ตอนที่ 1 ข่าวร้าย
ครืด ครืด ครืด!! เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูซึ่งถูกวางไว้อยู่บนหัวเตียง ได้แผดเสียงดังขึ้นมาอย่างยาวนาน เพื่อบีบบังคับเร่งเร้าให้คนที่กำลังหลับสนิทจำต้องงัวเงีย และฝืนเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง ด้วยความที่ชายหนุ่มเพิ่งจะล้มตัวลงนอนเมื่อสักประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากเผด็จศึกบนเตียงกับคู่ขาคนใหม่ด้วยความเหนื่อยล้า อาชาแข็งใจเอื้อมมือหนาไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสาย ก่อนจะหยิบยกขึ้นมาแนบหูทันทีที่หน้าจอปรากฏชื่อของผู้เป็นมารดา อาชา : (ครับคุณแม่…มีอะไรหรือเปล่าครับ) น้ำเสียงทุ้มต่ำปนงัวเงียเอ่ยถามออกไป พร้อม ๆ กับรอฟังคำตอบจากผู้เป็นมารดา คุณแม่ : (อาชา…ยัยกวาง ฮึก ยัยกวางเสียแล้วลูก) เขาชะงักและนิ่งงันไปทันที มือไม้ที่ยกโทรศัพท์แนบหูอยู่กลับอ่อนแรงลง จนแทบจะปล่อยให้โทรศัพท์มือถือล่วงลงพื้น เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ในประโยคที่ผู้เป็นแม่พูดกรอกปลายสายว่า.. กันตา หรือกวาง น้องสาวเพียงคนเดียวของเขา เธอจะจากเขาไปรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้ อาชา : (อะไรนะครับคุณแม่) คุณแม่ : (น้องเสียแล้วลูก ฮือ..น้องเสียแล้ว) อาชา : (มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันครับ วันก่อนยัยกวางก็เพิ่งคุยกับผมหยก ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย) น้ำเสียงที่มีแต่ความกังวลถูกพ่นออกมาผ่านรอดไรฟัน ตอนนี้เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้มันคือเรื่องจริง คุณแม่ : (แม่ก็ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะเกิดเรื่องน้องร้องไห้ฟูมฟายวิ่งออกมาจากห้อง และบอกกับแม่ว่าจะออกไปหาต่อศักดิ์ น้องคงทะเลาะกับแฟนเลยต้องรีบร้อนออกไปแบบนั้น แม่พยายามห้ามน้องแล้ว แต่น้องไม่ฟัง ฮึก จากนั้นไม่นานแม่ก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจว่า... น้ำเสียงอันสั่นเครือของผู้เป็นมารดาพูดออกมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะฝืนเล่าต่อให้ผู้เป็นลูกชายได้ฟังจนจบ ...ตำรวจบอกว่าน้องขับรถมาด้วยความเร็ว ช่วงประคองรถเข้าโค้งได้มีรถยนต์คันหนึ่งพุ่งแซงปาดหน้ารถของน้องขึ้นมา จนยัยกวางต้องหักหลบอย่างกระทันหัน เลยพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าจนน้องเสียชีวิตคาที่) ผู้เป็นมารดาพูดออกมาได้เพียงเท่านั้น ก็ร่ำไห้สะอึกสะอื้นออกมาปานจะขาดใจ ไม่ต่างจากเขาผู้ซึ่งเป็นลูกชายที่ต้องนิ่งอึ้งไปนานพอสมควร ก่อนจะพยายามรีบตั้งสติ และปลอบโยนผู้เป็นแม่ที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย อาชา : (ไอ้ผู้ชายคนนั้น มันคือพี่ชายของเพื่อนสนิทยัยกวางใช่ไหมครับคุณแม่) น้ำเสียงเข้มปนขุ่นเคืองได้พ่นคำถามออกมาจากริมฝีปากหนาอีกครั้ง ประกอบกับแววตาดุดันแข็งกร้าว ที่แสดงออกมาผ่านทางใบหน้าคมคาย คุณแม่ : (ใช่ลูก ต่อศักดิ์เป็นพี่ชายของหนูต่าย ฮึก อาชารีบกลับมานะลูก แม่… แม่ใจจะขาดอยู่รอมร่อแล้ว…ฮือ…) อาชา : (ผมจะรีบกลับครับ คุณแม่ใจเย็น ๆ นะครับ ถ้าตอนนี้คุณแม่เป็นอะไรไปอีกคน ผมคงรับมันไม่ไหวแน่ ๆ ผมเป็นห่วงคุณแม่มากนะครับ) คุณแม่ : (จ้ะลูก) หลังจากวางสายชายหนุ่มจึงรีบลุกขึ้นมาจัดการตัวเองทันทีอย่างรีบร้อน ในขณะคู่ขาสาวสวยที่ผ่านศึกหนักบนเตียงมาด้วยกันยังคงนอนสลบไสลไม่รู้สึกตัว เนื่องจากสูญเสียพลังงานในช่วงก่อนหน้านี้ไปเยอะพอสมควร ในใจของชายหนุ่มตอนนี้กลับนึกทบทวนไปถึงเรื่องราวของน้องสาวเพียงคนเดียว ที่มักจะพูดคุยกับเขาเสมอ โดยเฉพาะเรื่องราวของต่อศักดิ์ ที่เธอคุยนักคุยหนาว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันดีแสนดี อีกทั้งเพื่อนสาวคนสนิทที่น้องสาวของเขาอยากจะให้เขาได้สนิทสนมกับเพื่อนรักของเธอ และอยากจะให้เพื่อนของเธอได้ทำความรู้จักกับเขา แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะไปเจอ หรือแม้แต่ทำไปความรู้จัก จะเห็นเพียงแค่รูปถ่ายที่น้องสาวถ่ายคู่กันกับเพื่อน แล้วลงอัพลงโซเชียลเพียงแค่นั้น “คุณอาชา นั่นคุณจะเก็บเสื้อผ้าไปไหนคะ” “เราจะกลับเมืองไทยกัน” “อะไรกันคะ ไหนบอกว่าจะพาพลอยเที่ยวให้ทั่วสวิตไง นี่เรามาได้เพียงสองวันคุณก็จะพาพลอยกลับ มันหมายความว่ายังไงคะ” เสียงบ่นเล็กแหลมจนแสบแก้วหู ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากบางของหญิงสาวคู่ขาคนใหม่ อาชา หรืออาชาไนย วัชรโชติ ชายหนุ่มรูปหล่อผู้แสนจะอบอุ่นและใจเย็น อีกทั้งยังพ่วงมาด้วยตำแหน่งเจ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาว และยังมีรีสอร์ตอีกหลายแห่งตามต่างจังหวัดที่เขาเป็นเจ้าของ อดีตเขาเคยเป็นถึงอาจารย์สอนสาขาบริหาร การจัดการโรงแรมของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง แต่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นผู้บริหารโรงแรมดังอย่างเต็มตัวหลังจากผู้เป็นพ่อเสียชีวิต นอกเหนือจากธุรกิจสีขาวที่เขาต้องดูแลแล้ว ยังมีธุรกิจสีเทาที่เขากับบรรดาเพื่อนสนิทได้เป็นหุ้นส่วนร่วมกันอีกด้วย นั่นก็คือค้าอาวุธสงคราม ด้วยความที่เป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรง อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยฐานะหน้าตาทางสังคม เขาก็ย่อมที่จะเนื้อหอม และเป็นธรรมดาที่จะมีหญิงสาวมากหน้าหลายตา ที่พร้อมจะพลีกายถวายตัวให้กับเขา และหนึ่งในนั้นก็คือคู่ขาคนใหม่ที่มีนามว่าพลอยใส ซึ่งชายหนุ่มพามาท่องเที่ยวไกลถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์ “น้องสาวผมประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แล้วคุณคิดว่าผมจะมีกะจิตกะใจเที่ยวต่ออยู่ไหมล่ะ!” อาชาสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อหญิงสาวเริ่มที่จะพูดจาเอาแต่ใจจนน่ารำคาญ “อะไรนะคะ” “ถ้าหูตึงก็ควรไปพบแพทย์ให้เขาตรวจเช็คดูบ้างนะ หรือถ้าคุณยังอยากจะเที่ยวต่อก็ตามสบาย แต่ผมต้องกลับเมืองไทยเดี๋ยวนี้!!” สิ้นประโยคชายหนุ่มก็รีบจัดเตรียมข้าวของของตัวเองเพื่อที่จะเดินทางกลับประเทศไทยทันที โดยที่ไม่สนใจหญิงสาวตรงหน้า ว่าเธอจะกระฟึดกระฟาดเพราะโดนขัดใจแค่ไหน เพราะผู้ชายอย่างอาชาไนยไม่เคยที่จะแคร์ผู้หญิงคนไหนเลยสักนิด ผู้หญิงพวกนี้เป็นได้มากสุดก็แค่คู่นอน ที่เอาไว้สนองความใคร่เพียงเท่านั้น “ทำไมคุณพูดกับพลอยแบบนี้คะ” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างกระเง้ากระงอด เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเลยสักครั้งที่ผู้ชายที่ดูใจเย็น แถมยังเย็นชาอย่างอาชาไนยจะพูดจาไม่ดีกับเธอ แต่เวลาที่เขาไม่พอใจ ไม่รู้ว่าคำพูดร้ายกาจพวกนี้เขาไปสรรหามาจากไหน @บ้านเดชากุล “ทางแบงค์เขาว่ายังไงบ้างคะพี่ต่อ” กนกรดาถามคำถามออกไป พร้อมกับจ้องหน้ารอฟังคำตอบจากผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งมีอายุห่างจากเธอถึงสิบปีอย่างใจจดใจจ่อ กนกรดา เดชากุล หรือกระต่าย สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปี เธอเป็นคนเรียบร้อย พูดน้อย อ่อนหวาน สดใสร่าเริง และมองโลกในแง่ดี หลังจากพ่อและแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต เธอก็ต้องอยู่กับพี่ชายตามลำพังเพียงสองคน แต่ช่วงสองปีมานี้บริษัทของพ่อแม่ที่พี่ชายเธอดูแลอยู่เริ่มมีปัญหาด้านการเงินเข้ามา จนต่อศักดิ์ผู้เป็นพี่ชาย และเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวของเธอจำต้องไปกู้หนี้ยืมสินมามากมาย “ไม่อนุมัติ” เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาพร้อมกับแววตาที่ดูเหนื่อยล้าเต็มที “เครดิตเราไม่ดีพอเพราะทางเราขาดส่งดอกเบี้ยหนี้มาเกือบจะห้าเดือนแล้ว ตอนนี้พี่มึนไปหมดแล้วต่าย พี่เครียดจนเส้นเลือดในสมองพี่จะแตกออกมาอยู่แล้ว ตอนนี้พี่ก็ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดีจึงจะสามารถฟื้นฟูบริษัทของพ่อแม่เราให้กลับคืนมาได้ นอกจากเราจะต้องยอมขายทอดตลาดกิจการทั้งหมดในราคาที่ถูก ๆ แต่ถึงกระนั้นต่อให้ขายได้พี่ก็ไม่รู้เลยว่ามันจะพอสำหรับใช้หนี้ทั้งหมดหรือเปล่า” สีหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายแสดงออกมาผ่านทางใบหน้าคมสันอย่างเห็นได้ชัด “พี่ต่อใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ” น้ำเสียงอ่อนหวานพูดขึ้นเพื่อปลอบพี่ชาย หลังจากที่เธอนิ่งเงียบไปชั่วขณะ “ภายในอาทิตย์นี้ถ้าพี่ไม่สามารถหาเงินไปคืนไอ้พวกเจ้าหนี้ที่พี่ไปกู้เงินพวกมันมา พี่คงต้องตายสถานเดียว ต่ายไปอยู่ที่อื่นกับพี่นะ พี่คงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วเพราะมันอันตรายเกินไป” “อย่าเพิ่งคิดในทางร้ายนักสิคะ บางทีเราอาจจะมีทางออกก็ได้ ถึงแม้ตอนนี้เราจะไม่สามารถทำให้ทุกอย่างมันกลับมามั่งคงเหมือนเดิมได้ในทันที แต่บางครั้งมันอาจจะมีอะไรดี ๆ ที่ทำให้เราได้หายใจหายคอคล่องขึ้นก็ได้นะคะ” ต่อศักดิ์ถอนหายใจออกมาพรืดยาว เมื่อจบประโยคของน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาได้พูดจบ “ต่ายคิดว่ามันยังจะมีอะไรดี ๆ ที่พอจะเป็นทางออกสำหรับเราอยู่อีกเหรอ?” “ตราบใดที่ตอนนี้เรายังมีลมหายใจอยู่กับตัว เราก็อย่าเพิ่งท้อแท้ และสิ้นหวังสิคะ” น้ำเสียงอันแน่วแน่ประกอบกับแววตาที่มาดมั่นของน้องสาวตัวเล็กของเขา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากระต่ายตัวน้อย ๆ ได้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว “แต่พี่ต้องไป พี่ไม่อยากจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับไอ้พวกมาเฟียนั่น ต่ายอย่าห้ามพี่เลยนะ” “อย่าไปเลยนะคะ” มือเรียวเล็กบอบบางเอื้อมไปจับแขนแข็งแกร่งของผู้เป็นพี่ชาย พร้อมกับเขย่าไปมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และขอร้องอ้อนวอนอีกฝ่าย “แต่พี่ต้องไป และพี่ก็อยากให้ต่ายไปกับพี่ด้วย” “ไม่ค่ะ ต่ายจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ต่ายจะอยู่ที่บ้านของเรา ทำไมเราต้องหนีด้วยคะ ในเมื่อพี่ต่อเป็นหนี้เขา เราก็ควรจะเจรจากับเขาดี ๆ เพื่อขอผ่อนปรนหนี้สินไปอีกซักหน่อยไม่ได้เหรอคะ ทำไมพี่ต่อต้องหนีด้วยคะ” “ต่ายจะไปรู้อะไร เงินที่พี่ไปกู้มามันเป็นหนี้นอกระบบ พวกมันไม่ให้พี่ผ่อนปรนได้อีกแล้ว ถ้าไม่หนีตอนนี้พวกมันเอาพี่ตายสถานเดียว ต่ายอยากให้พี่โดนพวกมันฆ่าตายหรือไง!!” น้ำเสียงเข้มพูดขึ้นด้วยความวิตกกังวล น้องสาวเขายังเด็ก และอ่อนต่อโลกจนเกินไป เธอมองโลกในแง่ดีมากซะจนมองข้ามภัยที่กำลังจะมาถึง ชายหนุ่มกระชากแขนให้หลุดพ้นจากมือเรียวบางของน้องสาวที่รัดกุม และรีบเดินปรี่ขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อเก็บเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทาง ก่อนจะพาร่างสูงโปร่งเดินลงมาข้างล่างด้วยความรีบร้อน “ต่ายดูแลตัวเองด้วยนะ พี่ต้องหลบไปอยู่ที่อื่นสักพัก ถ้าพี่หาทางออกได้ พี่จะกลับมาหาต่าย และพี่สัญญาพี่จะกอบกู้บริษัทของพ่อกับแม่ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม” พอจบประโยคชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก็เดินลิ่วออกไปทันที เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ว่าเธอจะร้องไห้ฟูมฟายมากมายแค่ไหน ถึงแม้ว่าเธอจะเหนี่ยวรั้งยังไงก็ไม่อาจจะห้ามพี่ชายของเธอได้เลย “ฮึก! แล้วต่ายจะอยู่ยังไงถ้าต่ายไม่มีพี่ ฮือ!!” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าต่างไหลรินลงมาอาบสองแก้ม เพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่ากำลังโดดเดี่ยว เท่าที่จำได้เธอร้องไห้ครั้งล่าสุดคือตอนที่เธอเสียพ่อกับแม่ไปอย่างกระทัน แต่มาคราวนี้เธอกลับต้องมาเสียพี่ชายเพียงคนเดียวไปอีกคน เพราะนอกจากพี่ชายเธอก็ไม่มีใครอีกแล้ว คำว่าจากลา ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย ต่างก็ย่อมเจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น ครืด ครืด ครืด!! เสียงโทรศัพท์มือถือแผดเสียงดังขึ้น ก่อนมือเรียวบางจะรีบยกขึ้นมาปาดคราบน้ำตา ที่รินไหลลงมาอาบแก้มเนียนใสอย่างลวก ๆ ดวงตากลมโตจ้องมองชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอสักพัก เมื่อรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทโทรเข้ามา กนกรดาจึงรีบกดรับสายทันที กระต่าย : (ฮัลโหล ว่าไงแก) ริสา : (ต่าย ฮือ..!!) กระต่าย : (ริสา แกเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม) ริสา : (กวาง ฮึก ยัยกวางเสียแล้วต่าย กวางเสียแล้ว ฮือ!!) กระต่าย : (อะไรนะ!!) มือเรียวบางที่จับโทรศัพท์มือถือต่างก็สั่นเทา สิ่งที่ริสาเพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกันพูดกรอกผ่านสายโทรศัพท์ ทำให้กนกรดาชะงักนิ่งไปทันทีราวกับโดนสาปเมื่อได้ทราบข่าวร้าย มือเรียวบางกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นจนสั่น ในชีวิตของเธอต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ อะไรพร้อมกันแบบนี้ด้วยนะ แล้วผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เช่นเธอจะรับมันให้ไหวได้ยังไงกัน เมื่อต้องมาสูญเสียคนที่รักและสำคัญในชีวิตของเธอแบบนี้ไปอีกคน กนกรดารีบกดวางสายทันที ก่อนจะรีบกดโทรออกหาผู้เป็นพี่ชาย เพื่อที่จะแจ้งข่าวร้ายให้พี่ชายเพียงคนเดียวของเธอได้ทราบ แต่ทว่าเธอกลับไม่สามารถที่จะติดต่อพี่ชายของเธอได้เลยตอนที่ 2 เจอหน้ากัน เมื่อเดินทางจากสวิตเซอร์แลนด์มาถึงมาตุภูมิ อาชาไนยให้ลูกน้องเอากระเป๋าเดินทางใบโตขึ้นไปเก็บในเพ้นท์เฮ้าส์จนเสร็จสรรพ ก่อนจะรีบเดินทางไปที่ศาลาตั้งศพและบำเพ็ญกุศลที่วัดทันที @ศาลาบำเพ็ญกุศล ริสาเห็นกระต่ายเพื่อนสาวยังคงนั่งเศร้าซึม เธอจึงรู้สึกเป็นห่วงเลยพลอยไม่สบายใจและเป็นทุกข์ไปด้วย ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองไปยังภาพถ่ายของกันตาเพื่อนรักของเธอ ซึ่งตอนนี้ต่างล้อมรอบและประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากหลายสีสัน เธอดำดิ่งอยู่ในห้วงความคิดยาวนานจนน่ากังวล สายตาเหม่อลอยยังคอยจดจ้องมองหน้าเพื่อนรัก ผ่านภาพถ่ายอยู่แบบนั้นเป็นเวลานานหลายนาทีแล้ว “ต่าย กินอะไรสักหน่อยเถอะ สาไม่เห็นต่ายทานอะไรเลยตั้งแต่เช้าเลยนะ เดี๋ยวก็ป็นลมเป็นแล้งไปอีกคนหรอก ถ้าต่ายเป็นอะไรไปอีกคนสาจะทำยังไง สาไม่มีเพื่อนที่ไหนอีกแล้วนะ” ริสายื่นแซนด์วิชกับนมให้กนกรดาด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นเพื่อนเอาแต่นั่งจ้องภาพถ่ายของกันตาอยู่แบบนี้นานหลายนาทีแล้ว “ขอบใจมากนะริสา แต่ต่ายทานไม่ลงจริง ๆ พูดตรง ๆ เลยว่าตอนนี้ต่ายยังทำใจไม่ได้ ต่ายไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากวางจะทิ้งพวกเราไปเร็วขนาดน
ตอนที่ 3 โกรธแค้น “หนูต่าย หนูริสา พาผู้กองไปหาที่นั่งก่อนสิลูก แล้วค่อยไปจุดธูปให้แขกเหรื่อที่มาเคารพศพ” คุณหญิงมณีพูดขึ้น ก่อนกนกรดาจะพยักหน้าตอบรับเบา ๆ “ค่ะคุณแม่” ผู้กองปริญเข้าไปหาที่นั่งสมทบกับแขกเหรื่อ ที่เริ่มทยอยกันมาหนาตามากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่กนกรดาและริสาเข้าไปนั่งจุดธูปให้กับแขกเหรื่อที่เข้ามาเคารพศพของเพื่อนรัก ชั่วครู่อาชาไนยก็เข้ามานั่งพับเพียบอยู่หน้าพระสงฆ์สี่รูป ซึ่งกำลังนั่งเพื่อที่จะเริ่มทำพิธี เขาปรายสายตาคมกริบหันมามองกนกรดาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ก่อนเธอจะรีบหลบสายตาคมกริบคู่นั้นของเขาทันที เธอถึงกับร้อน ๆ หนาว ๆ ให้กับสายตาที่มีแต่ความขุ่นเคืองที่มองมาทางเธอ “ต่าย ทำไมพี่อาชาถึงได้มองต่ายด้วยสายตาแบบนี้นะ” ริสาเริ่มตั้งข้อสังเกต เพราะเธอหันไปเจอเข้ากับสายตาคู่นั้น ที่กำลังจ้องหน้ากระต่ายเพื่อนสาวของเธอ ด้วยสายตาเหมือนคนที่โกรธแค้นชิงชัง และกนกรดาเองก็เห็นด้วยกับข้อสังเกตของเพื่อนเช่นกัน “นั่นสิ แต่ก็ช่างเขาเถอะ ต่ายว่าเราลงไปนั่งที่เก้าอี้ข้างล่างกันไกล ๆ เขาดีกว่า” ริสาพยักหน้าตอบรับเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น และก้าวตามเพื่อนสาวไป ในขณะที่เ
ตอนที่ 4 จะชดใช้ยังไง หลังจากงานศพของกันตาเสร็จสิ้นไปได้สองอาทิตย์ กนกรดาต่างก็ดำเนินชีวิตเป็นไปตามปกติอย่างเช่นทุกวัน ต่อศักดิ์พี่ชายเพียงคนเดียวของเธอได้ติดต่อมาหาเธอเพียงแค่หนึ่งครั้ง เพื่อส่งข่าวมาบอกน้องสาวว่าตอนนี้เขาได้ขายทอดตลาดกิจการทั้งหมดด้วยราคาที่ถูก ๆ ให้กับคุณอาดนัย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเธอ ตอนนี้บริษัทของพ่อแม่เธอที่สร้างขึ้นมาได้ตกไปเป็นของคนอื่นแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอใช้หนี้ทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ เพราะหนี้นอกระบบที่ต่อศักดิ์ไปกู้ยืมมาจากพวกมาเฟียนั้นมากกว่าห้าสิบล้านบาท จนถึงตอนนี้เขาเองก็ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทางด้านตัวของกนกรดาเองเธอก็ต้องดิ้นรนเพื่อหางานพิเศษทำ เพราะเธอไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว พี่ชายเพียงคนเดียวที่เธอมีอยู่ก็ไม่สามารถที่จะอยู่กางปีกปกป้องน้องสาวเช่นเธอได้อีกต่อไป เงินที่ต่อศักดิ์โอนมาให้เธอจำนวนห้าแสนบาท เพื่อให้เธอเก็บไว้ใช้จ่าย เธอเองก็ไม่กล้าที่จะเอามันออกมาใช้เลยด้วยซ้ำ เพราะเธออยากจะเก็บเอาไว้เพื่อใช้ในคราวจำเป็น เธอเองจึงต้องหางานพิเศษทำช่วงหลังเลิกเรียน สายฝนที่กระหน่ำโปรยปรายลงมาอย่างหนักเป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้ว ทำให้ร่างเล
ตอนที่ 5 ขอร้อง เสียงกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอของเธอดังเล็ดลอดออกมาให้เขาได้ยิน ในขณะที่เธอนอนหอบกระเส่าหายใจโรยริน พร้อมกับพยายามขยับหนีมือหนาของเขาราวกับว่ารังเกียจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อาชาไนยนึกรำคาญ และรู้สึกเดือดดาลที่เธอทำเหมือนขยะแขยงเขามากมายขนาดนี้ มือหนาของเขากระชากอกเสื้อจนขาดแคว่กติดมือออกมาพร้อม ๆ กับบราเซียตัวจิ๋วที่ปกปิดเต้าอวบ ก่อนปทุมคู่งามจะดีดเด้งออกมาจนเผยให้เห็นต่อหน้าต่อตาของชายหนุ่ม เสียงอันแหบพร่าของหญิงสาวได้กรีดร้องออกมาทันทีด้วยความหวาดกลัว ผู้ชายคนนี้เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้มาทำอะไรป่าเถื่อนแบบนี้กับเธอ นี่น่ะเหรอผู้ชายที่เพื่อนรักของเธอเคยบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ใจดีและอบอุ่น แต่ที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับซาตานร้ายชัด ๆ “อย่านะคะ ขอร้อง…” มือเรียวบางพยายามจะยกขึ้นมาไหว้อ้อนวอนขอร้องคนตรงหน้า ด้วยสีหน้าและแววตาที่เว้าวอน “ขอร้อง? งั้นก็เอาสิ ร้องสิ!” อาชากระซิบเบา ๆ ข้างใบหูขาวเนียนอย่างกวนประสาท ก่อนจะจรดริมฝีปากหนาลงไปที่แก้มนวลเนียนหอมกรุ่นของเธอเบา ๆ จนคนใต้ร่างต่างขนลุกขนพองไปด้วยความสยิว กนกรดาสั่นศีรษะเบา ๆ กลั้นล
ตอนที่ 6 ความลับที่เพื่อนรู้ รถสปอร์ตสุดหรูได้ขับเคลื่อนเข้ามาภายในบริเวณโรงแรมหรูระดับห้าดาวซึ่งเขาเป็นเจ้าของ ก่อนร่างสูงโปร่งกำยำในชุดสูทสากลจะก้าวขายาว ๆ เข้ามาภายในโรงแรม ตามด้วยลูกน้องอีกสองคนเดินมาตามประกบผู้เป็นเจ้านายติด ๆ ใบหน้าคมคายภายใต้สีหน้าเรียบนิ่งของชายหนุ่มสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ เพียงแค่ผู้บริหารหนุ่มรูปหล่อเดินเข้ามาภายในโรงแรม พนักงานทุกคนต่างก็ชื่นชมในความหล่อดูดีและสมบูรณ์แบบของเขา ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาท่าทางที่ดูสุขุมและสง่า ภายใต้ส่วนสูงที่คาดว่าคงไม่ต่ำกว่า185เซนติเมตรนั้น แทบจะหาที่ติไม่ได้เลยตั้งแต่หัวจรดเท้า อาชาไนยเดินเลี่ยงเข้าลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหาร เพื่อมุ่งตรงไปยังชั้นเป้าเหมายทันทีด้วยความรีบร้อน เพราะเขามีเรื่องที่จะต้องสะสางอีกมากโข “เรื่องไอ้ต่อศักดิ์เป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามเมธีลูกน้องคนสนิทขึ้น เมื่อเข้ามาอยู่ภายในลิฟต์เรียบร้อยแล้ว “ไม่เจอตัวมันเลยครับนาย มันหายไปราวกับว่าหายตัวได้” “ตามหามันต่อไป กูจะลากคอมันให้กลับมาคลานเข่าเหมือนหมาขี้เรื้อนเพื่อขอโทษน้องสาวกูต่อหน้าอัฐิยัยกวางให้ได้” “สายรายงานความคืบหน้าล่าสุด
ตอนที่ 7 คิดหนี หลายวันมานี้อาชาไนยไม่ได้กลับไปที่เพ้นท์เฮ้าส์ เขาเลือกที่จะกลับไปนอนที่บ้าน พอตอนเช้าก็เข้ามาทำงานที่โรงแรม จนดาหวันเลขาสาวสวยได้แต่นึกแปลกใจ เพราะตอนแรกผู้เป็นเจ้านายบอกกับเธอว่าอาจจะไม่ได้เข้ามาที่โรงแรมอีกหลายวัน แต่เธอก็ยังเห็นเจ้านายหนุ่มสุดหล่อยังคงมาทำงานตามปกติอยู่ทุกวันเหมือนเดิม จนเธอเองได้แต่คิดว่าเจ้านายของเธอคงจะเป็นไบโพล่า นิ้วมือเรียวยาวพลิกเปิดอ่านแฟ้มเอกสารตรงหน้าไปมา และตรวจเช็ครายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบ “คุณอาชาคะ คุณพลอยใสมาขอเข้าพบค่ะ” เสียงปลายสายจากเลขาสาวสวยดังขึ้น ก่อนชายหนุ่มจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างรู้สึกเบื่อหน่าย “อืม ให้เธอเข้ามาได้” น้ำเสียงทุ้มต่ำกรอกผ่านปลายสาย ก่อนหญิงสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่มีนามว่าพลอยใสจะเดินกรีดกรายเข้ามาภายในห้อง “คุณอาชาข๋า..กว่าจะให้พลอยเข้าพบได้ พลอยนี่แทบจะต้องไปดูดวงล่วงหน้าแล้วนะคะเนี่ย” เสียงหวานเย้ายวนชวนขนลุกดังมาจากประตูทางเข้า ใบหน้าคมคายละจากกองเอกสารตรงหน้า พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองทางเจ้าของต้นเสียงนั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนร่างสูงเพรียวราวกับนางแบบของพลอยใสคู่ขาคนโปรดรายล่าสุ
ตอนที่ 8 ของฝาก “ปล่อยให้ผมจัดการเองครับนม ผู้หญิงพยศอย่างยัยนี่ ต้องกำราบให้เข็ด!!” น้ำเสียงแข็งกร้าวตวาดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะหันมารวบต้นแขนของเธอแรง ๆ ราวกับว่าจงใจจะให้กระดูกเธอหักออกมา “ปล่อยนะคะ ฉันเจ็บ!!” เสียงอุทานถูกพ่นออกมาในลำคอ เมื่อฝ่ามือหนาราวกับศิลายื่นออกมาบีบคางเรียวเล็กของเธออย่างแรง และเชยคางขึ้นให้มาสบกับดวงตาแข็งกร้าวของเขา มือเรียวบางพยายามแกะมือหนาของเขาออกจากใบหน้า แต่มันก็ไม่เป็นผล “บอกฉันมา ว่าไอ้ต่อศักดิ์พี่เธอมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!!” น้ำเสียงแข็งกร้าวถูกพ่นออกมาอีกครั้ง กนกรดาได้แต่ส่ายศีรษะไปมา พร้อมกับน้ำตารินไหลรดหลังมือหนาที่บีบคางเธอไว้ แต่กระนั้นเขาก็ยังลงแรงบีบคางเธอแรงขึ้นอีก “ฉะ ฉันไม่รู้ ฮึก!” น้ำเสียงสั่นคลอนพูดออกมาอย่างยากลำบาก “อย่ามาตอแหล!! เธอเป็นน้องมัน เธอต้องรู้อะไรบ้าง พวกเธอมีญาติโกโหติกาอยู่ที่ไหนอีก บอกฉันมาให้หมด!!!” เขาออกแรงอีกครั้งจนใบหน้าเนียนใสแดงปื้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นกนกรดายังคงเม้มปากแน่น ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ อย่างคนหมดเรี่ยวแรง โดยไม่มีแม้แต่คำตอบใด ๆ ให้เขา เพราะเธอเองไม่รู้จริง ๆ ว่าพี่ชา
ตอนที่9 อยากให้ฉันทำอะไร อาชาไนยสบถออกมาอย่างเหลือดอด ก่อนจะปล่อยข้อมือเล็กของเธอให้เป็นอิสระอีกครั้ง กนกรดารีบดึงมือออกมาจากแผ่นหลัง และพยายามที่จะดันแผ่นอกกว้างกำยำของเขาให้ออกห่างจากตัว แต่มือหนายังคงจับข้อมือเธอเอาไว้ข้างหนึ่ง ขณะมืออีกข้างเริ่มที่จะลูบไล้แผ่นหลังเนียนนอกเสื้อเชิ้ตนั้นไปมา เขาแน่ใจว่ากนกรดาไม่ได้สวมอะไรไว้ข้างใน นอกจากเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งของเขาเพียงตัวเดียว ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ก่อนจะก้มลงกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจนน่าขนลุก “เธอไม่ชอบชุดที่ฉันซื้อให้เมื่อตอนกลางวันเหรอ?” “คะ..คือ” กนกรดาได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ และพยายามผลักไสเขาให้ออกจากห่างจากตัวเธอที่กำลังตัวสั่นเทาราวกับลูกนก เธอกำลังหวาดกลัวเมื่อเขายังคงลูบไล้แผ่นหลังของเธอไปมาอยู่แบบนี้ ประกอบกับรอยยิ้มอันเยือกเย็นที่ยกยิ้มมุมปากมองเธอด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์เขาไม่ถูก “คุณ ยะ อย่าทำแบบนี้นะคะ” “ทำไม! ถ้าเธอไม่ชอบให้ฉันทำแบบนี้ แล้วทำไมไม่แต่งตัวให้รัดกุม และดูเรียบร้อยกว่านี้ล่ะ ทั้งที่ฉันเองก็เอาชุดชั้นในพวกนั้นให้เธอไปแล้ว” อาชาไนยลากไล้ฝ่ามือหนาต่ำลงเรื่อย ๆ จนถึงสะโพกกลมกลึง ก่อนจะกอบก
ตอนพิเศษ2 ครอบครัวอบอุ่น(จบบริบูรณ์) ~เช้าวันต่อมา~ “แง้ แง้ แง้!!” “โอ๋ ๆ อย่าร้องนะครับลูก เดี๋ยวแม่ก็มาแล้วครับ คุณแม่อาบน้ำแป๊บเดียวนะครับ” คุณพ่อมือใหม่อุ้มลูกชายตัวน้อยไว้ในอ้อมกอด ด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เขาโอ๋และทำทุกอย่างแล้วจริง ๆ แต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ยังตั้งหน้าตั้งตาแหกปากร้องลั่นไปทั่วทั้งบ้าน อีกทั้งยังไม่ยอมเอาใครอีก แม้แต่คนใช้ภายในบ้านมาช่วยโอ๋หยอกล้อแล้วแต่ก็ยังร้องไม่หยุด วันนี้คุณย่าก็ไม่อยู่ด้วยเพราะไปเป็นเจ้าภาพทอดกฐินที่ต่างจังหวัด เขาเลยต้องทำหน้าที่พ่อลูกอ่อนอย่างเต็มที่เพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงลูก อีกทั้งยังหอบงานมาทำที่บ้านอีกตั้งแต่ภรรยาคลอด “แง้ แง้ แง้!!” “พ่อขอเถอะครับอคินหยุดร้องได้แล้วครับ โอ๋ โอ๋” “แหม๋….ไอ้คุณพ่อมือไหม่ ไปทำอีท่าไหนให้ลูกร้องไห้เสียงดังคับบ้านได้ขนาดนี้วะ” คีตภัทรพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในเขตบริเวณบ้านวัชรโชติก็ได้ยินเสียงเด็กร้องดังคับบ้าน วันนี้ครอบครัวคีตภัทรและเจไดนัดกันมาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ อีกทั้งลูก ๆ ของพวกเขายังอยากจะมาเล่นกับอคินน้องคนเล็กสุดอีกด้วย แต่ก็ต้องเจอเข้ากับคุณคุณพ่อมือใหม่ป้ายแดงที่กำลังโอ๋ลูกช
ตอนพิเศษ 1 อยากเอาเมีย เก้าเดือนผ่านไป… สายตาคมกริบจ้องมองไปยังร่างบางของผู้เป็นภรรยาที่ทำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกใบโตหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ มือหนาตบก้นลูกชายตัวน้อยเบา ๆ ก่อนรอยยิ้มบาง ๆ จะปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าคมคาย ในขณะที่ไม่ยอมละสายตาจากภรรยาสาวสวยที่ไม่เหมือนคนที่เพิ่งผ่านการคลอดลูกมาเลยสักนิด แต่เธอกลับดูมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อน และเขากลับชอบเธอในตอนนี้มาก ๆ “ตกลงพี่อาชาจะมองต่ายหรือว่าจะกล่อมลูกคะ” ร่างบางเดินทอดกายเข้ามาหาเขาที่นอนกล่อมลูกอยู่บนเตียง เพราะเธอเห็นสายตาคมของผู้เป็นสามีผ่านหน้ากระจกที่เอาแต่จ้องมองเธออย่างไม่วางตามาสักพักแล้ว “ก็เมียพี่สวย พี่จะมองเมียไม่ได้เลยเหรอครับ หื้ม?” “ปากหวานจังเลยนะคะ” เธอตอบพรางยิ้มอ่อนส่งให้เขา ก่อนจะก้าวขาขึ้นมาบนเตียงที่มีเขากับลูกชายตัวน้อยนอนอยู่ ในขณะที่มือหนาของผู้เป็นสามียังคงตบก้นกล่อมลูกชายตัวเล็กไปพลาง ๆ มือตบก้นลูกแต่สายตาคมยังจดจ้องใบหน้าหวานของเมียสาวไม่วางตา “นอกจากปากหวานแล้ว อย่างอื่นก็หวานนะครับ” สายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวมองไปที่ภรรยาพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ตลอดเวลาหลายเดือนที่เขาต้องอดกลั้นที่จะไม่แตะต
ตอนที่ 63 ฮันนีมูน2 NC+ “ว่ายังไงครับ จะแก้แค้นพี่ทั้งที เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาพี่เองทำไม หื้ม?” น้ำเสียงเรียบเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนเขาจะเลื่อนมือหนามาที่ยอดอกอีกข้างไล้วนเป็นวงกลม ก่อนจะโน้มใบหน้าคมคายลงไปจูบปลายยอดปทุมถันแผ่วเบา เขาจงใจยั่วให้เธอคลั่ง เหมือนที่เธอเพิ่งจะยั่วจนเขาแทบคลั่งตาย “ก็ถ้าพี่อาชาเป็นเด็กดี ก็จะไม่โดนลงโทษไงคะ” “จริง ๆ แล้วนี่คือบทลงโทษผัว...” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะเว้นวรรคไปช่วงหนึ่ง เขาก้มลงจูบซับความหวานที่ริมฝีปากนุ่มอีกครั้ง ขณะเคลื่อนฝ่ามือลงไปสู่ความอ่อนนุ่มชุ่มชื่นเบื้องล่างที่ตอนนี้ฉ่ำแฉะจนเปียกชุ่ม “หรือรางวัลใหญ่จากเมียกันแน่ หื้ม..?” มือหนาซุกซนสอดแทรกไปตามรอยแยกกลีบกุหลาบขึ้นลงไปมา พร้อมกับบดบี้ปุ่มกระสันจนขนอ่อนของเธอลุกพองไปหมดทั้งตัว “ถ้าพี่เป็นเด็กดี แล้วพี่จะได้อะไรตอบแทนบ้างล่ะ?” หากแต่เพียงริมฝีปากแตะถูกความหอมหวานอ่อนไหว เขาก็อดไม่ได้ที่จะและเล็มไล้เลียแล้วดูดกลืนเธอเอาไว้ในปาก เขาต้องหักห้ามใจอย่างหนักในการถอนริมฝีปากออก โดยเฉพาะเมื่อเธอทอดกายยินยอมไม่ขัดขืนหรือสะบัดหนีเลยสักนิดแบบนี้ กนกรดารั้งศีรษะเขาลงมาจูบคลึงอย่า
ตอนที่ 62 ฮันนีมูน1 NC+ อาชาไนยลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แช่มชื่นกับยามเช้าที่แสนจะสดใส หลังจากเมื่อวานนี้เขาพาภรรยามาฮันนีมูนอย่างจริงจังเสียทีที่เกาะส่วนตัวของครอบครัวเขาเอง เกาะแห่งนี้มีพื้นที่เพียงราวๆ ห้าไร่ และปรับพื้นที่มากกว่าครึ่งให้เป็นบ้านพักตากอากาศสไตล์นอร์ดิก อาณาบริเวณโดยรอบถูกจัดและตกแต่งอย่างสวยงาม เขาสั่งให้คนดูแลนำกุหลาบมาปลูกหลากหลายสายพันธุ์บานสะพรั่งไปทั้งสวน กลิ่นกุหลาบหอมโชยเบา ๆ เข้ามาถึงในห้อง ชายหนุ่มกวาดมือหนาไปยังเตียงนอนที่เย็นเฉียบเพื่อควานหาคนที่นอนอยู่ข้างกาย หมายจะดึงเจ้าของร่างนุ่มนิ่มนั้นเข้ามากอดแนบอก แต่แล้วก็พบเพียงความว่างเปล่า อาชาไนยรีบลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีและรีบลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าคมสัน เมื่อมองเห็นกุหลาบดอกหนึ่งวางอยู่บนหมอนของภรรยาสาว อีกทั้งยังมีการ์ดผูกไว้และเขียนใจความว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะที่รัก ขอให้เช้าวันนี้...เป็นวันที่พี่อาชามีความสุขที่สุดนะคะ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปม ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ออกมาอย่างไม่เข้าใจข้อความในกระดาษนั้นสักเท่าไหร่ จริง ๆ แล้วเขาก็มีความสุขทุกวันมาตลอดตั้งแต่แต่งงานกับเ
ตอนที่ 61 คนขี้หวง @บ้านวัชรโชติ “ต่ายล่ะครับคุณแม่” อาชาไนยถามขึ้นเมื่อกลับเข้ามาภายในบ้านแต่มองหาคนตัวเล็กไม่เจอ วันนี้เขากลับบ้านเร็วเป็นพิเศษเพราะกะว่าจะพาภรรยาออกไปทานข้าวเย็นนอกบ้าน “อ่อ หนูต่ายออกไปทานข้าวกับหนูริสาน่ะลูก แต่ออกไปตั้งแต่เที่ยงแล้วนะ ป่านนี้ทำไมยังไม่กลับมาอีกก็ไม่รู้” “ต่ายไปกับใครครับคุณแม่” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นประกอบกับสีหน้าที่เริ่มมีแต่ความกังวล ที่แสดงออกมาผ่านทางใบหน้าหล่อเหลานั้น “เอ่อ…หนูต่ายขับรถไปเองน่ะลูก แม่เป็นคนอนุญาตให้น้องไปเอง อาชาอย่าดุน้องนะลูก” พูดเพียงแค่นั้นมือหนาก็รีบล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงทันที ก่อนจะกดโทรออกไปยังคนปลายสายด้วยความเป็นห่วง อาชา : (ฮัลโหล ต่ายอยู่ไหน ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับบ้านอีก) กระต่าย : (พอดีรถต่ายเสียค่ะพี่อาชา คุณหมอนัตถ์เลยมาส่งค่ะ ตอนนี้ใกล้จะถึงบ้านแล้วค่ะ) อาชา : (อะไรนะครับ รถเสีย? แล้วทำไมไอ้หมอนัตถ์ถึงมาส่งได้) น้ำเสียงทุ้มปนหงุดหงิดถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหนา น้ำเสียงนั้นต่างแฝงไปด้วยความไม่พอใจ เพราะอาการขี้หึงขี้หวง กระต่าย : (เอ่อ พอดีหมอนัตถ์ขับรถผ่านมาเจอค่ะ เลยอ
ตอนที่ 60 เขาเกิดมาเพราะความรัก หลังจากงานฌาปนกิจศพของต่อศักดิ์เสร็จสิ้น เจ้าของร่างบางก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านจากที่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว เมื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้วเธอก็นั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในห้องนอนส่วนตัว ก่อนผู้เป็นสามีจะเดินเข้ามาโอบกอดและหอมแก้มนุ่มนิ่มนั้น ฟอด ฟอด!! “พี่อาชา ต่ายตกใจหมดเลยค่ะ” น้ำเสียงหวานใสพูดขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ผู้เป็นสามีก็เข้ามาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ “คิดอะไรอยู่ครับ หื้ม?” “เปล่าหรอกค่ะ กว่างานพี่ต่อจะเสร็จพี่อาชาเหนื่อยไหมคะ?” “เหนื่อยสิครับ พี่ถึงต้องหาอะไรให้ชื่นใจ อย่างเช่นหอมแก้มหอม ๆ ของต่ายไง” “ขอบคุณนะคะ ที่เป็นธุระจัดการเรื่องงานศพของพี่ต่อทุกอย่าง ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยขึ้นมาด้วยความจริงใจ ก่อนเขาจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าคมคายลงไปแนบกับเรียวปากอวบอิ่มของเธอเบา ๆ อีกครั้ง เธอไม่มีท่าทียั่วยวนเขาเลยสักนิด แต่เขาแค่ต้องการอยากจะจูบปลุกปลอบให้เธอได้หายเศร้าบ้าง แต่ร่างกายเจ้ากรรมมันกลับไม่ฟังคำสั่งเขา เพียงแค่ร่างนุ่มอวบเฉพาะส่วนตกอยู่ในอ้อมแขน แค่ได้ลิ้มรสริมฝีปากหอมหวานเพียงแผ่วเบา เขาก็หอบหายใจกระ
ตอนที่ 59 สูญเสีย ระหว่างทางที่รถยนต์คันหรูได้ขับเคลื่อนตัวไปตามถนนอยู่นั้น อาชาไนยได้หยิบไอแพดเครื่องหรูขึ้นมาเพื่อรับไฟล์งานด่วนจากเลขาสาวสวยอย่างคุณดาหวันขึ้นมาเปิดอ่าน เขาเห็นว่าเธอแอบลอบมองมาเป็นระยะ ก่อนเขาจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอพร้อมกับกะพริบตางง ๆ เมื่อเห็นว่าเธอแสร้งหลบตาหันมองออกไปนอกรถ อาชาไนยหันกลับมาย้ำให้เลขาจัดการเรื่องงานที่เขาสั่งให้เรียบร้อยอีกครั้ง แต่คราวนี้เมื่อเขาหันกลับไปทางร่างบางที่อยู่ทางซ้ายมือ ก็เห็นเธอหันมาเหลือบมองหน้าจอไอแพดอีกครั้งอย่างสงสัยใคร่รู้ “พี่คุยกับเลขา คุณดาหวันน่ะ” อาชาไนยรีบเอ่ยบอกทันที เพราะเขาไม่อยากจะให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาคุยกับผู้หญิงคนอื่น จนบางครั้งเขาก็นึกอยากจะเปลี่ยนเลขาใหม่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เนื่องจากดาหวันเธอทำงานเก่งอย่างหาตัวจับยากและมีความรับผิดชอบสูง ที่สำคัญเธอรักษาความเป็นลูกน้องเจ้านายกับเขาได้ดีเลิศ ถึงแม้พอจะรู้ว่าดาหวันเองก็ชอบเขาอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ไม่เคยคิดหาเรื่องให้ตัวเองต้องมาตกงานเหมือนอดีตเลขาบางคนของเขา ที่คิดจะยกระดับตัวเองด้วยการจับเขาปล้ำในห้องทำงานกลางวันแสก ๆ “ค่ะ ต่ายไม่ได้ว่าอะไร” เธอตอบเพียงส
ตอนที่ 58 คลั่งรัก2 เช้าของวันใหม่… กนกรดาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง แต่ก็ซาบซ่านไปด้วยความสุขอย่างที่สุด เธอบิดตัวน้อย ๆ เหมือนลูกแมวขี้เชา ก่อนจะขยับตัวซุกเข้าหาร่างใหญ่หนาเปลือยเปล่าเพื่อหลบหนีไอหนาวจากเครื่องปรับอากาศ เพียงแค่เธอพลิกตัวกอดก่าย โคนขานุ่มก็กระทบเข้ากับความตื่นตัวเต็มที่ยามเช้าของเขาที่ชี้โด่ดุนดันอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา กนกรดาถึงกับชะงักนิ่งไปทันที ยิ่งเขากอดตอบพร้อมกับฝ่ามือหนาลูบไล้เรียวแขนนุ่มนิ่มแผ่วเบา ยิ่งสร้างความเสียวซ่านจนขนอ่อนลุกพองไปทั้งตัว เขาเลื่อนลูบลงไปถึงสะโพกกลมกลึงเปลือยเปล่า ยิ่งทำให้เธอสะดุดลมหายใจจนเลือดในกายปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ความเจ็บระบมจากการบรรเลงศึกสวาทเมื่อคืนนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เธอจึงลืมตามองเขาที่กำลังจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างวอนขอ “พี่รู้ว่าต่ายไม่ไหว” เขากระซิบสั้น ๆ เพราะพอจะทราบดีว่าเมื่อคืนนั้นเขาใช้งานเธอหนักเกินไป และรังแกเธอไปหลายรอบ เขาจะให้เวลาเธอได้พักบ้าง อย่างน้อย…ก็คงจะแค่ช่วงกลางวัน อาชาไนยก้มลงจุมพิตเรียวปากอวบอิ่มที่ยังบวมเจ่อเบาๆ ก่อนจะชักชวนเธอเข้าไปอาบน้ำ “สายแล้ว เราไปอาบน้ำกั
ตอนที่ 57 คลั่งรัก1 NC+ เธอกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้ เมื่อสองมือและริมฝีปากอันร้อนฉ่าของเขาครอบลงมายังเนินทรวงอวบอิ่มทั้งสองของเธออีกครั้ง ก่อนเธอจะรีบบอกด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เพราะความแข็งแกร่งที่เต้นตุบตุบอยู่ตรงต้นขาของเธอ ได้ขยับเข้ามาใกล้ความลึกลับที่สุดในกายสตรีเข้าทุกที “คนเลวพวกนั้นมันยังไม่ได้ทำอะไรต่ายค่ะพี่อาชา นอกจากตบตีและฉีกเสื้อผ้าต่าย เพราะมันโกรธ โกรธที่ต่ายขัดขืน แล้ว... แล้วพี่อาชาก็มาช่วยต่าย พี่มาช่วยต่ายทันค่ะ” อาชาไนยชะงักไปทันที ก่อนจะยืดตัวขึ้นมามองสบตาด้วยสายตาที่เธออ่านไม่ออกครู่หนึ่ง ก่อนใบหน้าคมคายจะคลี่รอยยิ้มออกมา เขาโน้มลงมาจุมพิตอ่อนหวาน พร้อมกระซิบบอกชิดริมฝีปากอิ่มอย่างภาคภูมิในตัวเธอ “เก่งมาก ที่รัก” เขาครางเรียกเสียงสั่นขณะเลื่อนมือสู่กลีบกุหลาบงามและซุกไซ้ปลายนิ้วเข้าไปจนเธอซาบซ่านไปทั้งร่าง เขาเพิ่มนิ้วจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม สอดแทรกเสียดสีจนเธอแทบจะครองสติไม่อยู่ “อ้ะ อ๊า..” เสียงร้องครางดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ ก่อนเธอเธอหวีดร้องเสียงหวานเมื่อถูกเขาส่งขึ้นไปแตะปลายขอบฟ้าเรืองรอง “อร๊ายยยย อื้มม