ตอนที่ 37โปรดปรานนางรอเวลาจนผ่านไปครึ่งวันจากที่คิดว่าจะมีคนจากตำหนักหลักหรือฝูกงกงเป็นผู้มาส่งยาป้องกันการตั้งครรภ์ให้นางด้วยตัวเองแต่ก็ไม่มี จนเวลาล่วงเลยมาเช่นนี้นางถึงไปต้องไปจัดการหายามาด้วยตัวเององค์ไท่จื่อไม่ทรงส่งยามาให้นางเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทรงลืม หรือหากพระองค์เผลอลืมไปจริง ๆ อย่างไรฝูกงกงก็ไม่มีทางลืมแน่เพราะนั่นคือหน้าที่ของเขาที่ต้องคอยจัดการรวมไปถึงเตือนความจำขององค์ไท่จื่อไม่ให้มีสิ่งใดผิดพลาดไปจากที่ทรงตั้งพระทัยเอาไว้องค์ไท่จื่อคือบุรุษที่เพียบพร้อมทั้งอำนาจและเงินทองเกียรติยศ พระองค์มีพร้อมทุกอย่างและอยู่เหนือบุรุษทุกคน สตรีรายล้อมมากมายจนนับไม่ถ้วน ยิ่งนับรวมความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีใน เรื่องลึกซึ้งระหว่างหญิงชายอย่างเมื่อคืนแล้วนั้นก็เป็นอันยืนยันได้ว่า ทรงเป็นผู้ที่คลุกคลีกับสตรีมาไม่น้อยซ้ำย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ทรงเป็นบุรุษที่มีพร้อมทุกอย่าง ไฉนจะต้องเกือบงำความต้องการตามธรรมชาติของตนเอาไว้ด้วยเพียงแต่พระองค์ทรงไม่ยอมให้สตรีใดมีโอกาสให้กำเนิด โอรสหรือธิดาให้พระองค์ได้เลย ดูจากการนี้ก็สามารถรู้ได้อย่างชัดเจน แล้วว่าทรงไม่ต้องการให้สตรีใดตั้งครรภ์
ตอนที่ 38ขอความเห็นใจจากที่ได้ฟังอาจูเล่าดูเหมือนว่าสถานการณ์ของสวีเช่อเฟยจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เมื่อคืนองค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้อาละวาดลั่นตำหนักหลักไล่สวีเช่อเฟยออกมาอย่างไม่ไว้หน้า ทั่วทั้งวังบูรพาต่างลือเรื่องนี้กันอย่างลับ ๆ อีกทั้งองค์ไท่จื่อมีรับสั่งให้กักบริเวณนางเอาไว้ในตำหนักไม่มีกำหนดเฉินจินฮวาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารสวีเช่อเฟย เป็นเพราะนางดึงดันจะดึงสวีเช่อเฟยลงโคลนมาด้วยกันแต่ในเวลานี้มีเพียงสวีเช่อเฟยที่ได้รับโทษอย่างไม่สมควร เห็นทีนางคงต้องหาโอกาสขอความเห็นใจให้นางสักหน่อยเพื่อจะได้เป็นการไถ่โทษ อดคิดไปถึงไม่ได้เลยว่าหากได้พบสวีเช่อเฟยอีกครั้งนางจะมีปฏิกิริยาต่อนางอย่างไร เป็นไปได้เป็นอย่างมากว่าอาจจะตรงเข้ามาทำร้ายนางในทันทีหากเป็นเช่นนั้นเฉินจินฮวาอาจจะยอมให้สวีเช่อเฟยได้ลงมือตีนางสักทีสองทีแต่โดยดี ถือเป็นการไถ่โทษและให้นางได้ระบายอารมณ์สักหน่อยเมื่อครู่คนจากตำหนักหลักมาแจ้งนางว่าองค์ไท่จื่อให้นางรอพระองค์เสวยมื้อค่ำด้วยกันที่ตำหนักหลักส่วนเรื่องรายชื่ออาหารสำหรับมื้อค่ำในวันนี้ให้นางเป็นผู้เลือกด้วยตัวเองได้เลยแน่นอนว่านางสั่งให้อาหลัวเป็นผู้ไปคุยเรื่องรายชื่ออาห
ตอนที่ 39เฉินกุ้ยผินใกล้ยามอู่เต็มที่(เวลาประมาณใกล้ 11.00 น.) ยามนี้เฉินจินฮวากำลังก้าวเท้าตามการนำทางของกงกงน้อยที่นางได้พบเมื่อวานที่ตำหนักบรรทมขององค์ไท่จื่อ จากที่ได้พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้นนางจึงได้รู้ว่าขันทีผู้นี้มีนามว่าเสี่ยวหม่า หรือ หม่ากงกง เขาเองก็เป็นหนึ่งในขันทีรับใช้ที่ติดตามองค์ไท่จื่อมานาน ถือเป็นหนึ่งในข้ารับใช้คนสนิทที่องค์ไท่จื่อวางใจให้อยู่รับใช้ใกล้ชิดในตำหนักเหตุที่นางต้องมาด้วยกันกับเสี่ยวหม่ากงกงนั้นก็เป็นเพราะว่านางกำลังเดินทางเข้าวังนั่นเองและที่นี่ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปโดยเด็ดขาด แน่นอนว่าสาวใช้ทั้งสองของนางไม่อาจเข้าได้ แต่เสี่ยวหม่ากงกงนั้นไม่เหมือนกันเขามีป้ายที่สามารถผ่านเข้าวังได้โดยไม่ติดขัดใด ๆ เลยเมื่อช่วงต้นยามซื่อ(เวลาประมาณ 09.00น.)นางลืมตาตื่นขึ้นมาในตำหนักบรรทมด้วยความหิวก็พบเข้ากับเสี่ยวหม่ากงกงผู้นี้ พร้อมกับได้รู้ว่าเสี่ยวหม่ากงกงจะเป็นผู้นำทางนางเพื่อไปเข้าพบเฉินกุ้ยผินหรือท่านย่าเล็กของนางตามรับสั่งขององค์ไท่จื่อเฉินจินฮวาได้ยินเช่นนั้นถึงขั้นตาสว่างขึ้นมาในทันที จากที่ตั้งใจจะลุกขึ้นมาหาของกินประทังความหิวเพียงเล็กน้อยแล
ตอนที่ 40ความผิดของใครตำหนักสุขสงบยามนี้ไม่อาจสุขสงบได้อีกต่อไป เนื่องจากเมื่อครู่เกิดเหตุการณ์ไม่ขาดขวัญขึ้น เฉินเช่อเฟยหนึ่งในสามชายารองในองค์ไท่จื่อเกิดพลัดตกจากชิงช้าจนหมดสติไปยามนี้ที่ตำหนักสุขสงบแทบจะลุกเป็นไฟเสียให้ได้ องค์ไท่จื่อเสด็จมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงแล้วก็ไม่สนใจสิ่งใด รีบร้อนเข้ามาดูชายาของตนภายในห้องรับรองของตำหนักสุขสงบทันที“นางเป็นอย่างไรบ้าง” ทรงตรัสถามหมอหลวงทันที“เฉินเช่อเฟยมีเพียงแผลฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าตรวจดูแน่ชัดแล้วใช่หรือไม่”“แน่ชัดดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นเหตุใดยามนี้นางจึงยังไม่ได้สติอีกเหล่า” เป็นเฉินกุ้ยผินที่เอ่ยถามขึ้นบ้าง“ทูลองค์ไท่จื่อ และพระสนม เป็นเพราะร่างกายของเฉินเช่อเฟยนั้นเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอจึงทำให้ร่างกายอ่อนล้าจึงยังไม่ได้สติพ่ะย่ะค่ะ เพียงนอนหลับพักผ่อนอีกสักหน่อยก็จะฟื้นขึ้นมาเอง”“ร่างกายนางอ่อนแอเช่นนั้นหรือ เป็นเพราะยาบำรุงที่นางดื่มสองวันมานี้ไม่ดีต่อร่างกายนางหรือไม่” โม่หลงอวี้ถามต่อ“องค์ไท่จื่ออย่าได้กังวลพระทัยไปเลย ส่วนผสมยาบำรุงที่เฉินเช่อเฟยดื่มเข
ตอนที่ 41ตามเสด็จประพาสรักษาตัวอยู่ในวังหลวงที่ตำหนักพักผ่อนขององค์ไท่จื่อสองวันเต็มเฉินจินฮวาจึงได้กลับมาที่ตำหนักทิศประจิม ก่อนหน้านั้นหลังจากที่นางฟื้นได้สติก็คิดจะกลับตำหนักของตนแต่ก็ไม่ได้รับความยินยอมจากตัวต้นเหตุอย่างองค์ไท่จื่อแน่นอนว่าแม้นางจะอยากรีบออกจากวังหลวงมากแค่ไหน แต่ที่นั่นใช่ว่านางจะขยับตัวได้ง่าย วังหลวงไม่ใช่ผู้ใดอยากเข้าก็เข้าอยากออกก็สามารถออกได้ โชคดีที่สองวันมานี้องค์ไท่จื่อปล่อยให้นางได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ตกกลางคืนก็ไม่ได้ยุ่มย่ามกับนางอีก ทรงกระทำเพียงดึงนางเข้าไปไว้ในอ้อมแขนเฉย ๆ ทุกคืนเพียงแค่นั้นเฉินจินฮวาไม่ได้ลืมเรื่องของสวีเช่อเฟย นางได้ทูลขององค์ไท่จื่อให้ยกเลิกกักบริเวณสวีเช่อเฟยแล้ว พระองค์ตรัสว่านางหายดีกลับไปที่ตำหนักบูรพาเมื่อใดก็จะเป็นวันที่สวีเช่อเฟยเป็นอิสระรวมแล้วก็เป็นเวลาสามวันที่สวีเช่อเฟยถูกกักบริเวณ นางให้อาจูไปดูที่ตำหนักของสวีเช่อเฟย เพื่อดูว่านางเป็นอย่างไรบ้าง ปรากฏว่าอาจูกลับมารายงานนางว่าสวีเช่อเฟยนั้นมีคำสั่งให้ปิดตำหนักตนเองแทน ไม่รับแขกจากตำหนักใดทั้งนั้น ซึ่งนางคิดว่าสวีเช่อเฟยอาจจะกำลังอับอายที่ถูกสั่งลงโทษจึงได้ท
ตอนที่ 42ความผูกพัน ความรักฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้จัดขบวนล่าสัตว์ขึ้นโดยมีพระองค์ร่วมขบวนเสด็จไปด้วยพระองค์เอง ผู้ร่วมขบวนเสด็จในครั้งนี้แน่นอนว่าไม่อาจขาดพระโอรสทั้งสามของพระองค์ไปได้ และยิ่งไม่อาจขาดสามอำมาตย์ใหญ่แห่งราชสำนักไปได้เช่นเดียวกัน ส่วนขุนนางอื่น ๆ รวมไปถึงเหล่าสนมชายา ฮูหยินและบุตรีที่ติดตามมาด้วยล้วนแล้วแต่มีรับสั่งให้รั้งอยู่เพียงแต่ด้านในค่ายพักแรมเท่านั้น โดยมีฉุนหวงกุ้ยเฟยคอยกำกับดูแลเอาไว้หลังจากขบวนเสด็จเคลื่อนตัวออกไปแล้วฉุนหวงกุ้ยเฟยที่ได้จัดเตรียมกิจกรรมโยนศรไว้ให้เหล่าสตรีได้ละเล่นกันเอาไว้จึงได้เรียกให้เหล่าสตรีไปรวมตัวกันแน่นอนว่า สามเช่อเฟยแห่งตำหนักบูรพาย่อมไม่อาจไม่ไปร่วมความครึกครื้นได้ พวกนางทั้งสามพากันมาถวายพระพรฉุนหวงกุ้ยเฟย และเฉินกุ้ยผินเมื่อมาถึงฉุนหวงกุ้ยเฟยนั้นสง่างามน่าเกรงขามสมกับตำแหน่งหวงกุ้ย เฟยสตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในวังหลัง“หมิงเช่อเฟย สวีเช่อเฟย เฉินเช่อเฟย ในที่สุดข้าก็ได้พบพวก เจ้าเสียที แต่ละคนช่างเหมาะสมกับการเป็นเช่อเฟยในองค์ไท่จื่อนัก” ฉุนหวงกุ้ยเฟยตรัสชมพวกนางทั้งสามคน นางและเช่อเฟยอีกสองคนทำเพียงยิ้มรับคำชมของฉุนหวงกุ้ย
ตอนที่ 43 ง้อ“ฝูกงกงองค์ไท่จื่อเสวยหรือยัง” นางเอ่ยถามฝูกงกงที่เพิ่ง ออกมาจากกระโจม“ทรงยังไม่ได้เสวยเลย ดูเหมือนจะทรงอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย กระหม่อมก็เพิ่งถูกไล่ออกมา” ฝูกงกงตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล“สำรับตั้งเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”“เรียบร้อยแล้วขอรับ ข้าน้อยนำไปจัดเอาไว้ที่โต๊ะด้านในด้วยตัวเองเมื่อครู่นี้”“ฝูกงกงไม่ต้องห่วง ข้าจะเข้าไปปรนนิบัติพระองค์เสวยเอง”“เฉินเช่อเฟย ท่านเข้าไปยามนี้เกรงว่าจะทำให้ทรงกริ้วท่านได้”“ไม่เป็นไร อย่างไรตอนนี้พระองค์ก็กริ้วข้าอยู่แล้ว จะกริ้วเพิ่มขึ้นหน่อยข้ารับได้สบายมาก” นางเอ่ยบอกก่อนจะเดินตรงเข้าไปในกระโจมหลักที่เป็นที่ประทับขององค์ไท่จื่อยามเมื่อนางเปิดกระโจมเข้าไปด้านในกระโจมใหญ่แน่นอนว่าองค์ไท่จื่อย่อมต้องมองมาที่ทางเข้ากระโจมว่าใครกันที่กล้าเข้ามาหาพระองค์โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเฉินจินฮวาเห็นพระองค์ประทับอยู่ที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารแต่ก็ไม่ได้แตะต้องอาหารบนโต๊ะเลยองค์ไท่จื่อก็มองตรงมาที่นางเช่นกันแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกับนางทำเพียงเมินสายตาไปที่อื่นแทนทำเมินนางแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากไล่ออกไป แสดงว่าลึก ๆ ในใจพระองค์ก็คงกำลังรอให้นางมาง้ออยู่เป็นแ
ตอนที่ 44ขัดแย้งเช้าวันรุ่งขึ้นนางและเช่อเฟยทั้งสองติดตามองค์ไท่จื่อไปที่กระโจมหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของฝ่าบาทเช่นเดียวกันกับเมื่อวานวันนี้ฝ่าบาททรงมีรับสั่งจัดการแข่งขันล่าสัตว์ขึ้นในช่วงเช้า โดยมีเวลาสองชั่วยามในการแข่งขัน การแข่งขันในครั้งนี้เหล่าองค์ชายและขุนนางที่ติดตามมาทั้งหมดสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ โดยสัตว์แต่ละชนิดที่ล่ามาได้ก็จะมีคะแนนที่แตกต่างกันไปส่วนด้านสตรีแน่นอนว่ามีฉุนหวงกุ้ยเฟยและเฉินเช่อเฟยคอยเป็นแม่งานในส่วนของการจัดวาดรูปทิวทัศน์หรือสัตว์ต่าง ๆ แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับชัยชนะในครั้งนี้จะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากสวีเช่อเฟยซึ่งงมีชื่อเสียในด้านการวาดภาพมานานแล้วชัยชนะในส่วนของการล่าสัตว์นั้นแน่นอนว่าผู้ที่ได้รับชัยชนะนั้นก็คือองค์ไท่จื่อพระองค์ทรงล่าสัตว์ที่มีคะแนนมากที่สุดมาได้ถึงสามตัวจึงได้รับชัยชนะไปครองคืนนี้ที่หน้ากระโจมหลวงฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ส่งท้ายก่อนที่ทุกคนจะเดินทางกลับเมืองหลวงกันในเช้าวันพรุ่งนี้ฉุนหวงกุ้ยเฟยมีรับสั่งให้พวกนางสามเช่อเฟยทำการแสดงถวายฝ่าบาท แน่นอนว่าเรื่องเล่นดนตรีหรือร่ายรำนางล้วนแล้วแต่ไม่ถนัดทั้งสิ้น แม้จะมีเวล
ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั
ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล
ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว
ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้
ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ
ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม
ตอนที่ 49สุมไฟโม่หลงอวี้กว่าจะกลับถึงตำหนักบูรพาฟ้าก็ใกล้จะมืดเต็มที่แล้ว พระองค์เสด็จไปยังตำหนักทรงอักษรส่วนพระองค์ทันทีที่กลับมาถึง เมื่อทรงเข้ามาในตำหนักทรงอักษรแล้วก็มีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวน“ลู่เหยียน” สิ้นเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวองครักษ์หนุ่มก็ออกมาจากเงามืดทันที เขามาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นนายเหนือหัวก่อนจะก้มลงคุกเข่า“องค์ไท่จื่อ”“เปิ่นไท่จื่อสั่งให้เจ้าคอยจับตาตำหนักหรดีเอาไว้ได้ความว่าอย่างไร”“ทูลองค์ไท่จื่อ หลังจากพระองค์เสด็จออกไปจากตำหนักบูรพาไม่นานเฮ่อเช่อเฟยก็ไปที่ตำหนักทิศประจิมพ่ะย่ะค่ะ”“หลังจากนั้นเล่า” ทรงตรัสถามต่อ“เช่อเฟยทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฮูหยินรองแม่ทัพมู่จะมาพบเฉินเช่อเฟย เฮ่อเช่อเฟยถึงได้แยกกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”“พวกนางเพียงพูดคุยกันเท่านั้นหรือ”“เริ่มแรกสนทนากันอย่างเป็นมิตรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบฟังได้เล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดผิดปกติจึงได้ตามไปดู การสนทนาหลังจากนั้นจึงไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอประทานอภัยด้วย”“นอกจากตำหนักทิศประจิมแล้ว เฮ่อเช่อเฟยได้ไปอีกสองตำหนักอีกหรือไม่”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ลู่เหยียน จงรับคำสั่ง” ไ
ตอนที่ 48ตำหนักหรดีน้ำแกงผักตุ๋นกระดูกหมูอ่อนดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้นำไปถวายองค์ไท่จื่อแล้ว เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะว่าคืนนี้องค์ไท่จื่อทรงจะยุ่งมากเป็นพิเศษทั้งคืน“อาหลัวเจ้านำน้ำแกงตุ๋นส่งไปที่ตำหนักพายัพแทนก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทของตน“คุณหนูตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจริงให้นำไปส่งให้หมิงเช่อเฟยแทนเล่าเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ น้ำนั่นแกงที่นางอุตส่าห์เคี่ยวอยู่กว่าสองชั่วยามเชี่ยวนะ“ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งเช่อเฟยคนใหม่ เฮ่อเช่อเฟย เจ้าไม่ได้ยินที่เสี่ยวหม่ากงกงมาแจ้งข่าวเมื่อครู่หรือว่าฤกษ์ส่งตัวของนางก็คือคืนนี้”“ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ข้าน้อยสามารถนำน้ำแกงตุ๋นของคุณหนูไปถวายให้แก่องค์ไท่จื่อที่ตำหนักหลักได้นะเจ้าคะ คุณหนูให้ข้าไปเถอะเจ้าค่ะ น้ำแกงนี่ท่านอุตส่าห์ตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อ”“ทำเช่นเจ้าว่าได้ที่ไหนกันอาหลัว ผู้ใดรู้เข้าจะคิดว่าข้าคิดเรียกร้องความสนใจจากองค์ไท่จื่อขัดขวางพระองค์ไม่ให้เสด็จตำหนักหรดีของเช่อเฟยคนใหม่ เจ้าทำตามข้าบอกส่งน้ำแกงนั้นไปให้หมิงเช่อเฟยแทน”“เจ้าค่ะคุณหนู” อาหลัวจำต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายตน นำน
ตอนที่ 47องค์หญิงเฮ่อหลินจือณ วังหลวงแคว้นเป่ยซี ภายในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียว ยามนี้องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้กำลังเดินหมากอยู่กับเสด็จพ่ออีกทั้งพระองค์กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ด้วย “คณะทูตจากเผ่าต้าเหอจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกหลายวัน เจ้ารองทำการดูแลคณะทูตได้ดีไม่มีสิ่งใดเกิดปัญญา”“หน้าที่ดูแลคณะทูตจากต่างแดนเหมาะสมกับน้องรองมาก หากมีทูตมาจากที่อื่นลูกก็เชื่อว่าเขาจะจัดการได้ดียิ่งขึ้นไปอีก” ไท่จื่อหนุ่มเอ่ยขึ้นสนับสนุนผู้เป็นน้องชายตน ถึงแม้ภายนอกน้องรองของพระองค์จะดูช่างพูดจนน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ก็เหมาะกับตำแหน่งต้อนรับทูตดี อีกทั้งเวลาทำงานก็ตั้งใจดีไม่น้อย“พ่อก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า ภายหน้าเจ้ารองกับเจ้าสามจะช่วยแบ่งเบางานเจ้าได้มาก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่องที่พ่อยังต้องบอกและปรึกษาเจ้า” ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์วางมือจากหมากในมือลง แล้วหันไปสนใจเสด็จพ่อของตนด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้กัน“หัวหน้าเผ่าส่งสาส์นมาถึงจ้า ต้องการให้องค์หญิงบุญธรรมเฮ่อหลินจือแต่งกับเจ้า”“กระหม่อมของปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ” โม่หลงอวี้ตอกกลับออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด“เพร