115 : ท่านลุงจ้าวข้าอยากหลอมอาวุธ หลายวันต่อมาหลี่เมิ่งเหยา แวะไปหาน้องชายที่เรือนของเขา เสียงหัวเราะสดใสของเด็กสามคน ดังลั่นลานโล่งด้านหน้า ไม่ได้มาหาไม่กี่วัน สงสัยเสี่ยวหยวนของนาง จะลืมหน้าพี่สาวไปหมดแล้ว นางได้แต่ยืนพิงเสาใหญ่ น้อยอกน้อยใจอยู่ตามลำพัง ทว่าเด็กบางคนก็ไม่ได
“เจ้าเป็นคนของตระกูลเซี่ยโหวที่ถูกเนรเทศมาหรอกรึ” หลี่เมิ่งเหยามองเจตนาของสตรีใบหน้านิ่งเฉยผู้นี้ไม่ออก นางพลันยิ้มออกมาเล็กน้อย “สวีฮูหยินตัวข้าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเซี่ยโหวเจ้าค่ะ ท่านแม่เป็นห่วงข้าเลยติดตามมาอยู่ที่นี่ด้วย” สวีฮูหยินคิดไม่ถึงว่ามารดาของหลี่เมิ่
116 : นางตบคุณหนูใหญ่ฉีปากฉีกเลือดกระฉูดเลย เฟ่ยเฉียงฮุยไม่คิดว่าหลี่เมิ่งเหยา บอกว่าจะไปก็ไปเลย เขาหันกลับมาหาสองพ่อลูกด้วยความรู้สึกผิด “ท่านลุงจ้าวฮูหยินน้อยของข้านางอายุยังน้อย อย่าได้ถือสานางเลย” กำลังจะก้าวเท้าจากไป แต่เสียงของลุงจ้าวทำให้เขาต้องหยุดอยู่กับที่
“โอ้ !” หลี่เมิ่งเหยาถึงกับปิดปาก “นี่ไม่ดูหน้าด้านเกินไปหรอกรึ” “ก็ใช่น่ะสิ หน้าด้านไร้ยางอาย” “ใช่ ๆ หน้าด้านหน้าทนจริง ๆ ด้วย ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยเจอใคร ไร้ยางอายแบบนางมาก่อน !” หนนี้หลี่เมิ่งเหยาตะโกนปาว ๆ ให้ทุกคนได้ยิน สายตาทุกคู่เลยหันมามองนางกันหมด
117 : แรงตบไม่เท่ากันจริง ๆ สองสามีภรรยากลับเรือนไปอย่างชื่นมื่น ตรงกันข้ามกับฉีเยว่ซิน นางคือคุณใหญ่ฉี คนในเมืองหยางเป่ยเห็นนางยังต้องหลีกทางให้ สองคนนั้นเป็นใครกล้ามาทำร้ายนาง นางจะให้บิดาไปถลกหนังหัวพวกมัน นำศพขึ้นไปแขวนประจานไว้หน้ากำแพงเมือง เมื่อกลับถึงเรือนตระกูลฉี บ่า
หลี่เมิ่งเหยารีบเอ่ย “ท่านพ่อเจ้าคะ ข้ายังไม่ได้บอกท่านเลย วันนี้ข้าหาโรงหลอมอาวุธได้แล้ว เฉียงฮุยทำสัญญากับพวกเขาไปแล้วด้วย อีกสองวันไปรับของมาได้ ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องกลัว ว่าจะสู้คนแซ่ฉีไม่ได้ พูดเรื่องฝีมือแล้ว ทหารในกองทัพของท่านพ่อ ย่อมเหนือกว่าผู้คุ้มภัยทั่วไปอย่างแน่นอน” เซี่ยโหวห
118 : ตรอกของเรามีผู้กล้ากับเขาแล้ว เสียงฝีเท้าวิ่งเร็ว ๆ มาใกล้หน้าห้องทำงานของอาจารย์สวี ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นบุตรสาววัยสิบสี่ปีของพวกเขา “จิงเอ๋อร์เจ้าลืมมารยาทหมดแล้วหรือ” บิดาของนางดุทันทีที่นางโผล่หน้าพ้นประตูเข้ามา สวีฟางจิงย่อตัวลงให้บิดามารดา “จิงเอ๋อร์ขออภั
สวีหนิงจินได้ยินแล้วสีหน้าผ่อนคลายลง สตรีนางนี้ถูกเนรเทศมา แต่ยังมีจิตใจรับเด็กขอทานสองคนเอาไว้ เขาไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี คนเช่นนี้จิตใจสูงส่งยิ่งนัก “หลี่ฮูหยินชั้นเรียนเด็กเล็กของข้า ไม่มีแบ่งแยกชายหญิง พวกเขาสามารถเรียนด้วยกันได้จนถึงอายุห้าปี” “นั่นเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อ
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว