หวังหยวนตบถังน้ำแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นโชคลาภความมั่งคั่งของเรา เราต้องซ่อนมันไว้ให้ดี”“ขอโทษนะ คุณชายหวัง ข้ารู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อย...”หวังหยวนที่พูดได้ครึ่งนึง จู่ ๆ เขาก็เห็นว่าหูเมิ่งอิ๋งหน้าซีดมาก นางขมวดคิ้วกุมท้องของนาง และรีบวิ่งออกไปทันที“เป็นอะไรไป?”หวังหยวนดูสับสนเล็กน้อยเมื่อได้เห็นเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถามทั้งสองสาวด้วยความประหลาดใจหลี่ซือหานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ พลางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ช่วงนี้น้องหูมีประจำเดือนมา นางมักจะทรมานจากอาการปวดท้องจนทนไม่ไหวเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของหวังหยวนก็สว่างปิ้งขึ้นทันทีนี่อาจเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างรายได้!เมื่อผู้หญิงในสมัยโบราณมีประจำเดือน พวกเขาจะใช้เพียงผ้าธรรมดาผืนเดียวซึ่งลำบากมาก นอกจากนี้ยังต้องแอบซักตากให้แห้ง และเคลื่อนไหวมากไม่ได้อีกด้วย!ถ้าทำผ้าอนามัยเอง จะหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการผลิตมันได้หรือไม่นะ?นอกจากนี้ วัตถุดิบในการทำของเหล่านี้ก็ไม่แพงมาก หากซื้อจำนวนมาก อาจได้ในราคาถูกลงมา!นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างรายได้!ดังนั้นหวังหยวนจึงเขียนรายการสิ่งของอย่างอื่นทันที นำรถเข็นทองคำออ
หวังหยวนหัวเราะ ยุคของเขาของพวกนี้เป็นของพื้นเพธรรมดามาก ๆ นี่เป็นของพื้นฐานสำหรับผู้หญิง!มันเป็นเพียงของใช้สำหรับช่วงเวลาพิเศษเท่านั้น!ถ้าหูเมิ่งอิ๋งไม่ปวดท้องกะทันหัน เรื่องประจำเดือนที่ช่วยเตือนสติตัวเอง เขาก็คงไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย!หูเมิ่งอิ๋งกระพริบตา แต่ก็เข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยน เมื่อนางออกมาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก!สิ่งนี้...สะดวกมากเลย!พอดีกับร่างกายมาก!โดยเฉพาะกางเกงทรงพิเศษ นี่เป็นสิ่งที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อนแม้จะแน่นกระชับอยู่บ้าง แต่ก็ยังสบายมาก!“นี่... สิ่งนี้เกินไป... สะดวกเกินไปแล้ว…”หลังจากที่หูเมิ่งอิ๋งออกมาก็ประหลาดใจมาก และไปพูดคุยกับหลี่ซือหานและหวงเจียวเจียวต่อคนยุคนี้ไม่เคยใช้ของแบบนี้ ย่อมพูดได้เลยว่าสะดวกสบายมากเป็นธรรมดา“ท่านพี่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างไร... ท่าน... ท่านเป็นผู้ชาย ท่านทำของที่ผู้หญิงใช้ที่วิเศษแบบนี้ได้อย่างไร…”หลี่ซือหานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดออกมาหวังหยวนก็หัวเราะเช่นกัน เดิมที่ของพวกนี้เขาไม่ใช่คนสร้างออกมา แต่เป็นผลงานในยุคนั้น หลังจากที่หลาย ๆ คนถกเถียงวิจารณ์กันมาก็ไม่มีปัญหา!“ก็...มันก็แค่จินตนาการไปเรื่อยน่
หลังจากพูดจบ หญิงสาวชุดม่วงก็หัวเราะเช่นกัน“หวังหยวนเป็นคนที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ แต่ข้าไม่รู้ว่าคนที่มีความสามารถเช่นนี้จะเต็มใจที่จะอยู่ใต้ชายคาของคนอื่นหรือเปล่านี่สิ!”ไป๋เฟยเฟยเองก็เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวชุดม่วงพูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากประสบกับเหตุการณ์นี้ นิสัยของหวังหยวนย่อมต้องเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา และทุกอย่างก็แปรผันได้!“อย่างไรก็ตาม หวังหยวนอยากมาพบจริง ๆ เรามาพบกันสักครั้งเถอะ ดูสิว่าเขาคุยอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ข้าอยากไปหมู่บ้านต้าหวังอีกด้วย ครั้งสุดท้ายที่เห็นหมู่บ้านต้าหวัง ข้ายังรู้สึกประหลาดใจอยู่เลย!”“นอกจากนี้ คราวนี้ก็มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย!”หลังจากที่ไป่เฟยเฟยพูดจบ ก็ออกเดินทางทันทีที่นี่หวังหยวนได้รับจดหมายและหัวเราะเพียงเล็กน้อย รอให้ไป่เฟยเฟยและคนอื่น ๆ มาถึงขณะเดียวกัน ที่วังหลวงต้าเย่ สีพระพักตร์จักรพรรดิซิงหลงดำมืดมาก เขาอยากจับหวังหยวนกลับมาจริง ๆ แต่เขารู้ว่าทำแบบนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการตบหน้าตัวเองเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกด้วย!เดิมทีหากจับหวังหยวนได้ เขาโดนวิพากษ์วิจารณ์นิดหน่อยก็ไม่สำคัญ อย่างน้อยเขาก็ควบคุมหวังหยวนเอ
หยางเฟิ่งกั๋วก็พยักหน้าด้วยคำพูดของเป้าชิงสื่อ นั่นคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น!ความคิดของแคว้นหมางนั้นเรียบง่ายมาก วิธีที่ง่ายที่สุดในการรวบรวมอำนาจของพวกเขา คือการเข้าสู่สงครามการใช้สงครามระหว่างแคว้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจภายในราชสำนัก ในขณะเดียวกันก็ใช้แรงกดดันของราชสำนักหวงเพื่อเจรจาสงบศึก อย่างน้อยมีความเสี่ยงที่มณฑลซูโจวจะถูกกองทหารรุกรานชิงดินแดน!จักรพรรดิซิงหลงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “ในกรณีนี้ เราจะแก้ไขปัญหาแคว้นหมางได้อย่างไรดี?”ในเวลานี้หยางเฟิงกั๋วพูดขึ้นมาว่า “แคว้นหมางไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าเงิน เมื่อเราเจรจาสงบศึกก็ไม่จำเป็นต้องยกดินแดนให้พวกเขา เราสามารถเปิดเส้นทางการค้าได้ แม้ว่ามันจะไม่ทำกำไรสำหรับเรา แต่พวกเขาก็ถือว่าได้รับผลประโยชน์มากมาย!”“อ๋องน้อยขึ้นเป็นกษัตริย์อาจไม่มั่นคง และอาจแอบวางแผนเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ในอนาคตได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยางเฟิ่งกั๋วยิงเข้าประเด็น หลังจากพูดจบจักรพรรดิซิงหลงก็พยักหน้า“ถ้าเช่นนั้นให้ส่งทูตไปที่นั่นเถอะ เจ้ามีใครแนะนำบ้าง”จักรพรรดิซิงหลงถามออกไปเป้าชิงสื่อยิ้มและกล่าวว่า "ฝ่าบาท แน่นอนว่าคือหวังหยวนพ่ะย่ะค่ะ ชายคนนี
หวังหยวนหัวเราะและเชิญพวกเขานั่งลง แล้วพูดอย่างใจเย็น “ถ้าน้องไป๋ชอบ ข้าให้สิ่งนี้กับเจ้าได้นะ”แค่แก้วชิ้นเดียว ในโกดังยังมีเก็บอีกเยอะ!หวังหยวนยังไม่ได้นำมันไปประมูลด้วยซ้ำ!ไป๋เฟยเฟยที่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยของชิ้นนี้มีราคาอย่างน้อยสองสามร้อยตำลึงทอง การยกให้เขานั้นมันออกจะฟุ่มเฟือยเกินไป“ครั้งก่อนบุญคุณของน้องไป๋ ข้ารู้สึกขอบคุณในความมีน้ำใจของเจ้าเสมอ ข้าเคยบอกไปแล้วว่าข้าติดหนี้บุญเจ้ามาก ไม่ต้องพูดถึงโต๊ะคริสตัลตัวเล็ก ๆ นี้เลย ไม่ว่าโต๊ะคริสตัลกี่โต๊ะก็ไม่สำคัญ!”หวังหยวนรู้สึกซาบซึ้งใจจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะนาง หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ก็คงไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังอย่างปลอดภัยเช่นเดียวกับที่เขาว่าไว้ โต๊ะคริสตัลธรรมดา ๆ นับว่าเป็นอะไรได้!"ฮ่าฮ่าฮ่า พี่หวังเป็นคนที่มีคุณธรรมจริง ๆ ข้าขอนับถือ แต่...พี่หวังยังจำได้ใช่ไหมว่าตอนที่เจ้าไป เจ้าบอกว่าเจ้าจะให้โอกาสตระกูลไป๋ข้า!"ไป๋เฟยเฟยยังไม่ลืมเรื่องนี้ สิ่งที่นางต้องการมากที่สุด คือให้หวังหยวนเข้าร่วมกับตระกูลไป๋!เพียงแต่...ถ้าหวังหยวนไม่มีแผนอื่น บางทีเขาอาจจะเข้าร่วมได้ แต่ตอนนี้เกรงว่าเขาจะไม่สามารถเข้าร่วมตร
หวังหยวนรู้ซึ้งถึงความจริงข้อหนึ่ง!มีเงินทองมากมายแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!แค่เปลี่ยนความมั่งคั่งนี้ให้กลายเป็นความแข็งแกร่งเท่านั้น เราถึงจะปกป้องความมั่งคั่งไว้!ตอนนี้เขาเริ่มวางแผนให้เกาเล่อเตรียมการเรื่องหน่วยข่าวกรองลับแล้ว แม้ว่าเรื่องนี้จะยาก แต่หวังหยวนก็ยังไม่คิดใช้งานหน่วยข่าวกรองลับในตอนนี้สำหรับลุงหานซานและโรงฝึกยุทธ์ของเขา การรับสมัครหาคนที่ไว้ใจได้ พวกเขาไม่ได้กังวลเป็นพิเศษเรื่องเร่งด่วนเดียวก็คือเงิน!เพราะการมีเงินมากพอเท่านั้น ถึงจะสร้างสมบัติได้มากขึ้นเรื่อย ๆ!สำหรับกองกำลังอื่น ๆ กองกำลังที่ทรงพลังที่สุดที่เขาสามารถใช้ได้ก็คือหุบเขาชิงหลง ที่มีโจรทั้งหมดสองหมื่นคนหวังหยวนวางแผนที่จะสร้างชุดเกราะอย่างเรียบง่าย เพื่อใช้เสริมกำลังด้วยวิธีนี้ ถึงต้องรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ก็ยังพอมีโอกาสที่จะปกป้องตัวเองได้!หลังจากได้ยินที่หวังหยวนพูด ไป๋เฟยเฟยก็หายใจเข้าลึก และพยักหน้า“ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ไม่อาจแน่ใจได้”“พี่หวัง วันนี้ข้ามาที่นี่ ข้ามีอีกเรื่องจะบอกเจ้า!”ในตอนนั้น ไป่เฟยเฟยก็พูดขึ้นทันทีหลังจากพูดแบบนี้ หวังหยวนก็นิ่งอ
ไป๋เฟยเฟยมองออกทันทีเลยว่าหวังหยวนกำลังคิดอะไร และหัวเราะอีกครั้ง“พี่หวังคงรู้สึกว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมใช่ไหม?”หวังหยวนพยักหน้า “ใช่ ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าทำไม”ไป๋เฟยเฟย หายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านป้าของข้าให้กำเนิดองค์ชายห้า!”“ตอนนี้องค์ชายใหญ่อายุได้สิบขวบแล้ว ในบรรดาพี่น้องทั้งสี่ของเขา คนสุดท้องเป็นทารกจากตระกูลไป๋ของข้า และคนโตมีอายุแค่ห้าขวบเท่านั้นเอง!”“เดิมทีตระกูลเซิงอยากจะรอสักสองสามปี แต่เมื่อท่านป้าของข้าให้กำเนิดองค์ชายคนนี้ และมีสิทธิ์กลายเป็นรัชทายาท ตระกูลเซิงจึงต้องกังวลอยู่แล้ว!”คำพูดของไป๋เฟยเฟยชัดเจนมาก หวังหยวนก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด!ตระกูลเซิงไม่รีบร้อน นั่นเป็นเพราะว่าฮองเฮาไม่มีลูกชาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รีบร้อนเป็นธรรมดา นอกจากนี้พี่น้องคนอื่น ๆ ยังอายุน้อยกว่า เช่นเดียวกัน หยงเอ๋อร์คนนี้ก็ฉลาดหลักแหลมจริง ๆดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล!แต่ในเมื่อลูกสาวของตระกูลไป๋ที่เป็นฮองเฮาคนปัจจุบันมีลูกชาย สถานการณ์ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!ตำแหน่งกษัตริย์ส่วนใหญ่มักจะสืบทอดมาจากบุตรชายของฮองเฮา แม้ว่าจะมีข้อยกเว้น แต่
ตระกูลเซิงทำรัฐประหารและด้วยการสนับสนุนของแคว้นหมาง พวกเขาอาจยึดอำนาจได้จริง!หวังหยวนมองไปทางไป๋เฟยเฟยและอดพูดออกมาไม่ได้ว่า "น้องไป๋ เจ้าบอกข้าเรื่องนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่แค่เปิดเผยข่าวนี้ให้ข้ารู้อย่างเดียวใช่หรือไม่"“ถ้าน้องไป๋มีอะไรจะพูดก็ว่ามาเถอะ เราร่วมมือกันได้!”ไป๋เฟยเฟยจะไม่พูดเรื่องแบบนั้นกับเขาอย่างไม่มีเหตุผลต้องมีอะไรสักอย่างเป็นแน่!ไป๋เฟยเฟยพยักหน้า "ใช่ พี่หวัง ข้าอยากรู้เจ้ามีความคิดอะไรบ้างไหม?"หวังหยวนยิ้มและกล่าวว่า "ในเมืองหลวงข้าไม่มีวิธีเลยนี่สิ น้องไป๋ เนื่องจากตระกูลไป๋ของเจ้าคาดเดาได้ เจ้าคงมีหนทางบ้าง"“แม้ว่าตระกูลเซิงจะได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหมางและสามารถก่อรัฐประหารได้ แต่ตระกูลไป๋ของเจ้าก็ไม่ได้สิ้นไร้หนทางสักหน่อย”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็กระพริบตา“ไม่มีอะไรซ่อนจากสายตาพี่หวังได้จริง ๆ ใช่แล้ว ตระกูลไป๋ของเรามีแผนบางอย่าง”“แต่...พูดไปก็คงไม่ค่อยจะ ดังนั้น...ข้าอยากขอความช่วยเหลือจากพี่หวัง”แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ และเป็นความลับสุดยอดของตระกูลไป๋ แต่ไป๋เฟยเฟยก็ยังอยากถามความคิดเห็นของหวังหยวนบางทีเขาอาจมีวิธีแก้ปัญหาบา
ทันใดนั้นซูหนานอันก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ร่างกายเสียหลักทรุดลงคุกเข่ากับพื้น...“ท่าน...”“ท่านคือหวังหยวน!”ชื่อเสียงของหวังหยวนเลื่องลือไปทั่วหล้า!แม้เขาจะไม่เคยพบหน้าหวังหยวน แต่ก็รู้จักอาวุธลับที่หวังหยวนใช้!เพราะทั่วทั้งใต้หล้านี้ไม่มีอาวุธเช่นนี้อีกแล้ว!ซูหนานอันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าเหตุใดคนของตระกูลเฉินจึงรีบรุดมาช่วยเหลือราวกับสุนัขรับใช้!ที่แท้ก็เพื่อเอาใจหวังหยวนนี่เอง...บัดนี้เฉินเจิ้นหนานแทบอยากจะตบหน้าตนเอง เหตุใดเขาจึงโง่งมถึงเพียงนี้!“เจ้าหนุ่ม สิ่งนั้นมันอะไรกัน?”“ประทัดหรือ?”ซูอวิ่นอู่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีของพ่อ กลับชี้หน้าหวังหยวนแล้วพูดขึ้นคนของตระกูลซูหลายคนต่างหัวเราะเยาะหัวเราะไปเถิด ให้เจ้าหัวเราะให้เต็มที่!“อีกสักพักเจ้าจะร้องไห้กันไม่ทัน!”เฉินเทียนสบถในใจ“บังอาจ!”“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเดี๋ยวนี้!”“เจ้ามันช่างไร้ประโยชน์ รีบคุกเข่าขอขมาท่านหวังเดี๋ยวนี้!”ซูหนานอันตวาดซูอวิ่นอู่ เหตุใดเขาจึงมีลูกชายโง่เขลาเช่นนี้?ไม่เห็นหรือว่าเขากำลังคุกเข่าอยู่!ยังกล้าพูดจาอวดดีกับหวังหยวน ช่างไม่รู้จักกลัวตายเอาเสียเลย!“ท่านพ่อ ท
ทว่าเฉินเจิ้นหนานไม่ได้สนใจซูหนานอัน กลับรีบวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางประจบสอพลอนี่เป็นโอกาสอันดี!หากสามารถสร้างความสัมพันธ์กับหวังหยวนได้ ประกอบกับการกระทำอันอุกอาจของตระกูลซู ต่อไปในเมืองอู่เจียง เขาย่อมเหนือกว่าตระกูลซู!เปรียบได้กับปลากระโดดลงน้ำเลยทีเดียว!เฉินเจิ้นหนานจะไม่รู้จักฉวยโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไร?“เฉินเจิ้นหนาน!”“ท่านไม่ได้ยินที่พ่อข้าพูดหรือไร?”“เหตุใดต้องแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด!”ซูอวิ่นอู่เห็นเฉินเจิ้นหนานเมินเฉยต่อพ่อของตนจึงตะโกนด้วยความโกรธแม้แต่ตงฟางฮั่นที่ยืนอยู่ข้างหวังหยวนก็เกือบหลุดหัวเราะ ทั้งเฉินเจิ้นหนานและซูหนานอันล้วนเป็นวีรบุรุษแห่งยุค!เขารู้จักทั้งสองคนเป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งคนทั้งสองต่างสร้างฐานะของตระกูลขึ้นมาด้วยสองมือของตนเอง ทั้งยังไต่เต้าขึ้นมาจนมีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!น่าเสียดาย...แม้สุภาษิตจะกล่าวว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่ทายาทของพวกเขากลับเทียบไม่ได้กับบรรพบุรุษ!ไม่สิ!ต้องบอกว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว!“ซูอวิ่นอู่!”“ที่ผ่านมาข้าอดทนกับเจ้าก็มากพอแล้ว วันนี้เจ้ายังกล้าด่าทอพ่อข้าต่อหน้าข้าอีกหรือ?”“เจ้าคนสารเลว!”
ซูหนานอันผ่านพบผู้คนมากมาย ย่อมมีวิจารณญาณที่แตกต่างจากคนทั่วไปขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หวังหยวนก็เอื้อมมือไปตบบ่าเขา กิริยาเช่นนี้ทำให้พี่น้องตระกูลซูต่างไม่พอใจ“ช่างบังอาจ!”“รีบเอามือสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”ซูอวิ่นอู่ขึ้นชื่อเรื่องความบุ่มบ่ามอยู่แล้ว ผู้คนในเมืองอู่เจียงต่างรู้ถึงนิสัยใจร้อนของเขา แม้แต่บุตรหลานของอีกสามตระกูลใหญ่ก็ยังไม่กล้าต่อกรกับเขาซึ่งหน้าด้วยซ้ำไม่เพียงแต่มีนิสัยใจร้อนเท่านั้น เขายังมีพละกำลังมหาศาล มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ชายธรรมดาที่จะเข้าใกล้เขาได้ แม้แต่คนสี่ห้าคนก็ยังเข้าใกล้ได้ยาก!ช่างเป็นตัวปัญหายิ่งนัก!“เจ้าจำข้าไม่ได้จริงหรือ?”หวังหยวนจ้องมองซูหนานอัน แม้จะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ก็แผ่รังสีความกดดันที่มองไม่เห็นออกมา!ซูหนานอันส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่สมองกลับครุ่นคิดอย่างหนัก พยายามนึกถึงใบหน้าของหวังหยวน...แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเคยพบเจอหวังหยวนที่ใดมาก่อน!“ตระกูลซูของเจ้านี่ช่างน่าเกรงขามนัก”“คนที่ไม่รู้คงนึกว่าเมืองอู่เจียงนี้ตกเป็นของตระกูลซูเข้าแล้ว”หวังหยวนพึมพำกับตนเองซูหนานอันยิ่งงุนงง
“หากไม่อยากตายก็หลีกทางให้ข้า”หวังหยวนเป่าควันดำที่ลอยขึ้นจากปืนคาบศิลา ทอดสายตามองคนทั้งสองอย่างเย็นชาองครักษ์เฝ้าประตูทั้งสองสบตากัน ก่อนจะรีบหลีกทางให้หวังหยวนด้วยความหวาดหวั่น จะกล้าขวางทางต่อไปได้อย่างไร?เพราะพวกเขาไม่เคยพบเห็นอาวุธลับที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน!หากถูกอาวุธนี้เล่นงานคงต้องสิ้นชีพอย่างแน่นอน...หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลซูอย่างองอาจ ในชั่วพริบตา ทั้งสองก็มาถึงลานกว้างภายในคฤหาสน์เสียงดังจากหน้าประตูทำให้ผู้คนในตระกูลซูแตกตื่น ทุกคนต่างกรูกันออกมา ขณะนี้พวกเขากำลังยืนล้อมรอบลานบ้าน ใบหน้าบึ้งตึงหวังหยวนและตงฟางฮั่นถูกล้อมไว้ทุกทิศทาง“ให้หัวหน้าตระกูลของพวกเจ้าออกมาพบข้า”หวังหยวนกล่าวเสียงเรียบครู่ต่อมาฝูงชนก็แยกออกเพื่อเปิดทาง เผยให้เห็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมหรูหราเดินออกมาจากด้านหลังแม้จะมีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังคงมีสง่าราศีน่าเกรงขามชายผู้นั้นกวาดสายตามองหวังหยวน ก่อนจะเอ่ยปากอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงบังอาจบุกรุกคฤหาสน์ตระกูลซู”“หรือเจ้าอยากรนหาที่ตาย?”ข้างกายซูหนานอันมีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ บุตรชายทั้งสองของเขาต
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด