หวังหยวนตบถังน้ำแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นโชคลาภความมั่งคั่งของเรา เราต้องซ่อนมันไว้ให้ดี”“ขอโทษนะ คุณชายหวัง ข้ารู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อย...”หวังหยวนที่พูดได้ครึ่งนึง จู่ ๆ เขาก็เห็นว่าหูเมิ่งอิ๋งหน้าซีดมาก นางขมวดคิ้วกุมท้องของนาง และรีบวิ่งออกไปทันที“เป็นอะไรไป?”หวังหยวนดูสับสนเล็กน้อยเมื่อได้เห็นเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถามทั้งสองสาวด้วยความประหลาดใจหลี่ซือหานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ พลางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ช่วงนี้น้องหูมีประจำเดือนมา นางมักจะทรมานจากอาการปวดท้องจนทนไม่ไหวเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของหวังหยวนก็สว่างปิ้งขึ้นทันทีนี่อาจเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างรายได้!เมื่อผู้หญิงในสมัยโบราณมีประจำเดือน พวกเขาจะใช้เพียงผ้าธรรมดาผืนเดียวซึ่งลำบากมาก นอกจากนี้ยังต้องแอบซักตากให้แห้ง และเคลื่อนไหวมากไม่ได้อีกด้วย!ถ้าทำผ้าอนามัยเอง จะหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการผลิตมันได้หรือไม่นะ?นอกจากนี้ วัตถุดิบในการทำของเหล่านี้ก็ไม่แพงมาก หากซื้อจำนวนมาก อาจได้ในราคาถูกลงมา!นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างรายได้!ดังนั้นหวังหยวนจึงเขียนรายการสิ่งของอย่างอื่นทันที นำรถเข็นทองคำออ
หวังหยวนหัวเราะ ยุคของเขาของพวกนี้เป็นของพื้นเพธรรมดามาก ๆ นี่เป็นของพื้นฐานสำหรับผู้หญิง!มันเป็นเพียงของใช้สำหรับช่วงเวลาพิเศษเท่านั้น!ถ้าหูเมิ่งอิ๋งไม่ปวดท้องกะทันหัน เรื่องประจำเดือนที่ช่วยเตือนสติตัวเอง เขาก็คงไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย!หูเมิ่งอิ๋งกระพริบตา แต่ก็เข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยน เมื่อนางออกมาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก!สิ่งนี้...สะดวกมากเลย!พอดีกับร่างกายมาก!โดยเฉพาะกางเกงทรงพิเศษ นี่เป็นสิ่งที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อนแม้จะแน่นกระชับอยู่บ้าง แต่ก็ยังสบายมาก!“นี่... สิ่งนี้เกินไป... สะดวกเกินไปแล้ว…”หลังจากที่หูเมิ่งอิ๋งออกมาก็ประหลาดใจมาก และไปพูดคุยกับหลี่ซือหานและหวงเจียวเจียวต่อคนยุคนี้ไม่เคยใช้ของแบบนี้ ย่อมพูดได้เลยว่าสะดวกสบายมากเป็นธรรมดา“ท่านพี่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างไร... ท่าน... ท่านเป็นผู้ชาย ท่านทำของที่ผู้หญิงใช้ที่วิเศษแบบนี้ได้อย่างไร…”หลี่ซือหานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดออกมาหวังหยวนก็หัวเราะเช่นกัน เดิมที่ของพวกนี้เขาไม่ใช่คนสร้างออกมา แต่เป็นผลงานในยุคนั้น หลังจากที่หลาย ๆ คนถกเถียงวิจารณ์กันมาก็ไม่มีปัญหา!“ก็...มันก็แค่จินตนาการไปเรื่อยน่
หลังจากพูดจบ หญิงสาวชุดม่วงก็หัวเราะเช่นกัน“หวังหยวนเป็นคนที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ แต่ข้าไม่รู้ว่าคนที่มีความสามารถเช่นนี้จะเต็มใจที่จะอยู่ใต้ชายคาของคนอื่นหรือเปล่านี่สิ!”ไป๋เฟยเฟยเองก็เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวชุดม่วงพูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากประสบกับเหตุการณ์นี้ นิสัยของหวังหยวนย่อมต้องเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา และทุกอย่างก็แปรผันได้!“อย่างไรก็ตาม หวังหยวนอยากมาพบจริง ๆ เรามาพบกันสักครั้งเถอะ ดูสิว่าเขาคุยอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ข้าอยากไปหมู่บ้านต้าหวังอีกด้วย ครั้งสุดท้ายที่เห็นหมู่บ้านต้าหวัง ข้ายังรู้สึกประหลาดใจอยู่เลย!”“นอกจากนี้ คราวนี้ก็มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย!”หลังจากที่ไป่เฟยเฟยพูดจบ ก็ออกเดินทางทันทีที่นี่หวังหยวนได้รับจดหมายและหัวเราะเพียงเล็กน้อย รอให้ไป่เฟยเฟยและคนอื่น ๆ มาถึงขณะเดียวกัน ที่วังหลวงต้าเย่ สีพระพักตร์จักรพรรดิซิงหลงดำมืดมาก เขาอยากจับหวังหยวนกลับมาจริง ๆ แต่เขารู้ว่าทำแบบนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการตบหน้าตัวเองเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกด้วย!เดิมทีหากจับหวังหยวนได้ เขาโดนวิพากษ์วิจารณ์นิดหน่อยก็ไม่สำคัญ อย่างน้อยเขาก็ควบคุมหวังหยวนเอ
หยางเฟิ่งกั๋วก็พยักหน้าด้วยคำพูดของเป้าชิงสื่อ นั่นคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น!ความคิดของแคว้นหมางนั้นเรียบง่ายมาก วิธีที่ง่ายที่สุดในการรวบรวมอำนาจของพวกเขา คือการเข้าสู่สงครามการใช้สงครามระหว่างแคว้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจภายในราชสำนัก ในขณะเดียวกันก็ใช้แรงกดดันของราชสำนักหวงเพื่อเจรจาสงบศึก อย่างน้อยมีความเสี่ยงที่มณฑลซูโจวจะถูกกองทหารรุกรานชิงดินแดน!จักรพรรดิซิงหลงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “ในกรณีนี้ เราจะแก้ไขปัญหาแคว้นหมางได้อย่างไรดี?”ในเวลานี้หยางเฟิงกั๋วพูดขึ้นมาว่า “แคว้นหมางไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าเงิน เมื่อเราเจรจาสงบศึกก็ไม่จำเป็นต้องยกดินแดนให้พวกเขา เราสามารถเปิดเส้นทางการค้าได้ แม้ว่ามันจะไม่ทำกำไรสำหรับเรา แต่พวกเขาก็ถือว่าได้รับผลประโยชน์มากมาย!”“อ๋องน้อยขึ้นเป็นกษัตริย์อาจไม่มั่นคง และอาจแอบวางแผนเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ในอนาคตได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยางเฟิ่งกั๋วยิงเข้าประเด็น หลังจากพูดจบจักรพรรดิซิงหลงก็พยักหน้า“ถ้าเช่นนั้นให้ส่งทูตไปที่นั่นเถอะ เจ้ามีใครแนะนำบ้าง”จักรพรรดิซิงหลงถามออกไปเป้าชิงสื่อยิ้มและกล่าวว่า "ฝ่าบาท แน่นอนว่าคือหวังหยวนพ่ะย่ะค่ะ ชายคนนี
หวังหยวนหัวเราะและเชิญพวกเขานั่งลง แล้วพูดอย่างใจเย็น “ถ้าน้องไป๋ชอบ ข้าให้สิ่งนี้กับเจ้าได้นะ”แค่แก้วชิ้นเดียว ในโกดังยังมีเก็บอีกเยอะ!หวังหยวนยังไม่ได้นำมันไปประมูลด้วยซ้ำ!ไป๋เฟยเฟยที่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยของชิ้นนี้มีราคาอย่างน้อยสองสามร้อยตำลึงทอง การยกให้เขานั้นมันออกจะฟุ่มเฟือยเกินไป“ครั้งก่อนบุญคุณของน้องไป๋ ข้ารู้สึกขอบคุณในความมีน้ำใจของเจ้าเสมอ ข้าเคยบอกไปแล้วว่าข้าติดหนี้บุญเจ้ามาก ไม่ต้องพูดถึงโต๊ะคริสตัลตัวเล็ก ๆ นี้เลย ไม่ว่าโต๊ะคริสตัลกี่โต๊ะก็ไม่สำคัญ!”หวังหยวนรู้สึกซาบซึ้งใจจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะนาง หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ก็คงไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังอย่างปลอดภัยเช่นเดียวกับที่เขาว่าไว้ โต๊ะคริสตัลธรรมดา ๆ นับว่าเป็นอะไรได้!"ฮ่าฮ่าฮ่า พี่หวังเป็นคนที่มีคุณธรรมจริง ๆ ข้าขอนับถือ แต่...พี่หวังยังจำได้ใช่ไหมว่าตอนที่เจ้าไป เจ้าบอกว่าเจ้าจะให้โอกาสตระกูลไป๋ข้า!"ไป๋เฟยเฟยยังไม่ลืมเรื่องนี้ สิ่งที่นางต้องการมากที่สุด คือให้หวังหยวนเข้าร่วมกับตระกูลไป๋!เพียงแต่...ถ้าหวังหยวนไม่มีแผนอื่น บางทีเขาอาจจะเข้าร่วมได้ แต่ตอนนี้เกรงว่าเขาจะไม่สามารถเข้าร่วมตร
หวังหยวนรู้ซึ้งถึงความจริงข้อหนึ่ง!มีเงินทองมากมายแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!แค่เปลี่ยนความมั่งคั่งนี้ให้กลายเป็นความแข็งแกร่งเท่านั้น เราถึงจะปกป้องความมั่งคั่งไว้!ตอนนี้เขาเริ่มวางแผนให้เกาเล่อเตรียมการเรื่องหน่วยข่าวกรองลับแล้ว แม้ว่าเรื่องนี้จะยาก แต่หวังหยวนก็ยังไม่คิดใช้งานหน่วยข่าวกรองลับในตอนนี้สำหรับลุงหานซานและโรงฝึกยุทธ์ของเขา การรับสมัครหาคนที่ไว้ใจได้ พวกเขาไม่ได้กังวลเป็นพิเศษเรื่องเร่งด่วนเดียวก็คือเงิน!เพราะการมีเงินมากพอเท่านั้น ถึงจะสร้างสมบัติได้มากขึ้นเรื่อย ๆ!สำหรับกองกำลังอื่น ๆ กองกำลังที่ทรงพลังที่สุดที่เขาสามารถใช้ได้ก็คือหุบเขาชิงหลง ที่มีโจรทั้งหมดสองหมื่นคนหวังหยวนวางแผนที่จะสร้างชุดเกราะอย่างเรียบง่าย เพื่อใช้เสริมกำลังด้วยวิธีนี้ ถึงต้องรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ก็ยังพอมีโอกาสที่จะปกป้องตัวเองได้!หลังจากได้ยินที่หวังหยวนพูด ไป๋เฟยเฟยก็หายใจเข้าลึก และพยักหน้า“ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ไม่อาจแน่ใจได้”“พี่หวัง วันนี้ข้ามาที่นี่ ข้ามีอีกเรื่องจะบอกเจ้า!”ในตอนนั้น ไป่เฟยเฟยก็พูดขึ้นทันทีหลังจากพูดแบบนี้ หวังหยวนก็นิ่งอ
ไป๋เฟยเฟยมองออกทันทีเลยว่าหวังหยวนกำลังคิดอะไร และหัวเราะอีกครั้ง“พี่หวังคงรู้สึกว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมใช่ไหม?”หวังหยวนพยักหน้า “ใช่ ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าทำไม”ไป๋เฟยเฟย หายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านป้าของข้าให้กำเนิดองค์ชายห้า!”“ตอนนี้องค์ชายใหญ่อายุได้สิบขวบแล้ว ในบรรดาพี่น้องทั้งสี่ของเขา คนสุดท้องเป็นทารกจากตระกูลไป๋ของข้า และคนโตมีอายุแค่ห้าขวบเท่านั้นเอง!”“เดิมทีตระกูลเซิงอยากจะรอสักสองสามปี แต่เมื่อท่านป้าของข้าให้กำเนิดองค์ชายคนนี้ และมีสิทธิ์กลายเป็นรัชทายาท ตระกูลเซิงจึงต้องกังวลอยู่แล้ว!”คำพูดของไป๋เฟยเฟยชัดเจนมาก หวังหยวนก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด!ตระกูลเซิงไม่รีบร้อน นั่นเป็นเพราะว่าฮองเฮาไม่มีลูกชาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รีบร้อนเป็นธรรมดา นอกจากนี้พี่น้องคนอื่น ๆ ยังอายุน้อยกว่า เช่นเดียวกัน หยงเอ๋อร์คนนี้ก็ฉลาดหลักแหลมจริง ๆดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล!แต่ในเมื่อลูกสาวของตระกูลไป๋ที่เป็นฮองเฮาคนปัจจุบันมีลูกชาย สถานการณ์ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!ตำแหน่งกษัตริย์ส่วนใหญ่มักจะสืบทอดมาจากบุตรชายของฮองเฮา แม้ว่าจะมีข้อยกเว้น แต่
ตระกูลเซิงทำรัฐประหารและด้วยการสนับสนุนของแคว้นหมาง พวกเขาอาจยึดอำนาจได้จริง!หวังหยวนมองไปทางไป๋เฟยเฟยและอดพูดออกมาไม่ได้ว่า "น้องไป๋ เจ้าบอกข้าเรื่องนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่แค่เปิดเผยข่าวนี้ให้ข้ารู้อย่างเดียวใช่หรือไม่"“ถ้าน้องไป๋มีอะไรจะพูดก็ว่ามาเถอะ เราร่วมมือกันได้!”ไป๋เฟยเฟยจะไม่พูดเรื่องแบบนั้นกับเขาอย่างไม่มีเหตุผลต้องมีอะไรสักอย่างเป็นแน่!ไป๋เฟยเฟยพยักหน้า "ใช่ พี่หวัง ข้าอยากรู้เจ้ามีความคิดอะไรบ้างไหม?"หวังหยวนยิ้มและกล่าวว่า "ในเมืองหลวงข้าไม่มีวิธีเลยนี่สิ น้องไป๋ เนื่องจากตระกูลไป๋ของเจ้าคาดเดาได้ เจ้าคงมีหนทางบ้าง"“แม้ว่าตระกูลเซิงจะได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหมางและสามารถก่อรัฐประหารได้ แต่ตระกูลไป๋ของเจ้าก็ไม่ได้สิ้นไร้หนทางสักหน่อย”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็กระพริบตา“ไม่มีอะไรซ่อนจากสายตาพี่หวังได้จริง ๆ ใช่แล้ว ตระกูลไป๋ของเรามีแผนบางอย่าง”“แต่...พูดไปก็คงไม่ค่อยจะ ดังนั้น...ข้าอยากขอความช่วยเหลือจากพี่หวัง”แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ และเป็นความลับสุดยอดของตระกูลไป๋ แต่ไป๋เฟยเฟยก็ยังอยากถามความคิดเห็นของหวังหยวนบางทีเขาอาจมีวิธีแก้ปัญหาบา
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน
“ท่านหวังมาแล้วหรือ?”เมื่อหวังหยวนและพรรคพวกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่แฝงด้วยความอ่อนแอดังมาจากด้านในไป๋ลั่วหลีรีบเข้าไปในกระโจม เปิดม่านทั้งสองข้าง หวังหยวนจึงเห็นไป๋เหยียนเฟยนอนอยู่บนเตียงอาการของไป๋เหยียนเฟยดูย่ำแย่กว่าที่เขาคิด ไม่เพียงแต่ใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น แม้แต่ริมฝีปากไร้สีเลือดฝาด ดูอ่อนแรงมาก!หวังหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้พบกันนาน เหตุใดฝ่าบาทจึงเป็นเช่นนี้?”“ไม่ได้เชิญหมอมารักษาหรือ?”“แค่ก แค่ก”ไป๋เหยียนเฟยไอสองสามครั้ง ไป๋ลั่วหลีช่วยพยุงนางขึ้น นางเงยหน้ามองหวังหยวน แล้วส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อฟ้าลิขิตแล้ว จะทำเช่นไรได้?”“ข้าตามหาหมอมารักษา หมอชื่อดังทั่วดินแดนทั้งเก้าต่างบอกว่าหมดหนทาง บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์ก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตาย ข้าจะฝืนได้อย่างไร?”“แต่น่าเสียดาย กลุ่มกบฏทางเหนือกลับบุกอาณาจักรข้า! ประกอบกับอาณาจักรต้าเป่ยต่างจ้องมองพวกข้าอยู่ ข้าจึงให้ไป๋ลั่วหลีไปเชิญท่านมา หวังว่าท่านจะช่วยปราบกบฏพวกนั้นได้!”หวังหยวนรู้สึกสงสารในบรรดาสี่อาณาจักรใหญ่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรต้าเย่ และ
“ครั้งนี้คงไม่นาน ข้าจะรีบพาทุกคนกลับมา!”“ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้าหู่และขุนพลต่งอยู่กับข้าด้วย พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”“แค่รออยู่ที่บ้านก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารู้ว่าตนเองรู้สึกผิดต่อพวกนาง แต่บุรุษเกิดมาแล้วย่อมต้องสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?สวรรค์ให้โอกาสเขาเกิดใหม่ จึงต้องใช้ความสามารถสร้างความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้!“น้องหรูเยียนยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะพานางไปอาณาจักรต้าเย่ก่อน รอให้พวกเรากลับมาแล้วค่อยทำความรู้จักกัน”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้ว พวกนางก็ได้แต่ทำตามภรรยาย่อมต้องเชื่อฟังสามี!“ท่านตงฟาง!”หลังจากพูดคุยกับภรรยาแล้ว หวังหยวนก็มองไปที่ตงฟางฮั่น“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ต้องรบกวนท่านและท่านถงช่วยดูแลที่นี่ด้วย”“ข้าได้สั่งเอ้อหู่ ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพวกท่าน ห้ามกระทำการโดยพลการ!”“เมืองหลิงคือรากฐานของข้า จึงมีความสำคัญยิ่ง ต้องไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”“คนของอาณาจักรต้าเป่ยจ้องมองพวกเราอยู่ หานเทาพร้อมจะสู้รบกับข้าทุกเมื่อ พวกท่านต้องระวังตัว!”หวังหยวนกำชับหลายครั้งตงฟางฮั่นแ
ทันใดนั้น เสียงไอก็ขัดจังหวะหวังหยวนเขาหันไปมองตามเสียงจึงเห็นตงฟางฮั่นทั้งสองแค่สบตากันก็เข้าใจความคิดของกันและกัน“คุณหนูไป๋”“ข้าขอคิดทบทวนก่อน จึงค่อยให้คำตอบ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนักใจเช่นนี้เลย รอให้ดื่มกันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า เจ้าว่าเช่นไร?”หวังหยวนให้เกียรติไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวจากท่านหวังเจ้าค่ะ!”เมื่องานเลี้ยงเลิกราและจัดการเรื่องที่พักของไป๋ลั่วหลีแล้ว หวังหยวนก็รีบออกไปข้างนอกพร้อมกับตงฟางฮั่นริมถนน หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเล่นไปพลางคุยกัน “ท่านตงฟาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าคิดว่าควรส่งกองกำลังไปช่วย!”“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงคราม โครงการชลประทานทำให้อาณาจักรอื่น ๆ เห็นถึงประโยชน์ เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่อาณาจักรต้าเป่ยก็กำลังเร่งสร้างโครงการชลประทานเหมือนกัน!”“ในเมื่อพวกเราสร้างเสร็จก่อน ก็ควรใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขต!”หืม?หวังหยวนเลิกคิ้ว รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านตงฟาง ท่านลืมแล้วหรือ ครั้งก่อนที่พวกเราพบกันที่หอหลิวหลี ต่างให้สัญญากันว่าจะไม่ทำสงครามเพื่อให้โลกสงบสุข!”“หากข้ายกทัพตอน
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท