Share

บทที่103 สังหาร

กระบี่สีขาวบริสุทธิ์ในมือถูกกระชับให้มั่นคงพร้อมต้านรับกระบี่ที่โหมโรมรันเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เสียงของคมกระบี่ปะทะกันดังขึ้นไปทั่วทั้งผืนป่าที่เงียบสงบ ชายชุดดำที่หนิงอ้ายกำลังรับมืออยู่นี้เป็นถึงราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นสูงผู้หนึ่ง ถือได้ว่าเหนือชั้นกว่าเขาไปถึงสองขั้นย่อยเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรเคล็ดวิชากระบี่สักกะดารารายของหนิงอ้ายมีความเหนือชั้นกว่าเพลงกระบี่ของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก ดังนั้นความเสียเปรียบของระดับพลังวิญญาณนับว่าไม่ส่งผลสักเท่าไหร่นัก

การสับประยุทธ์ของเพลงกระบี่ได้ดำเนินผันผ่านเกินกว่าสองเค่อ ยิ่งเวลาผ่านไปดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มนั้นหาได้ลดลงตามไม่ ผิดกับชายชุดดำที่มีร่างกายสูงใหญ่แข็งแกร่ง ที่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าเริ่มปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว หนิงอ้ายที่แผ่ญาณสัมผัสออกไปโดยรอบจึงรับรู้ได้ทุกการเคลื่อนไหวเหล่านี้และสามารถส่งการโจมตีกลับพร้อมใช้ท่าร่างวิชาตัวเบาหลบออกมาด้านข้างเพื่อหลบหลีกการโจมตีโดยไม่พลาดพลั้ง

"ไม่คิดว่าศิษย์ของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์จะมากไปด้วยฝีมือเช่นนี้ ช่างน่าชื่นชมเสียจริง..." ชายชุดดำที่รับมือกับหนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับเข่นรอยยิ้มเยาะออกมา

"แล้วท่านเล่า?? ฝีมืออ่อนด้อยปานนี้ กลับเลือกเส้นทางเป็นนักรับจ้างคร่ากุมโดยไม่ประมาณฝีมือของตน ช่างน่าขันยิ่งนัก!!" หนิงอ้ายตอบไปอย่างไม่เกรงกลัว

"ปากดีเสียจริง รับมือ!!"

ทักษะวิญญาณที่หนึ่ง ราชันย์หมาป่าเดียวดาย โจมตี!!

ตู้ม!!

ทักษะวิญญาณยุทธ์ของชายชุดดำปรากฏเป็นเงาร่างของหมาป่าขนสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีแดงฉานอาฆาต เสียงคำรามดังก้องไปทั่วอย่างข่มขวัญก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีหนิงอ้ายในทันที

ปราการวารีอหังการ!!

ตู้ม!!

ม่านปราการน้ำอันแข็งแกร่งจากบทเวทย์ระดับเทวะ เข้าต้านรับการโจมตีอย่างทันท่วงที เสียงปะทะอหังการดังขึ้นเรียกสายตาทุกคู่มองมายังบริเวณนี้ ไม่รอช้าให้อีกฝ่ายช่วงชิงความได้เปรียบไปมากกว่านี้ หนิงอ้ายโคจรพลังลมปราณเตรียมพร้อมร่ายเวทย์โจมตีกลับไป

มหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!!

ตู้ม!!

บุปผาเหมันต์ดอกใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าชายชุดดำโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว บทเวทย์โจมตีที่หนิงอ้ายเรียกใช้ ด้วยระดับพลังเทวะวิญญาณจึงยิ่งส่งเสริมความรุนแรงของบทเวทย์นี้หลายเท่า ก่อนที่ร่างของชายชุดดำจะถูกแรงปะทะอัดเข้ากับต้นไม้ใหญ่ก่อนจะสิ้นใจไปในทันที

เมื่อเห็นว่าสหายร่วมอุดมการณ์ตายตกไปต่อหน้า ชายชุดดำนับนับเกือบสิบต่างทะยานพุ่งเข้าโจมตีหนิงอ้ายด้วยความโกรธแค้น ก่อนหน้าที่พวกเขายังไม่ร่วมลงมือด้วยเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกปี ด้วยพลังวิญญาณเทวะวิญญาณขั้นต้นคงไม่ใช่เรื่องยากในการคร่ากุมเพียงนิด สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าถือว่าเกินความคาดหมายพวกเขาไปมาก

"จับตัวเด็กคนนี้ให้ได้!!"

เสียงประสานดังขึ้นจากชายชุดดำนับสิบคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ดวงตาที่มองมาเต็มไปด้วยความอาฆาตสังหาร หากเป็นผู้อื่นสิ่งนี้ย่อมสร้างความตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย แต่กลับหนิงอ้ายแล้วเพียงเท่านี้นับเป็นสิ่งใดได้กัน แม้จะสิ้นเปลืองพลังลมปราณไปกับการต่อสู้ก่อนหน้า แต่ด้วยแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตและเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาจึงทำให้พลังลมปราณถูกเติมเต็มไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายด้วยความรวดเร็วยิ่ง

วูบ!!

"จงยอมแพ้แต่โดยดีเสีย!! ด้วยระดับเทวะวิญญาณขั้นต้นของเจ้าในยามนี้ฝืนต่อสู้กับพวกข้าไปย่อมไร้ประโยชน์!!" เสียงทุ้มต่ำของชายชุดดำคนหนึ่งเอ่ยออกมาอย่างคุกคาม แววตาอีกฝ่ายแปรเปลี่ยนเป็นดูถูกเย้ยหยันเด็กหนุ่มอย่างเต็มที่

"ใช่ว่าข้าไม่เคยสังหารผู้ฝึกตนข้ามระดับพลังวิญญาณ ในเมื่อยังดื้อดึงเช่นนี้ข้าคงไม่ออมมือแล้ว!!" คำกล่าวของหนิงอ้ายสร้างความหงุดหงิดแก่ชายชุดดำเป็นอย่างมาก พวกมันไม่คาดคิดว่าการจับกุมผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เพียงแค่สองคนจะทำให้เสียเวลาไปมากเช่นนี้

พรึบ!!

"เฮือก!! ผู้ใช้ปราณธาตุพิษอย่างนั้นรึ?? มิใช่บทเวทย์ก่อนหน้าของเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นปราณธาตุน้ำหรืออย่างไรกัน??" กลิ่นคาวเลี่ยนของพิษร้ายที่หนิงอ้ายปลดปล่อยออกมานั้นผู้ฝึกตนที่มีประสาทสัมผัสเหนือล้ำย่อมรับรู้ได้โดยง่าย

"ผู้ใช้ปราณธาตุมากกว่าหนึ่งอย่างนั้นรึ?? เช่นนี้คงไม่เสียเปล่าแล้วกับการลงมือในครั้งนี้ หากได้ตัวมันไปนายท่านย่อมตกรางวัลอย่างงามเป็นแน่!!!" ชายชุดดำอีกคนเอ่ยเสริมขึ้นด้วยความยินดี

"เด็กน้อยเจ้ารู้หรือไม่?? ร่างกายของผู้ฝึกตนที่สามารถเรียกใช้ปราณธาตุได้มากกว่าหนึ่ง ยามนี้มีค่ามากกว่าที่เจ้าจะคาดเดา หากไม่อยากเจ็บตัวจงยินยอมให้พวกข้าจับแต่โดยดี!!" หนิงอ้ายที่ยืนฟังอยู่จึงเข่นหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้

"พวกเจ้าคงคุ้นกับการกระทำเช่นนี้จนไม่อาจรู้สึกผิดบาปเลยเสียด้วยซ้ำ หากคิดว่ามีฝีมือมากพอจงแสดงให้บิดาผู้นี้เห็นเสีย!!!" เสียงหวานนุ่มของหนิงอ้ายช่างขัดกับความหมายที่เอ่ยขึ้นมาเสียจริง ชายชุดดำตรงหน้าคล้ายกับว่ารู้สึกถูกปรามาสดูถูกจึงตบฝีเท้าพุ่งทะยานเข้าโจมตีด้วยความเร็วยิ่ง

ทักษะวิญญาณยุทธ์จักรพรรดิหมื่นพิษปลิดวิญญาณ ทักษะวิญญาณที่หนึ่งเขตแดนจักรพรรดิหมื่นพิษสังหาร!!!

หนิงอ้ายย่อมไม่ปล่อยให้กลุ่มคนพวกนี้โดยง่าย สิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาตลอดทั้งชีวิตนั่นคือหากมีผู้ใดหมายเป็นศัตรูอันไม่ประสงค์ดี จงเข่นฆ่าสังหารพวกมันเหล่านั้นให้สิ้นอย่าให้หลุดรอดไปได้ จากนั้นเขาจึงเรียกใช้วิญญาณยุทธ์ปราณธาตุพิษออกมา ครอบคลุมรัศมีหนึ่งลี้ด้วยความรวดเร็ว

พรึบ!!!

"พวกเจ้าทุกคนหยุดเดินพลังลมปราณเดี๋ยวนี้!!"

"โจมตีเจ้าเด็กน่าตายคนนั้นซะ หากมันตกตายไปย่อมไม่มีผู้บัญชาการพิษพวกนี้เช่นกัน!!"

"ข้าไม่ไหวแล้ว อั๊กกซ์!!"

ทักษะวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุพิษของหนิงอ้ายในยามนี้ ช่างสมกับนามจักรพรรดิหมื่นพิษปลิดวิญญาณเสียจริง ใช้เวลาเพียงไม่นานชายชุดดำทั้งสิบคนตรงหน้าล้วนตกตายกันไปสิ้น ร่างกายกลายเป็นสีเขียวคล้ำ พื้นโดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลี่ยนของโลหิตผสมปนไปกับพิษร้าย เสียงกรีดร้องทรมานดังขึ้นชวนให้รู้สึกขนลุกยิ่งนัก แน่นอนว่าหนิงอ้ายผู้บัญชาการนั้นย่อมไม่ได้รับผลกระทบใดทั้งสิ้น ใบหน้างามเผยรอยยิ้มยินดีออกมา เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้ลงมือสังหารเช่นนี้...

อีกด้านหนึ่งเฟยหลงกำลังรับมือกับชายชุดดำอีกสามคนพร้อมกันอย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ แน่นอนว่าทั้งสามคือผู้ฝึกตนราชทินนามราชันวิญญาณที่หนิงอ้ายเคยกล่าวถึงก่อนหน้า สิ่งที่พวกเขาเหล่านี้สัมผัสได้จากชายหนุ่มนั่นคือพลังวิญญาณระดับราชันวิญญาณขั้นต้นที่กล้าแกร่งผู้หนึ่งเท่านั้น มีเพียงหนิงอ้ายที่มีเนตรแห่งสวรรค์ในการครอบครองจึงพอรับรู้ได้ว่านี่หาใช่พรสวรรค์ทั้งหมดของเฟยหลงผู้นี้

กระบี่สีดำเล่มงามยามถูกตวัดกร้าวแกร่งอย่างคล่องแคล่วประสานเข้ากับทักษะการต่อสู้ที่เหนือล้ำเข้าฟาดฟันศัตรูอย่างหนักหน่วงชวนให้ประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์จะสามารถบ่มเพาะสุดยอดรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยความเก่งกาจที่ไม่อาจประมาทได้ คมกระบี่จากฝั่งของชายชุดดำทั้งสามไม่อาจรุกคืบเข้าถึงตัวของเฟยหลงได้เพียงนิด มากไปกว่านั้นชายชุดดำทั้งสามทำได้เพียงหลบหลีกการโจมตีที่ถูกสวนกลับมาเพียงเท่านั้น

.

‘ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ผิดกับผู้ฝึกตนราชันวิญญาณขั้นต้นที่ควรจะเป็น...’ หนึ่งในชายชุดดำลอบคิดอยู่ในใจ

‘เห็นทีงานนี้คงได้ไม่คุ้มเสียเสียแล้ว ความสามารถเช่นนี้คงเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์ที่สำนักศึกษาบ่มเพาะได้เป็นแน่ ช่างเถอะ ถือว่าพวกข้าโชคร้ายพบเจออุปสรรคเอง...’ ชายชุดดำที่เป็นผู้แกร่งกล้าระดับราชันวิญญาณขั้นกลางลอบคิดอยู่ในใจ เดิมทีงานคร่ากุมรุ่นเยาว์นั้นมีค่าตอบแทนที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก อย่างไรพวกนั้นก็มีฝีมือระดับต่ำเท่านั้นหาได้มากความสามารถดังเช่นสองคนนี้ไม่

"ยอมมอบตัวแต่โดยดีเสียเถอะ ด้วยระดับพลังวิญญาณและฝีมือของเจ้าคงยากที่จะรอดพ้นไปได้โดยง่าย!!" ชายชุดดำคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเพื่อข่มขู่เฟยหลง

"หึหึ เหิมเกริมยิ่งนัก อาศัยคนมากรังแกคนน้อยกว่า ช่างชั่วช้าเสียจริง!!" เฟยหลงพูดออกมา คนพวกนี้ไม่แม้แต่ละลายใจแม้เพียงนิดกับการกระทำเช่นนี้

"หากพูดไม่รู้ความเช่นนั้นก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดี!!" สิ้นคำกล่าวนั้นชายชุดดำทั้งสามคนต่างยกกระบี่ขึ้นเข้าฟาดฟัน หมายจะให้ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถขัดขืนได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามการตัดสินใจดังกล่าวนี้ยังคงช้ากว่าการลงมือของเฟยหลงได้

อ๊ากกกกซ์!!!!

เสียงร้องดังของชายชุดดำที่พลาดท่าถูกกระบี่สีดำในมือของเฟยหลงเสือกแทงเข้าตรงกลางหัวใจอย่างแม่นยำ โลหิตสีแดงสาดกระจายไปทั่วพื้น เพียงสิ้นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายสูงใหญ่นั้นจะล้มตัวลงกองกับพื้นสิ้นลมหายใจอย่างไม่ทันตั้งตัวเลยเสียด้วยซ้ำ

"บังอาจสังหารสหายข้าอย่างนั้นรึ?? จงตายไปซะ!!" ชายชุดดำอีกคนไม่รอช้าโคจรพลังลมปราณธาตุลมออกมาถึงขีดสุด หมายจะสังหารชายหนุ่มตกหน้าให้ตกตายไปให้ได้พื่อเป็นการล้างแค้น

ฝ่ามือวายุคลั่งสังหาร!!

ตู้ม!!

ฝ่ามือปราณธาตุลมสีเขียวน้ำตาลห่อหุ้มมือทั้งสองข้างก่อนขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ก่อนจะปลดปล่อยสายลมคมกริบอหังการนี้เข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว ตรงด้านบนปรากฎเป็นใบมีดสายลมนับสิบที่หมุนตัดผ่านอากาศจนเกิดเสียงดังคล้ายกับต้องการข่มขวัญ

ทว่าใบหน้าเรียบเฉยของเฟยหลงยังคงหันมองหนิงอ้ายด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าร่างบางยังคงรับมืออย่างไม่เสียเปรียบจึงคลายความกังวลไปไม่น้อย จากนั้นจึงออกท่าร่างวิชาตัวเบาประจำตัวที่เพียงพริบตาก็ก้าวถึงเบื้องหน้าของชายชุดดำแล้ว ด้วยระยะห่างที่ใกล้เพียงนี้ลมปราณอันลึกล้ำเกินกว่าที่ผู้ฝึกตนราชทินนามราชันวิญญาณจะครอบครองได้ก่อเป็นรูปร่างอัดแน่นจนกลายเป็นฝ่ามือสีดำที่มีกลิ่นอายแปลกประหลาดได้ถูกบัญชาการซัดออกไปทันที

คล้ายกับชายชุดดำนั้นถูกตรึงอยู่กับที่ด้วยมือที่มองไม่เห็น หมอกควันสีดำนี้พวยพุ่งทะลักเข้าซัดไปยังเบื้องหน้าปะทะกับร่างที่แข็งค้างไร้ซึ่งการป้องกันใด พลังโจมตีฉุดกระชากให้กระเด็นไปไกลชวนให้ตกตะลึงพร้อมกับก้อนเลือดที่ทะลักออกมาจากรูทวารทั้งห้า สภาพร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงไม่อาจขยับได้ หนึ่งฝ่ามือยามปกติแม้ได้รับการป้องกันย่อมไม่อาจตกตายได้ แต่นี่นับประสาอะไรกับผู้ที่ไม่ทันระวังตัวอีกทั้งยังถูกแช่แข็งด้วยพลังแปลกประหลาดบางอย่าง อวัยวะภายในทั้งหมดของชายชุดดำนั้นแหลกเหลวไปในทันที ท้ายที่สุดแล้วลมหายใจค่อย ๆ หมดลงไปในที่สุด

ขณะเดียวกันตรงด้านหลัง เฟยหลงสัมผัสได้ถึงพลังการโจมตีที่มีสวาวะแกร่งกล้าสายหนึ่งเข้าจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว สีหน้าของชายชุดดำนั้นแม้จะถูกปกคลุมแต่ยังคงสัมผัสได้ถึงความเดือดดาลไปไม่น้อย ก่อนที่ฝ่ามือพลังปราณธาตุไฟจะถูกสาดซัดเข้ามายังจุดบริเวณที่ชายหนุ่มยืนอยู่ การโจมตีนี้บังเกิดเป็นเปลวเพลิงสีส้มประกายเทาสูงที่พริบตานั้นบรรลุเข้าถึงอย่างรวดเร็ว

ตู้ม!!

ทันทีที่เข้าถึงตัว เสียงปะทะดังขึ้นสะท้อนดังก้องไปทั่ว การป้องกันของเฟยหลงที่ปรากฎเป็นม่านปราการสีดำที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างอิสระนั้นนอกจากจะรับมือได้แล้ว ยังคงสะท้อนกลับการโจมตีนี้คืนกลับไป ก่อนชายชุดดำจะตั้งสติได้ เสียงของคมกระบี่เข้าฟันดังขึ้นอย่างแม่นยำอีกครั้งก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่นี้จะทรุดตัวล้มลงสิ้นใจเป็นรายต่อไป

ชายชุดดำที่เหลือเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าสามารถสังหารราชทินนามราชันวิญญาณทั้งสามคนได้อย่างง่ายดาย กับพวกมันที่เหลือด้วยระดับพลังเทวะวิญญาณขั้นสูงหากยังฝืนทุรังต่อไปคงไม่เป็นการดีแน่ จึงรีบส่งสัญญาณลับเฉพาะเพื่อเตรียมการหลบหนีไปเสียก่อน ทว่าเฟยหลงที่สามารถคาดเดาได้จึงไม่รอช้าพุ่งทะยานเข้าสังหารชายชุดดำเหล่านี้อย่างไร้เมตตาทั้งสิ้น

เมื่อคิดว่าท้ายที่สุดแล้วร่างบางคงต้องถูกร้องขอบางสิ่งอย่างจากเขาเพิ่มขึ้น รอยยิ้มบางเบาเจ้าเล่ห์ได้ปรากฎขึ้นชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกสงสัย ท่ามกลางเสียงร้องดังทรมานของชายชุดดำแต่ละคนที่ค่อย ๆ ถูกจัดการสังหารลงไปในที่สุด...

ชายชุดดำที่เหลือต่างพุ่งทะยานออกไปเบื้องหน้าของหนิงอ้ายกับเฟยหลงด้วยเคล็ดวิชาตัวเบาเฉพาะประจำตัว กระบี่ด้ามยาวในมือถูกบีบกระชับให้มั่นคงอย่างสุดกำลัง บรรยากาศเงียบสงบบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นลมฝนคาวเลือดฟุ้งกระจายโดยรอบ

กระแสพลังกระบี่หลากสีสันตามปราณธาตุของผู้เรียกใช้ต่างถูกฟาดฟันโจมตีด้วยความรวดเร็ว อย่างไรก็ตามพวกเขาในที่นี้ล้วนเป็นราชทินนามเทวะวิญญาณกันทั้งสิ้น บางคนติดอยู่ในเขตขั้นสูงมานานนับสิบปี เช่นนั้นแล้วความลึกล้ำของพลังลมปราณจึงส่งผลโดยตรงกับกระบี่ที่เรียกใช้ กลิ่นอายลึกล้ำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรุนแรงนี้กล่าวว่าเหนือชั้นอย่างแท้จริง...

"วันนี้พวกเจ้าทั้งสองคนอย่างหวังว่าจะรอดออกไปโดยง่าย!!!" ชายชุดดำหนึ่งในนั้นตวาดกร้าวดังขึ้น พลังปราณอบอวลทั่วร่าง พริบตานั้นกระแสพลังปราณธาตุไฟ อันเกิดจากสองฝ่ามือประสานก่อตัวเป็นอสรพิษอัคคีขนาดใหญ่ขึ้น

"โจมตี!!"

ฝ่ามือมหาวิญญาณอรรณพ!!

ตู้ม!!

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวเคล้าไปกับเสียงปะทะสะท้อนของอสรพิษอัคคีที่ถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ามือมหาวิญญาณหรรณพของเฟยหลงนับว่าไม่ธรรมดาสามัญ แม้ว่าพลังวิญญาณที่สัมผัสได้จะเป็นเพียงราชทินนามราชันวิญญาณขั้นต้น ทว่าเคล็ดวิชาฝ่ามือนี้คล้ายกับยังคงความน่าเกรงขามประกอบด้วยความพิศดารหลายส่วน นอกจากจะต้านรับการโจมตีนี้ได้แล้วยังดูดซับพลังปราณอัคคีบางส่วนอีกด้วย

"ค่ายกลกระบี่จตุรพิชิตสังหาร โจมตี!!!!"

มหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!!

ตู้ม!!

หนิงอ้ายหมุนตัวตวัดกลับใช้มือข้างหนึ่งรวบรวมพลังปราณแล้วใช้ออกด้วยวิชาโจมตีปราณธาตุน้ำแผ่พุ่งออกมาฝ่ามือไปยังเบื้องหน้า บุปผาเหมันต์ดอกใหญ่ปะทะเข้ากับวิชายุทธ์กระบี่ที่พุ่งทะยานเข้ามา

สีหน้าของชายชุดดำที่เหลือต่างเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที เดิมทีนั้นพวกเขาแม้จะคิดว่าค่ายกลกระบี่นี้ย่อมไม่อาจสามารถสังหารทั้งสองได้ ขอเพียงชะลอหรือถ่วงเวลาเอาไว้ได้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะสามารถทำลายค่ายกลกระบี่ที่เกิดจากการประสานของผู้ฝึกตนราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นสูงได้เช่นนี้ แม้ทั้งสองจะสูญเสียพลังลมปราณไปกับการต่อสู้ก่อนหน้ายังไม่อาจกระทำสิ่งใดเลยเพียงนิด

"นี่มันออกจะแข็งแกร่งเกินรุ่นเยาว์ทั่วไปแล้ว สองคนนี้เป็นตาเฒ่าประหลาดจำแลงกายมาอย่างนั้นรึ??" เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ

"หรือว่านี่จะเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์ที่ทางสำนักเฝ้าฟูมฟักบ่มเพาะมาฝีมือจึงได้เหนือล้ำเช่นนี้!!" ชายชุดดำอีกคนตะโกนขึ้นอย่างลืมตัว เมื่อความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในยามนี้

"ใช้สมบัติวิเศษระดับดาราและตั้งค่ายกลประสานพลังยุทธ์!!" สิ้นเสียงดังกล่าว ชายชุดดำที่เหลือนับสิบต่างรีดเค้นพลังลมปราณถึงขีดสุดออกมาอย่างเต็มที่

ยามเมื่อสมบัติวิเศษระดับดาราปรากฎ แรงสะกดข่มอหังการถูกปลดปล่อยออกมาทั่วทั้งบริเวณ บรรยากาศโดยรอบแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งอย่างฉับพลัน โลหิตสีแดงฉานอันเกิดจากการสังเวยนี้ไหลรินเข้าสู่ใจกลางค่ายกลด้วยความรวดเร็ว เหตุการณ์เบื้องหน้าเชื่องช้าลงราวกับกาลเวลาหยุดหมุน จังหวะนั้นกลิ่นเหม็นสาบอวลตลบฟุ้งกระจายไปทั่วอย่างเข้มข้น ห้วงอากาศสั่นสะเทือนเล็กน้อยจนเห็นได้ชัด

"พวกเจ้าทั้งสองคนยินยอมให้พวกข้าจับกุมแต่โดยดีเสียเถอะ ภายใต้แรงสะกดข่มของสมบัติวิเศษระดับดารานี้พวกเจ้าย่อมไม่อาจขัดขืนได้โดยง่าย!!" เสียงทุ้มตวาดดังขึ้นอย่างมีอารมณ์

ด้วยแรงหนุนจากสมบัติวิเศษแปลกประหลาดตรงหน้า ระดับพลังวิญญาณจากเดิมของชายชุดดำเหล่านี้ที่อยู่เพียงเขตขั้นราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นสูง บัดนี้กลับถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติของราชทินนามราชันวิญญาณขั้นต้นที่ประหลาดลึกล้ำไปเสียแล้ว

"ต้องการจับกุมพวกข้า คงไม่ง่ายดั่งที่คาดหวังเช่นกัน!!" หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับระเบิดพลังวิญญาณอันลึกล้ำของตนออกมาถึงขีดสุดเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า

ทางฝั่งของเฟยหลงแม้จะไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่าพลังลมปราณสีดำทองลึกลับได้ปรากฏขึ้นเป็นเงาร่างปริศนาตรงด้านหลัง กลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นเหนือชั้นกว่าราชทินนามราชันวิญญาณขั้นกลางเสียด้วยซ้ำ

"จับกุมพวกมันให้ได้!!"

ด้วยแรงหนุนจากสมบัติวิเศษนี้ กล่าวได้ว่ากลุ่มของชายชุดดำต่างสามารถเรียกใช้ความสามารถในทุกด้านออกมาถึงขีดสุด พริบตาเดียวนั้น กรงเล็บที่ถูกห่อหุ้มด้วยปราณธาตุประสานอันเกิดจากค่ายกลได้บรรลุถึงเบื้องหน้าของทั้งสอง

แรงสะกดข่มที่ถาโถมเข้ามาส่งผลให้ชั่วขณะนั้นร่างกายของหนิงอ้ายถึงกับติดขัดไปชั่วขณะยากจะขยับตัวได้ดั่งใจนึก เฟยหลงที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ จึงไม่รอช้าใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มหนิงอ้ายหลบหลีกการโจมตีอหังการนี้อย่างทันท่วงที

ตู้ม!!

สายตาของหนิงอ้ายจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เนตรแห่งสวรรค์ส่งข้อมูลให้รับรู้ถึงความประหลาดพิศดารของสมบัติวิเศษชิ้นดังกล่าว แม้ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะสามารถเพิ่มพูนพลังของอีกฝ่ายได้ก็จริง ทว่ามีผลเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น ยิ่งจำนวนของผู้ใช้มากเท่าไหร่ อาณุภาพยิ่งลดลงไปตามเท่านั้น

"ต้องทำลายสมบัติวิเศษชิ้นนั้นให้ได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้วค่ายกลประสานนี้ก็จะถูกทำลายลงไปเช่นกัน!!" หนิงอ้ายร้องบอกเฟยหลงให้รับรู้ ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรีดเค้นพลังลมปราณออกมา

เพลิงธาราหงส์ทลายฟ้า!!

ตู้ม!!

รัตติกาลสวรรค์สังหาร!!

ตู้ม!!

เปลวเพลิงธาราของหนิงอ้ายปรากฎเป็นรูปลักษณ์หงส์ฟ้าขนาดใหญ่หลายฟุตที่งดงามวิจิตรตระการตา ยิ่งเมื่อประสานไปกับวิชายุทธ์สังหารอันแปลกประหลาดของเฟยหลงนั้น คล้ายกับว่ากลิ่นอายฆ่าฟันสังหารได้ทบทวีเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่า ส่งผลให้แรงสะกดข่มของสมบัติวิเศษระดับดาราตรงหน้า ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดกับพวกเขาอีกแล้วทั้งสิ้น

แม้อยากจะขยับตัวหลบหนีมากเพียงใด ทว่าชายชุดดำที่กำลังล้อมวงประสานพลังยุทธ์นั้นหาได้ทำตามใจปรารถนาได้ คล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นจับตรึงร่างกายให้หยุดนิ่ง กระทั่งพลังลมปราณในร่างกายยังติดขัดไปชั่วขณะ

พริบตานั้นวิชายุทธ์หงส์เพลิงธารามัจจุราชบินทะยานพวยพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วรุนแรง ทั้งยังแฝงไปด้วยพลังปราณธาตุน้ำระดับสูงสุดประสานเข้ากับปราณสีดำประหลาด เสียงกู่ร้องคำรามดังก้องไปทั่วก่อนจะเข้าปะทะกับสมบัติวิเศษ แรงระเบิดกระจายออกทั่วทิศ ก่อเกิดกลุ่มหมอกควันตลบอบอวลไปทั่ว

อ๊ากกกกซ์

เสียงร้องทรมานดังขึ้น เมื่อร่างกายที่ไร้ซึ่งกาาป้องกันรับแรงสะท้อนอันอหังการเมื่อครู่ เพียงไม่กี่อึดใจชายชุดดำทั้งหมดได้สิ้นใจลงไปในที่สุด หนิงอ้ายมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยสายตามั่นคงไม่หวั่นไหว ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการจับกุมสังหารเขาแล้ว ย่อมต้องเตรียมใจได้หากถูกสังหารกลับเช่นกัน...

"เคล็ดวิชาเมื่อครู่กล่าวได้ว่าเหนือชั้นกว่าวิชายุทธ์โจมตีปราณธาตุน้ำทั่วไปยิ่ง บางทีอาจเหนือชั้นกว่าบทเวทย์ระดับเทวะบางบทเสียด้วยซ้ำ..." เฟยหลงพูดกับหนิงอ้ายด้วยความชื่นชม นับวันฝีมือของร่างบางยิ่งก้าวหน้าพัฒนามากขึ้น ช่างเหมาะสมกับตำแหน่งคู่ควรสำคัญที่ว่างเว้นของเขายิ่งนัก

"ครั้งนี้ข้ากับท่านถือว่าเสมอเท่าเทียม หาได้มีผู้แพ้ชนะ เพราะต่างสังหารไปด้วยจำนวนเท่ากัน..." หนิงอ้ายเมินเฉยท่าทางเจ้าเลห์ของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยถึงผลของการเดิมพันครั้งนี้

"ย่อมเป็นเช่นนั้น อย่างไรข้าก็มีหนึ่งคำขอก่อนหน้า นับว่าเป็นที่น่าพึงพอใจอยู่บ้าง"

"ท่านนี่มัน!! ช่างเถอะข้าว่าพวกเรารีบเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณเหล่านี้เสีย ข้าเกรงว่าหากกลับถึงสำนักช้ากว่ากำหนดท่านอาจารย์จะเป็นห่วงได้..." หนิงอ้ายเอ่ยสรุปขึ้น

ครืนนนน!!!

ทว่าจังหวะที่ทั้งสองกำลังหันหลังแยกย้ายกันไปจัดการนั้น แรงกดดันอหังการแปลกประหลาดก่อกำเนิดขึ้นสะกดข่มทั้งสองที่ไม่ทันระวังตัวจนไม่อาจขยับและกระทำสิ่งใดได้ พริบตาเดียวนั้นเงาร่างประหลาดได้แหวกมิติอากาศปรากฎตรงด้านหลังของหนิงอ้าย

สิ่งที่คล้ายกับบ่วงบาศสีทองถูกสวมทับบนศีรษะของหนิงอ้ายอย่างรวดเร็วฉับไว ประสายแสงสีทองส่องสว่างไปทั้งบริเวณพร้อมกับผนึกพลังลมปราณ จิตวิญญาณรวมไปถึงพลังทางสายเลือดจนหมดสิ้น ก่อนที่มือประหลาดพิศดารนับสิบจะคว้าร่างของหนิงอ้ายที่หมดสติเข้าไปในม่านมิติในทันที

"หนิงเอ๋อร์ ไม่!!!!!!"

การลอบกระทำตรงหน้าล้วนตกอยู่ในสายตาและการรับรู้ของเฟยหลงทั้งสิ้น ทว่าด้วยขีดจำกัดในยามอยู่ในรูปลักษณ์หนังมนุษย์รวมไปถึงพลังวิญญาณที่กำหนดเพียงราชันวิญญาณขั้นต้น ยามเมื่อเงาประหลาดปรากฎขึ้น กว่าจะกระทำสิ่งใดได้ทันร่างกายของเขาได้ถูกสะกดข่มไปแล้วโดยสมบูรณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้ความรู้สึกราวกับฝันตื่นหนึ่ง ทว่าภาพของร่างบางที่หมดสติและถูกพาตัวไปโดยที่เขาไม่อาจทำสิ่งใดได้ กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผิดอย่างแท้จริง...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่104 ความรู้สึกผิดของเฟยหลง

    "เป็นฝีมือของผู้ใดกันที่ลักลอบกระทำต่ำช้าเช่นนี้ จงเปิดเผยตัวมาเสีย!!!" เฟยหลงคำรามสุดเสียงด้วยความโกรธก่อนจะตบเท้าขึ้นกลางอากาศ สองมือพลันลุกโหมด้วยเปลงเพลิงสีดำทมิฬก่อนจะฟาดไปยังจุดบริเวณที่หนิงอ้ายหายตัวไปเมื่อครู่ พลานุภาพแห่งเปลวเพลิงสีนิลนี้กร้าวแกร่งถึงขีดสุดด้วยพลังที่ลึกล้ำเหนือระดับราชันวิญญาณขั้นต้นกำลังสั่นสะเทือนพื้นที่โดยรอบอย่างไม่ยั้งมือเวลาเพียงไม่กี่สิบรอบลมหายใจต่อมา ห้วงมิติผันผวนตรงหน้าได้แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่ทุกสิ่งอย่างจะกลับมาสงบเงียบราวกับว่าเมื่อครู่นั้นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น สีหน้าตื่นตะลึงของเฟยหลงปรากฎขึ้นอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด แม้ว่าร่างกายหนังมนุษย์นี้จะถูกจำกัดพลังวิญญาณเพียงเขตขั้นราชันวิญญาณขั้นต้น ทว่าความแข็งแกร่งมีมากเพียงใดเขาย่อมเป็นผู้ที่รับรู้ดีที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นกล่าวได้ว่าเป็นการแหวกมิติชั้นสูงที่ไม่ธรรมดาสามัญทั่วไปอย่างแท้จริงก่อนหน้านี้ทุกการกระทำของหนิงอ้ายล้วนอยู่ในสายตาและการรับรู้ของเขาทั้งสิ้น แต่เพียงอึดใจเดียวที่ทันไม่ระวังเท่านั้น ร่างบางกลับหายลับไปโดยไร้ซึ่งร่อยรอยใดให้ติดตาม เฟยหลงรีบหันซ้ายขวามองหาอีกฝ่ายในทันทีอย่าง

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่105 โทสะของตระกูลหวัง

    ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเดินออกจากโรงเตี๊ยมด้วยความมั่นคง ชายเสื้ออาภรณ์สีเขียวขาวโดดเด่นสะอาดตาแก่ผู้พบเห็น ป้ายหยกที่แขวนห้อยอยู่ตรงข้างเอวนั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเป็นถึงนักปรุงโอสถระดับสี่ สมญานามวิญญาจารย์โอสถ แน่นอนว่าด้วยฐานะตำแหน่งนี้ไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด แม้แต่เจ้าเมืองปกครองหากต้องพบเจอยังต้องไว้หน้ามากกว่าสามส่วนเลยทีเดียวชายหนุ่มผู้นี้เป็นถึงหนึ่งในศิษย์ของปรมจารย์โอสถเหวินหวู่ นักปรุงโอสถระดับเจ็ดเพียงหนึ่งเดียวในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้ นามของชายหนุ่มนั่นคือเหยียนฮุ่ย ศิษย์ลำดับที่สามนั่นเองตั้งแต่วันที่ศิษย์ทุกคนของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาต้องออกเดินทางจากสำนักเพื่อเสาะหาประสบการณ์เป็นเวลาหนึ่งปี จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนมาแล้ว เหยียนฮุ่ยได้ตั้งต้นการเดินทางไปยังทิศตะวันตกของสำนักศึกษา ด้วยเหตุผลสำคัญคือตรงบริเวณนั้นเต็มไปด้วยเขตแนวเทือกเขาสูงอุดมด้วยสมุนไพรระดับต่าง ๆ อย่างนับไม่ถ้วนระหว่างการเดินทางนอกจากที่เขาจะช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนหรือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วนแล้ว เขาไม่ลืมที่จะฝึกตนทั้งการปรุงโอสถตามเคล็ดวิถีเฉพาะแห่งตน อี

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 106 เปิดศึกปะทะตำหนักเทพมารทมิฬ

    กองกำลังที่หวังจิ่งหลงส่งเทียบเชิญมานั้น ทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกตนที่แกร่งกล้าที่เคยมีหนี้น้ำใจต่อกันทั้งสิ้น ขุมกำลังระดับนี้กล่าวว่าเหนือชั้นกว่ากองกำลังของกลุ่มอิทธิพลทั่วไปอย่างแท้จริง สำหรับสถานที่ตั้งของสำนักเทพมารทมิฬนั้นจริงอยู่ที่พวกเขาพอรับรู้ถึงบริเวณดังกล่าว แต่ใคร่จะไปเยือนโดยง่ายก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ พึงทราบว่าทุกกลุ่มอิทธิพลในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้นล้วนมีม่านปราการป้องกันการรุกล้ำกันทั้งสิ้นผ่านไปเป็นเวลาหลายชั่วยามในการเคลื่อนทัพตามเส้นทางที่ถูกกำหนด ตรงเบื้องหน้าได้ปรากฎเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่เงียบสงบไร้ซึ่งเสียงแห่งชีวิตของทุกสรรพสิ่ง ยามราตรีกาลอันมืดมิดเช่นนี้มีเพียงแสงจากจันทราเท่านั้นที่ยังคงสาดส่องทอแสงให้พอเห็นอยู่เรือนลาง แต่ถึงอย่างไรแล้วความเงียบสงบจนน่าผิดวิสัยเช่นนี้ย่อมบ่งชี้ได้ว่าสถานที่ดังกล่าวหาใช่สถานที่ธรรมดาดั่งที่เห็น"เรียนท่านหวังจิ่งหลง ตอนนี้กองกำลังของพวกเราได้มาถึงเขตป่าชั้นนอกที่เปรียบได้ดั่งค่ายกลธรรมชาติที่คอยคุ้มครองสำนักเทพมารทมิฬแล้วขอรับ..." หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นกับนายเหนือหัวของตนด้วยความยำเกรง โทสะของท่านประมุขนั้นหาสงบลงได้โดยง่ายแล้วในยามนี้ส

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 107 ผู้ช่วยเหลือที่อยู่เบื้องหลัง

    ท่ามกลางลานต่อสู้กลางท้องฟ้า กระแสพลังปราณธรมชาตินับไม่ถ้วนกระหน่ำเข้าจู่โจมเหล่าผู้แกร่งกล้าทั้งสิบที่กำลังร่วมมือทำลายหมุดค่ายกลตรงหน้านี้อย่างไม่ลดละ อย่างไรก็ตามพวกเขาเหล่านี้ก็เป็นถึงราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นสูงย่างก้าวราชันวิญญาณขั้นต้นกันทั้งสิ้น พลังฝีมือแต่ละคนดุดันน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้ไม่ได้ทุ่มเทพลังปราณทั้งหมดก็สามารถสร้างแรงสะเทือนทำลายไปได้ไม่น้อย สิ่งนี้อาศัยแต่เพียงเวลาเท่านั้นเสาศิลาอันเป็นหมุดค่ายกลจากธรรมชาตินี้คล้ายกับปราการป้องกันอันแข็งแกร่งของทางสำนักเทพมารทมิฬคงไม่เกินจริงไปนัก แต่ถึงอย่างไรนั้นสุดยอดพลังปราณทำลายล้างที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งได้กระหน่ำลงไปยังพสุธาเบื้องล่างอย่างไม่ขาดสาย ส่งผลให้พลังปราณธรรมชาติที่คอยค้ำจุนเสาศิลาหมุดค่ายกลนี้ถูกขัดขวางไหลเวียนไม่ราบรื่น เสาศิลาบังเกิดเป็นรอยร้าวที่เริ่มถูกกะเทาะแตกขึ้นเรื่อย ๆ แล้วยามนี้"เสริมพลังปราณค้ำจุนเสาหลักหมุดค่ายกลนี้สุดกำลัง ค้ำยันม่านพลังป้องกันนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะกระทำได้!!!" ชายวัยกลางคนที่คาดว่าอาจเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสำคัญของทางสำนักเทพมารทมิฬร้องตะโกนขึ้นสิ้นเสียงคำสั่งดังกล่าว

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 108 บทสรุปศึกสะท้านฟ้า

    "ข้าคงไม่ได้ออกมาต้อนรับช้าไปใช่หรือไม่?" หมอกควันสีดำอันเป็นสัญลักษณ์ของปราณมารแผ่ซ่านพวยพุ่งออกมาเป็นแส้กระดูกนับร้อยสาย ขุมพลังที่แผ่ซ่านกำจายนี้เพียงพอทัดเทียมกับหวังจิ่งหลงได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงมันปรากฏขึ้นก็มีเสียงโหยหวนแพร่ะสะพัดดังระงมเสียงอันน่าสะพรึงกลัวนี้ล้วนมาจากเศษเสี้ยวดวงจิตสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่คล้ายกับบรรดาเหล่าทาสวิญญาณก่อนหน้าที่ถูกนำมาหลอมสร้างด้วยกลวิธีแปลกประหลาด อาณุภาพของแส้กระดูกพิศดารนี้เหนือล้ำยิ่ง ต่อให้ราชทินนามเทวะวิญญาณหลายสิบคนร่วมมือกันทำลายก็ไม่อาจสมหวังได้โดยง่าย"เทพมารแส้โลหิตกระดูกขาวคลั่ง หนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์จอมมารครั้งอดีตกาล ไม่คาดคิดว่าเบื้องหลังของสำนักต่ำทรามนี้จะเป็นท่าน!!!" หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เทพมารผู้นี้ครั้งหนึ่งถึงกับขึ้นชื่อเป็นอันดับต้น ๆ เป็นที่น่าหวั่นเกรงยิ่ง ในมหาศึกสงครามสุดท้ายระหว่างผู้ฝึกตนกับเหล่ามารครั้งนั้นฟังว่าอีกฝ่ายได้ถูกสังหารไปแล้ว ทว่าอย่างไรแล้วจากตำราบันทึกเก่าก่อนย่อมชี้ชัดได้ว่าไม่ผิดตัว มารผู้นี้ย่อมเป็นมารชั้นสูงเรืองนามผู้นั้นเป็นแน่ การปรากฏตัวของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่น

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 109 สูญเสีย

    อัสนีบาตสีทองก่อตัวเป็นมหาวังวนขนาดใหญ่ฉีกกระชากห้วงมิติชั้นสูงอันพิศดารนี้แหวกออกเป็นช่องทางขนาดมหึมา เงาร่างหลายสายพุ่งทะยานก้าวเดินออกมาพร้อมกับกลิ่นอายลึกล้ำไม่แตกต่างจากกองกำลังที่หวังจิ่งหลงรวบรวมมาได้ก่อนหน้าพลังปราณอหังการรุนแรงสะกดข่มลงมาจากทั่วทุกสารทิศ ลานต่อสู้เหนือตำหนักของสำนักเทพมารทมิฬล้วนตกอยู่ภายใต้พลังกดดันอันแรงกล้าของผู้มาเยือน กลิ่นอายของโอสถระดับสูงที่ไม่อ่อนด้อยไปกว่าโอสถระดับเจ็ดได้แผ่ซ่านกำจายปกคลุมไปทั่ว พร้อมกับอานุภาพของสมบัติวิเศษระดับสูงที่ล้นทะลักออกมาถึงขีดสุด ทำให้บรรดาผู้แกร่งกล้าของกองกำลังหวังจิ่งหลงนั้นสามารถโคจรพลังปราณดูดซับฤทธิ์ของโอสถรักษาที่ผสานเข้ากับสมบัติวิเศษได้อย่างลงตัวผู้แกร่งกล้าบางคนย่อมไม่ทราบว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่มากเพียงใด พวกเขาต่างทราบเพียงว่ากลิ่นอายที่คนผู้นี้ปลดปล่อยนั้นเหนือล้ำจนไม่อาจบรรยายได้ หากเทียบกับประมุขตระกูลหวังผู้เป็นถึงราชทินนามราชันวิญญาณขั้นสูงย่างก้าวราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นต้นยังไม่อาจเปรียบเทียบได้เพียงนิดแต่สำหรับผู้แกร่งกล้าที่พอทราบว่าคนผู้นี้เป็นใครก็ถึงกับตกตะลึงกันไปเลยทีเดียว เดิม

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 110 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    เทือกเขาไท่หลุนเทือกเขาไท่หลุนเป็นแนวเทือกเขาโบราณขนาดใหญ่กินพื้นที่ผืนป่าไปทั้งแถบบริเวณนี้ ตั้งอยู่ใจกลางระหว่างเขตพื้นที่รอยต่อของสองมหาทวีปนั่นคือมหาทวีปประจิมและมหาทวีปทักษิณ ด้วยเพราะคงอยู่มาหลายร้อย หลายพันปีแล้ว กล่าวได้ว่าเทือกเขาไท่หลุนนี้จึงเต็มไปด้วยสรรพสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายสายพันธ์ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายลมปราณฟ้าดินที่บริสุทธิ์ยิ่งแน่นอนว่าด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าบริเวณเทือกเขาไท่หลุนนี้เอง จึงทำให้มีผู้ฝึกตนและชาวบ้านธรรมดาจำนวนไม่น้อยที่ต่างตั้งรกรากปักถิ่นฐานตั้งตัวเป็นหมู่บ้านน้อยใหญ่อยู่โดยรอบบริเวณป่าชั้นนอกกันอยู่อย่างหน้าแน่น หนึ่งในนั้นถึงกับนำชื่อของเทือกเขาแห่งนี้ตั้งชื่อเป็นหมู่บ้านเลยทีเดียวดังเช่นหมู่บ้านไท่หลุนแห่งนี้ที่มีอาณาเขตติดกับแนวเทือกเขามากที่สุด กล่าวได้ว่าหากผู้ฝึกตนหรือกลุ่มอิทธิพลใดที่ต้องการเสาะหาแสวงโชค ทั้งในการเสาะหาสมุนไพรวิเศษ การหาสัตว์อสูรในการผูกพันธะ หรือแม้กระทั่งการไล่ล่าสังหารสัตว์อสูรเพื่อช่วงชิงกระดูกวิญญาณ ล้วนต้องผ่านเข้าออกหมู่บ้านไท่หลุนนี้กันทั้งสิ้นทว่าในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ หมู่บ้านไท่หลุนแห่งนี้กลับเกิดเหตุ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 111 แผนการที่วางไว้

    "ทุกคนถ่ายเทพลังปราณลงในสมบัติวิเศษชิ้นนี้ หากร่วมมือกันคงพอต้านรับหมอกสีนิลอำพันมรณะนี้ได้!!!" จบคำนั้นหานเมิ่งได้เรียกสมบัติวิเศษที่มีรูปร่างคล้ายกับร่มไม้สีทองสามชั้นชิ้นหนึ่งออกมา เมื่อได้รับการถ่ายเทพลังลมปราณแล้วนั้นจึงลอยขึ้นพร้อมกับขยายขนาดขึ้นพรวดพราด จากนั้นอักขระสีทองที่ถูกสลักอยู่ได้หมุนวนด้วยวิถีพิศดารก่อนจะแผ่ซ่านม่านพลังคุ้มครองออกมาอย่างทันท่วงที..."ม่านพลังป้องกันจากสมบัติวิเศษของศิษย์หานพี่น่าจะรับมือไม่ไหวแล้ว..." หลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อ หมอกควันสีดำประหลาดนี้ได้ลอยอยู่ไม่ไกลส่วนศีรษะแล้ว ศิษย์ชายคนหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด"ทำอย่างไรดีขอรับศิษย์พี่หาน หากต่อสู้กับพวกสำนักเทพมารโลหิตกับเหล่าปีศาจข้าไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย แต่กับเจ้าหมอกสีดำพวกนี้..." ศิษย์อีกคนเอ่ยเสริมขึ้นด้วยความกังวลไปไม่ต่างกันแม้สมบัติวิเศษร่มสามชั้นนี้จะเป็นสมบัติวิเศษระดับสูง สามารถขับไล่ความมืดมิดหรือปราณมารได้ก็จริง ทว่าม่านปราการปกป้องนี้หาได้ป้องกันพวกเขาจากหมอกควันสีดำนี้เท่านั้น ยามนี้กลิ่นอายความตาย ความชั่วร้ายได้แผ่กระจายออกเป็นระลอกคลื่นท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านไท่หลุน

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06

Bab terbaru

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status