อันเซี่ยกลับมาแล้วหลังจากนั้นหนึ่งวัน นกพิราบที่อันเซี่ยส่งออกไป ก็นำเอาข่าวสารกลับมา"สงครามเมื่อหนึ่งปีก่อนนั้น ทั้งเสวียนอ๋องและหลีอ๋องเองก็เข้าร่วมด้วย""ทั้งคู่เหรอ?" กู้อวิ๋นซีเลิกคิ้ว "เช่นนั้น คนที่ไปช่วยที่ค่ายศัตรู...""พวกเขาไปทั้งคู่เจ้าค่ะ" อันเซี่ยตอบอย่างจนใจ "ตอนนั้นแยกกันไปคนละทาง แต่เนื่องด้วยทั้งคู่มีหน้าตาเหมือนกัน และล้วนมีเจตนาต้องการหลอกทหารศัตรูทั้งคู่ ดังนั้น ทุกคนก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนไปช่วยคุณหนูที่ถูกจับตัวไปยังค่ายศัตรูกันแน่เจ้าค่ะ"กู้อวิ๋นซีแววตาขรึมขึ้นเล็กน้อยดังนั้น อันเซี่ยก็ยังไม่มีทางรู้ว่าวันนั้นคนที่ช่วยนางออกมาจากค่ายทหารเป็นใครกันแน่อย่างนั้นเหรอ?"คุณหนู ให้เวลาข้าอีกสักหน่อย ข้าจะต้องสืบรู้ได้แน่เจ้าค่ะ" อันเซี่ยไม่อยากเห็นนางต้องเศร้าโศกเสียใจ"ไม่จำเป็นหรอก บนตัวของจวินฉู่หลี มีรอยแผลเป็นจากมีดที่ข้าฝากไว้ในวันนั้น"ดังนั้นแล้วนางยังคาดหวังอะไรอยู่อีก?คนที่ช่วยนางในตอนแรก เป็นจวินฉู่หลีจริงๆเกี่ยวอะไรกับจวินเย่เสวียนด้วยล่ะ?นัยน์ตาของกู้อวิ๋นซี ปรากฎเป็นรอยยิ้มเรียบเฉยบางๆ "บางทีสำหรับข้าในตอนนี้แล้ว คนที่ช่วยข้าในตอนแรกเป็นใ
"เจ้าก็รู้ดีว่าหลีเออร์ชอบนาง เหตุใดจึงต้องล่วงเกินนางด้วย? แถมเจ้ายัง...เจ้า!"พระสนมหรงโมโหจัด ยกมือขึ้น ใช้แส้ฟาดลงไปอีกหนึ่งทีจวินเย่เสวียนคุกเข่านั่งอยู่เบื้องหน้าของป้ายวิญญาณว่างเปล่าที่ไม่ได้มีการสลักอักษรใดๆ ถึงจะถูกเฆี่ยนหลายครั้ง แต่สีหน้าเขาก็ไม่เปลี่ยนไปเลย"คืนนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจะต้องตีเจ้า? เจ้าพูดมาสิ!" พระสนมหรงถามอย่างโมโหแต่จวินเย่เสวียนก็ยังคงเม้มปากอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมพูดอะไรพระสนมหรงโมโหจนนิ้วมือสั่นระริก "ตอนที่แม่เฒ่าชิงตรวจร่างกายให้กับนาง เห็นอะไร? แม่เฒ่าชิงเห็นว่าบนร่างกายของนางมีแต่ร่องรอยที่ชายหนุ่มทำทิ้งไว้เต็มไปหมด!""หลีเออร์ไม่มีทางที่จะร่วมหอกับนางได้! เจ้าบุกเข้าไปในห้องหอของพวกเขาในคืนวันแต่งงานใช่หรือไม่? นี่เจ้าบังอาจขนาดครอบครองเอาผู้หญิงของน้องชายตัวเองเชียวเหรอ?""ในใจของเจ้ายังมีน้องชายของเจ้าอยู่บ้างไหม?"จวินเย่เสวียนยังคงไม่ยอมพูดอะไรด้านหลังมีรอยเลือดเปรอะเปื้อน เหงื่อเม็ดใหญ่เท่าเม็ดถั่วไหลร่วงลงมาบนพื้นจากตรงขมับของเขาแต่เขาก็ยังคงไม่ส่งเสียงร้องใดๆ ขนาดคิ้วยังไม่ขมวดเลยสักนิดที่พระสนมหรงเกลียดที่สุดก็คือท่า
"หลีเออร์ เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร? กู้อวิ๋นซีเป็นพระชายาของเจ้า เมื่อหนึ่งปีก่อน เจ้าก็เป็นคนช่วยนางกลับมา เดิมทีนางก็ควรจะเป็นของเจ้า"พระสนมหรงมองเขา ฉับพลันก็รู้สึกปวดใจ "บนพื้นมันเย็น หลีเออร์ เจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ"เมื่อเห็นจวินฉู่หลีไม่ยอมขยับเลยสักนิด พระสนมหรงก็ร้อนใจ ทิ้งแส้ลงแล้วไปช่วยประคองเขาขึ้นมาแต่จวินฉู่หลีกลับผลักนางออกเบาๆ "เสด็จแม่ ท่านรักและห่วงใยลูกขนาดนี้ แต่ทำไมกลับเข้มงวดกับท่านพี่สี่ถึงเพียงนั้น? เขาก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของท่านนะพ่ะย่ะค่ะ!"จวินฉู่หลีไม่เข้าใจเลยจริงๆ หลังจากที่ตัวเองถูกพิษ ร่างกายก็อ่อนแอ เป็นที่พึ่งพาไม่ได้เลยสักนิดแต่ท่านพี่สี่ไม่เหมือนกัน ท่านพี่สี่มีผลงานอันยิ่งใหญ่ ความสามารถก็โดดเด่น เขาควรที่จะเป็นที่พึ่งพาและความหวังเดียวของเสด็จแม่เสด็จแม่เป็นสตรีในวังหลวง เหตุใดจึงไม่เข้าใจหลักการที่ว่าแม่ได้ดีเพราะลูกกัน?พระสนมหรงจ้องมองไปที่จวินเย่เสวียน ด้วยอารมณ์โกรธที่ยังไม่อาจระงับได้ "ข้า ไม่มีลูกที่อกตัญญูเช่นนี้!""เสด็จแม่...""หลีเออร์ เจ้าร่างกายไม่แข็งแรง รีบลุกขึ้นเถิด อย่าคุกเข่าอีกเลย""นอกจากว่าเสด็จแม่จะรับปากว่าจะไม่ตีท่านพี
เด็กคนนี้ช่างโง่นัก!ในใจของพระสนมหรงรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส!แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีไม่นาน หลานโจวก็มาถึงแต่ครั้งนี้ หลานโจวเองก็ไม่อาจรักษาได้"พระสนม หลีอ๋องไม่สามารถตื่นเต้นได้ เหตุใดพวกท่านถึง...เหตุใดจึงให้เขา...""ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" พระสนมหรงรู้ นางก็ไม่ได้คิดจะทำให้ลูกชายต้องตื่นเต้นเลย!ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ เขาจะบุกเข้ามา?นางยิ่งไม่รู้เลยว่า การที่พูดถึงเรื่องของกู้อวิ๋นซี จะทำให้หลีเออร์ตื่นเต้นถึงเพียงนี้!"คุณหลาน สรุปแล้วตอนนี้จะทำเช่นไร? เจ้ารีบคิดหาวิธีสิ!"หลานโจวฝังเข็มให้จวินฉู่หลีเรียบร้อยแล้ว แต่ครั้งนี้ ดูเหมือนเข็มเงินของเขาก็จะไม่เป็นผลแล้วจวินฉู่หลียังคงกระอักเลือดอยู่เช่นเดิม เลือดที่อาเจียนออกมาล้วนเป็นสีดำทั้งหมด!"ทำยังไงดี? ทำยังไงดี?"พระสนมหรงร้อนใจจนสติหลุด คว้าจับแขนของจวินเย่เสวียนเอาไว้ "เสวียนเออร์ เจ้ารีบคิดหาวิธีสิ! น้องชายเจ้าจะไม่ไหวแล้วนะ! เจ้ารีบหาวิธีสิ!"ถึงแม้นางจะเข้มงวดกับจวินเย่เสวียนค่อนข้างมาก แต่หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ คนเดียวที่พระสนมหรงสามารถพึ่งพาได้ก็มีเพียงลูกชายคนนี้เท่านั้นจวินเย่เสวียนกระแอมไอเบ
เรื่องที่เกิดขึ้นที่หออวิ๋นหลีเมื่อคืน กู้อวิ๋นซีไม่รู้เรื่องด้วยเลยสักนิดหอหนิงซีคลื่นลมสงบไม่มีเรื่องราวใดนกพิราบสื่อสารที่อันเซี่ยส่งออกไปเมื่อวาน วันนี้ได้รับจดหมายตอบกลับแล้ว"ได้ยินว่าหลีอ๋องป่วยเป็นโรคประหลาดตั้งแต่เด็กๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย""ตอนที่ดีก็เป็นปกติไม่ต่างจากคนทั่วไป ดังนั้นบางครั้งเขาก็จะติดตามเสวียนอ๋องไปออกรบบ้าง""ตอนที่ร่างกายไม่แข็งแรง เขาก็จะหลบอยู่ในจวนเสวียนอ๋องเพื่อรักษาตัว เรื่องเล่าลือเกี่ยวกับสาเหตุอาการป่วยของหลีอ๋องมีไม่มาก คนที่เคยเห็นเขาอาการกำเริบเกรงว่าก็จะมีเพียงไม่กี่คน""ล้วนรู้เพียงว่าถ้าอาการกำเริบก็จะหลบซ่อนตัวเพื่อรักษาอาการ ส่วนอาการป่วยถึงขั้นไหน นอกจากเสวียนอ๋องและพระสนมหรงที่รู้ ขนาดคนสนิทของไทเฮาก็ยังไม่รู้เลยเจ้าค่ะ"กู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วมุ่น ไม่พูดอะไรถึงแม้วรยุทธ์ของอันเซี่ยจะไม่ดี แต่วิชาตัวเบายอดเยี่ยมมาก นางไม่เคยสงสัยความสามารถในการสืบข่าวของอันเซี่ยแต่ว่า มีเรื่องหนึ่งที่แม้แต่อันเซี่ยเองก็สืบมาไม่ได้ "จวินฉู่หลีไม่ได้ป่วย เขาถูกพิษ"เป็นพิษร้ายแรงซะด้วย"ถูกพิษ?" ฉับพลันอันเซี่ยก็เริ่มสงสัยในความสามารถของตัวเองแต่ท
เจ้าสาวแต่งงาน แต่ไหนแต่ไรล้วนต้องเป็นเจ้าบ่าวที่กลับบ้านเดิมไปด้วยกันการที่พี่ชายของเจ้าบ่าวจะกลับไปด้วย ไม่เคยได้ยินมาก่อนครั้งนี้ กู้อวิ๋นซียืนยันที่จะนั่งรถม้าของตัวเองเยียนเป่ยจนใจ จึงทำได้เพียงไปเอารถม้าของนางมาคิดไม่ถึงว่าตอนที่กำลังจะออกเดินทาง ผ้าม่านของรถม้าจะถูกเปิดออก และมีร่างเย็นชาร่างหนึ่งก้าวเข้ามาเขาที่สวมชุดสีดำทั้งตัว ใบหน้าเย็นชาหล่อเหลาแต่ที่ทำให้กู้อวิ๋นซีประหลาดใจก็คือ ที่หางตาของเขามีไฝเสน่ห์อยู่เม็ดหนึ่ง!"ท่าน!" กู้อวิ๋นซีตกใจสะดุ้งโหยง หลบตัวเข้าไปด้านในของรถม้าอย่างไม่รู้ตัว"ที่หางตาของข้าก็มีไฝเสน่ห์อยู่เม็ดหนึ่งไม่ใช่เหรอ? เหตุใดเจ้าจึงต้องตื่นตระหนกถึงเพียงนี้?"จวินเย่เสวียนยกยิ้มริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา "หรือข้าไม่ใช่ฉู่หลีหรือยังไง?""เสวียนอ๋อง รักษาเกียรติของตัวเองด้วย!" กู้อวิ๋นซีเกลียดท่าทางเผด็จการเอาแต่ใจของเขาแบบนี้เป็นที่สุด!แต่นางก็รู้ดีว่า ถ้าเรื่องไหนที่เขาตัดสินใจที่จะทำแล้ว ตัวนางก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเขาได้จวินเย่เสวียนเก็บรอยยิ้มมุมปากของตัวเอง ค้อมตัวเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้างๆ นาง"รถม้าคันนี้ช่างเล็กจนน่าสงสาร!" ขนาดต้องใ
จวินเย่เสวียนไม่สนใจกับอาการตกตะลึงของนาง เพียงพูดอย่างเย็นชา "ดังนั้น ไม่ว่าข้าจะทำอะไรกับเจ้า เขาก็จะไม่โกรธ""บางที หากว่าข้าทำให้เจ้าท้องขึ้นมาได้ สามีของเจ้าอาจจะยิ่งชอบใจก็ได้นะ""ท่าน..." กู้อวิ๋นซีกำหมัดแน่น รู้สึกหวาดหวั่นในใจทันใดนั้นก็รู้สึกอึดอัดบริเวณเอว จวินเย่เสวียนกอดนางไว้แน่นกู้อวิ๋นซีคิดจะขัดขืนในทันทีแต่กลับได้ยินเสียงเย็นชาทิ่มแทงจนถึงกระดูกของเสวียนอ๋องดังขึ้นที่ข้างหู"ท่าทางตอนที่ข้าเสียสติขึ้นมา ขนาดตัวข้าเองยังกลัวเลย ทางที่ดีเจ้าอย่าท้าทายข้าจะดีกว่า! ไม่เช่นนั้น เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะจัดการเจ้าบนรถม้านี่แหละ?"ฉับพลันนางก็สงบจิตใจลงมือเล็กๆ กำหมัดแน่น แต่ก็ไม่กล้าที่จะปล่อยออกไปหมาป่าที่โหดร้ายป่าเถื่อนเอาแต่ใจแถมเผด็จการตัวนี้! สักวัน นางจะต้องเหยียบเขาให้จมอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางแน่!รถม้ายังคงวิ่งต่อไปในทางข้างหน้าเรื่อยๆจิตใจที่กระเพื่อมไหวของกู้อวิ๋นซีก็ค่อยๆ สงบลงเรื่องนี้ จะต้องคุยกับอาหลีให้รู้เรื่องจวินเย่เสวียนไม่มีทางที่จะปกป้องนางไปได้ตลอดชีวิต ถึงอย่างไรสักวันเขาก็ต้องมีภรรยา มีลูกเป็นของตัวเอง!อาหลีเอาแต่ใจเกินไปแล้ว!โชคดีที
เสวียนอ๋อง?ทุกคนอึ้งแต่ละคนตกใจตาโตอ้าปากค้าง มองดูผู้ชายที่ยืนอยู่กับกู้อวิ๋นซีจังหวะหัวใจของกู้อวิ๋นซีเต้นระรัวเร็วมือเล็กๆ ที่จวินเย่เสวียนกอบกุมเอาไว้อยู่ พลันเย็นเฉียบขึ้นทันตาไอเย็นในดวงตาตามความเคยชินของจวินเย่เสวียนถูกเขาเก็บซ่อนไว้ในทันทีเมื่อมองไปที่แม่ทัพอาวุโสกู้อีกครั้ง เขาก็ฉีกยิ้มให้อย่างสดใส "แม่ทัพอาวุโสกู้ ข้าคือฉู่หลีนะ"เขาคือหลีอ๋อง!ผู้ชายในจวนเกินกว่าครึ่งต่างก็พากันอึ้งตะลึงไปหญิงสาวในจวนกลับถูกรอยยิ้มมุมปากที่งดงามสะดุดตาของเขาทำให้หลงไหลจนเคลิบเคลิ้มแม่ทัพอาวุโสกู้ถึงได้มีสติกลับมา สีหน้าพลันส่อแววประหลาด "คะ คารวะหลีอ๋อง!"เมื่อแม่ทัพอาวุโสกู้ทำความเคารพ ทุกคนก็ราวกับได้สติคืนมา แค่ละคนต่างค้อมตัวทำความเคารพ "คารวะท่านอ๋อง!"ผู้ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นหลีอ๋องผู้ชายบางคนในจวน เคยได้เจอกับเสวียนอ๋องในราชสำนักมาบ้างวันนี้หลีอ๋องสวมชุดสีดำทั้งชุด ไม่ได้แตกต่างกับเสวียนอ๋องเลยจริงๆสิ่งเดียวที่ต่างก็คือไฝเสน่ห์ตามคำเล่าลือเม็ดนั้นในใจทุกคนต่างก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากกู้อวิ๋นซียืนอยู่ข้างกายจวินเย่เสวียน รอให้ทุกคนในจวนทำความ
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี