เพี๊ยะ!ป้าหงรีบวิ่งไปอุ้มหวังซานหู่ขึ้นมา ตีก้นหวังซานหู่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอับอายว่า “นายท่านผู้นี้ เด็กคนนี้พูดจาเหลวไหล โปรดอย่าได้ถือสาเขาเลยเจ้าค่ะ”“คำพูดของเด็กไม่มีอ้อมค้อม!”จ้าวเว่ยหมินยกยิ้ม โบกมือ แล้วเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามว่า “ไม่ทราบว่าเหตุใดทั้งผู้ใหญ่และเด็กบางคนในหมู่บ้านต้าหวัง ถึงมีมือและใบหน้าขาวกว่าคนหมู่บ้านอื่น!”“ข้าก็คิดว่านายท่านจะถามเรื่องอะไร!”ป้าหงที่ยืนเฝ้าอยู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พี่หยวนคิดค้นสบู่ขึ้นมา โดยบอกเราว่าเชื้อโรคสามารถเข้าทางปาก เราจึงต้องใส่ใจสุขอนามัย ล้างมือด้วยสบู่ก่อนกินอาหาร ยิ่งเราล้างมากเท่าไหร่ มือเราก็ยิ่งขาวผ่องขึ้น เช่นเดียวกับใบหน้าที่เคยหมองคล้ำ!”จ้าวเว่ยหมินไม่อยากจะเชื่อเลย “เจ้าบอกว่าท่านผู้นั้นคิดค้นสบู่ขึ้นมาจริงหรือ?”ล่าสุดร้านขายของชำขายสบู่ชนิดหนึ่ง ที่สามารถทำความสะอาดมือและใบหน้าได้ดีมากแต่ราคาแพงมาก ก้อนละสามก้วน ซึ่งเท่ากับค่าแรงคนชนบททั้งเดือนด้วยความที่มีสบู่นั้น สตรีในครอบครัวร่ำรวยจึงไม่จำเป็นต้องใช้สบู่หอมอีกต่อไปแล้วเป็นไปดังที่พูดไว้ตอนอยู่จวนหลี่ ว่าหากต้องการหาเงิน จงหาเงินจากคนรวย!ผ่านม
จ้าวเว่ยหมินไม่ได้จากไป ในช่วงบ่ายเขาเห็นหวังหยวนกลับมาแล้วเกวียนวัวที่มีชิ้นส่วนไม้กับกองไม้ไผ่วางเรียงกันสวยงาม หวังหยวนนั่งอยู่ที่ด้านหน้าของเกวียน หวังหานซานและต้าหู่กำลังบังคับวัวทั้งสองข้าง ดูเหมือนว่าจะคอยขนาบข้างเขาไว้“ท่าน!”ราวกับเห็นความหวัง จ้าวเว่ยหมินตะโกนและวิ่งไปหาอย่างรวดเร็วองครักษ์ทั้งสี่ตกตะลึงปฏิกิริยาของหัวหน้าใหญ่เมื่อเห็นนายน้อยหวังคนนี้ เหมือนกับตอนที่พวกเขากำลังจะไปพบหัวหน้าใหญ่หวังหยวนกระโดดลงจากเกวียนวัว แล้วกำหมัดแน่นด้วยความประหลาดใจ “ท่านไป๋หลี่ เกิดอะไรขึ้นหรือ?”เยี่ยมมาก ท่านคนใจบุญผู้เปี่ยมเมตตาเขาทำให้จิ้นซื่ออันดับสองถึงกับต้องไล่ตามเขาจากเทศบาลมายังชนบท“ท่านไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าท่านหรอก!”จ้าวเว่ยหมินหันไปด้านหนึ่ง ประสานมือแล้วยกขึ้นทำความเคารพ “ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษท่าน ชื่อจริงของข้าคือจ้าวเว่ยหมิน ส่วนไป๋หลี่เป็นนามแฝง”“นามแฝง!”หวังหยวนพยักหน้า แล้วหัวเราะเบา ๆ “เข้าใจแล้ว ใครบ้างในโลกนี้ที่ไม่มีเสื้อกั๊กสักสองสามตัว!”จ้าวเว่ยหมินประหลาดใจ “เสื้อกั๊กหรือ?”หวังหยวนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร “แค่คำเปรียบเปรย”“คำเปรียบเปร
หวังหยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าขอถามท่านหน่อย ต้าเฉียนอายุเท่าไหร่?”ประวัติศาสตร์ของโลกนี้ ก็คล้ายคลึงกับประวัติศาสตร์ของจีนอารยธรรมโบราณถือกำเนิดขึ้น นักปราชญ์เบิกทางให้ และราชวงศ์สมัยใหม่ก็ผันเปลี่ยนนับตั้งแต่ฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ต้าเฉียน ได้รวมเมืองสี่สิบเก้าแห่งในโลกให้เป็นหนึ่งเดียว ก็ใช้เวลาถึงสิบสองชั่วอายุคนจึงจะล่มสลายจ้าวเว่ยหมินคุ้นเคยกับการศึกษาประวัติศาสตร์ดั้งเดิม จึงตอบได้โดยไม่ต้องคิด “รุ่นที่สิบเจ็ดของราชวงศ์ต้าเฉียนที่ยิ่งใหญ่ รวมเป็นสองร้อยเก้าสิบหกปี!”หวังหยวนเปลี่ยนคำถาม “ต้าอวี๋ล่ะ?”“ต้าอวี๋ถูกสืบทอดมาสิบสองชั่วอายุคน รวมเป็นสองร้อยสามสิบสี่ปี!”จ้าวเว่ยหมินรู้สึกประหลาดใจ และไตร่ตรองความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นหวังหยวนยกยิ้ม “แล้วต้าเฉิงล่ะ?”หลังจากครุ่นคิด จ้าวเว่ยหมินก็หน้าซีด “สืบทอดมาสิบห้าชั่วอายุคน รวมเป็นสองร้อยเจ็ดสิบปี!”หวังหยวนยังคงถามต่อ “แล้วต้าเว่ยล่ะ?”เหงื่อเย็นไหลผุดขึ้นบนหน้าผากของจ้าวเว่ยหมิน “มันถูกสืบทอดมาสิบสามชั่วอายุคน รวมเป็นสองร้อยสี่สิบห้าปี!”หวังหยวนถามอีก “แล้วต้าจิ้นล่ะ?”“ฟื่บ!”จ้าวเว่ยหมินโซเซไ
“ขนสัตว์มาแล้ว!”เซี่ยซานหู่โกนเคราออก และกลายเป็นชายหนุ่มหน้ากลม ไม่เพียงแต่จะสูญเสียรูปลักษณ์ที่ดุร้ายก่อนหน้านี้ไปเท่านั้น แต่ยังดูน่าขันอีกด้วยในขณะนี้ เขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าหาบเร่ ตะโกนเร่ขายของ พลางสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา กำลังแบกสัมภาระที่ปกคลุมไปด้วยขนสัตว์ และมีขวานและมีดยาวซ่อนอยู่ข้างใต้แม้ว่าเขาจะดูอุกอาจ แต่หากตัดสินใจทำแล้ว เขาก็ต้องทำมันให้ดีครั้งนี้เขามาตรวจดูที่เกิดเหตุ เขาจึงเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ และแสร้งปลอมตัวเป็นพ่อค้าซึ่งไม่เพียงแต่จะหลบเลี่ยงหูตาของผู้คนได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้พูดคุยกับชาวบ้านได้ง่ายขึ้นอีกด้วยหากรู้ว่าเป้าหมายอยู่บ้าน ก็สามารถพาคนมาลอบสังหารเขาในตอนกลางคืนได้ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “นายท่านสาม เป็นท่านจริง ๆ ด้วย เหตุใดท่านถึงโกนหนวดเคราออก ทำให้พวกเราแทบจะจำท่านไม่ได้เลยขอรับ”“เฮยลวี๋, โซ่วโหว, ล่าลี่โถว, ซานเจี่ยวเหยี่ยน, เกาเหลียง…”เมื่อเห็นผู้ใต้บัญชาทั้งแปดของคนที่แต่งกายดี และดูร่าเริงแจ่มใสยืนอยู่ที่ทางแยก เซี่ยซานหู่ก็โกรธมาก เขากัดฟันพูดว่า “เจ้าพวกสารเลวท
ชายที่เป็นขี้กลาก มีผ้าสาลูสีขาวเปื้อนยาบนศีรษะรีบพูดขึ้น “นายน้อยหวังได้บอกสูตรลับลูกชิ้นปลาให้เราจริง ๆ และช่วยเราเปิดร้านด้วย เปิดมาสามวันแล้ว ธุรกิจเริ่มดีขึ้นทุกวันขอรับ”“วันนี้เราขายไปสิบก้วน หลังจากหักต้นทุนแล้ว เราก็ได้กำไรสี่ก้วน พวกเราทั้งแปดคนจะแบ่งเท่า ๆ กัน เราแต่ละคนสามารถหาเงินได้วันละห้าร้อยอีแปะต่อวัน!”“และนายน้อยหวังให้เงินข้า บอกให้ข้าไปหาหมอที่บอกว่าสามารถรักษาขี้กลากบนหัวของข้าได้”คนอื่น ๆ ก็เงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจในตอนแรกพวกเขาคิดว่า หวังหยวนกำลังหลอกใช้พวกเขาเพื่อชะลอเวลาแต่ไม่นานหวังหยวนก็สอนวิธีทำลูกชิ้นปลาให้พวกเขา และช่วยพวกเขาเปิดร้านดี ๆ ในเทศบาลนอกจากนี้เขายังช่วยคนแปดคนให้ได้ทำสัญญา และให้ทุกคนทำงานเป็นทั้งเจ้าของร้าน และพนักงานด้วยกัน และเงินทั้งหมดที่พวกเขาหามาได้ก็แบ่งเท่า ๆ กันร้านลูกชิ้นปลาเปิดมาสามวันแล้ว และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำเงินได้มากขึ้นเรื่อย ๆพวกเขาเข้าใกล้การเป็นคนเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ จะได้แต่งงานกับภรรยา มีลูกและฝันอยากจะรวยใครก็ตามที่ทำร้ายนายน้อยหวัง ในตอนนี้พวกเขาจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด แม้ว่าจะต้องมีปัญหา
แม้ว่าเซี่ยซานหู่จะรีบเร่งไปข้างหน้าอย่างดุร้าย แต่ความจริงแล้วเขาระมัดระวังตัวมากทันทีที่เข้าไปในป่าก็หักกิ่งไม้มาเขี่ยดิน แล้วค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า เหมือนคนตาบอดที่กำลังสำรวจเส้นทางเพราะกลัวว่าจะมีกับดักหมี หรือกับดักหลุมลึกฝังอยู่ใต้ดิน ซึ่งเป็นกลอุบายทั่วไปที่ใช้ในภูเขาในเวลาเดียวกัน เขามองไปทางซ้ายและขวา มองหาคนที่อาจซ่อนตัวอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้ด้วยความระมัดระวัง ระยะทางเพียงร้อยเมตรเท่านั้น เซี่ยซานหู่เดินไปประมาณหนึ่งในสี่ชั่วยาม ก็มาถึงอีกอีกฟากหนึ่งของป่า และเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งชายหนุ่มมีรูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยชุดผ้าแพรสีขาว มัดผมด้วยเชือกป่าน ไม่มีเครื่องประดับราคาแพงบนร่างกาย เช่นเดียวกับชายยากจนในชนบททั่วไปแต่ชายหนุ่มมีรูปลักษณ์หล่อเหลา คิ้วที่เฉียบคม และดวงตาเป็นประกายราวเต็มไปด้วยดวงดาว ดูต่างจากคนชนบททั่วไปในเวลานี้ พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไปทางทิศตะวันตก แสงยามอัสดงสาดส่องลงบนใบหน้าของชายหนุ่ม ราวกับว่าถูกเคลือบด้วยแสงสีทองเมื่อมองโจรที่กำลังระแวดระวัง หวังหยวนก็พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าระวังตัวมากกว่าที่ข้าคิด!”“คนที่ท่องไปในภูเขาคงจะตายไปนานแล้ว ห
เซี่ยซานหู่มีสีหน้างุนงงหากโจรต้องการทำเงินเป็นจำนวนมาก ก็จะต้องปล้นคนจำนวนมาก และแสดงความโหดเหี้ยมที่แท้จริงความทุกข์ยากลำบากมีมากมาย ไม่มีใครเป็นอมตะ หากมีคนตาย ราชสำนักจะส่งกองกำลังมาล้อมปราบพวกเขาแน่นอนส่วนเรื่องคนรอบข้าง หากไม่ส่งไส้ศึกไป จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าได้อย่างไรสำหรับพ่อค้าที่ไม่หลีกเลี่ยงพวกโจร หากไม่ริเริ่มจ่ายเงินให้พวกเขา พวกเขาจะแจ้งให้ทราบเองได้อย่างไร?การกลับคืนสู่เทศบาลได้โดยไม่ถูกล้อมปราบ เป็นเพียงความปรารถนา หากไม่ปราบโจร เจ้าหน้าที่ก็จะไม่มีความสำเร็จทางการเมืองเด็กคนนี้คงอ่านหนังสือเยอะจนเสียสติ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่อาจพูดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้หวังหยวนพ่นลมหายใจ “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ สิ่งที่เจ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงเพราะวิสัยทัศน์ของเจ้าแคบเกินไป และเจ้ายังไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านั้น!”เซี่ยซานหู่ขมวดคิ้ว “เจ้าต้องการจะบอกอะไรกันแน่?”หวังหยวนพูดอย่างจริงจัง “ข้าถามเจ้าหน่อย ว่าเหตุใดราชสำนักถึงต้องการล้อมจับพวกเจ้า!”เซี่ยซานหู่กลอกตา “นี่ไม่ใช่คำถามไร้สาระหรือ? เพราะพวกเราปล้นคนและฆ่าคน!”หวังหยวนถามอีกครั้ง “แล้วเหตุใดพ่อค้าถึงซ่อนตัวจากพ
ด้วยวิธีนี้ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้และฆ่าคนเพื่อปล้นทรัพย์ และพี่น้องก็ได้รับบาดเจ็บน้อยลงพ่อค้าที่เดินทางผ่านไปมาไม่จำเป็นต้องจ้างองครักษ์จำนวนมาก และสามารถประหยัดเงินได้มากยินดีจ่ายแน่นอน!เยี่ยมมาก บัณฑิตคนนี้มีสมองดี สามารถทำให้พ่อค้าเป็นฝ่ายริเริ่มให้เงินได้จริง ๆ ไม่ต้องฆ่าคนหรือปล้นคน พวกเขาจะสามารถหาเงินได้อย่างสุจริต“เมื่อถึงเวลานั้น พวกเจ้าแค่ตั้งจุดจ่ายค่าผ่านทาง แล้วให้โจรจำนวนหนึ่งคอยเก็บเงิน!”หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ “จะให้คนจะเปิดร้านน้ำชา ร้านอาหาร และโรงเตี๊ยมเพื่อขายชา อาหาร และเป็นที่พักผ่อนให้กับพ่อค้า และคนเดินเท้าที่สัญจรไปมาก็ได้ หากพวกเจ้าไม่รีบ ก็สามารถเก็บค่าคุ้มครองจากพ่อค้าที่ผ่านไปมาก่อนก็ได้ โดยที่พวกเจ้าคอยปกป้องพวกเขา นี่ก็เป็นรายได้อีกทางหนึ่งแล้ว! ด้วยรายได้เยอะถึงเพียงนี้ เจ้าจะยังสนใจปล้นสะดมอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนยากจนอีกหรือ? หากพวกเจ้าเก็บค่าผ่านทาง พวกเขาจะเรียกพวกเจ้าว่าโจรได้อย่างไร จากนี้ไปพวกเจ้าจะกลายเป็นวีรบุรุษแห่งพงไพร หากมีอะไรเกิดขึ้น ย่อมต้องบอกให้เจ้ารู้ใช่หรือไม่?”“ใช่ ใช่ ใช่!”เซี่ยซานหู่พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าว และยกนิ้วให้หว