Share

Chapter 20. เดินทาง

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-18 13:58:30

“เจ้าค่ะคุณหนู” ชุนเอ๋อร์รับคำสั่งแล้วเดินเร็วๆ ไปหยิบชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนหวานราวกับดอกอิงฮวา (ดอกซากุระ) ที่คุณหนูเคยใส่ครั้งเดียวออกมาส่งให้มู่ฟางเหนียง หญิงสาวทำตาโตส่ายหน้าไปมา มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าชุดนี้งามหรูขนาดไหน 

“ถ้าเจ้าไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าจะไม่กินยาใดๆ ทั้งสิ้น”

“พี่หลิ่งหลิน” มู่ฟางเหนียงส่งเสียงประท้วง คนป่วยจะมาเอาแต่ใจอย่างนี้ได้อย่างไรกันนะ

“ท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดเจ้าค่ะ” ชุนเอ๋อร์ช่วยพูดสำทับไปอีกแรง “ข้าจะไปต้มยาให้เอง รบกวนท่านช่วยดูแลคุณหนูของข้าด้วย”

ชุนเอ๋อร์ผลักเสื้อผ้าชุดนั้นใส่มือของมู่ฟางเหนียงแล้วรีบไปหยิบห่อยาขึ้นมา หันมายิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะรีบเดินเร็วๆ ออกไป หญิงสาวหันไปทางคนป่วยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ เห็นสีหน้าของนางแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ คงต้องตามใจคนป่วยเสียหน่อย ซึ่งปกตินางไม่ชอบเอาใจคนป่วยนักหรอก หญิงสาวหอบชุดสวยไว้ในวงแขนแล้วเดินไปที่ฉากกั้นถอดเสื้อผ้าที่เลอะคราบเลือดออก เปลี่ยนใส่ชุดใหม่ด้วยอาการเก้อเขินเล็กน้อย

“พี่สาว ข้าตัวเล็กกว่าท่าน เกรงว่าจะใส่เสื้อผ้าของท่านไม่พอดี”

“ไม่พอดีอย่างไร ไหนออกมาให้ข้าดูก่อน”

เสียงถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะพาร่างบางของตนเองออกมายืนเบื้องหน้า เคอหลิ่งหลินยิ้มออกมา ที่ผ่านมานางเห็นมู่ฟางเหนียงเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ด้วยความที่นางติดตามบิดาตรวจรักษาคนเจ็บคนป่วยโดยไม่สนใจฐานะของอีกฝ่าย มู่ฟางเหนียงมักจะสวมเสื้อผ้าเก่าๆ โดยให้เหตุผลว่านางมักทำเสื้อผ้าเลอะเทอะ ซักแล้วก็ยังทิ้งคราบ จึงไม่อยากใส่เสื้อผ้าชุดใหม่นัก ผิดกับบิดาของนาง แม้จะเป็นเสื้อผ้าชุดเก่าแต่สะอาดสะอ้าน รอยปะชุนก็ประณีตเรียบร้อย

เคอหลิ่งหลินพยักหน้าอย่างพอใจ สมกับที่เป็นชุนเอ๋อร์ รู้ใจราวกับเป็นพยาธิในท้องนางเสียนี่กระไร ชุดนี้ได้เป็นของขวัญเมื่อหลายปีก่อน นางเคยใส่หนเดียวแล้วรู้สึกกระดากเขินอาย ซ้ำยังรู้สึกว่าเสื้อผ้าชุดนี้เล็กกว่ารูปร่างของนางอีก นางจึงให้ชุนเอ๋อร์พับเก็บไว้จนลืมไปเสียสนิท

“พี่สาว”

“อ้อ! ชุดนี้ข้าใส่ไม่ได้แล้ว เจ้าเอาไปเถอะนะ”

“ไม่ได้หรอก ข้าจะรับของมีราคาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” มู่ฟางเหนียงส่ายหน้าไปมา “ความจริงฮูหยินอี้ซิ่วก็มอบเสื้อผ้าให้ข้ามาสองสามชุดแล้ว”

“ผู้ใหญ่ให้ก็รับไปเถอะ” เคอหลิ่งหลินหัวเราะเบาๆ อาการเจ็บหายไปมาก ปรายตามองไปที่โต๊ะ เห็นห่อผ้าวางอยู่ก็อดถามไม่ได้

“นั่นอะไรรึ”

“อ้อ! หลายวันก่อน ฮูหยินอี้ซิ่วเมตตาให้ข้ายืมหนังสือที่หอตำราได้ ข้าเอามาคืน ไม่ทราบว่าคุณชายจ้าวอยู่หรือไม่เจ้าคะ”

“อยู่สิ เมื่อครู่เขาก็เข้ามาดูอาการข้า” นางไม่รู้ว่าจ้าวจิ่นสือเพิ่งกลับจากสอดแนม “แล้วทำไมเจ้าต้องถามหาเขาด้วยล่ะ”

“เอ่อ...” นางอึกอักหาคำพูดของตัวเองอยู่ “ตอนที่ข้าหยิบหนังสือออกมา คุณชายบอกว่าตอนมาคืนเขาจะขอตรวจหนังสือว่าข้าทำชำรุดหรือไม่”

“เอ๋?” เคอหลิ่งหลินทำหน้าประหลาดใจ ถ้าฮูหยินอี้ซิ่วอนุญาตให้ยืมหนังสือก็แสดงว่าไว้ใจคนผู้นั้น จู่ๆ เขาจะมาห่วงหนังสือทำไมกัน 

“พี่สาว” นางกลัวว่าเคอหลิ่งหลินจะคิดไปไกล “ข้ากับบิดาจะออกเดินทางกันแล้ว ที่อยู่ทุกวันนี้ก็รอให้ท่านตื่นฟื้นเท่านั้น ปกติเราไม่เคยอยู่ที่ใดนานขนาดนี้มาก่อน ซึ่งท่านก็คงทราบดีอยู่แล้ว เมื่อข้าจะต้องเดินทาง ข้าจึงอยากคืนสิ่งของที่ยืมมาเพื่อจะได้เดินทางอย่างสบายใจ”

“เดินทาง? เจ้ากับท่านหมอจะไปที่ใดกัน” นางทำหน้าเศร้า “แล้วใครจะสอนข้าเป่าขลุ่ยล่ะอาจารย์น้อย”

มู่ฟางเหนียงได้ยินก็หัวเราะออกมา “ท่านเล่นเพลงนั้นได้ไพเราะแล้ว ข้าไม่ต้องสอนอะไรท่านอีกแล้วละ”

เคอหลิ่งหลินรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งทั้งสองพ่อลูกก็ต้องออกเดินทาง นี่อุตส่าห์อยู่รอจนนางฟื้นก็คงกินเวลาของพวกเขามากแล้ว 

“รอชุนเอ๋อร์กลับมาก่อน ค่อยให้นางพาเจ้าไปก็แล้วกัน”

“ยาต้องเคี่ยวนาน ข้าไปเองก็ได้” 

“เจ้าไปถูกรึ” นางจะไปส่งก็ไม่มีแรงลุกเดินไหว

“ข้าจำได้ว่าเดินไปไม่ไกลจากห้องของท่านนัก”

“ใช่...ออกจากห้องของข้าไป เดินตรงตามทางไปเรื่อยๆ ถึงทางแยกแล้วเลี้ยวซ้ายเดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว”

“เดี๋ยวข้ามานะ”

มู่ฟางเหนียงยิ้มกว้าง เดินไปหยิบห่อผ้าที่มีหนังสือทั้งสามเล่มแล้วรีบเดินออกไป  คิดเพียงว่าจะได้รีบไปรีบกลับ กลับมาก็คงพอดี เคอหลิ่งหลินมองแผ่นหลังของมู่ฟางเหนียงเดินพ้นประตูไปแล้ว นางก็นึกได้ว่าทางที่บอกไปนั้น มันห้องนอนของจ้าวจิ่นสือ!.

          จ้าวจิ่นสือยืนรออย่างกระสับกระส่ายในห้องอักษรไม่นานนัก บิดาก็ก้าวเข้ามาพร้อมโบกมือไล่คนรับใช้ให้ถอยห่างออกไป

            “แม่เจ้าก็มัวตื่นเต้นดีใจที่เห็นหลิ่งหลินฟื้น ไม่ได้เอะใจที่ลูกชายเพิ่งกลับเข้าบ้าน” บิดาพูดน้ำเสียงราบเรียบทว่าเจือความห่วงใย

            “ลูกเข้าใจดี” เขายิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ข่มความกังวลที่ยังแน่นอก แม้จะรู้ว่านางฟื้นแล้วแต่เมื่อครู่ที่ได้อุ้มนางนั้นทำให้หัวใจเขากระตุกวูบไหว

            แม่ทัพจ้าวจิ่นสือมองเห็นความกังวลในแววตาของบุตรชายเป็นอย่างดี ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าไปมาและตัดสินใจมอบภารกิจใหม่ให้ทันที แม้จะรู้ว่าลูกชายเพิ่งย่างเท้าเข้าประตูบ้านได้ไม่ถึงครึ่งวัน

            “หลิ่งหลินฟื้นแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลนักหรอก”

            “ข้าแค่เป็นห่วงนาง”

            “นางเป็นพี่สาวของเจ้า” ผู้เป็นบิดาพยายามเตือนสติ

            “แต่นางก็ไม่ใช่สายเลือดเดียวกับข้า!”   

            บุรุษผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่สูดลมหายใจลึก เห็นท่าทางอวดเก่งเอาแต่ใจของลูกชายแล้ว ก็ได้แต่ลอบถอนหายใจหนักหน่วง อายุยี่สิบปีแล้ว ได้เป็นถึงรองแม่ทัพ ทว่ากลับมีนิสัยใจร้อนและมุทะลุเกินไป ไม่สะกดกลั้นเก็บอารมณ์ของตนเองเลยสักนิด

            “จิ่นสือ” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น “พ่อจะพูดกับเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นลูกชายของพ่อ”

            ชายหนุ่มรู้สึกแน่นหน้าอก แต่ก็ยืดอกเงยหน้าฟังสิ่งที่บิดาจะพูด

            “สิ่งที่เจ้ารู้สึก มันเกิดจากความใกล้ชิด มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าคิดหรอก” แม่ทัพจ้าวซื่อก่วงเอ่ยเน้นย้ำทีละคำ หวังใจให้ตอกย้ำเข้าไปในหัวใจของบุตรชาย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 21. เดิมพัน

    “ท่านพ่อ ลูกไม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นหัวข้อที่น่าสนทนานัก”เขาฮึดฮัดอย่างขัดใจ ท่านพ่อเคยพูดว่าไม่รังเกียจแม้นางจะเป็นเพียงบุตรสาวของโจรป่า นางเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาใกล้ชิดและไม่คิดว่าจะรู้สึกพิเศษเช่นนี้กับใครได้ ที่รั้งรอไม่ยอมแต่งงานก็เพราะใจของเขามีเพียงเคอหลิ่งหลินเท่านั้น หากนางยังไม่แต่งงานก็เท่ากับเขายังมีความหวัง และอาจเพราะเขาเองไม่เคยพูดกับนางเรื่องนี้ตรงๆ สักครั้ง นางจึงยังไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นห่วงนางในฐานะบุรุษคนหนึ่ง ไม่ใช่เป็นเพียงน้องชายของนาง“เจ้ายังเด็กอยู่จริงๆ จิ่นสือ” พูดพลางถอนหายใจอีกครั้ง “ท่านพ่อ”“เดิมพันกับพ่อไหมล่ะ”“อะไรนะ” เขาถามกลับอย่างงุนงง“เดิมพันกับพ่อ” แม่ทัพจ้าวซื่อก่วงพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “พ่อจะส่งเจ้าไปเผ่าเอ้อหลุนชุนและส่งหลิ่งหลินไปเมืองหลวงเป็นเพื่อนแม่ของเจ้า เมื่อกลับมาแล้ว หากเจ้ายังคงเดิมและนางไม่มีผู้ใด พ่อจะสนับสนุนเจ้าทั้งสองคนเอง”“ขอบคุณท่านพ่อ” เขายิ้มกว้างไม่ปิดบังความยินดีบนใบหน้า“เร็วไปจิ่นสือ” บิดายกมือห้ามไว้ก่อน “หากนางมีชายในดวงใจ เจ้าก็ต้องยอมหลีกทาง ไม่คิดแค้นเคืองนางหรือชายผู้นั้นเด็ดขาด”“ลูกสาบาน”“ดี”

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-19
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 22 . ยั่วยวน!

    คราวนั้นเขาอยู่ในเมืองหลวง เห็นบรรดาหญิงสาวชาววังชอบแต่งกายกันเช่นนี้ อุตส่าห์ทำใจกล้าเดินเข้าไปซื้อ ไม่สนใจสายตาหญิงสาวที่จ้องมองเขาแล้วเอียงหน้าชิดกันกระซิบกระซาบสายตาจับจ้องที่ตัวเขา นางก็อุตส่าห์ใส่ให้เขาดูแค่หนเดียว มันดูประดักประเดิดจริงๆ เป็นเพราะเขาประเมินขนาดรูปร่างของนางผิดไป จริงอยู่ ของที่ให้นางไปแล้ว นางจะทำเช่นไรก็ได้ แต่... เขาจะหงุดหงิดน้อยกว่านี้ถ้าคนที่ใส่อยู่ไม่ใช่บุตรสาวท่านหมอมู่ เดี๋ยวนะ นางชื่ออะไร?“ข้า! ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่านี่ห้องของเจ้า!” นางยืดอกเต็มความสูง แต่ก็...ยืดเต็มตัวแล้วก็ยังได้แค่ปลายคางของเขาเท่านั้น แต่ถึงนางจะตัวเล็ก นางก็ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงได้เด็ดขาด!“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ!” หน็อย! ยัยเด็กขาดอาหารผู้นี้ กล้าพูดจาไม่เกรงกลัวเขาเลยสักนิด“หูท่านหาเรื่องข้าหรือไร” นางพลิกลิ้น ไม่ยอมรับว่าเผลอเรียกเขาแบบเสมอตัว“เฮอะ! เป็นสาวเป็นนาง ได้ยินเสียงผู้ชายเรียกก็รีบเปิดประตูเข้ามาแล้วรึ!”เขาเดินวนรอบตัวของหญิงสาว ปกตินางแต่งตัวเสื้อผ้าปานผ้าขี้ริ้ว พอได้แต่งชุดสวย นางก็...ดูดี ขึ้นมานิดหน่อย คงเพราะสีชมพูของผ้าที่ขับเน้นผิวขาวของนาง หรือเพราะนางก

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-19
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 23. เจ็บ

    ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่หัวใจ ไม่ใช่เจ็บเพราะถูกตบ ทว่า...เขากลับอธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไร มู่ฟางเหนียววิ่งออกมา เท้าเล็กๆ สะดุดก้อนหินจนเซถลาไปชนกับเสากลมของเรือน โชคดีที่นางหยุดได้ทันไม่อย่างนั้นหน้าคงกระแทกเสา แต่หญิงสาวก็หยุดยืนยกมือที่สั่นระริกขึ้นดู มันชาเสียจนนางไม่รู้สึกเจ็บ แต่ที่เจ็บคงเป็นที่ใจ เพราะนางไม่เคยถูกใครรังแกถึงเพียงนี้ นางเกลียดตัวเองที่อ่อนแอเหลือเกิน“แม่นางมู่” หญิงสาวตื่นจากภวังค์ แล้วหันไปตามเสียงที่ได้ยิน เป็นชุนเอ๋อร์ สาวรับใช้ของเคอหลิ่งหลินเดินมาหาพอดี นางฝืนยิ้มทั้งที่มือยังสั่นอยู่“มาอยู่นี่เอง คุณหนูให้ข้ามาตามหาเจ้า”“มีเรื่องอะไรรึ”“คุณหนูเป็นห่วงกลัวเจ้าหลงทาง” ชุนเอ๋อร์ส่งยิ้มให้ แต่เห็นอีกฝ่ายหน้าซีดก็อดถามไม่ได้ “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่า “ นางสั่นหน้าไปมาแล้วเดินตามชุนเอ๋อร์กลับไปหาเคอหลิ่งหลิน เพียงก้าวเข้าไปในห้อง พ่อบ้านตู้เดินเร็วๆมาหาแล้ว“แม่นางมู่ มีคนจากบ้านเศรษฐีกู่หลินมาเชิญท่านไปดูอาการลูกชายของเขาโดยด่วน”“ได้ๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” มู่ฟางเหนียงพยักหน้ารับ แล้วหันไปทางเคอหลิ่งหลินที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง“พี่สาว ข้าขอตัวก่อน ท่าน

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-19
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 24. อย่าได้เกรงใจ

    “ยามาแล้วเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ทะเล่อทะล่าเข้ามาด้วยความรีบร้อน มู่ฟางเหนียงได้ยินก็หันมา จึงพบว่าเศรษฐีกู่หลินยืนมองอยู่นานแล้ว นางยิ้มน้อยๆ แล้วลุกขึ้น“ได้ยินว่าลูกป่วยหนัก ข้าจึงรีบกลับมา” สีหน้าเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เพิ่งกลับจากคุมคนงานตรวจดูข้าวสารและธัญพืชที่ลำเลียงเข้าโกดัง“ออกหัดเจ้าค่ะ” มู่ฟางเหนียงเดินไปรับห่อยาจากเด็กรับใช้ “ข้าขอตัวไปต้มยาก่อน”กู่หลินเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบ ใครๆ มักเรียกเขาว่าเศรษฐีกู่หลิน เขามองหญิงสาวเดินผ่านเขาไป เขามองเงาร่างที่เคลื่อนผ่านเพิ่งสังเกตว่าวันนี้มู่ฟางเหนียงแต่งตัวงดงามนัก นางมีโครงหน้าอ่อนหวาน รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม ยิ่งนางสวมชุดสีชมพูราวกับดอกไม้ผลิบาน คล้ายว่านางทำให้รอบกายสว่างไสวไปด้วย เขาเดินไปดูลูกชายที่เริ่มเห็นผดผื่นชัดเจนขึ้น เขาหันไปทางจิวฉิงแล้วยื่นมือไปแตะหลังมือของนาง“ลำบากเจ้าแล้ว”“ท่านพี่อย่าได้พูดเช่นนั้น อย่างไรข้าก็เห็นเขาตั้งแต่เกิด ย่อมรักและเอ็นดูเขาไม่ต่างจากลูกในไส้”“ขอบใจเจ้ามาก” เขาพูดจบก็มองไปทางประตูอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นว่าในห้องไม่มีอะไรให้เป็นกังวลมากแล้วจึงตัดสินใจหมุนตัวเดินออกไป“ท่านพี่จะไปไหนเจ้าคะ”

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-19
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 25. เอนเอียง

    “ความสุขของท่านพี่ก็คือความสุขของข้า เช่นนั้นแล้วข้าจะโกรธท่านได้อย่างไร” นางยิ้มน้อยๆ “เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเองเถิดเจ้าค่ะ”“ถ้าเช่นนั้นข้าฝากเรื่องมู่ฟางเหนียงกับเจ้าด้วย แต่หากนางไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ส่งรถม้าให้นางกับพ่อไว้ใช้เถิด”“เจ้าค่ะ”“ข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะเข้าไปดูลูก”เมื่อสามีหันหลังให้ นางก็ไม่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกของตนเอง เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งเข้ามาเกาะขามารดาด้วยความรักใคร่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นกลับเห็นสีหน้าถมึงทึงน่ากลัวจนตัวสั่นขึ้นมา“ทำไมเจ้าต้องเกิดมาเป็นผู้หญิง! ทำไมไม่เกิดมาเป็นลูกชายให้ข้า!” นางหยิกหมับเข้าที่แขนของเด็กน้อย เด็กหญิงอ้าปากจะร้องไห้แต่ก็กลัวเกินกว่าจะร้องไห้ได้ นางสะบัดขาไม่แรงนัก แต่ด้วยความกลัวทำให้เด็กน้อยผละออกอย่างรวดเร็ว ได้แต่ยืนมองมารดากระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจก่อนจะปรับสีหน้าแล้วเดินจากไปวันถัดมามู่หยางซัวกลับถึงบ้านในช่วงสายของวัน อดประหลาดใจไม่ได้ที่เห็นรถม้าอยู่หน้าบ้าน หรือจะมีใครเจ็บป่วยมารอรับมู่ฟางเหนียง แต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่หน้าบ้าน หัวคิ้วขมวดยุ่งด้วยความกังวล พาให้เร่งต้องก้าวเข้าไปในบ้าน ก็เห็นลูกส

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-19
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 26.นางไปแล้ว

    มู่หยางซัวลงจากรถม้า ยกมือประสานคารวะทุกคนที่ยืนรายล้อมด้วยท่าทีนอบน้อม “ท่านทั้งหลาย เราสองพ่อลูกเป็นเพียงหมอรักษาผู้คนยากจน พวกเราไม่มีทรัพย์สมบัติใด บนรถก็มีเพียงสมุนไพรกับอาหาร หากพวกท่านต้องการ ข้าก็จะแบ่งปันให้ อย่างไรก็โปรดหลีกทางให้พวกเราสองพ่อลูกเถิด” “เฮอะ! ข้าไม่ได้ต้องการอาหารหรือสมุนไพรบ้าบออะไรของพวกเจ้า พวกเราต้องการชีวิตของพวกเจ้าต่างหาก” “อะไรนะ! พวกท่านจำผิดหรือเปล่า เราสองพ่อลูกมิเคยล่วงเกินผู้ใด” มู่ฟางเหนียงผวาเฮือก แต่ถูกบิดาปรามด้วยสายตา ในแววตาคล้ายสั่งไม่ให้นางลงมาจากรถม้า “อโหสิให้พวกข้าเถิด ข้าแค่รับงานมาเท่านั้น!” ดาบเล่มโตฟาดลงมาทางมู่หยางซัว สองพ่อลูกไม่มีวรยุทธ์ ไม่ต้องถามเรื่องการต่อสู้ใดๆ นอกจากรักษาคนแล้วไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน บิดาเห็นมีดที่กำลังฟาดลงมาก็กระโดดหลบกลิ้งหลุนๆ คลุกฝุ่น มู่ฟางเหนียงจะลงไปช่วยบิดา แต่ม้าตกใจกระโดดยกเท้าหน้าขึ้น เล่นเอาหญิงสาวเกือบตกลงมา ด้วยสัญชาตญาณนางจับบังเหียนแน่น ม้าเตลิดออกวิ่งไปข้างหน้าทันที! “ท่านพ่อ!” “ไม่ต้องห่วงพ่อ ร

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-22
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 27. อิงฮวา

    “ไม่มีใครรู้ ท่านหมอมู่ได้ฉายาหมอเทวดาไร้เงา ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ชาวบ้านก็แสนอาลัยที่คนยากจนอย่างพวกเราไร้ที่พึ่ง นี่ได้ยินว่าท่านเศรษฐีกู่ยกบ้านหลังนี้ให้ แต่ท่านหมอกับบุตรสาวก็ไม่รับไว้ เสียดายจริงๆ”จ้าวจิ่นสือเพียงพยักหน้ารับแล้วเดินจากมา หัวใจคล้ายมีมือมาบีบเค้นจนเจ็บปวด ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ เขาอดคิดถึงใบหน้าของมู่ฟางเหนียงไม่ได้ ยามนางถลึงตาโต้เถียงหรือแม้กระทั่งแววตาที่สะกดความเจ็บปวดไว้เมื่อไม่พบคน เขาจึงขี่ม้ากลับอย่างเลื่อนลอย ไม่ได้เร่งรีบเหมือนตอนมา เขาไม่มีเวลาให้คิดถึงนางมากนักเพราะต้องเตรียมตัวเดินทางไกล การเดินทางไปเผ่าเอ้อหลุนชุนด้วยม้าใช้เวลากว่าเจ็ดวัน เขาอยู่รอส่งท่านแม่กับเคอหลิ่งหลินเดินทางไปเมืองหลวงก่อน จากนั้นตัวเองก็ออกเดินทางสู่เผ่าเอ้อหลุนชุน แม้จะพูดว่าเป็นการเดินทางแบบส่วนตัวเพื่อเยี่ยมเยือนคารวะหัวหน้าเผ่า ทว่าระหว่างเดินทาง จ้าวจิ่นสือก็ต้องคอยจดจำเส้นทางให้แม่นยำ อาจเพราะเดินทางเพียงลำพังเขาจึงใช้เวลาเร็วกว่าที่คิด เมื่อพ้นแนวภูเขาสูงก็เห็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง แต่กระนั้นก็ยังมีหอสูงเพื่อใช้สังเกตการณ์ เมื่อควบม้าเข้าไปใกล้ ทหารกลุ่มหนึ่งก็ตะโกนถาม เ

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-22
  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 28. ข้าทำให้ท่านลำบากหรือไม่

    กว่าจินปู๋จะพูดจบประโยค ผู้คนที่ยืนรายล้อมก็ถึงกับถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ จ้าวจิ่นสือขมวดคิ้ว ชายผู้นี้ลักษณะน่ากลัวดุจยักษ์ ทว่าพูดจาติดอ่าง ซ้ำยังมีแววตาราวกับเด็กน้อยวัยสิบขวบ“เจ้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากกองคาราวานไม่ใช่เหรอ” โจวฟู่หรงถามแบบไม่ต้องการคำตอบ แต่รู้ว่าอีกฝ่ายอ้าปากจะตอบ ก็ยกมือห้ามไว้ก่อน “หนังหมาป่าเป็นของมีค่า น้าลู่อู๋แม่ของเจ้าต้องใช้เงินซื้อยารักษาตัว เจ้าเก็บไว้เถิด ถ้าแม่เจ้าถามก็บอกว่าข้ารับด้วยใจก็พอ เอาตามนี้แหละ เจ้าเอาออกไปได้แล้ว”เพราะรู้ว่าถ้าจินปู๋พูดอะไรกว่าจะจบประโยคกินเวลานานเพียงใด จึงรีบตัดบทและโบกมือไล่ จินปู๋เห็นเป็นคำสั่งของหัวหน้าเผ่าจึงก้มลงแบกหมาป่าขึ้นบ่า เดินออกไปหน้าตาเฉยราวกับแบกกระสอบนุ่นก็ไม่ปาน“เอาละ เจ้าเพิ่งมาถึง พักผ่อนให้สบาย หากต้องการอะไรเรียกเด็กๆ ได้ ข้าจะให้คนนำทางเจ้าไปที่เรือนพักรับรอง”จ้าวจิ่นสือพยักหน้ารับ แล้วเดินไปทางที่พ่อบ้านนำทาง แต่ก็อดเหลียวมองคนตัวใหญ่ที่ถูกเรียกว่าจินปู๋ไม่ได้จินปู๋เป็นยักษ์ใหญ่ใจดีสำหรับคนในหมู่บ้าน เขารูปร่างสูงหนาตัวใหญ่ พละกำลังมหาศาลแต่สติปัญญาคล้ายเด็กวัยสิบขวบ จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นเขาวิ่งเล่น

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-22

Bab terbaru

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  136.  จบ

    องค์ชายไท่หยางมักมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าซีดเซียวเสมอ ซึ่งมองเพียงผิวเผินจะเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าและร่างกายอ่อนแอนี้กุมความลับที่ใช้ต่อรองกับเขาได้ดียิ่งนัก เขาเองก็ได้สัญญาการซื้อขายกับทางการหลายรายการเพราะการแนะนำของคุณชายเฉิน“แล้วนี่คุณชายเฉิน อ้อ! ไม่สิ! องค์ชายไท่หยางนึกสนุกอย่างไรถึงอยากได้หน้ากากอสูรที่ดูน่ากลัวเช่นนี้”“ก็คงไม่ต่างจากเจ้าที่เบื้องหน้าเป็นคุณชายเจ้าสำราญเช่นกัน”“พระองค์กล่าวเช่นนี้ เห็นทีว่ากระหม่อมคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้วกระมัง” เหวินเฮ่าหลันกลับรู้สึกพอใจกับท่าทางเปิดเผยขององค์ชายไท่หยาง“ร่างกายของข้าไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงมีเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อน... แต่การเคลื่อนไหวในฐานะขององค์ชายไท่หยางทำได้ลำบากนัก จึงอยากจะรบกวนเจ้าหาช่างดีๆ ทำหน้ากากอสูรนี่ให้ข้า”“พระองค์จะเอาไว้ใช้เอง?”เหวินเฮ่าหลันได้คำตอบเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก หลังจากนั้นเขาหาช่างที่ไว้ใจได้สั่งทำหน้ากากอสูร แต่ไม่รู้สิ่งใดดลใจเขาให้ช่างทำสองอัน เมื่อส่งมอบหน้ากากอสูรนั่นให้องค์ชายไท่หยาง ไม่นานนักก็ได้ยินข่าวว่ามีบุรุษลึกลับภายใต้หน้ากากอสูรออกอาละวาดเล่น

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  135.  บุปผาพยศรัก

    ปีศาจน้อย! จ้าวจิ่นสือขบกรามแน่น นางเรียนรู้ที่จะหยอกล้อเขาเช่นเดียวกับที่เขาทำกับนาง เขาไม่อาจทานทนไฟปรารถนาที่เผาไหม้อยู่นี้ได้อีก ขยับร่างกายรวดเร็วรุนแรงและลึกล้ำ เป็นนางที่พาเขาให้เตลิดโบยบินไปในค่ำคืนวิวาห์ที่อุ่นร้อน ราวกับวิหคคู่ที่โบยบินในเวิ้งฟ้า หยอกล้อราวกับทั้งโลกมีเพียงแค่เขากับนางเท่านั้น ร่างสองร่างสอดประสานแทบเป็นหนึ่งเดียว ชายหนุ่มส่งเสียงคำราม ในขณะที่หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างสุขสม แล้วเขาจึงผ่อนร่างนางลงนอนกอดอย่างรักใคร่นางปิดเปลือกตาหอบใจแรงแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจตัวเองจนเกือบจะเป็นปกติจ้าวจิ่นสือมองหญิงคนในรักในวงแขน ยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมของนางให้พ้นใบหน้า หนึ่งชีวิตได้พานพบผู้คนมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นเจ้าของเสียงในหัวใจ เขาก้มหน้าสูดกลิ่นหอมของนางให้กลิ่นกายของนางไหลเวียนในตัวเขา นางคือหญิงสาวของเขาแต่เพียงผู้เดียว“ฟางเหนียง ข้ารักเจ้า”ผ่านเรื่องราวมากมายฟันฝ่ามาด้วยกันจนมีวันนี้ แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นางคิดถึงกลองป๋องแป๋งอันนั้น นางจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ลูกๆ ได้ดู ของขวัญล้ำค่าที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนให้ได้มาใกล้ชิดกั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  134.  บทส่งท้าย2. 

    “ท่าน...” นางถูกดวงตาร้อนแรงของเขาจ้องมองจนลืมคำพูดตัวเองไปเสียสิ้น “อืม”เขาจ้องมองนาง ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายที่ได้มองใบหน้านี้เลยสักคราเดียว คิดไม่ออกเลยว่าหากไม่มีนางเคียงข้างแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเก็บเป็นความลับไว้ให้ลึกที่สุด ไม่เช่นนั้นนางจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป รู้ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจำนนยอมแพ้พ่ายต่อสายตาคู่นี้ของนาง “ข้า... ข้าต้องปรนนิบัติท่าน... พี่” คืนนี้นางเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องแล้ว ควรทำหน้าที่ของตนเองถึงจะถูก แต่มือเล็กก็สั่นเทา ยื่นไปหมายจะช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อาการเงอะงะของนางเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้นางฉุนกึกขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึงตาใส่อย่างดุดัน “ใช่สิ! ข้าทำไม่เก่งนี้ เรื่องแบบนี้ข้าคุ้นเคยเสียเมื่อไหร่ล่ะ” นางหงุดหงิดโมโห อารมณ์นางช่วงนี้ขึ้นๆ ลงๆ แปรปรวนชอบกล “ไม่เป็นไร น้องหญิงอยากทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถิด” เขากลั้นหัวเราะแต่กลายเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มแทน ปล่อยให้มือเล็กช่วยถอดเสื้อตัวนอก พอนางลุกขึ้นจะเอาเสื้อของเขาไปแขวน ตัวเองก็เสียหลักเพราะนั่งตัวเกร็งอยู่ตั้งนา

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   133.  บทส่งท้าย 1.

    หญิงสาวนั่งก้มหน้า มองปลายเท้าที่สวมรองเท้าสีแดงสดสวยปักรูปหงส์อย่างงดงามประณีต เสียงครื้นเครงด้านนอกไม่ได้ช่วยให้นางลดอาการตื่นเต้นลงได้เลย ยามมองผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงสดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องหอราวกับถูกย้อมด้วยสีแดง นางจึงหลุบตาลงก้มมองปลายเท้าของตนแทน เพียงหนึ่งเดือนหลังเสร็จภารกิจลับของจ้าวจิ่นสือ ด้วยความช่วยเหลือขององค์ชายไท่หยาง ทำให้ทั้งสองได้รับราชโองการพระราชทานสมรส แม้มู่ฟางเหนียงจะเป็นเพียงหญิงสาวสามัญชน แต่ด้วยความรักใคร่ที่รองแม่ทัพจ้าวจิ่นสือมีให้นางนั้นเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว นางทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ดีใจที่ฮูหยินอี้ซิ่วรักและเอ็นดูนางราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ ท่านพ่อของนางก็พลอยวางใจว่านางจะอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าวได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอันใด “เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปนี้ทำอะไรก็เชื่อฟังพ่อแม่สามีของเจ้าให้ดี” “ท่านพ่อ” นางกลั้นน้ำตา คราวนี้ได้แยกกันอยู่แล้วจริงๆ ท่านพ่อของนางมีใจรักใคร่น้าเสี่ยวหลิว เสร็จงานแต่งงานของนางแล้วก็จะกลับไปเมืองหลวง ช่วยน้าเสี่ยวหลิวดูแลโรงเตี๊ยมหมื่นบุปผาและรักษาคนเจ็บป่วยเช่นเคย ส่วนนางเองก็ได้รั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 132. ไม่อยากเชื่อ

    “ท่าน... ระ.. รักข้า..” นางแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ อาศัยจังหวะที่นางไม่เป็นตัวของตัวเองลอกคราบเสื้อผ้าออกเหลือเพียงเอี๊ยมปิดบังทรวงอกที่สะท้อนหอบหายใจแรงกับกางเกงชั้นในตัวน้อย มือกร้านลูบไล้เรียวขาของนาง ไอร้อนจากกายของเขาทำให้นางแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะเปลือยเปล่าอยู่แล้ว“ข้า... เข้าใจว่า... ท่าน ระ รัก พี่หลิ่งหลิน” นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดออกไปเขาผงกศีรษะรับแล้วกลับยิ้มให้นาง “ก่อนนั้นข้าคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเจอเจ้า ข้าก็รู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร”หัวใจของนางแทบหยุดเต้นไป แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่นอยู่ “แต่ท่านเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ท่านจะรับข้าไว้ในฐานะใดเล่า”“ข้าย่อมให้เจ้าเป็นภรรยา” มือใหญ่เลื่อนขึ้นจากต้นขาด้านในสู่กลีบบุปผาอ่อนบาง “ข้าจ้าวจิ่นสือจะมีภรรยาเพียงผู้เดียวก็คือเจ้า”“ท่านจะไม่มีหญิงอื่นอีกหรือ?” นางกะพริบตามองหน้าเขา ค้นหาความจริงใจในทุกถ้อยคำ “ข้าไม่ได้หวังตำแหน่งใด ข้าเพียงไม่อาจแบ่งสามีกับผู้อื่นได้”“เจ้าทำให้ข้ารักเจ้าจนไม่มีที่ว่างให้ผู้อื่นแล้ว” แตะกลีบดอกไม้เบาๆ แล้วกระซิบเสียงพร่า แท่งศิลาใต้ตักของนางเริ่มร้อนระอุ“อย

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 131. อย่ามายุ่งกับข้า 

    “นึกแล้วเชียว” นางพึมพำ ไม่รอถามอะไรเขาทั้งนั้น ขยับเสื้อของเขาออกกว้างเพื่อจะได้จัดการล้างแผลและใส่ยาให้ใหม่ ขณะนั้นเอง เสียงเรียกชื่อนางอย่างเกรงใจก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา เสี่ยวเอ้อที่รอพานางไปส่งที่พักก็ต้องตกใจเพราะเห็นมู่ฟางเหนียงกำลังเปลื้องผ้าชายหนุ่มอยู่ แต่เขามองไม่เห็นบาดแผลจึงคิดไปเองว่าทั้งสองกำลัง...“ข้าจะรอข้างนอก แม่นางมู่เสร็จธุระแล้วโปรดเรียก”นางเพียงหันไปพยักหน้ารับ เพราะใจจดจ่อกับบาดแผล พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นสายตาของเขาก้มมองนางอยู่ก่อนแล้วผู้หญิงคนนี้ วุ่นวายกับเขานัก! จ้าวจิ่นสือได้แต่บ่นในใจ แต่ก็ยอมให้นางแกะผ้าพันแผลและทำความสะอาดที่บริเวณชายโครงซ้ายของเขา“โรคทางใจรักษายากนัก” นางรำพึง“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” เขาแค่นเสียงในลำคอ รินสุราใส่จอกให้ตนเอง แต่นางกลับยื่นมือไปคว้าแย่งไว้“ระหว่างที่รักษาแผลนี้อยู่ งดดื่มสุราทุกชนิด” นางถลึงตาสั่งเขา “ข้ารักษาให้ท่านได้เพียงบาดแผลภายนอก แต่ในใจที่เจ็บปวดของท่านนั้น ท่านคงต้องใช้เวลาเยียวยารักษาเอง”“ข้าจะดื่ม” เขาท้าทายนาง“ถือว่าข้าเตือนแล้ว ท่านอยากให้แผลเน่าอยู่ภายในก็ตามใจท่านเถิด” นางปิดบาดแผลให้เขาเรียบร้อย “ท่าน

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  130. น้อยใจ

    “เจ้าจะรีบไปไหนกัน!” “ข้าหายดีแล้ว จะไปหาฟางเหนียง” เขาควรรีบไปอธิบายกับนาง เมื่อวานส่งจดหมายแจ้งให้ท่านพ่อทราบเรื่องภารกิจลับเรียบร้อยแล้ว และจะเดินทางกลับพร้อมรับมู่ฟางเหนียงไปด้วยเลย โธ่! ยังมิทันไรก็เป็นพวก ‘เกรงใจภรรยา’ เสียแล้ว เหวินเฮ่าหลันได้แต่คลี่พัดโบกไปมา ปกปิดสีหน้าระอาใจ เป็นบุรุษองอาจ ไฉนต้องมาพะวักพะวนกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้ “เจ้ารออยู่นี่แหละ เดี๋ยวนางก็มาแล้ว” “เฮ่ย!” “เจ้าจะร้องอะไร” เหวินเฮ่าหลันเห็นอาการของสหายแล้วก็ได้แต่โคลงศีรษะไปมา ได้ยินมาจากเคอหลิ่งหลินว่าจ้าวจิ่นสือบาดเจ็บแต่ไม่ให้เรียกมู่ฟางเหนียงมาทำแผลเพราะเกรงใจที่เป็นเวลาพักผ่อนของนางแล้ว อย่างไรนางก็จะเป็นภรรยาอยู่แล้ว หน้าที่ภรรยาดูแลสามีก็ถูกแล้ว จะค่ำหรือสว่างจะเป็นไรไป เดือดร้อนต้องไปตามหมอผู้อื่นมารักษาให้ แม้จะไม่ใช่บาดแผลสาหัสก็เถอะ “ข้ายังไม่ได้อธิบายกับนาง นางมาเจอข้าแบบนี้...” “เจ้านี่! เป็นถึงรองแม่ทัพ! อย่ามาทำตัวกลัวเมียให้เสียชื่อหน่อยเลย!” เหวินเฮ่าหลันกดเสียงต่ำ เรื่องแบบนี้พ

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 129. อย่าได้แบกความโกรธแค้นไว้เลย

    เคอหลิ่งหลินก็เห็นหญิงสาวในชุดแดงหน้าตาซีดเซียว นางมาไม่ทันจึงไม่รู้ว่าหญิงนางนี้มีเรื่องแค้นใดกับจ้าวจิ่นสือ แต่ด้วยความสงสารในท่าทีสับสนและดูเคว้งคว้างของนางจึงเดินเข้าไปใกล้ หมายจะปลอบประโลมให้สงบใจ“แม่นาง อย่างไรแล้วค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันเถิด เจ้ามีบาดแผล ให้ข้าดูหน่อยจะเป็นไร” เคอหลิ่งหลินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ทำให้ร่างของหญิงสาวในชุดแดงแข็งทื่อ กวาดตาจ้องมองคนทั้งหมด คนพวกนี้พูดคุยเหมือนเป็นญาติพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน แต่นางนั้นเล่า ไร้ผู้ใดไม่มีใครอีกแล้ว ความเศร้าหมองและหดหู่กัดกินจิตใจ มือบางกำด้ามกริชแน่นขึ้น หมายมั่นจะเอาชีวิตของจ้าวจิ่นสือให้ได้ นางพุ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดหวาดกลัวและไม่สนใจว่านางอาจถูกฝ่ามือซัดกลับจนถึงแก่ชีวิตช่างปะไร นางจะได้ไม่ต้องเดียวดายอีกแล้ว“จิ่นสือ!” เป็นเสียงเคอหลิ่งหลินที่หวีดร้องอย่างตกใจ น้องชายนางกลับไม่หลบยืนนิ่งปล่อยให้หญิงนางนั้นแทงกริชเข้าชายโครงด้านซ้ายของเขา เพราะคิดว่าจ้าวจิ่นสือจะหลบหลีกหรือตอบโต้ได้ จึงไม่มีใครขวางหรือเข้าไปช่วย ทุกคนจึงตื่นตะลึง แม้แต่หญิงผู้นั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ“เจ้า! ไยไม่หลบข้า!” หญิงสาวในชุดแดงปล

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 128. ไม่ลดความพยายาม

    แต่กระนั้นอีกฝ่ายกลับไม่ลดความพยายาม เตรียมพุ่งกริชเล่มเดิมนั้นใส่จ้าวจิ่นสืออีก นั่นหมายความว่าเขาคือคนที่นางต้องการชีวิต ร่างบางง้างมือขึ้นแต่ยังไม่ทันไร แสงวาบหนึ่งก็พุ่งผ่านเฉียดมือนางไปเล็กน้อย แต่ก็กรีดผิวเรียกเลือดสีเข้มกระเซ็นออกมา หญิงสาวหวีดร้องอย่างตกใจแต่ไม่ยอมทิ้งกริชเพียงแค่ยกมือกุมบาดแผลแล้วมองมีดสั้นที่ปักบนผนังห้องก่อนจะตวัดสายตามองไปทางหน้าต่าง ผู้มาใหม่กระโจนเข้ามา ใบหน้ามีหน้ากากอสูรปกปิดครึ่งหน้าด้านบน แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นนาง คราวนี้จ้าวจิ่นสือจับกระบี่ขึ้นมา แต่หัตถ์เทวะกลับยกมือโบกไปมาคล้ายไม่ได้สนใจเขาสักเท่าไหร่ แล้วเดินวนเวียนรอบกายหญิงสาว ดวงตาคู่งามนั้นไร้แววหวาดกลัวแต่กลับวาวโรจน์ดุจแมวป่า ‘ช่างน่าสนใจนัก!’ “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” เป็นจ้าวจิ่นสือที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน เห็นชัดว่าชายผู้นั้นไม่ได้รู้จักหญิงสาวในชุดสีแดง “เป็นข้าควรถามเจ้ามากกว่า” หัตถ์เทวะหันมาทางจ้าวจิ่นสือ “ข้านึกว่าเรามีเรื่องสนทนากันตามลำพัง” “เจ้าไม่ได้ส่งนางผู้นี้มาทำร้ายข้าหรอกหรือ” ฝีมืออย่างนาง... จ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status