Home / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่100 เตรียมความพร้อม

Share

บทที่100 เตรียมความพร้อม

ทางฝั่งของเฟยหลงที่ได้ยินหนิงอ้ายตอบกลับมาคล้ายกับว่าอีกฝ่ายกำลังแง่งอนเสียอย่างนั้นในความรู้สึกที่สัมผัสได้ ชายหนุ่มจึงรู้สึกหมั่นเขี้ยวเด็กหนุ่มไปไม่น้อย ร่างกายสูงใหญ่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของบุรุษเพศอันมากล้นได้ค่อย ๆ ก้าวเท้ามุ่งเดินตรงมาพร้อมกับเอ่ยหยอกล้อร่างบางกลับไป

"เพียงไม่กี่วันที่ไม่พบเจอกัน ไม่คิดว่าเสี่ยวอ้ายจะคิดถึงข้าเช่นนี้?" เฟยหลงเอ่ยขึ้นพร้อมกับนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ไม่ห่าง

"ใครคิดถึงท่านกัน หึ!! ช่างหน้าหนาเสียจริง..." หนิงอ้ายตอบกลับอีกฝ่ายไปอย่างหงุดหงิด ยิ่งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าได้เผยรอยยิ้มกว้างออกมา ช่างเป็นบุรุษที่มีความสามารถในการยั่วโมโหยิ่ง

"เป็นข้าที่เข้าใจผิดเอง..." เป็นเฟยหลงที่ยอมแพ้ไปก่อนในท้ายที่สุด

"ท่านมีสิ่งใดก็กล่าวออกมาได้แล้ว หวังว่าจะสำคัญมากพอเเล้วกัน..." หนิงอ้ายที่ได้ยินเสียงคล้ายกับสำนึกผิดของชายหนุ่ม จึงมองหน้าเพื่อพูดคุยกับอีกฝ่าย ด้วยเพราะเขาก็ต้องการทราบเช่นกันว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้างในช่วงนี้

เป็นเวลาเกือบสองชั่วยามที่หนิงอ้ายกับเฟยหลงได้นั่งพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ต่างไปจากที่เด็กหนุ่มคาดการณ์เอาไว้ไปสักเท่าไหร่นัก อย่างเเรกอาการของศิษย์ในสำนักสองคนนั้นยังคงไม่ฟื้นสติ แม้ว่าท่านอาจารย์ของเขาจะปรุงยาเเก้พิษและพยายามช่วยเหลืออย่างสุดกำลังเเล้วก็ตาม ตัวของเฟยหลงเองก็พึ่งกลับมาจากเดินทางเพราะต้องไปสืบค้นหาเบาะเเสเเต่ก็เหมือนกับว่าช้าไปกว่าอีกฝ่ายเพียงหนึ่งก้าว

ตอนนี้จำนวนของศิษย์ชายหญิงรุ่นเยาว์ที่ได้หายตัวไปอย่างลึกลับด้วยจำนวนที่มากขึ้นจนผิดสังเกต อีกสามวันหลังจากนี้จะมีการประชุมกันระหว่างห้าสำนักศึกษาใหญ่ประจำมหาทวีปบูรพาแห่งนี้รวมไปถึงสำนักศึกษาน้อยใหญ่ต่าง ๆ เพื่อหาทางรับมือและป้องกันหลัง

ด้วยเพราะการบ่มเพาะศิษย์เเต่ละคนทุกคนต่างล้วนตระหนักกันดีว่าย่อมให้ทรัพยากรที่ล้ำค่าเป็นจำนวนมาก แม้ในตอนนี้จำนวนของศิษย์ชายหญิงรุ่นเยาว์ที่ได้หายตัวไปจะยังมีไม่มาก เเต่ถึงอย่างไรก็สมควรที่จะป้องกันการสูญเสียศิษย์เหล่านี้ให้น้อยจะเป็นการดีที่สุด

เรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ฟังมาตั้งเเต่ต้นยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นแน่ แล้วยิ่งในระยะหลังที่มีจำนวนของศิษย์รุ่นเยาว์ชายหญิงที่หายตัวไปมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเกิดขึ้นในทุกสำนักในมหาทวีปบูรพาเเห่งนี้คล้ายกับว่าไม่ได้สนใจอิทธิพลความยิ่งใหญ่ของสำนักศึกษาเหล่านี้สักนิด

แม้เรื่องราวจะยังเป็นที่รับรู้ในกลุ่มคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็จริง เเต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันว่าเรื่องราวสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นที่รับรู้อย่างใหญ่โตในภายหลังหลังจากนี้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายที่เป็นต้นเหตุในความวุ่นวายดังกล่าวมีเเผนการใดซ่อนเร้นหรือไม่ เเต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือผู้ที่หนุนหลัง ผู้ที่คอยปกปิดเรื่องราวในการกระทำเหล่านี้ย่อมไม่ธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน

"เรื่องราวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเจ้าสำนักศึกษาเเต่ละคนได้มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้วบางส่วน หลังจากการประชุมหารือในอีกสามวันข้างหน้าอย่างน้อยคงมีความเห็นลงมติจัดการที่สามารถรับมือได้ในสถานการณ์หลังจากนี้..." เฟยหลงบอกกับหนิงอ้ายให้คลายกังวลใจ

"ท่านเจ้าสำนักเจียงเฉิงว่าอย่างไรบ้าง?" หนิงอ้ายถามไปด้วยความสงสัย

"เขาบอกเเต่เพียงว่าระยะนี้ได้เพิ่มเวรยามสังเกตการณ์ที่มากขึ้น เสริมความเเข็งแกร่งของค่ายกลป้องกันโดยรอบสำนักศึกษาไปบ้างเเล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นเจ้าตำหนักทั้งสามและผู้อาวุโสที่นั่งประจำการอยู่ต่างสอดส่องดูเเลศิษย์ชายหญิงในสังกัดของตนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน..." เฟยหลงตอบกลับไป

หนิงอ้ายพยักหน้ารับรู้ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะคิดว่านี่เป็นเพียงการเเก้ไขเพียงปลายเหตุเท่านั้น ถึงจะดูว่าในตอนนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจะมีเพียงเล็กน้อย เเต่หากว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายเหล่านี้เป็นเผ่ามารตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้จริง โลกยุทธภพเเห่งนี้ที่ประกอบไปด้วยสี่มหาสมุทร หกมหาทวีป แปดเขตดินแดนล้วนย่อมได้รับผลกระทบที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ไปตามกันทั้งสิ้น

เสียงพูดคุยกันของทั้งสองคนยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในเรือนพักหลังนี้ แน่นอนว่าด้วยอาณุภาพของค่ายกลป้องกันที่ทางตำหนักได้วางสลักไว้โดยรอบ รวมถึงก่อนหน้าหนิงอ้ายและเฟยหลงเองได้เสริมความเเข็งแกร่งของม่านปราการนี้ ทำให้เวรยามภายนอกที่คอยตรวจตรารักษาการอยู่ในเขตพื้นที่ของตำหนักแห่งนี้เห็นเป็นเพียงเรือนหลังหนึ่งที่แวดล้อมไปด้วยป่าไผ่ที่พริ้วไหวไปตามเเรงลมชวนให้สงบใจ เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งอย่างปกติไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจึงเดินเเยกย้ายไปในส่วนอื่นจากนี้

ทางฝั่งของเฟยหลงเองที่เห็นว่าสมควรแก่เวลาพักผ่อนของหนิงอ้ายเเล้ว ชายหนุ่มจึงพูดคุยกับเด็กหนุ่มอีกเล็กน้อยก่อนที่จะหายตัวไปในเงามืดอีกเช่นเคย หนิงอ้ายที่คล้ายกับจะคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้จึงได้เเต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงที่มีต้าเฮยนอนหลับด้วยท่าทางที่น่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก

ช่วงหลังมานี้หนิงอ้ายสังเกตุว่าอีกฝ่ายมีการหายใจที่น้อยลงคล้ายกับกำลังเข้าสู่สภาวะจำศีลเเต่เมื่อตรวจดูเเล้วเนตรแห่งสวรรค์ได้บอกว่าไม่เป็นอันตรายเเต่อย่างใดเพราะนี่เป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนของการเลื่อนระดับเท่านั้น หนิงอ้ายจึงไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากนัก เมื่อจัดท่าทางตัวเองเรียบร้อยเเล้วหนิงอ้ายจึงหลับไปในทันทีโดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าดวงตาอสรพิษสีเเดงฉานมองไปยังใบหน้าของเขาด้วยแววตาอย่างไร...

วันคืนได้หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปด้วยความรวดเร็วตลอดระยะเวลาในหลายเดือนมานี้ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นไม่น้อย ตอนนี้ข่าวคราวการหายตัวไปของผู้ฝึกตนนั้นมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจซึ่งได้สร้างความหวาดระแวงในหมู่ของผู้ฝึกตนเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้นการล่มสลายของตระกูลเก่าแก่ประจำแคว้นหรือตระกูลอิทธิพลน้อยใหญ่ที่ว่ากันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คล้ายกับต้องการทำลายความเชื่อมั่นและสร้างผลกระทบในหลากหลายด้านรวมไปถึงการถ่วงดุลของอำนาจปกครองล้วนสั่นสะเทือนไปทั้งสิ้น

พึงทราบว่าตระกูลใหญ่ประจำแคว้นหรือกลุ่มอิทธิพลที่ขึ้นชื่อต่าง ๆ แม้ว่าเบื้องหน้าพวกเขานั้นคล้ายกับว่าต่างนับถือกันดั่งเช่นพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกัน แต่ความจริงเเล้วภายในใจล้วนต่างต้องการเป็นที่หนึ่งที่ได้รับการยอมรับนับถือ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์สูญเสียเหล่านี้จึงคล้ายกับว่าได้จุดติดกับระเบิดเวลาที่รอคอยปะทุในสักวัน

หนิงอ้ายยังคงฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ หลังจากตื่นนอนเด็กหนุ่มจะใช้เวลาหนึ่งชั่วยามไปกับการฝึกฝนเชิงยุทธ์และเคล็ดวิชากระบี่สลับไปกับการฝึกฝนปรุงโอสถที่ในตอนนี้ถือว่ามีความเชี่ยวชาญในการหลอมสร้างปรุงโอสถระดับสามได้มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

แม้ว่าจะสามารถปรุงออกมาได้ด้วยความบริสุทธิ์อย่างน้อยแปดส่วนก็จริง เเต่ถึงอย่างไรเขายังไม่ถือว่าเป็นนักปรุงโอสถระดับสามที่เเท้จริงตราบใดที่ยังไม่ได้เข้ารับการทดสอบเลื่อนระดับ

นอกจากนั้นเเล้วหนิงอ้ายยังคงแวะเวียนไปหาสหายของตนที่สังกัดอยู่ในเเต่ละตำหนัก

ด้วยฐานะศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาดังนั้นเขาจึงได้รับอนุญาติให้เข้าพื้นที่ของตำหนักอื่นได้ เพียงเเต่ต้องมีการลงชื่อกำกับทุกครั้งและมีกำหนดเวลาเพียงครั้งละหนึ่งชั่วยาม จึงทำให้หนิงอ้ายได้รับรู้ความเป็นไปของลู่ซีรวมไปถึงสหายคนอื่นของตนทั้งสิ้น

ไม่คาดคิดว่าในตอนนี้พวกเขาทั้งเจ็ดคนต่างเลื่อนระดับเป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะวิญญาณอย่างเต็มภาคภูมิเเล้ว ฟังว่าสหายของเขาเเต่ละคนนั้นต่างได้รับความเมตตาจากผู้อาวุโสผู้เป็นอาจารย์ในการสั่งสอนเคล็ดวิชาต่าง ๆ รวมไปถึงบรรดาทรัพยากรล้ำค่าพิศดารสำหรับการฝึกฝนบ่มเพาะที่จำเป็นต่างถูกส่งต่อมอบให้อย่างไม่เสียดาย

นอกจากนั้นแล้วความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเเต่ละตำหนักที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงยิ่งส่งเสริมให้บรรดาสหายของเขาทุกคนต่างถือได้ว่าเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์แถวหน้าในบรรดาศิษย์สายนอกได้ยากไม่ยากเย็นสักเท่าไหร่นัก

ทุกคนได้รับรู้ว่าหนิงอ้ายมีกำหนดการณ์ในการทำภารกิจตามกฎของตำหนักที่ต้องออกเดินทางไปจากสำนักศึกษาในอีกไม่นานนี้ ทุกคนต่างเป็นห่วงเด็กหนุ่มกันทั้งสิ้น ความสามารถและพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มผู้เป็นสหายตัวน้อยนี้พวกเขาล้วนต่างกระจ่างแก่ใจว่ามีความสามารถมากเพียงใด

ยิ่งได้รับการถ่ายทอดภูมิความรู้โดยตรงจากปรมจารย์โอสถเหวินหวู่ ผู้มีสมญานามอีกชื่อหนึ่งว่าปรมจารย์หมื่นพิษ แน่นอนว่าหนิงอ้ายผู้เป็นศิษย์สายตรงนั้นย่อมได้รับการถ่ายทอดและได้รับการสั่งสอนในเรื่องนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เเต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็อดใจที่จะเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้เช่นกัน

ยิ่งกับลู่ซีเเล้ว แม้ว่าในใจของเขานั้นจะเป็นห่วงเด็กหนุ่มผู้เป็นดั่งน้องชายของตนเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายนอกสำนักในตอนนี้พวกเขาต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าศิษย์รุ่นเยาว์ชายหญิงเเต่ละคนที่หายตัวไปนั้นมีเเต่ศิษย์แถวหน้าทั้งสิ้น บางคนถึงกับเป็นผู้ฝึกตนที่มีความเเข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงอันโดดเด่นเป็นอย่างมาก แต่กลับพลาดท่าได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

การออกไปทำภารกิจด้วยระยะเวลาหนึ่งปีนั้นเป็นกฎของทางตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาที่ได้ยึดถือปฏิบัติ หนิงอ้ายยังรับปากไว้ว่าอีกฝ่ายจะส่งจดหมายเวทย์กลับมาในทุก ๆ เจ็ดวันเพื่อให้พวกเขาทุกคนคลายกังวลใจ ได้ยินเช่นนี้ทั้งตัวของลู่ซีเองและสหายคนอื่นจึงได้เเต่พยักหน้ายอมรับ พร้อมกับกำชับเด็กหนุ่มให้รักษาตนเองให้กลับมายังสำนักได้อย่างปลอดภัย

ก่อนหน้านี้เหล่าบรรดาศิษย์พี่เเต่ละคนของหนิงอ้ายต่างได้ทยอยออกเดินทางออกจากสำนัก ตามกฎของตำหนักที่ว่าศิษย์เก่าตั้งเเต่ปีสองเป็นต้นไปจะต้องออกพเนจรไปทั่วมหาพิภพเเห่งนี้เพื่อฝึกฝนขัดเกลาความสามารถเป็นเวลาหนึ่งปีจึงจะสามารถกลับมายังสำนัก

ด้วยระยะเพียงเท่านี้ถือว่าเพียงพอมากเเล้วสำหรับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันล้ำค่าที่สามารถสร้างชื่อเสียงแก่สำนักศึกษาได้ ทางเหวินหวู่ผู้เป็นอาจารย์ของหนิงอ้ายนั้นเห็นว่าแม้หนิงอ้ายในตอนนี้จะถือว่าเป็นศิษย์ปีหนึ่งก็จริง เเต่หากพิจารณาไปถึงความสามารถหรือพรสวรรค์ในด้านต่างๆ เเล้ว ถือได้ว่าเหนือชั้นไปมากกว่าศิษย์ปีสองในตำหนักอื่นเสียด้วยซ้ำ

แม้จะเป็นห่วงเด็กหนุ่มมากเพียงใดเเต่ชายชราก็มั่นใจว่าในระยะเวลาที่ผ่านมาตนได้ถ่ายทอดสั่งสอนอีกฝ่ายมากเพียงพอที่จะเอาตัวรอดตามกำหนดและสามารถกลับมายังสำนักได้อย่างปลอดภัย...

ณ สถานที่แห่งหนึ่งบนมหาพิภพ

ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายไปทั่วทั้งบริเวณ ลานกว้างเเห่งนี้เต็มไปด้วยรุ่นเยาว์ชายหญิงมากมายหลายช่วงอายุที่ดูแล้วน่าอดสูเป็นอย่างยิ่ง ร่างเงาดำได้ไหววูบที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความตายออกมาอย่างเข้มข้นที่พุ่งเข้าโจมตีผู้เคราะห์ร้ายอย่างไม่ทันตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ

เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานที่ดังขึ้นได้กระตุ้นสัญชาติญาณอันดิบเถื่อนให้มีความบ้าคลั่งยิ่งขึ้น เสียงหัวเราะแว่วลอยมาตามลมชวนให้ผู้ที่ได้ยินนั้นแทบเสียสตินึกคิดไปเเล้วทั้งสิ้น คล้ายกับว่าความหวังสุดท้ายในการรอดชีวิตได้ถูกทำลายลงไปอย่างไม่มีชิ้นดี

"พลังปราณอันบริสุทธิ์ของเหล่าผู้ฝึกตนเหล่านี้ช่างมีความเข้มข้นยิ่งนัก..." เสียงที่เอ่ยขึ้นด้วยความพึงพอใจหลังจากที่ได้ดูดกลืนพลังวิญญาณจากผู้ฝึกตนที่โชคร้ายคนหนึ่ง

ท่ามกลางสายตาของผู้ที่ยังมีชีวิตในตอนนี้ต่างรู้สึกสั่นสะท้านโดยพร้อมเพรียงกัน เสียงอ้อนวอนร้องชีวิตเงียบลงหลังจากที่ลมหายใจสุดท้ายของพวกเขานั้นจะถูกพรากจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน ร่างกายที่เคยสูงโปร่งในตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นร่างกายที่ซูบผอมผิวหนังเเห้งย่นติดกระดูกที่บิดงออย่างที่ไม่ควรจะเป็น

เพียงหนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น เงาร่างสีดำที่เคยวูบไหวไม่แน่ชัดในก่อนหน้าได้ปรากฎเป็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบสวมใส่ชุดสีดำที่แผ่กลิ่นอายความตายอันน่าสะอิดสะเอียนออกมาอย่างเข้มข้น รสชาติอันหวานหอมของพลังวิญญาณของผู้ฝึกตนที่ได้ลิ้มลองไปในก่อนหน้านี้ได้สร้างความสุขอันสาแก่ใจเป็นอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเพียงได้ดูดกลืนไปเพียงจำนวนครึ่งร้อยเเต่กลับฟื้นคืนพลังให้หวนคืนกลับมาได้สองส่วนเลยทีเดียว ดูท่าเเล้วหลังจากนี้คงต้องเก็บตัวและใช้เวลาอีกสักพักใหญ่จึงจะสามารถชำระหนี้แค้นที่ถูกกระทำได้

"ข้าต้องการดูดกลืนพลังวิญญาณของบรรดาสุดยอดรุ่นเยาว์ห้าอันดับเเรกจากงานประลองแคว้น ขอเพียงอายุไม่เกินสามสิบปีนั้นร่างกายของพวกมันล้วนเต็มไปด้วยพลังชีวิตบริสุทธิ์ที่จำเป็นต่อข้า จำเอาไว้!!ยิ่งพลังของข้าหวนคืนกลับมาเร็วเท่าใดสิ่งที่เจ้าปรารถนาก็จะได้เร็วเท่านั้น!!!" ใบหน้างดงามที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ร้ายอันยั่วยวนที่ค่อย ๆ ย่างกรายเข้าใกล้บุรุษที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า มือเรียวงามขาวซีดได้เชยสันกรามของอีกฝ่ายคล้ายกับว่าพึงพอใจยิ่งนัก

ทว่าอีกฝ่ายที่โดนกระทำนั้นร่างกายกำยำต่างสั่นสะท้าน ร่างกายอันงดงามตรงหน้าที่เป็นเพียงหนังมนุษย์ห่อหุ้มหลังจากที่ได้ดูดกลืนพลังวิญญาณไปหลายสิบชีวิต เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวอันเป็นที่น่าพอใจแล้วจึงได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

"ที่สำคัญเจ้าอย่าใจร้อนมากเกินไป ไม่เช่นนั้นแล้วสิ่งที่วางเเผนไว้ทั้งหมดคงสูญเปล่า อย่าได้หลงเหลือหลักฐานใดให้พวกมันตามสืบได้ จากนี้ไปอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าข้าจะไปหาเจ้าด้วยตัวเองเเล้วกัน..."

"ขอรับ..." จากนั้นร่างกายสูงใหญ่ได้ตอบรับและประสานมือคำนับกับบุคคลลึกลับในชุดดำตรงหน้า ก่อนที่ชั่วพริบตากลิ่นอายความตายที่เคยอบอวลในก่อนหน้าได้หายไปสิ้นราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่101 ข่าวลือ

    ขบวนคาราวานรถม้านับสิบคันรถได้มุ่งตรงสู่ทางสายหลัก เพื่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างแคว้นอันเป็นจุดหมายปลายทางในครั้งนี้ ทว่าเมื่อออกจากเมืองหลวงของแคว้นได้เพียงไม่กี่ชั่วยาม นายกองผู้ควบคุมรวมไปถึงบรรดาผู้คุ้มกันนับครึ่งร้อยชีวิตต่างตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดอย่างเสียไม่ได้เส้นทางรถม้าที่เคยผ่านไปกลับนับร้อย นับพันครั้ง เพื่อขนส่งสินค้าไปยังหัวเมืองตามแคว้นต่าง ๆ ใกล้เคียง ครั้งนี้กลับรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดแปลกไป หนึ่งชั่วยามให้หลังมานี้ผืนป่าในช่วงกลางวันอันเป็นช่วงเวลาแห่งการใช้ชีวิตของทุกสรรพสิ่งทว่ากลับไร้ซึ่งเสียงขับขานดังกล่าว บรรยากาศโดยรอบถูกโอบล้อมด้วยหมอกควันสีขาวลอยต่ำ ความเย็นยะเยือกที่สายลมได้พัดพากระทบให้รู้สึกนั้นชวนให้หวาดกลัวยิ่ง"พวกเจ้าทุกคนเฝ้าระวังให้ดี อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด!!!" เสียงทุ้มต่ำจากชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าขบวนคาราวานรถม้าขนส่งสินค้า ได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เพื่อเน้นย้ำว่าสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้หาใช่เรื่องปกติไม่อากาศที่ลดลงอย่างฉับพลัน พร้อมกับกลุ่มหมอกควันหนาสีขาวได้ลอยต่ำลงจนแสงสว่างใดก็ไม่อาจเล็ดลอดจากยอดไม้สูงทั้งสิ้น เสียง

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่102 ผู้ไม่ประสงค์ดี

    หนิงอ้ายในตอนนี้แม้จะถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติของผู้ฝึกตนราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นต้น ประกอบกับร่างกายนี้ได้ประสานไปกับกระดูกวิญญาณล้ำค่า ยิ่งส่งผลให้ยามออกท่าร่างเคล็ดวิชาตัวเบาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้จึงมีความรวดเร็วเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกตนระดับขั้นเดียวกันหลายเท่า เวลาที่ผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อตามกำหนด เงาร่างของเฟยหลงกลับพุ่งทะยานล้ำหน้าผ่านร่างบางไปด้วยความเร็วที่เหนือชั้นยิ่งกว่าเห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายมอบให้ เขาชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการแข่งขันครั้งนี้คุ้มค่ากับการลงแรงไปหรือไม่ ยิ่งเงื่อนไขที่ว่าผู้ชนะสามารถร้องขอสิ่งหนึ่งจากผู้แพ้แล้ว ครั้งนี้เป็นเขาเองที่ประมาทเสียท่าหลงเชื่อคำที่มากไปด้วยเล่ห์กลของอีกฝ่ายเข้าจนได้ เนตรแห่งสวรรค์ส่งข้อมูลให้รับรู้ว่าอีกฝ่ายได้ควบคุมพลังปราณให้เหลือเพียงเขตขั้นเทวะวิญญาณขั้นต้นเพียงเท่านั้น ย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดเคล็ดวิชาตัวเบาที่มีความรวดเร็วเป็นอันดับต้น ๆ ในมหาพิภพ ทว่าเคล็ดวิชาของอีกฝ่ายนั้นดูเหนือชั้นไปกว่ามาก เคล็ดวิชาก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตามรากฐานการบ่มเพาะก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เสริมให้เกิดความได้เปรียบเช่นนี้"แม้จะล

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่103 สังหาร

    กระบี่สีขาวบริสุทธิ์ในมือถูกกระชับให้มั่นคงพร้อมต้านรับกระบี่ที่โหมโรมรันเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เสียงของคมกระบี่ปะทะกันดังขึ้นไปทั่วทั้งผืนป่าที่เงียบสงบ ชายชุดดำที่หนิงอ้ายกำลังรับมืออยู่นี้เป็นถึงราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นสูงผู้หนึ่ง ถือได้ว่าเหนือชั้นกว่าเขาไปถึงสองขั้นย่อยเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรเคล็ดวิชากระบี่สักกะดารารายของหนิงอ้ายมีความเหนือชั้นกว่าเพลงกระบี่ของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก ดังนั้นความเสียเปรียบของระดับพลังวิญญาณนับว่าไม่ส่งผลสักเท่าไหร่นักการสับประยุทธ์ของเพลงกระบี่ได้ดำเนินผันผ่านเกินกว่าสองเค่อ ยิ่งเวลาผ่านไปดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มนั้นหาได้ลดลงตามไม่ ผิดกับชายชุดดำที่มีร่างกายสูงใหญ่แข็งแกร่ง ที่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าเริ่มปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว หนิงอ้ายที่แผ่ญาณสัมผัสออกไปโดยรอบจึงรับรู้ได้ทุกการเคลื่อนไหวเหล่านี้และสามารถส่งการโจมตีกลับพร้อมใช้ท่าร่างวิชาตัวเบาหลบออกมาด้านข้างเพื่อหลบหลีกการโจมตีโดยไม่พลาดพลั้ง"ไม่คิดว่าศิษย์ของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์จะมากไปด้วยฝีมือเช่นนี้ ช่างน่าชื่นชมเสียจริง..." ชายชุดดำที่รับมือกับหนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่104 ความรู้สึกผิดของเฟยหลง

    "เป็นฝีมือของผู้ใดกันที่ลักลอบกระทำต่ำช้าเช่นนี้ จงเปิดเผยตัวมาเสีย!!!" เฟยหลงคำรามสุดเสียงด้วยความโกรธก่อนจะตบเท้าขึ้นกลางอากาศ สองมือพลันลุกโหมด้วยเปลงเพลิงสีดำทมิฬก่อนจะฟาดไปยังจุดบริเวณที่หนิงอ้ายหายตัวไปเมื่อครู่ พลานุภาพแห่งเปลวเพลิงสีนิลนี้กร้าวแกร่งถึงขีดสุดด้วยพลังที่ลึกล้ำเหนือระดับราชันวิญญาณขั้นต้นกำลังสั่นสะเทือนพื้นที่โดยรอบอย่างไม่ยั้งมือเวลาเพียงไม่กี่สิบรอบลมหายใจต่อมา ห้วงมิติผันผวนตรงหน้าได้แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่ทุกสิ่งอย่างจะกลับมาสงบเงียบราวกับว่าเมื่อครู่นั้นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น สีหน้าตื่นตะลึงของเฟยหลงปรากฎขึ้นอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด แม้ว่าร่างกายหนังมนุษย์นี้จะถูกจำกัดพลังวิญญาณเพียงเขตขั้นราชันวิญญาณขั้นต้น ทว่าความแข็งแกร่งมีมากเพียงใดเขาย่อมเป็นผู้ที่รับรู้ดีที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นกล่าวได้ว่าเป็นการแหวกมิติชั้นสูงที่ไม่ธรรมดาสามัญทั่วไปอย่างแท้จริงก่อนหน้านี้ทุกการกระทำของหนิงอ้ายล้วนอยู่ในสายตาและการรับรู้ของเขาทั้งสิ้น แต่เพียงอึดใจเดียวที่ทันไม่ระวังเท่านั้น ร่างบางกลับหายลับไปโดยไร้ซึ่งร่อยรอยใดให้ติดตาม เฟยหลงรีบหันซ้ายขวามองหาอีกฝ่ายในทันทีอย่าง

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่105 โทสะของตระกูลหวัง

    ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเดินออกจากโรงเตี๊ยมด้วยความมั่นคง ชายเสื้ออาภรณ์สีเขียวขาวโดดเด่นสะอาดตาแก่ผู้พบเห็น ป้ายหยกที่แขวนห้อยอยู่ตรงข้างเอวนั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเป็นถึงนักปรุงโอสถระดับสี่ สมญานามวิญญาจารย์โอสถ แน่นอนว่าด้วยฐานะตำแหน่งนี้ไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด แม้แต่เจ้าเมืองปกครองหากต้องพบเจอยังต้องไว้หน้ามากกว่าสามส่วนเลยทีเดียวชายหนุ่มผู้นี้เป็นถึงหนึ่งในศิษย์ของปรมจารย์โอสถเหวินหวู่ นักปรุงโอสถระดับเจ็ดเพียงหนึ่งเดียวในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้ นามของชายหนุ่มนั่นคือเหยียนฮุ่ย ศิษย์ลำดับที่สามนั่นเองตั้งแต่วันที่ศิษย์ทุกคนของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาต้องออกเดินทางจากสำนักเพื่อเสาะหาประสบการณ์เป็นเวลาหนึ่งปี จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนมาแล้ว เหยียนฮุ่ยได้ตั้งต้นการเดินทางไปยังทิศตะวันตกของสำนักศึกษา ด้วยเหตุผลสำคัญคือตรงบริเวณนั้นเต็มไปด้วยเขตแนวเทือกเขาสูงอุดมด้วยสมุนไพรระดับต่าง ๆ อย่างนับไม่ถ้วนระหว่างการเดินทางนอกจากที่เขาจะช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนหรือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วนแล้ว เขาไม่ลืมที่จะฝึกตนทั้งการปรุงโอสถตามเคล็ดวิถีเฉพาะแห่งตน อี

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 106 เปิดศึกปะทะตำหนักเทพมารทมิฬ

    กองกำลังที่หวังจิ่งหลงส่งเทียบเชิญมานั้น ทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกตนที่แกร่งกล้าที่เคยมีหนี้น้ำใจต่อกันทั้งสิ้น ขุมกำลังระดับนี้กล่าวว่าเหนือชั้นกว่ากองกำลังของกลุ่มอิทธิพลทั่วไปอย่างแท้จริง สำหรับสถานที่ตั้งของสำนักเทพมารทมิฬนั้นจริงอยู่ที่พวกเขาพอรับรู้ถึงบริเวณดังกล่าว แต่ใคร่จะไปเยือนโดยง่ายก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ พึงทราบว่าทุกกลุ่มอิทธิพลในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้นล้วนมีม่านปราการป้องกันการรุกล้ำกันทั้งสิ้นผ่านไปเป็นเวลาหลายชั่วยามในการเคลื่อนทัพตามเส้นทางที่ถูกกำหนด ตรงเบื้องหน้าได้ปรากฎเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่เงียบสงบไร้ซึ่งเสียงแห่งชีวิตของทุกสรรพสิ่ง ยามราตรีกาลอันมืดมิดเช่นนี้มีเพียงแสงจากจันทราเท่านั้นที่ยังคงสาดส่องทอแสงให้พอเห็นอยู่เรือนลาง แต่ถึงอย่างไรแล้วความเงียบสงบจนน่าผิดวิสัยเช่นนี้ย่อมบ่งชี้ได้ว่าสถานที่ดังกล่าวหาใช่สถานที่ธรรมดาดั่งที่เห็น"เรียนท่านหวังจิ่งหลง ตอนนี้กองกำลังของพวกเราได้มาถึงเขตป่าชั้นนอกที่เปรียบได้ดั่งค่ายกลธรรมชาติที่คอยคุ้มครองสำนักเทพมารทมิฬแล้วขอรับ..." หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นกับนายเหนือหัวของตนด้วยความยำเกรง โทสะของท่านประมุขนั้นหาสงบลงได้โดยง่ายแล้วในยามนี้ส

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 107 ผู้ช่วยเหลือที่อยู่เบื้องหลัง

    ท่ามกลางลานต่อสู้กลางท้องฟ้า กระแสพลังปราณธรมชาตินับไม่ถ้วนกระหน่ำเข้าจู่โจมเหล่าผู้แกร่งกล้าทั้งสิบที่กำลังร่วมมือทำลายหมุดค่ายกลตรงหน้านี้อย่างไม่ลดละ อย่างไรก็ตามพวกเขาเหล่านี้ก็เป็นถึงราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นสูงย่างก้าวราชันวิญญาณขั้นต้นกันทั้งสิ้น พลังฝีมือแต่ละคนดุดันน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้ไม่ได้ทุ่มเทพลังปราณทั้งหมดก็สามารถสร้างแรงสะเทือนทำลายไปได้ไม่น้อย สิ่งนี้อาศัยแต่เพียงเวลาเท่านั้นเสาศิลาอันเป็นหมุดค่ายกลจากธรรมชาตินี้คล้ายกับปราการป้องกันอันแข็งแกร่งของทางสำนักเทพมารทมิฬคงไม่เกินจริงไปนัก แต่ถึงอย่างไรนั้นสุดยอดพลังปราณทำลายล้างที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งได้กระหน่ำลงไปยังพสุธาเบื้องล่างอย่างไม่ขาดสาย ส่งผลให้พลังปราณธรรมชาติที่คอยค้ำจุนเสาศิลาหมุดค่ายกลนี้ถูกขัดขวางไหลเวียนไม่ราบรื่น เสาศิลาบังเกิดเป็นรอยร้าวที่เริ่มถูกกะเทาะแตกขึ้นเรื่อย ๆ แล้วยามนี้"เสริมพลังปราณค้ำจุนเสาหลักหมุดค่ายกลนี้สุดกำลัง ค้ำยันม่านพลังป้องกันนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะกระทำได้!!!" ชายวัยกลางคนที่คาดว่าอาจเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสำคัญของทางสำนักเทพมารทมิฬร้องตะโกนขึ้นสิ้นเสียงคำสั่งดังกล่าว

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 108 บทสรุปศึกสะท้านฟ้า

    "ข้าคงไม่ได้ออกมาต้อนรับช้าไปใช่หรือไม่?" หมอกควันสีดำอันเป็นสัญลักษณ์ของปราณมารแผ่ซ่านพวยพุ่งออกมาเป็นแส้กระดูกนับร้อยสาย ขุมพลังที่แผ่ซ่านกำจายนี้เพียงพอทัดเทียมกับหวังจิ่งหลงได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงมันปรากฏขึ้นก็มีเสียงโหยหวนแพร่ะสะพัดดังระงมเสียงอันน่าสะพรึงกลัวนี้ล้วนมาจากเศษเสี้ยวดวงจิตสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่คล้ายกับบรรดาเหล่าทาสวิญญาณก่อนหน้าที่ถูกนำมาหลอมสร้างด้วยกลวิธีแปลกประหลาด อาณุภาพของแส้กระดูกพิศดารนี้เหนือล้ำยิ่ง ต่อให้ราชทินนามเทวะวิญญาณหลายสิบคนร่วมมือกันทำลายก็ไม่อาจสมหวังได้โดยง่าย"เทพมารแส้โลหิตกระดูกขาวคลั่ง หนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์จอมมารครั้งอดีตกาล ไม่คาดคิดว่าเบื้องหลังของสำนักต่ำทรามนี้จะเป็นท่าน!!!" หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เทพมารผู้นี้ครั้งหนึ่งถึงกับขึ้นชื่อเป็นอันดับต้น ๆ เป็นที่น่าหวั่นเกรงยิ่ง ในมหาศึกสงครามสุดท้ายระหว่างผู้ฝึกตนกับเหล่ามารครั้งนั้นฟังว่าอีกฝ่ายได้ถูกสังหารไปแล้ว ทว่าอย่างไรแล้วจากตำราบันทึกเก่าก่อนย่อมชี้ชัดได้ว่าไม่ผิดตัว มารผู้นี้ย่อมเป็นมารชั้นสูงเรืองนามผู้นั้นเป็นแน่ การปรากฏตัวของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่น

    Last Updated : 2025-03-06

Latest chapter

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status