หน้าหลัก / โรแมนติก / บุปผาต้องมนตร์ / Chapter 47.  ข้าโง่งมขนาดนั้นเชียวรึ

แชร์

Chapter 47.  ข้าโง่งมขนาดนั้นเชียวรึ

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-28 00:05:47

“ตอนข้าเจอเขา ไม่รู้ว่าเขาเป็นหัวหน้าเผ่านี่” นางโคลงศีรษะไปมา “ตื่นมาพวกท่านก็หิวหรือไร ถึงได้บุกไปในครัวแต่เช้า”

“ข้าแค่ไปรับเจ้ามาเขียนจดหมายต่างหาก” เขาลอบมองนางเล็กน้อย “ข้ากลัวเจ้าหลงทาง เลยจะเดินไปรับ”

ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ “ข้าโง่งมขนาดนั้นเชียวรึ”

ตั้งแต่มาที่นี่ นางก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ถ้าเข้าป่าก็ไปกับจินปู๋ตลอด แต่พอเข้ามาคฤหาสน์ของโจวฟู่หรงกลับทำให้นางงุนงงกับห้องหับมากมาย จนนางจำไม่ได้ว่าต้องไปทางไหน

“ก็นิดหน่อย”

“อะไรนะ!” นางถลึงตามองเขา เรื่องแบบนี้ไม่ต้องพูดชัดเจนนักก็ได้กระมัง “ข้ารู้จักท่านได้อย่างไรกัน!”

“พี่สาวข้า...” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง “เจ้ากับเคอหลิ่งหลิน พี่สาวของข้าสนิทกัน เมื่อหนึ่งเดือนก่อนนางได้รับบาดเจ็บหลับไม่ได้สติหนึ่งเดือนเต็ม ช่วงนั้นเจ้ามาดูแลนาง ข้าจึงได้ใกล้ชิดกับเจ้า”

“อย่างนั้นรึ” นางเสมองไปทางอื่น รู้สึกร้อนผ่าวกับสายตาลุ่มลึกของเขา

“แท้จริงเป็นเจ้ารู้จักข้าก่อนที่ข้าจะรู้จักเจ้า” เขาเชิดปลายคางขึ้นพูดเหมือนโอ้อวด “เจ้ายังเคยให้ของฝากข้า!”

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 48. ข้าไม่เคยไว้ใจใครทั้งนั้น 

    “เมื่อวานพี่ฟู่หรงไปปราบหมาป่ามารึ แล้วไหนล่ะหนังหมาป่าของข้า” “เจ้าจะเอาไปทำอะไรเยอะแยะ” ราชครูส่ายหน้าไปมา “หมาป่าที่พี่ฟู่หรงฆ่า ควรจะเป็นของข้าเท่านั้น” นางเชิดหน้าพูดอย่างเอาแต่ใจ “มันไม่สวย ข้าเลยยกให้ชาวบ้านไปแล้ว” เขาตอบตามจริง แล้วเงยหน้ามองไปทางทหารที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเป็นเชิงส่งสัญญาณให้ออกไปได้แล้ว แต่กระนั้นเด็กสาวเอาแต่ใจก็ปรายตามองไปยังลังสินค้าแล้วถลาไปยืนจ้องมองดู “พ่อค้าเอาสินค้ามาให้พี่ฟู่หรงกับท่านพ่อตรวจสอบรึ” ซุนเย่ผิงถามแล้วยื่นมือไปรื้อค้นดูด้วยความสนใจตามประสาผู้หญิงที่ชอบของสวยๆ งามๆ พ่อค้าตัวปลอมถึงกับผวาเฮือกแต่ไม่กล้าห้าม ร้อนถึงราชครูยื่นมือไปตีหลังมือของลูกสาว แม้ไม่แรงแต่ส่งเสียงดังจนเด็กสาวรีบชักมือกลับ แล้วถลึงตามองบิดาด้วยความน้อยใจ “ท่านพ่อ!” “เสียมารยาทจริงเด็กคนนี้ เจ้าจะทำสินค้าของพวกเขาเสียหายหมด!” “จะเสียหายสักเท่าไหร่” นางหยิบผ้าคลุมไหล่ขึ้นมา “ข้าชอบผืนนี้ ข้าจะเอา!” “เย่ผิง!” บิดาดุด้วยเสียงดัง แต่ก็ไม่เคยกล้าลงโทษลูกสาว นอกจากจะเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 49. คู่หมั้น

    “เย่ผิง!” ราชครูได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วหันไปยิ้มน้อยๆ ให้คนทั้งสาม “ข้าเลี้ยงดูนางไม่ดี ต้องขออภัยที่กิริยาไม่น่ารักนัก” “ท่านอย่าคิดมาก เย่ผิงก็เป็นแบบนี้แหละ” โจวฟู่หรงไหวไหล่เล็กน้อย นางเป็นแบบนี้ก็เพราะเขาตามใจนางด้วยเช่นกัน “แล้วผ้าผืนนี้” จ้าวจิ่นสือมองผ้าที่ถูกปามาอยู่ในมือของเขา “ถ้าไม่คิดอะไรเจ้าก็เอาไปเถิด” โจวฟู่หรงแค่พยักหน้ารับรู้ ยังไม่ทันพูดอะไรต่อก็มีทหารวิ่งเข้ามา “เรียนหัวหน้าโจว มีตัวแทนจากเผ่าต่างๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำมาขอพบขอรับ” ได้ยินตามนั้นแล้ว ทั้งอิงฮวาและจ้าวจิ่นสือก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องภายใน ทั้งสองถึงขอตัวเดินแยกออกมา อิงฮวาเดินเลี้ยวไปทางอื่น มือของจ้าวจิ่นสือยื่นไปจับข้อมือนางไว้ก่อน “เจ้าจะไปไหน” “ในครัว ไปช่วยปาน่า” นางมองมือของเขาที่จับข้อมือนางไว้ “ไม่ใช่ทางนั้น” หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก ก็จำได้ว่าเมื่อเช้าตอนที่เด็กรับใช้พามา เดินผ่านทางนี้...หรือเปล่านะ “ท่านบอกทางมาก็ได้” “เอาเถอะ ข้าจะไปส่ง” เขาไม่ยอมปล่อยข้อมือนาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 50. ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว

    “อิงฮวาตั้งใจหน่อยสิ!” นางตำหนิตัวเอง พยายามทบทวนว่าบ่าวคนนั้นบอกทางว่าอย่างไร แล้วขณะที่หันขวาหันซ้ายอยู่ สายลมยามเย็นพัดผ่านเบาๆ นางเห็นผ้าที่ผูกกับกิ่งไม้ที่อยู่ริมทางเดิน นางประหลาดใจว่าผู้ใดผูกเศษผ้าไว้ พอเดินเข้าไปใกล้แล้วมองไปรอบตัวก็เห็นว่ามีเศษผ้าแบบเดียวกันผูกไว้ที่อื่น นางเดินตามไปดูแต่ละชิ้น ทั้งแปลกใจและประหลาดใจ เพราะก่อนหน้านางไม่เคยเห็นเศษผ้าเหล่านี้มาก่อน ครั้นเดินตามไปเรื่อยก็มารู้ตัวอีกที นางก็หยุดอยู่หน้าห้องตัวเองแล้ว “หรือว่าคนผู้นั้นผูกเศษผ้าบอกทางให้ข้า” นอกจากเขาแล้วจะมีใครที่กล่าวหาว่านางเป็นคนโง่งมหลงทางแม้กับเส้นทางที่...ที่ไม่น่าจะหลงอย่างนี้ หญิงสาวไม่กล้าถามทั้งพ่อบ้านหรือปาน่า ใบหน้าหวานยิ้มเขินอายอย่างไม่รู้ตัว แม้เขาจะติดตามโจวฟู่หรงแต่ก็ยังเป็นห่วงนาง อิงฮวายังอดครุ่นคิดไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วระหว่างเขากับนางมีความสัมพันธ์ใดกันแน่ พอคิดเรื่องนี้ทีไร นางก็ต้องคิดเรื่องจูบของเขา หากว่า...หากว่านางกับเขาเป็นคนรักกันจริง ไยนางเดินทางโดยไม่บอกลาเขาเล่า หรือนางควรจะอยู่ที่เมืองนั้นไม่ใช่รึ หรือท่านพ่อของนางไม่ชอบเขา หรือครอบครัวของเขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 51. ทำแผล

    “หัวหน้าโจว”“เข้ามา” จ้าวจิ่นสือร้องบอก ก่อนผลักบานประตูเข้าไป อิงฮวาก้าวตามหลังจ้าวจิ่นสือ พอเขาเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง หญิงสาวก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางรีบหันไปทางจ้าวจิ่นสือที่ยืนกอดอกนิ่ง “หัวหน้าโจว ทำไม...ท่าน...” อิงฮวารีบเข้าไปดูใกล้ๆ โจวฟู่หรงนั่งเหยียดตัวตรงราวกับเสาหิน ใบหน้าซีดเซียว เพราะเขาสวมเสื้อผ้าชุดดำทำให้มองไม่เห็นคราบเลือดนัก แต่กระนั้นหญิงสาวก็ได้กลิ่นคาวเลือดจากชายผู้นี้“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก” โจวฟู่หรงรู้สึกสงสารหญิงสาวที่ต้องตื่นมากลางดึกเพื่อเจอสภาพเขาเช่นนี้ แต่อิงฮวาส่ายหน้าไปมาแล้วหันไปทางจ้าวจิ่นสือ“มีใครตามท่านหมอผู้เฒ่าหรือยัง” หญิงสาวสั่งทันทีแล้วก็เพิ่งนึกได้ “ส่งคนออกไปเชิญท่านหมอแล้ว แต่เราต้องทำเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด จะให้ผู้ใดรู้ไม่ได้ว่าหัวหน้าโจวถูกลอบทำร้าย” จ้าวจิ่นสือพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วหันไปทางโจวฟู่หรง อีกฝ่ายผงกศีรษะอย่างเข้าใจ ก็เพราะเหตุนี้จึงต้องให้นางมาดูแผลให้เขาก่อนอิงฮวาพยักหน้ารับ นางหลุบตาลงก็เห็นคราบเลือดบนพื้นยังเป็นเลือดสดๆ นางรีบเงยหน้าขึ้นทันที“เลือดยังไหลอยู่ เราต้องรีบห้ามเลือดก่อนท่านหมอผู้เฒ่าจะมา ไม่เช่นน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 52. ต้มยา

    “ต้มยา ให้ใครต้มก็ได้” หมอผู้เฒ่าพูดตัดบท “เจ้าไปพักได้แล้ว”“ขอรับ” เป็นจ้าวจิ่นสือที่เอ่ยแทนมู่ฟางเหนียง เขาวางตะเกียงลงแล้วประคองร่างเล็กไปที่อ่างล้างมือ ช่วยนางล้างคราบเลือดออกแล้วซับด้วยผ้าแห้งพ่อบ้านเข้ามาอย่างรู้หน้าที่ ชายหนุ่มทั้งสองมองตากันก็เข้าใจความหมาย เขาจึงพยุงอิงฮวาเดินออกไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้โจวฟู่หรงจัดการสั่งงานลูกน้องของตนเองถ้านางรู้ว่าคืนนี้ต้องทำแผลให้คนบาดเจ็บหนัก นางคงไม่เอาพลังงานไปทำงานในครัวจนหมดสิ้นสภาพ พอออกมาจากห้องของโจวฟู่หรง ร่างบางก็ปะทะลมเย็นจนต้องห่อตัวและเพิ่งนึกได้ว่าลืมหยิบเสื้อคลุมออกมาด้วย เพียงพริบตาร่างเล็กก็ถูกช้อนตัวอุ้มขึ้น หญิงสาวตกใจรีบยกมือขึ้นคล้องคอของเขาไว้ เผลอกอดแน่นเมื่อเขากระโดดอุ้มนางตัวลอย หญิงสาวหลับตาปี๋ไม่รู้ว่าเขาพานางเหาะเหินมาอย่างไร ก็ต่อเมื่อเขาหยุดนิ่งแล้ว นางจึงลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อนโยนจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว นางหลบสายตาคู่นั้นมองไปทางอื่น จึงรู้ว่าเขาใช้วิชาตัวเบาพานางกลับมาที่หน้าห้องตัวเองเขาปล่อยให้นางยืนแล้วจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูให้“ไม่ต้องเข้ามานะ” นางห้ามไว้ก่อน แล้วก็ยกมือปิดปากที่อ้าหาวด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 53. อย่ากินข้าเลย ข้าไม่อร่อยหรอก

    เพราะยุ่งอยู่จึงไม่ได้สนใจใคร่ถามอะไรมาก อิงฮวาเร่งเท้าเดินกลับไปทางเก่า ตามเส้นทางที่คนผู้นั้นผูกผ้าไว้ให้นางไม่หลงทาง พอเดินมาผ่านศาลาหกเหลี่ยมก็พอจะจำได้ว่าเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงเรือนพักของจ้าวจิ่นสือ อากาศใกล้รุ่งนี่ช่างหนาวเย็นนัก คนตัวเล็กรีบเดินเร็วๆ เกือบจะกลายเป็นวิ่งไปจนสุดทางเดิน นางหอบหายใจทางปาก พ่นเอาควันสีขาวออกมา นางหยุดที่บานประตู ไม่เห็นวี่แววความเคลื่อนไหวใดๆ จึงเรียกเขาเสียงไม่ดังนัก“จ้าวจิ่นสือ...”ไม่รู้เขาอ่อนเพลียหลับลึกหรือว่าบาดเจ็บล้มป่วย นางรออย่างกระสับกระส่าย ไม่เห็นผู้ใดมาเปิดประตูให้ นางเรียกซ้ำอีกหลายครั้งแต่ก็เงียบไร้เสียงตอบกลับ มือเรียวจึงผลักบานประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย เรือนพักของเขาคล้ายเรือนพักของนาง เพียงแค่อยู่คนละฝั่งกัน หญิงสาวเดินดุ่มๆ เดาทิศทางของห้องนอน“จ้าวจิ่นสือ ท่านเป็นอะไรหรือไม่” ด้วยความเป็นห่วงจึงร้อนรน รีบเข้าไปผลักม่านที่เตียงของเขาออก ทว่ามือข้างนั้นกลับถูกกระชากอย่างแรงและรวดเร็วจนหญิงสาวไม่ทันเปล่งเสียง เพียงพริบตาร่างเล็กก็ถูกเหวี่ยงขึ้นเตียงและถูกตรึงให้นอนหงายอยู่เบื้องล่างร่างกายใหญ่โตของเขา ดวงตาคมวาวดุจคมกระบี่จ้องมอง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 54. รสหวานละมุนจากกายนาง

    จ้าวจิ่นสืออยากจะรั้งนางไว้ หยิบเสื้อคลุมให้นางก่อน แต่นางก็วิ่งออกไปแล้ว เขาได้แต่ส่ายหน้าไปมา นางเหมือนกระต่ายป่าปราดเปรียว เห็นทีว่ากลับไปครั้งนี้เขาคงต้องหาตะกร้าใบใหญ่ๆ ขังนางไว้ไม่ให้หนีหายไปไหนอีก ‘อย่ากินข้าเลยนะ ข้า..ข้าไม่อร่อยหรอก’พลันคิดถึงคำพูดของนาง เขาก็หัวเราะออกมา ยกนิ้วโป้งขึ้นแตะริมฝีปากของตนเอง คิดถึงรสหวานละมุนจากเรือนกายของนางใครบอกเนื้อของนางไม่อร่อย มันแสนจะหวานล้ำ ชวนให้แทะเล็มละเลียดกินทีละคำก่อนกลืนกินนางทั้งเป็นหญิงสาววิ่งกลับไปที่ครัวอีกครั้งก็สว่างมากแล้ว หลายคนทยอยเข้ามาช่วยงานในครัว ปาน่าเงยหน้ามาเห็นนางก็รีบกวักมือเรียก“เมื่อครู่พ่อบ้านให้เด็กมาบอกว่ายกยาไปให้หัวหน้าโจวได้แล้ว”“เจ้าค่ะ” นางพยักหน้ารับ “โจ๊กเสร็จแล้ว ข้าจะยกไปพร้อมกันเลย”เพราะไม่ต้องการให้ใครสงสัย นางจึงให้เด็กรับใช้ยกโจ๊กไปพร้อมกับอิงฮวาที่ยกถ้วยยา เมื่อไปถึงห้องของโจวฟู่หรง เขาก็นั่งอยู่ก่อนแล้ว สวมเสื้อคลุมหลวมๆ ท่วงท่าสง่างามไม่เหมือนคนบาดเจ็บหนักเลยสักนิด พ่อบ้านไล่เด็กรับใช้ออกไปแล้ว อิงฮวาก็เดินเข้าไปยื่นถ้วยยาให้เขาดื่ม หญิงสาวสังเกตแขนขวาที่ทิ้งข้างตัวนิ่งคล้ายเขาจะขยับไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 55. ดูแลคนป่วย

    “ไหนบอกว่าหิว ทำไมกินนิดเดียว” เขาบ่นพึมพำที่เห็นนางกินคำเล็กๆ แม้เขาจะเคยถูกเลี้ยงดูในวังหลวง แต่เมื่อใช้ชีวิตในกองทัพก็กินอยู่ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก เขาคีบเนื้อปลาวางไว้บนถ้วยข้าวของนาง“กระเพาะข้าเล็ก กินแค่พออิ่มก็อยู่ได้” นางขึงตาใส่ แต่เขากลับเห็นเป็นเรื่องขบขัน คงเพราะเมื่อเช้าเขาแกล้งนางแรงไปนิด นางจึงยังเคืองเขาอยู่บ้าง “แต่กับของอร่อย กินยังไงก็ไม่อิ่ม” การจงใจพูดของเขาทำให้นางชะงักไป พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแววตาหยอกล้อ หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้นคนบ้า! นางตั้งใจจะลืมเรื่องนั้นไปแล้วแท้ๆ มาสะกิดให้นางคิดทำไมนะ!จ้าวจิ่นสือเห็นนางเดือดดาลแต่โต้กลับไม่ได้ก็กลั้นหัวเราะ อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจยุติการก่อกวนของตนเองแล้วจัดการกินมื้อเช้าจนเสร็จเรียบร้อยพอกินมื้อเช้าเสร็จ อิงฮวาตั้งใจจะหมกตัวเองในครัว แต่จ้าวจิ่นสือไม่ยอมห่างนาง ปาน่าเห็นแล้วแสนจะรำคาญจึงออกปากไล่คนทั้งสองออกจากครัวของนาง“เจ้าสองคนนี้ไปเล่นที่อื่นไป!”แทนที่จ้าวจิ่นสือจะหน้าเสีย เขากลับหัวเราะในลำคอดุจแผนการของตนเองลุล่วง เขาจับข้อมือนางกึ่งลากกึ่งจูงออกไป“จะพาข้าไปไหน”“ไม่ไปไหนหรอก อยู่แถวนี้แหละ รอใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29

บทล่าสุด

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 120. ได้ยินชัดแล้ว

    เหวินเฮ่าหลันคลี่พัดโบกไปมาเชื่องช้าคล้ายเกียจคร้าน แต่ในใจแฝงความกังวลอยู่หลายส่วนนัก สหายรักอย่างจ้าวจิ่นสือมาเมืองหลวงคราใดก็มักมาพักที่คฤหาสน์ตระกูลเหวิน จ้าวจิ่นสือเป็นคนไม่ถือยศศักดิ์ทำให้คบหากันสนิทใจ และเมื่อเขาเดินทางไปชายแดนก็มักจะแวะเวียนเยี่ยมเยือนจ้าวจิ่นสืออยู่เสมอ จะว่าไปบุรุษทั้งสองคนนี้เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วย่อมเป็นจุดเด่น ผู้หนึ่งบุคลิกองอาจสมเป็นบุตรชายทหารผู้แกล้วกล้า ส่วนอีกคนดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญผู้กุมการค้าในเมืองหลวง หากเห็นเหวินเฮ่าหลันตามหอนางโลมก็มิใช่เรื่องแปลก แต่กับจ้าวจิ่นสือนี่สิ สะดุดตาผู้คนเสียยิ่งกว่า “มาเที่ยวหอนางโลมก็เป็นธรรมดาของบุรุษ แต่ตอนนี้เจ้าไม่เหมือนก่อน พี่สาวเจ้าก็เป็นพระชายาไปแล้ว ฐานะเจ้าก็เป็นเครือญาติกับ...” ยังพูดไม่ทันจบประโยค จ้าวจิ่นสือก็โบกมือห้ามไว้ก่อน เขายกจอกสุราขึ้นดื่มแต่สีหน้าไร้แววรื่นเริง ทั้งสองอยู่ในหอนางโลมก็จริงแต่ไม่ได้เรียกนางคณิกาเข้ามาปรนนิบัติ เพียงนั่งดื่มสุราและสนทนากันเรื่องทั่วไป แต่เหวินเฮ่าหลันเป็นคนมีความอดทนน้อยนัก แม้จะรักสนุกชอบเรื่องบันเทิงและดูเกียจคร้านไ

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  119.  ไม่คิดว่า

    มู่หยางซัวเอ่ยตอบ ไม่คิดว่าตัวเองไม่ได้ติดต่อกับคนที่นี่ แต่คนที่นี่กลับรู้ความเคลื่อนไหวเป็นไปของเขา แสดงว่า... พวกเขารอให้สองพ่อลูกกลับมานานแล้วจริงๆ “ว่าแต่เจ้าสองคนพ่อลูกพักที่ใดกัน” ท่านยายถามแล้วยื่นมือไปลูบเนื้อตัวมู่ฟางเหนียงอย่างเอ็นดู พอพิศดูใกล้ๆ แล้วก็เห็นว่า แท้จริงแล้วมู่ฟางเหนียงไม่ได้เหมือนอี้เฟยนัก แต่มีเค้าโครงหน้าอ่อนหวานเหมือนกัน ดวงตาเป็นประกายสดใสดุจแสงตะวันกระทบผิวน้ำยามเย็น แต่มีท่าทางเฉลียวฉลาดสุขุมเหมือนผู้เป็นพ่อ “โรงเตี๊ยมไม่ไกลที่นี่นักเจ้าค่ะ” นางเอ่ยชื่อโรงเตี๊ยมออกไป “ไอ้โรงเตี๊ยมนั่นมันเล็กนิดเดียว อาหารก็ไม่อร่อย ไปพักได้อย่างไรกัน หึ!” ท่านตาทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ “ไปเก็บข้าวของมาพักด้วยกันที่นี่” มู่ฟางเหนียงหันไปทางบิดา เห็นท่าทีอ้ำอึ้งก็เข้าใจ พ่อของนางเป็นเด็กกำพร้า ไม่คุ้นชินกับการอยู่แบบครอบครัวใหญ่ ที่ผ่านมาก็มีกันแค่สองคนพ่อลูก และไม่ได้เผื่อใจว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดี ดูท่าท่านพ่อที่ได้ฉายาหมอเทวดาไร้เงาผู้แสนจะสุขุมและไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด จะพ่ายแพ้แก่พ่อตาแม่ยายเสียแล้ว “ท่านพ่อกับห

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   118. ห้ามถอยเด็ดขาด

    เคอหลิ่งหลินบังเอิญได้พบคุณชายเฉินและแอบหลงรักเขา ส่วนนางกับพ่อรู้จักคุณชายเฉินเพราะเป็นคนป่วยที่ตามหาท่านหมอเทวดาไร้เงามาถึงชายแดนที่นางกับพ่ออยู่เคอหลิ่งหลินนิสัยโลดโผน เปิดเผย และจริงใจ นางชอบคุณชายเฉินก็แสดงออกว่าตนชอบ ไม่ปิดบัง ทำให้บิดาของนางต้องส่ายหน้าทุกที เคอหลิ่งหลินอาศัยติดตามบิดาของนางไปพบคุณชายเฉินบ่อยๆ และนางช่วยสอนเป่าขลุ่ยเพราะเห็นคุณชายเฉินบรรเลงเพลงขลุ่ยแสนไพเราะ นางรู้ว่าพี่สาวที่แสนดีผู้นี้อุทิศตนเองเพื่อความรักที่มีต่อคุณชายเฉินมากเพียงใด เมื่อรู้ข่าวว่าเคอหลิ่งหลินได้เคียงข้างครองคู่กับคนที่นางรักและรักนาง มู่ฟางเหนียงก็รู้สึกยินดีและดีใจด้วยอย่างจริงใจส่วนนางนั้น พยายามไม่คิดเรื่องของตนเอง นางรู้ว่าสิ่งที่นางทำ ผิดจารีตประเพณีที่สตรีพึงกระทำ แต่นางก็ไม่นึกเสียใจ อย่างน้อยนางก็รู้ใจตัวเองว่ารักเขามาก และอาจมากเกินกว่าที่จะยอมแบ่งปันเขาให้หญิงอื่น มิอาจทำใจใช้สามีร่วมกับผู้ใด มู่หยางซัวพาลูกสาวเดินมาตามเส้นทางที่คุ้นเคยในอดีต จนมาหยุดที่หน้าร้านขายยาใหญ่โตร้านหนึ่ง สิบกว่าปีที่ผ่านมา จากร้านขายยาเล็กๆ กลายเป็นร้านใหญ่โตไปแล้ว ลูกสาวเห็นสีหน้าเคร่งเ

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   117.  ข้าจะแบกเจ้าเอง

    “เป็นท่านพ่อที่ต้องการเตรียมตัวเตรียมใจมากกว่าลูกกระมัง” นางอดหยอกล้อบิดาไม่ได้ “เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งเป็นผู้หญิงเถิด พ่อเกรงว่าตากับยายของเจ้าจะตำหนิพ่อเอาเสียเปล่าๆ” พูดแล้วก็ถอนหายใจหนักหน่วง “ตั้งแต่พาแม่ของเจ้าออกเดินทางมาจนเจ้าตัวโตขนาดนี้ ก็มิรู้ทั้งสองจะยังอยู่หรือไม่” “ลูกไม่เคยได้ยินท่านพ่อพูดถึงท่านตากับท่านยาย เลยไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นคนอย่างไร” นางถามระหว่างรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเตี๊ยมที่เข้าพักอยู่ “แม่ของเจ้าเป็นลูกสาวพ่อค้าร้านขายยา” “เอ๋? ท่านพ่อก็เป็นหมอ ท่านแม่เป็นลูกสาวร้านขายยา ไยถึงหนีตามกันเล่า” นางอดประหลาดใจไม่ได้ ตั้งแต่จำความได้ ก็รู้เพียงแค่ว่าท่านพ่อกับท่านแม่รักใคร่ชอบพอกัน แต่ท่านตากับท่านยายไม่ยอมรับในตัวลูกเขยที่ไร้ชาติตระกูล ซ้ำยังยากจนนัก ท่านพ่อจึงพาท่านแม่หนีออกมาและใช้ชีวิตเดินทางรักษาคนทั่วไป มีความสุขตามอัตภาพ “ตอนนั้นท่านตาของเจ้าหวังทำการค้ามากกว่าจะรักษาคน พ่อซึ่งตอนนั้นก็ทระนงตน ไม่ฟังผู้ใด ท่านตาอยากให้พ่อไปนั่งตรวจคนเจ็บป่วยที่ร้านขายยาของท่านตา ทีแรกพ่อก็ไปตาม

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   116.  ท่านรักข้าบ้างหรือเปล่า

    “ท่านพ่อของเจ้าบอกข้าแล้วว่าจะเดินทางไปเมืองหลวง”มู่ฟางเหนียงนิ่งงันไป พ่อเพิ่งคุยกับนางเมื่อครู่แต่บอกกับคนผู้นี้ไปก่อนแล้ว แสดงว่าท่านตัดสินใจแล้ว คงไม่มีเหตุผลให้นางยื้อเวลาที่จะอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว‘ท่านจะให้เราสองคนห่างกันอย่างนั้นหรือ?’เสียงของหมอมู่หยางซัวแทรกเข้ามาในหัวสมองของเขา จ้าวจิ่นสือกอดนางแน่นขึ้น กลัวว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้กอดนางไว้แนบอกเช่นนี้ ยศถาบรรดาศักดิ์หรือแม้แต่ตำแหน่งรองแม่ทัพที่มีอยู่ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขได้มากเท่ากับที่มีนางอยู่เคียงข้าง“จากนี้เดินทางไปเมืองหลวงจะสะดวกกว่า ข้าจะเตรียมรถม้าพร้อมผู้ติดตามไปส่งเจ้ากับพ่อให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย”ทำไม... ทำไมเขาพูดเหมือนอยากให้นางไปไกลห่างเช่นนี้ด้วยเล่า“สิ่งของของเจ้าที่อยู่ที่บ้านข้า ข้าจะให้คนเก็บรักษาไว้อย่างดี หรือเจ้าต้องการสิ่งใดก็ขอให้บอก ข้าจะให้คนส่งตามไปให้เจ้า”ถ้อยคำแห่งความหวังดีกลับกลายเป็นโบยตีหัวใจนางให้เจ็บปวด นี่เขาคิดแทนนางถึงเพียงเชียวหรือ? กลัวว่านางจะไปไม่พ้นหน้าเขาหรืออย่างไรกันจะติดตามนางไปด้วยก็ไม่ได้ แค่นี้เขาก็หงุดหงิดเต็มประดาแล้ว“ท่านไม่ต้องกังวลเกินกว่าเหตุไป ครา

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   115. ทรมาน

    “ฟางเหนียง พ่อเห็นว่างานที่นี่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว พ่อคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกันเสียที”“อะไรนะเจ้าคะ” นางตื่นตกใจอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?“เจ้าไม่อยากไปกับพ่อแล้วหรือ?”“มิได้ ลูกแค่... เรายังไม่ได้เตรียมตัว”“เตรียมตัว?” มู่หยางซัวทวนคำแล้วหัวเราะในลำคอ “พวกเราเคยเตรียมตัวกันด้วยรึ ถ้าไม่นับที่เราอยู่ชายแดนมาสองปี ที่ผ่านมาเราก็แทบไม่เคยเตรียมตัวก่อนออกเดินทางสักครั้ง”“แต่ว่า เรามีข้าวของอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าว”“เจ้าใส่ใจของพวกนั้นด้วยรึ พ่อไม่เคยนึกถึงเรื่องพวกนั้น” รอยยิ้มกึ่งล้อทำให้มู่ฟางเหนียงแอบค้อนเข้าให้“ข้ามีของที่ได้รับมาจากมิตรสหายเผ่าเอ้อหลุนชุน ถึงมันอาจไม่ได้มีราคาค่างวดมากมาย แต่มีค่ากับจิตใจของข้ามากนัก”“จากที่นี่เดินทางไปเมืองหลวงจะใกล้กว่า ถ้าเจ้าอยากย้อนกลับไปก็จะเสียเวลามาก”“แต่ว่า...” นางนึกถึงเครื่องประดับที่ทำจากหินหรือกระดูกสัตว์ที่นางได้มา คิดถึงเสื้อคลุมหนังหมาป่าที่จินปู๋กับนางลู่อู๋มอบให้ คิดถึงบันทึกการรักษาที่ท่านหมอผู้เฒ่ามอบให้ สิ่งเหล่านั้นมีภาพของชายผู้นั้นปรากฏขึ้นมาด้วย“ฟางเหนียง บางสิ่งที่เจ้าเผชิญอยู่มัน

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  114. ข้าเป็นพ่อนาง ข้ามิได้ตาบอดจะได้ไม่รู้ไม่เห็นอะไร

    “ท่านหมอมู่” จ้าวจิ่นสือพยายามคุมสติและปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ “ท่านอาจไม่ทราบ ข้ากับฟางเหนียง...” มู่หยางซัวยกมือขึ้นห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูดออกมา “ข้าเป็นพ่อนาง ข้ามิได้ตาบอดจะได้ไม่รู้ไม่เห็นอะไร” มือของเขาเคยแต่จับมีดช่วยคน เพิ่งเคยรู้สึกอยากจับมีดฆ่าคนก็คราวนี้ “ข้าจริงใจกับนาง หวังให้ท่านเข้าใจ” “เจ้าหวังให้ผู้อื่นเข้าใจเจ้า แล้วเจ้าเข้าใจผู้อื่นรึ” “ข้าตั้งใจว่ากลับจากซูโจวจะให้ท่านพ่อสู่ขอฟางเหนียงกับท่าน” “แล้วอย่างไร?” ปกติมู่หยางซัวเป็นคนใจเย็น จะเห็นสีหน้าเคืองโกรธก็น้อยครั้งเหลือเกิน “เจ้าตบแต่งนางเข้าตระกูลเจ้าแล้ว ก็ใช่ว่าเจ้าจะรับหญิงอื่นเข้ามาไม่ได้อีก ตอนนี้เจ้าก็พูดได้ แต่อนาคตเจ้าจะไม่รับใครเข้ามาอีกรึ เจ้าไม่ใช่คนธรรมดา ฐานะชาติกำเนิดของเจ้า เจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ” “ความหมายของท่านคือไม่ยินดียกนางให้ข้า” แม้จะข่มน้ำเสียงตัวเองให้ราบเรียบ แต่กรุ่นไอโทสะแผ่กระจายออกมาจนอีกฝ่ายยังรู้สึกได้ “ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น” มู่หยางซัวทำน้ำเสียงเยาะในลำคอ แค่นี้ก็โกรธจนไอโท

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 113. ข้าเป็นพ่อนาง ข้ามิได้ตาบอดจะได้ไม่รู้ไม่เห็นอะไร

    “พ่อไม่พูดใช่ว่าไม่รู้” มู่หยางซัวจับไหล่ของลูกสาวให้ก้าวเข้าไปนั่งบนเตียง ส่วนตนนั้นก็เลื่อนเก้าอี้กลมมานั่งใกล้ๆ “เจ้ารู้ว่าพ่อพูดถึงเรื่องจ้าวจิ่นสืออยู่” “ท่านพ่อ” นางหลุบตาลง เป็นฝ่ายไม่กล้าสบตาเสียเอง แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าสักวันเรื่องนี้พ่อต้องเอ่ยปากกับนาง “เจ้ารักคนผู้นั้นมากเลยหรือ” น้ำเสียงที่ถามเป็นน้ำเสียงตัดพ้อมากกว่าต้องการคำตอบ “พ่อรู้ อย่างไรก็ต้องมีวันนี้... อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวของตัวเอง เจ้าจะทำตัวติดกับพ่อตลอดไปไม่ได้หรอก” “ท่านพ่ออย่าพูดเช่นนั้น ท่านพ่อตัวคนเดียว ลูกไม่ยอมทิ้งท่านพ่อเด็ดขาด หากลูกจะแต่งงานกับผู้ใด คนผู้นั้นก็ต้องยอมรับท่านพ่อได้ด้วยเช่นกัน” “เราผ่านอะไรกันมามากมายเหลือเกิน เจ้าอาจได้เห็นโลกกว้างมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน” มู่หยางซัวตบหลังมือของลูกสาวเบาๆ “เจ้าก็เห็นแล้ว ทั้งเศรษฐี ทั้งขุนนาง ทั้งยาจก ทั้งคนยากไร้ เจ้าย่อมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยิ่งสูงศักดิ์มากเพียงใด ก็ยิ่งแก่งแย่งแข่งขันกันมากเพียงนั้น แล้วเจ้าจะรับมือเรื่องราวเหล่านั้นได้ไหวหรือไม่ เมื่อกลายเป็นคนของเขาไปแล้ว เจ้า

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  112. หายดี

    มู่ฟางเหนียงเดินเคียงข้างจ้าวจิ่นสือไปถึงศาลาหกเหลี่ยมที่องค์ชายไท่หยางประทับอยู่ องค์ชายไท่หยางเชื้อเชิญให้ทั้งสองนั่ง รอจนบ่าวรับใช้รินน้ำชาเรียบร้อยแล้ว จึงโบกมือไล่ให้ผู้อื่นออกไปให้หมด แม้จะไม่เห็นเงาร่างแต่ก็รู้ว่าต้าซื่อองครักษ์ขององค์ชายเฝ้าอารักขาอยู่“ข้าต้องยอมรับความสามารถในการจัดการของรองแม่ทัพจ้าวจิ่นสือ ต่อให้ข้ามิได้มา เจ้าก็คงจัดการที่นี่ได้อย่างราบรื่นด้วยดี”“เป็นเพราะพระบารมีขององค์ฮ่องเต้และองค์ชาย ทำให้การงานครั้งนี้ลุล่วงด้วยดีพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าเองสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ครั้นจะให้องค์รัชทายาทเสด็จมาเองก็เกรงว่าจะมีคนลอบเอาชีวิต คราวที่แล้วยังหาตัวผู้บงการมิได้ ครั้งนี้ข้าเลยต้องมาเอง ข้าอาจจะทำอะไรได้ไม่เต็มที่นัก อย่างไรก็ต้องฝากเจ้าดูแลต่อด้วย”“ข้าน้อยรับพระบัญชา”มู่ฟางเหนียงนั่งฟังนิ่งๆ แล้วลอบมองคุณชายเฉิน ไม่สิ ตอนนี้คนผู้นี้คือองค์ชายไท่หยางที่มักพูดออกตัวว่าตนเองสุขภาพไม่แข็งแรง แต่เท่าที่นางเห็นตอนนี้ ช่างเป็นองค์ชายที่สุขภาพแข็งแรงดีเหลือเกิน“ความจริงที่เรียกเจ้าทั้งสองมาดื่มน้ำชาที่นี่ไม่ใช่เพราะเรื่องงาน ข้าอยากคุยเรื่องเคอหลิ่งหลิน”จ้าวจิ่นสือเงยหน้าสบด

DMCA.com Protection Status