หลี่เมิ่งเหยารีบเอ่ย “ท่านพ่อเจ้าคะ ข้ายังไม่ได้บอกท่านเลย วันนี้ข้าหาโรงหลอมอาวุธได้แล้ว เฉียงฮุยทำสัญญากับพวกเขาไปแล้วด้วย อีกสองวันไปรับของมาได้ ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องกลัว ว่าจะสู้คนแซ่ฉีไม่ได้ พูดเรื่องฝีมือแล้ว ทหารในกองทัพของท่านพ่อ ย่อมเหนือกว่าผู้คุ้มภัยทั่วไปอย่างแน่นอน” เซี่ยโหวห
118 : ตรอกของเรามีผู้กล้ากับเขาแล้ว เสียงฝีเท้าวิ่งเร็ว ๆ มาใกล้หน้าห้องทำงานของอาจารย์สวี ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นบุตรสาววัยสิบสี่ปีของพวกเขา “จิงเอ๋อร์เจ้าลืมมารยาทหมดแล้วหรือ” บิดาของนางดุทันทีที่นางโผล่หน้าพ้นประตูเข้ามา สวีฟางจิงย่อตัวลงให้บิดามารดา “จิงเอ๋อร์ขออภั
สวีหนิงจินได้ยินแล้วสีหน้าผ่อนคลายลง สตรีนางนี้ถูกเนรเทศมา แต่ยังมีจิตใจรับเด็กขอทานสองคนเอาไว้ เขาไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี คนเช่นนี้จิตใจสูงส่งยิ่งนัก “หลี่ฮูหยินชั้นเรียนเด็กเล็กของข้า ไม่มีแบ่งแยกชายหญิง พวกเขาสามารถเรียนด้วยกันได้จนถึงอายุห้าปี” “นั่นเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อ
119 : เผือกนี้รับมาแล้วก็ต้องดูแล “หลี่ฮูหยินอย่าได้ถือว่าจิงเอ๋อร์เลย นางไม่ค่อยรู้ความ” “ท่านพ่อเหตุใดถึงไม่ไว้หน้าข้าบ้างเลย” สวีฟางจิงใบหน้างอง้ำ หลี่เมิ่งเหยารีบเอ่ย “นางเป็นเด็กน่ารักสดใส ข้าจะไปถือสานางได้อย่างไร อีกอย่างน้องสาวสามีของข้า ก็อายุรุ่นราวคราวเ
“บางทีอาจมีญาติอยู่ที่เมืองอื่นก็เป็นได้” “ผ่านมาหลายปี เหตุใดพวกเขายังขอทานอยู่อีกเล่า ลุงซ่งท่านมองโลกสวยงามเกินไปแล้ว ข้ารับเลี้ยงดูพวกเขาแล้ว ที่เหลือต้องให้ลุงซ่งช่วยสั่งสอนอีกแรง” เมื่อคิดตามที่หลี่เมิ่งเหยาเอ่ยออกมา ซ่งฉีโหย่งก็เข้าใจและเห็นด้วยกับนาง เด็กสามคนสวมชุดนั
120 : เหตุใดไม่ขอข้าเล่า เมื่อสามีของนางอาบน้ำเสร็จแล้ว จึงพากันนั่งรถม้าออกจากเรือนไป หลี่เมิ่งเหยารู้สึกว่ารถม้ามีจำนวนน้อย ต้องหมุนเวียนกันใช้อยู่บ่อย ๆ ไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าใดนัก “พี่หานเฟิงพวกเราซื้อรถม้าเพิ่มดีหรือไม่ ม้าก็ซื้อด้วยเวลาไปไหนมาไหน จะได้สะดวกสบาย” นางเอ่ยแบ
มีหลายเรื่องที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับภรรยาของตัวเอง “เมิ่งเหยา” “ขอแค่ท่านไม่ถอดใจ ข้าก็พร้อมสนับสนุนท่านอยู่แล้ว” นางจับมือเขาเอาไว้แน่น ๆ “ตราบใดที่ท่านไม่ปล่อยมือข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยมือท่านเช่นกัน” เซี่ยโหวหานเฟิงหัวใจราวกับได้รับการเยียวยา เขาสวมกอดภรรยาเอาไว้แนบอก
121 : สรุปท่านต้องการเงินเท่าใด เมื่อเข้าใจขั้นตอนการทำงานดีแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปหน้าที่ของตนเองต่อ หลี่เมิ่งเหยาดึงมือสามีเข้ามาคุยใกล้ ๆ “สรุปท่านต้องการเงินเท่าใด” เซี่ยโหวหานเฟิงที่มัวแต่ยินดี กับวิธีทำการค้าของนาง ลืมเรื่องเงินไปเสียสนิท เขาเอ่ยเสียงค่อย
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว