแกก็ยิ่ง
ตอนที่ 36ไม่ยอมให้เกิดขึ้นแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านม่านกั้นเตียงเข้ามาทำให้ร่างเล็กบนเตียงนอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างัวเงีย สิ่งแรกที่นางรับรู้เกี่ยวกับร่างกายตนเองคือความรู้สึกปวดเมื่อยเหนื่อยล้าไปทั้งตัวราวกับว่านางออกกำลังกายอย่างหนักมาทั้งคืนอย่างไรอย่างนั้น ซ้ำยังอยู่สึกว่ามีอะไรหนัก ๆ พาดอยู่ที่เอวเล็กของนางอีกด้วย แล้วไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้มีลมร้อน ๆ คอยเป่ารดอยู่แถวใกล้ ๆ ต้นคอด้านหลังของนางหลังจากผ่านไปครู่หนึ่งอาการงัวเงียจึงหายไป สติสัมปชัญญะคืนกลับมาเต็มที่ เจ้าสิ่งหนัก ๆ ที่พาดอยู่ที่เอวเล็กของนางก็เริ่มขยับลูบขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงเจ้าเต้าอวบอิ่มเปล่าเปลือยของนางอยู่แล้ว หากนางไม่ใช้มือของตนหยุดมืออันรุ่มร่ามของเขาเอาไว้เสียก่อนเมื่อมือใหญ่ถูกนางจับเอาไว้แน่น ดูเหมือนเจ้าของมือใหญ่นั่นจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เมื่อใช้มือลูบคลำเนื้อตัวของนางไม่ได้ จึงหันมาใช้จมูกและริมฝีปากเล่นงานแถวต้นคอด้านหลังของนางแทนทำเอาเฉินจินฮวาหดคอนี้สัมผัสของพระองค์แทบไม่ทันไท่จื่อทรราชผู้นี้กลืนกินนางมาทั้งคืนแล้วแต่กลับยังไม่รู้จักพอเสียที“องค์ไท่จื่อ สายแล้วเพคะ หากยังไม่ทรงลุกอี
ตอนที่ 37โปรดปรานนางรอเวลาจนผ่านไปครึ่งวันจากที่คิดว่าจะมีคนจากตำหนักหลักหรือฝูกงกงเป็นผู้มาส่งยาป้องกันการตั้งครรภ์ให้นางด้วยตัวเองแต่ก็ไม่มี จนเวลาล่วงเลยมาเช่นนี้นางถึงไปต้องไปจัดการหายามาด้วยตัวเององค์ไท่จื่อไม่ทรงส่งยามาให้นางเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทรงลืม หรือหากพระองค์เผลอลืมไปจริง ๆ อย่างไรฝูกงกงก็ไม่มีทางลืมแน่เพราะนั่นคือหน้าที่ของเขาที่ต้องคอยจัดการรวมไปถึงเตือนความจำขององค์ไท่จื่อไม่ให้มีสิ่งใดผิดพลาดไปจากที่ทรงตั้งพระทัยเอาไว้องค์ไท่จื่อคือบุรุษที่เพียบพร้อมทั้งอำนาจและเงินทองเกียรติยศ พระองค์มีพร้อมทุกอย่างและอยู่เหนือบุรุษทุกคน สตรีรายล้อมมากมายจนนับไม่ถ้วน ยิ่งนับรวมความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีใน เรื่องลึกซึ้งระหว่างหญิงชายอย่างเมื่อคืนแล้วนั้นก็เป็นอันยืนยันได้ว่า ทรงเป็นผู้ที่คลุกคลีกับสตรีมาไม่น้อยซ้ำย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ทรงเป็นบุรุษที่มีพร้อมทุกอย่าง ไฉนจะต้องเกือบงำความต้องการตามธรรมชาติของตนเอาไว้ด้วยเพียงแต่พระองค์ทรงไม่ยอมให้สตรีใดมีโอกาสให้กำเนิด โอรสหรือธิดาให้พระองค์ได้เลย ดูจากการนี้ก็สามารถรู้ได้อย่างชัดเจน แล้วว่าทรงไม่ต้องการให้สตรีใดตั้งครรภ์
ตอนที่ 38ขอความเห็นใจจากที่ได้ฟังอาจูเล่าดูเหมือนว่าสถานการณ์ของสวีเช่อเฟยจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เมื่อคืนองค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้อาละวาดลั่นตำหนักหลักไล่สวีเช่อเฟยออกมาอย่างไม่ไว้หน้า ทั่วทั้งวังบูรพาต่างลือเรื่องนี้กันอย่างลับ ๆ อีกทั้งองค์ไท่จื่อมีรับสั่งให้กักบริเวณนางเอาไว้ในตำหนักไม่มีกำหนดเฉินจินฮวาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารสวีเช่อเฟย เป็นเพราะนางดึงดันจะดึงสวีเช่อเฟยลงโคลนมาด้วยกันแต่ในเวลานี้มีเพียงสวีเช่อเฟยที่ได้รับโทษอย่างไม่สมควร เห็นทีนางคงต้องหาโอกาสขอความเห็นใจให้นางสักหน่อยเพื่อจะได้เป็นการไถ่โทษ อดคิดไปถึงไม่ได้เลยว่าหากได้พบสวีเช่อเฟยอีกครั้งนางจะมีปฏิกิริยาต่อนางอย่างไร เป็นไปได้เป็นอย่างมากว่าอาจจะตรงเข้ามาทำร้ายนางในทันทีหากเป็นเช่นนั้นเฉินจินฮวาอาจจะยอมให้สวีเช่อเฟยได้ลงมือตีนางสักทีสองทีแต่โดยดี ถือเป็นการไถ่โทษและให้นางได้ระบายอารมณ์สักหน่อยเมื่อครู่คนจากตำหนักหลักมาแจ้งนางว่าองค์ไท่จื่อให้นางรอพระองค์เสวยมื้อค่ำด้วยกันที่ตำหนักหลักส่วนเรื่องรายชื่ออาหารสำหรับมื้อค่ำในวันนี้ให้นางเป็นผู้เลือกด้วยตัวเองได้เลยแน่นอนว่านางสั่งให้อาหลัวเป็นผู้ไปคุยเรื่องรายชื่ออาห
ตอนที่ 39เฉินกุ้ยผินใกล้ยามอู่เต็มที่(เวลาประมาณใกล้ 11.00 น.) ยามนี้เฉินจินฮวากำลังก้าวเท้าตามการนำทางของกงกงน้อยที่นางได้พบเมื่อวานที่ตำหนักบรรทมขององค์ไท่จื่อ จากที่ได้พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้นนางจึงได้รู้ว่าขันทีผู้นี้มีนามว่าเสี่ยวหม่า หรือ หม่ากงกง เขาเองก็เป็นหนึ่งในขันทีรับใช้ที่ติดตามองค์ไท่จื่อมานาน ถือเป็นหนึ่งในข้ารับใช้คนสนิทที่องค์ไท่จื่อวางใจให้อยู่รับใช้ใกล้ชิดในตำหนักเหตุที่นางต้องมาด้วยกันกับเสี่ยวหม่ากงกงนั้นก็เป็นเพราะว่านางกำลังเดินทางเข้าวังนั่นเองและที่นี่ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปโดยเด็ดขาด แน่นอนว่าสาวใช้ทั้งสองของนางไม่อาจเข้าได้ แต่เสี่ยวหม่ากงกงนั้นไม่เหมือนกันเขามีป้ายที่สามารถผ่านเข้าวังได้โดยไม่ติดขัดใด ๆ เลยเมื่อช่วงต้นยามซื่อ(เวลาประมาณ 09.00น.)นางลืมตาตื่นขึ้นมาในตำหนักบรรทมด้วยความหิวก็พบเข้ากับเสี่ยวหม่ากงกงผู้นี้ พร้อมกับได้รู้ว่าเสี่ยวหม่ากงกงจะเป็นผู้นำทางนางเพื่อไปเข้าพบเฉินกุ้ยผินหรือท่านย่าเล็กของนางตามรับสั่งขององค์ไท่จื่อเฉินจินฮวาได้ยินเช่นนั้นถึงขั้นตาสว่างขึ้นมาในทันที จากที่ตั้งใจจะลุกขึ้นมาหาของกินประทังความหิวเพียงเล็กน้อยแล
ตอนที่ 40ความผิดของใครตำหนักสุขสงบยามนี้ไม่อาจสุขสงบได้อีกต่อไป เนื่องจากเมื่อครู่เกิดเหตุการณ์ไม่ขาดขวัญขึ้น เฉินเช่อเฟยหนึ่งในสามชายารองในองค์ไท่จื่อเกิดพลัดตกจากชิงช้าจนหมดสติไปยามนี้ที่ตำหนักสุขสงบแทบจะลุกเป็นไฟเสียให้ได้ องค์ไท่จื่อเสด็จมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงแล้วก็ไม่สนใจสิ่งใด รีบร้อนเข้ามาดูชายาของตนภายในห้องรับรองของตำหนักสุขสงบทันที“นางเป็นอย่างไรบ้าง” ทรงตรัสถามหมอหลวงทันที“เฉินเช่อเฟยมีเพียงแผลฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าตรวจดูแน่ชัดแล้วใช่หรือไม่”“แน่ชัดดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นเหตุใดยามนี้นางจึงยังไม่ได้สติอีกเหล่า” เป็นเฉินกุ้ยผินที่เอ่ยถามขึ้นบ้าง“ทูลองค์ไท่จื่อ และพระสนม เป็นเพราะร่างกายของเฉินเช่อเฟยนั้นเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอจึงทำให้ร่างกายอ่อนล้าจึงยังไม่ได้สติพ่ะย่ะค่ะ เพียงนอนหลับพักผ่อนอีกสักหน่อยก็จะฟื้นขึ้นมาเอง”“ร่างกายนางอ่อนแอเช่นนั้นหรือ เป็นเพราะยาบำรุงที่นางดื่มสองวันมานี้ไม่ดีต่อร่างกายนางหรือไม่” โม่หลงอวี้ถามต่อ“องค์ไท่จื่ออย่าได้กังวลพระทัยไปเลย ส่วนผสมยาบำรุงที่เฉินเช่อเฟยดื่มเข
ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั
ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล
ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว
ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้
ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ
ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม
ตอนที่ 49สุมไฟโม่หลงอวี้กว่าจะกลับถึงตำหนักบูรพาฟ้าก็ใกล้จะมืดเต็มที่แล้ว พระองค์เสด็จไปยังตำหนักทรงอักษรส่วนพระองค์ทันทีที่กลับมาถึง เมื่อทรงเข้ามาในตำหนักทรงอักษรแล้วก็มีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวน“ลู่เหยียน” สิ้นเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวองครักษ์หนุ่มก็ออกมาจากเงามืดทันที เขามาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นนายเหนือหัวก่อนจะก้มลงคุกเข่า“องค์ไท่จื่อ”“เปิ่นไท่จื่อสั่งให้เจ้าคอยจับตาตำหนักหรดีเอาไว้ได้ความว่าอย่างไร”“ทูลองค์ไท่จื่อ หลังจากพระองค์เสด็จออกไปจากตำหนักบูรพาไม่นานเฮ่อเช่อเฟยก็ไปที่ตำหนักทิศประจิมพ่ะย่ะค่ะ”“หลังจากนั้นเล่า” ทรงตรัสถามต่อ“เช่อเฟยทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฮูหยินรองแม่ทัพมู่จะมาพบเฉินเช่อเฟย เฮ่อเช่อเฟยถึงได้แยกกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”“พวกนางเพียงพูดคุยกันเท่านั้นหรือ”“เริ่มแรกสนทนากันอย่างเป็นมิตรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบฟังได้เล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดผิดปกติจึงได้ตามไปดู การสนทนาหลังจากนั้นจึงไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอประทานอภัยด้วย”“นอกจากตำหนักทิศประจิมแล้ว เฮ่อเช่อเฟยได้ไปอีกสองตำหนักอีกหรือไม่”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ลู่เหยียน จงรับคำสั่ง” ไ
ตอนที่ 48ตำหนักหรดีน้ำแกงผักตุ๋นกระดูกหมูอ่อนดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้นำไปถวายองค์ไท่จื่อแล้ว เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะว่าคืนนี้องค์ไท่จื่อทรงจะยุ่งมากเป็นพิเศษทั้งคืน“อาหลัวเจ้านำน้ำแกงตุ๋นส่งไปที่ตำหนักพายัพแทนก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทของตน“คุณหนูตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจริงให้นำไปส่งให้หมิงเช่อเฟยแทนเล่าเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ น้ำนั่นแกงที่นางอุตส่าห์เคี่ยวอยู่กว่าสองชั่วยามเชี่ยวนะ“ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งเช่อเฟยคนใหม่ เฮ่อเช่อเฟย เจ้าไม่ได้ยินที่เสี่ยวหม่ากงกงมาแจ้งข่าวเมื่อครู่หรือว่าฤกษ์ส่งตัวของนางก็คือคืนนี้”“ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ข้าน้อยสามารถนำน้ำแกงตุ๋นของคุณหนูไปถวายให้แก่องค์ไท่จื่อที่ตำหนักหลักได้นะเจ้าคะ คุณหนูให้ข้าไปเถอะเจ้าค่ะ น้ำแกงนี่ท่านอุตส่าห์ตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อ”“ทำเช่นเจ้าว่าได้ที่ไหนกันอาหลัว ผู้ใดรู้เข้าจะคิดว่าข้าคิดเรียกร้องความสนใจจากองค์ไท่จื่อขัดขวางพระองค์ไม่ให้เสด็จตำหนักหรดีของเช่อเฟยคนใหม่ เจ้าทำตามข้าบอกส่งน้ำแกงนั้นไปให้หมิงเช่อเฟยแทน”“เจ้าค่ะคุณหนู” อาหลัวจำต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายตน นำน
ตอนที่ 47องค์หญิงเฮ่อหลินจือณ วังหลวงแคว้นเป่ยซี ภายในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียว ยามนี้องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้กำลังเดินหมากอยู่กับเสด็จพ่ออีกทั้งพระองค์กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ด้วย “คณะทูตจากเผ่าต้าเหอจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกหลายวัน เจ้ารองทำการดูแลคณะทูตได้ดีไม่มีสิ่งใดเกิดปัญญา”“หน้าที่ดูแลคณะทูตจากต่างแดนเหมาะสมกับน้องรองมาก หากมีทูตมาจากที่อื่นลูกก็เชื่อว่าเขาจะจัดการได้ดียิ่งขึ้นไปอีก” ไท่จื่อหนุ่มเอ่ยขึ้นสนับสนุนผู้เป็นน้องชายตน ถึงแม้ภายนอกน้องรองของพระองค์จะดูช่างพูดจนน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ก็เหมาะกับตำแหน่งต้อนรับทูตดี อีกทั้งเวลาทำงานก็ตั้งใจดีไม่น้อย“พ่อก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า ภายหน้าเจ้ารองกับเจ้าสามจะช่วยแบ่งเบางานเจ้าได้มาก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่องที่พ่อยังต้องบอกและปรึกษาเจ้า” ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์วางมือจากหมากในมือลง แล้วหันไปสนใจเสด็จพ่อของตนด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้กัน“หัวหน้าเผ่าส่งสาส์นมาถึงจ้า ต้องการให้องค์หญิงบุญธรรมเฮ่อหลินจือแต่งกับเจ้า”“กระหม่อมของปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ” โม่หลงอวี้ตอกกลับออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด“เพร