ฮองเฮาไป๋เหยียนเฟยตกใจมาก สายตาของนางเปลี่ยนไปเมื่อมองหวังหยวน!ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเก่งกาจถึงเพียงนี้!วิธีนี้มหัศจรรย์มาก!“ท่านหวังหยวน ท่านยอดเยี่ยมมาก! ฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก!”“วิธีการเช่นนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ!”ไป๋เหยียนเฟยพูดความจริง ในสถานการณ์นี้ ไม่มีทั้งข้าราชการพลเรือนและทหารคนใดสามารถทำอะไรได้เลย ทั้งเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเสนาบดีฝ่ายขวา ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และนางก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน!แต่หวังหยวน...คิดวิธีแก้ไขเช่นนั้นได้แล้วจริง ๆ!ประหนึ่งว่าเขาเปลี่ยนทิศทางของหัวหอก โยนความผิดกลับคืนใส่ตระกูลเซิ่ง!วิธีนี้น่าทึ่งและเหลือเชื่อยิ่งนัก!“ว่าแต่... ท่านหวังหยวน ตอนนี้เราได้ประกาศไปทั่วแผ่นดินแล้ว ว่าองค์ชายใหญ่และเสียนกุ้ยเฟยหายตัวไป แล้วกฤษฎีกานี้จะประกาศใช้อย่างไร?”ทันใดนั้นฮองเฮาก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ จึงอดไม่ได้ที่จะถามเมื่อได้ฟังเช่นนั้น หวังหยวนจึงยกยิ้ม“เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเลย แค่ออกกฤษฎีกาใหม่ก็เรียบร้อยแล้ว!”“ไม่ต้องพูดถึงการหายตัวไปหรือไม่หายตัวไป มันเป็นการหยุดคนทั้งแผ่นดินไม่ให้พูดเช่นเดิม คนที่เข้าใจย่อมเข้าใจได้ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจก็ย
“โอ้โห พวกเราเข้าใจฮองเฮาผิดไปแล้วจริง ๆ ถ้านางต้องการจะฆ่าสองแม่ลูกนั้นจริง ๆ เมื่อพบพวกเขาแล้ว ก็คงจะตัดคอหรือไม่ก็ส่งพวกเขาไปขังไว้ในวังหลวงแล้ว จะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าผู้ครองแคว้น และปล่อยพวกเขาไปมีความสุขกับตำแหน่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?”“ใช่แล้ว พวกเราเข้าใจฮองเฮาผิดไปจริง ๆ เป็นเรื่องยากมากที่จะแต่งตั้งเจ้าผู้ครองแคว้น ฮองเฮามอบทั้งสามดินแดนให้กับองค์ชายใหญ่โดยตรง พระคุณดังกล่าวไม่น้อยเลย!”“ข้าเดาว่าฮองเฮาคงกำลังพยายามชดเชยให้องค์ชายใหญ่…”“แต่สิ่งที่ฮองเฮาทำนั้นเป็นที่ยอมรับของผู้อื่นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการขจัดอุปสรรคหรืออะไรก็ตาม อย่างน้อยนางก็อยู่เหนือกว่า เมื่อไม่ต้องการให้อีกฝ่ายแข่งขันแย่งชิงบัลลังก์ นางจึงมอบตำแหน่งเจ้าผู้ครองสามดินแดนให้แทน สถานะตอนนี้... เกรงว่าจะเป็นที่โปรดปรานมากที่สุดในแผ่นดิน!”“ถ้าถามข้า การเป็นองค์ชายผู้มีชีวิตที่มั่งคั่ง ยังดีกว่าการเป็นองค์ชายที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์เสียอีก!”“นั่นคือสิ่งที่ฮองเฮาต้องการจะสื่อ นี่มันดีจริง ๆ หากสามารถครอบครองทั้งสามดินแดนได้ ก็เหมือนกับได้เป็นเจ้าพ่อ ทั้งร่ำรวยและรุ่งโรจน์ ชาตินี้จะมีอะไรสุขไปมากกว่านั้น
หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดจบ สีหน้าของข้าราชบริพารก็เปลี่ยนไปบรรดาผู้รู้เห็นเหตุการณ์ทุกคนเริ่มยกยิ้มคนที่ยังคงช่วยพูดให้ตระกูลเซิ่งกำลังประสบปัญหา!“แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวล หากองค์ชายใหญ่กับเสียนกุ้ยเฟยไม่ปรากฏตัวเพื่อรับตำแหน่ง ไม่ต้องพูดถึงตระกูลเซิ่งหรอก ข้าจะให้คนพลิกแผ่นดินตามหาองค์ชายใหญ่เอง!”ฮองเฮายกยิ้มอ่อน รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งแผนการทำลายแผนการของตระกูลเซิ่งเสร็จสมบูรณ์!ความรู้สึกนี้ต่างจากเดิมมากจริง ๆ!ในขณะนี้ เมื่อข่าวไปถึงบ้านตระกูลเซิ่ง ใบหน้าของเซิ่งฟางสี่ก็เปลี่ยนเป็นมืดมนทันทีที่รู้ข่าว!“บัดซบ! ไป๋เหยียนเฟย เจ้าช่างไร้ยางอายนัก!”เซิ่งฟางสี่ไม่เคยคาดหวังว่าสตรีผู้นี้จะฉลาดถึงเพียงนี้ ถึงทำให้เหตุการณ์พลิกผันครั้งใหญ่!เซิ่งตงรุ่ยตกตะลึงเมื่อได้ฟังข่าว!“ท่านพ่อ ควรทำอย่างไรดี ไป๋เหยียนเฟยผู้นี้โยนความผิดให้กับตระกูลเซิ่งของเราอีกแล้ว!”เซิ่งฟางสี่ก็เข้าใจ หน้าตาบึ้งตึงมาก!“วิธีการของไป๋เหยียนเฟยนั้นทรงพลังจริง ๆ”“ไม่เพียงแต่ทำให้ตนเองเลิกเป็นแพะรับบาปเท่านั้น แต่ยังบังคับให้เราปล่อยองค์ชายใหญ่กับเสียนกุ้ยเฟยไปปรากฏตัวด้วย”“ขณะเดียวกัน... ยังต
แม้ว่าเซิ่งฟางสี่จะไม่มีทางเลือกอื่น แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนสถานการณ์ได้“เอาล่ะ หย่งเอ๋อร์เขียนเลย!”ในวันนี้จดหมายของจีหย่งถูกส่งกลับมาถึงราชสำนัก หลังจากได้เห็นจดหมายนี้ ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินก็เริ่มมั่นใจในคำพูดของฮองเฮามากขึ้น!ในขณะนี้หวังหยวนได้ออกจากวังหลวงแล้ว และมาถึงจวนอู๋หลิงหวังหยวนมาเงียบ ๆ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากอู๋หลิง“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าก็คิดอยู่ว่าเหตุใดฮองเฮาถึงตัดสินใจเช่นนั้น กลับกลายเป็นว่าเป็นความคิดของท่านนี่เอง เสนาธิการทหาร!”ทันทีที่เขาเห็นหวังหยวน อู๋หลิงก็ตกใจ แล้วพูดเช่นนั้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม“นี่เป็นความคิดที่ดีหรือไม่เล่า?”หวังหยวนหัวเราะ อู๋หลิงพยักหน้า“ดีมากจริง ๆ วิธีนี้ทำให้หัวหอกชี้ไปที่พวกตระกูลเซิ่งทันที ตอนนี้พวกเขาเหมือนกำลังขึ้นขี่หลังเสือกันอยู่”“แต่การให้ตำแหน่งเจ้าผู้ครองสามดินแดน ยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ตระกูลเซิ่งจะใช้โอกาสนี้พัฒนาตัวเองแน่นอน!”คำพูดของอู๋หลิงฟังดูสมเหตุสมผล ซึ่งหวังหยวนก็รู้เช่นกัน“ไม่มีใครสามารถหยุดการพัฒนาของตระกูลเซิ่งได้ ในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลหลักที่มีอำนาจมากล้น และทรัพยากรทางการเงินที่ไม่มี
อู๋มู่นั้นคือเสาหลักของต้าเย่ที่แท้จริง!ชื่อเสียงของเขายิ่งใหญ่มาก เพราะการปราบปรามเมืองหวงที่เข้ามารุกราน!น่าเสียดายที่ฮ่องเต้ซิงหลงเป็นฮ่องเต้ผู้โง่เขลา จึงนำไปสู่การตายของอู๋มู่!ถ้าอู๋มู่ไม่ตาย เกรงว่าต้าเย่ในวันนี้ก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้!“อู๋หลิง หากท่านต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของบิดา ก็สมควรจะดื่มคารวะหลายจอก!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อู๋หลิงก็หัวเราะแล้วพูดว่า“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น วันนี้ท่านกับข้าไม่เมาไม่กลับ!”อู๋หลิงสั่งให้คนยกอาหารและรินสุราให้ทันที จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มร่ำสุราด้วยกัน“เสนาธิการทหาร คราวนี้ท่านสามารถคิดแผนการนี้ให้กับฮองเฮาได้ แม้ว่าจะรักษาต้าเย่ไว้ได้ แต่ว่า... ท่านต้องระวัง!”ทันใดนั้นอู๋หลิงก็พูดขึ้น หวังหยวนยกยิ้ม และเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไรราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัว จึงมีความผิด คำกล่าวนี้เป็นจริง!เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์เหนือกว่าผู้ใด เกรงว่าฮองเฮาจะไม่ยอมให้เขาจากไปเช่นนี้แต่หวังหยวนมีวิธีจัดการกับนางแล้ว“อย่าได้กังวล ข้าคิดเรื่องนี้ก่อนที่จะมาที่นี่แล้ว ยิ่งกว่านั้น ข้ายังมีท่านอยู่ที่นี่!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อู๋
“เอาล่ะ วันนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้กัน”หลังจากที่หวังหยวนพูดเช่นนี้ เขาก็หยุดพูดเรื่องการเมืองพวกเขาทั้งสองร่ำสุรากันจอกแล้วจอกเล่า พร้อมพูดคุยเรื่องสัพเพเหระพวกเขามีอายุเท่ากัน และต่างชื่นชมซึ่งกันและกัน จึงเป็นสหายที่ดีต่อกันยิ่งกว่านั้น พวกเขาทั้งสองรู้ดีว่าโอกาสเช่นนี้มีไม่มากนัก ตอนนี้แผ่นดินตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และเต็มไปด้วยความปั่นป่วน โอกาสที่ทั้งสองจะได้มานั่งร่ำสุรากันเช่นนี้คงมีไม่มากนัก!ไม่นานก็ค่ำแล้วแม้ว่าทั้งสองจะดื่มเยอะมาก แต่ก็ยังมีสติดีอยู่“มา!”อู๋หลิงถูกหวังหยวนเชิญชวนอีกครั้ง!ทั้งสองดื่มหมดในอึกเดียว อู๋หลิงก็มองเขาด้วยสายตาจริงจัง แสงแวววับสะท้อนในตาเขา“เสนาธิการทหาร ข้ามีของขวัญจะมอบให้ท่าน”เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หวังหยวนก็คลี่ยิ้ม ก่อนมองอู๋หลิงด้วยความสับสนแล้วถามว่า “ของขวัญหรือ? ช่วงนี้ไม่ใช่เทศกาล เหตุใดท่านถึงให้ของขวัญข้า?”อู๋หลิงไม่ตอบ แต่หยิบคัมภีร์ฝึกวรยุทธลับออกมามอบให้หวังหยวน“คัมภีร์ลับเล่มนี้บันทึกวิธีฝึกฝนวรยุทธนักรบที่เป็นความลับ แม้ว่าวรยุทธนักรบที่สืบทอดกันมาก่อนหน้านี้จะกว้างขวางมาก แต่ก็ไม่สมบูรณ์ นี่เป็นคัมภีร์
หลังจากที่อู๋หลิงพูดจบ นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ!หวังหยวนยิ้มแล้วถอนหายใจพวกเขาทั้งสองกำลังฝึกวรยุทธ์และร่ำสุราใต้แสงจันทร์ กว่าจะรู้ตัวก็ล่วงเข้าสู่วันที่สองแล้ววิธีที่ไป๋เหยียนเฟยใช้ ทำให้ตระกูลเซิ่งเปลี่ยนจากผู้กระทำเป็นผู้ถูกกระทำทันทีขณะนี้ไป๋เจิ้นถังกำลังนั่งอยู่ในห้องตำรา หลังจากรู้เรื่องนี้ เขาก็ตกใจเช่นกัน ไป๋เฟยเฟยเดินเข้ามามองพ่อของตนด้วยสีหน้าพึงพอใจ“ท่านพ่อ คราวนี้ตระกูลเซิ่งเดือดร้อนครั้งใหญ่ ไม่คิดเลยว่าท่านอาจะฉลาดถึงเพียงนี้นะเจ้าคะ!”หลังจากที่ไป๋เฟยเฟยพูดจบ ไป๋เจิ้นถังก็ยกยิ้ม แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เกรงว่านี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของอาเจ้าหรอก”หลังจากได้ฟังเช่นนี้ ไป๋เฟยเฟยก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามด้วยความสงสัย“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ไป๋เจิ้นถังยิ้มแล้วตอบว่า “เมื่อสองวันก่อน มีชายคนหนึ่งเข้าไปในเมืองซ่างจิง แล้วเข้าไปในตำหนักของฮองเฮา แม้ว่าคนของเราจะไม่เห็นว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่ต่อมาพวกเขาก็เห็นคนผู้นี้ไปที่จวนอู๋หลิง”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ไป๋เฟยเฟยก็ตกใจทันที!“ท่านพ่อ ท่านหมายถึง...”เกรงว่าจะมีคนไม่มากที่สามารถเข้าไปในวั
ไป๋เจิ้นถังได้แต่ยิ้มเฝื่อน ส่วนเขาโล่งใจจริงหรือไม่นั้น มีเพียงเขาเองเท่านั้นที่รู้!เรื่องในเมืองหลวงเกือบจะยุติลงแล้ว หวังหยวนย่อมอยากกลับออกไปแล้วแต่ไป๋เหยียนเฟยทนไม่ยื้อไว้ไม่ได้จริง ๆ“ท่าน ข้ารู้ว่าท่านมีพรสวรรค์ หากท่านเต็มใจช่วยเหลือข้าด้วยความจริงใจ ข้าสามารถแต่งตั้งให้ท่านเป็นปรมาจารย์ เพื่อคอยช่วยเหลือฮ่องเต้ในอนาคตได้ ในอนาคตท่านยังสามารถเป็นเสนาบดี เป็นหัวหน้าของเหล่าขุนนางนับร้อยได้!”ไป๋เหยียนเฟยใช้เหยื่อล่ออย่างหนัก!หัวหน้าของเหล่าขุนนางนับร้อย เสนาบดี!นั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่คนธรรมดาจะครอบครองได้!ความจริงแล้วหลายคนไม่อาจต้านทานสิ่งล่อใจนี้ได้!หวังหยวนก็ตกใจเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าฮองเฮาจะจริงใจถึงเพียงนี้แต่ว่า...เขายังคงส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ฮองเฮา ข้าซาบซึ้งในความมีน้ำใจของท่าน แต่ข้าไม่สนใจราชสำนักเลย ไม่ต้องพูดถึงการเป็นขุนนางเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าเป็นคนชอบเอ้อระเหยลอยชาย ชอบกิน ดื่ม และสนุกสนานเท่านั้น”“แต่ฮองเฮาโปรดวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้ารู้ว่าข้าควรทำอย่างไร ตอนนี้ต้าเย่ตกอยู่ในความวุ่นวายแล้ว ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านอย่างแน่นอน ฮองเฮา ตราบใดที่ต้าเย่ไม