เจิ้งไท่ชิงอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลก หวังหยวนหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น“ฮ่าฮ่าฮ่า... ไม่ต้องกังวล จะไม่มีคำสั่งลับนี้หรอก…”หวังหยวนมั่นใจมาก เจิ้งไท่ชิงก็หัวเราะเช่นกันด้วยทหารหลายพันนายที่คอยคุ้มกัน การเดินทางครั้งนี้จะต้องปลอดภัยมาก“ไม่ไกลข้างหน้าคือเมืองหลวง ท่านต้องระวังมากขึ้น ข้าคิดว่าอ๋องเจิ้นตงจะใช้กลอุบายแน่ เพราะว่า... เขาไม่ต้องการให้ท่านเข้าเมืองได้อย่างราบรื่น!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หวังหยวนย่อมเข้าใจว่าอ๋องเจิ้นตงและอ๋องเซ่อเป่ย ต่างก็เป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน หากอ๋องถูหนานไม่ตาย ทั้งสองคนก็น่าจะอยู่เฉย ๆ อย่างน้อยพวกเขาก็จะไม่ดำเนินการใด ๆ ในตอนนี้แต่ตอนนี้อ๋องถูหนานเสียชีวิตแล้ว คนที่คอยสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทเฮาจึงหายไปแล้ว แน่นอนว่าความทะเยอทะยานของพวกเขาก็สำแดงฤทธิ์!หวังหยวนรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาจึงรู้ด้วยว่าอ๋องเจิ้นตงจะต้องมีกลอุบายรอเขาอยู่แน่นอน!“ข้าเข้าใจ ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน”หวังหยวนยิ้มแล้วพูด ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงใกล้เมืองหลวง คนของเจิ้งไท่ชิงย่อมไม่ได้เข้าไปในเมืองด้วย แต่ได้รับมอบหมายให้ไปค่ายทหารนอกเมือง
“ปรากฏว่านี่คือผู้กำกับองครักษ์เมืองหวงใต้เท้าเกาเล่อนี่เอง สวรรค์เป็นพยาน ช่างมีวาจานุ่มนวลและท่าทางถ่อมตัวเหลือเกิน จนข้าคิดว่าเป็นขันทีในวังเสียอีก ขออภัย ขออภัย”หวังหยวนประสานมือ เลียนแบบตามตัวอย่างของเขา แล้วกล่าวขอโทษแต่หลังจากพูดเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเกาเล่อก็แข็งค้างไปครู่หนึ่ง และมองหวังหยวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่ามากขึ้นแต่เขาไม่ทำอะไรเลย ยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านหมิงถัน สุภาพเกินไป สุภาพเกินไป ข้าจะมีชีวิตที่ดีถึงขั้นเป็นขันทีในวังได้อย่างไร”หลังจากพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็มองหวงเจียวเจียวที่อยู่ด้านหลังหวังหยวน“นี่คือคุณหนูหวงนี่นา กลุ่มคนที่มารับท่านอยู่ด้านนั้น คุณหนูหวงโปรดเดินทางด้วยขอรับ”ในเวลานี้เกาเล่อยิ้มอ่อน แต่หวังหยวนก็เห็นว่าสายตาที่เขามองหวงเจียวเจียวนั้น ให้ความเคารพอย่างชัดเจนตัวตนที่แท้จริงของหวงเจียวเจียวคืออะไร?นางไม่ใช่สาวใช้ต่ำต้อยแบบที่นางบอกแน่นอน ผู้กำกับองครักษ์ประจำเมืองหลวงดูเคารพมาก นางต้องมาจากวังหลวงเป็นแน่!หรือว่านางจะมีความเกี่ยวข้องกับไทเฮาในทางใดทางหนึ่ง?“ขอบคุณใต้เท้าเกา”หวงเจียวเจียวยังคงเผยรอยยิ้มงาม อันเป็นเอกล
เมื่อเกาเล่อได้ยินดังนั้น เขาก็ยิ้มแล้วพูดอย่างสบาย ๆ “เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ คุณหนูหวงคนนี้เป็นธิดาสนมของอ๋องหลงซี เมื่อนางไปถึงต้าเย่ นางก็เปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่หมด โชคชะตาของนางกำหนดให้นางมีสถานะสูงส่ง หมิงถัน เกิดอะไรขึ้น ท่านหมิงถัน เหตุใดท่านถึงสงสัยเรื่องตัวตนของนางขนาดนี้? ท่านหลงใหลความงามของคุณหนูหวงหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น หวังหยวนก็แค่ยิ้ม แล้วตอบว่า “ไม่ ข้าแค่สงสัยเท่านั้น”ธิดาของอ๋องหลงซี ต้องไปต้าเย่เพื่อทำงานเป็นไส้ศึกจริง ๆ อ๋องหลงซีผู้นี้ช่างโหดร้ายนัก!แต่นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะลูกหลานของครอบครัวที่ร่ำรวย ย่อมไม่อาจควบคุมสิ่งที่ตัวเองทำได้อยู่แล้วประเด็นนี้ถูกปัดทิ้งไป จากนั้นเกาเล่อก็พาพวกเขาไปบ้านพักที่แยกต่างหาก แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่คือที่พักคณะฑูต ท่านหมิงถันให้คนของท่านพักผ่อนที่นี่ก่อน เพราะไทเฮาอนุญาตให้ท่านเข้าเฝ้าคนเดียวเท่านั้น”นี่เป็นกฎ หวังหยวนจึงไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ แล้วบอกให้ต้าหู่และพรรคพวก ติดตามเกาเล่อไปยังที่พักในเมืองหลวงแห่งนี้ในเวลานี้ จู่ ๆ ทหารคนหนึ่งของเกาเล่อก็มากระซิบบางอย่างข้างหูเจ้านาย ระยะทางนั้นไกลเกินกว่าที่หวังหย
“ฮ่าฮ่า ข้าหวังว่าเขาจะอายุยืนยาว”เกาเล่อยิ้มกว้างขึ้น แล้วพูดว่า “เอาล่ะ วังหลวงอยู่ข้างหน้าแล้ว ข้าจะไม่เข้าไป ประเดี๋ยวจะมีคนพาท่านหมิงถันเข้าไป”เมื่อเดินไปถึงนอกห้องโถงของวังหลวง เกาเล่อก็หยุด และมีขันทีคนหนึ่งเข้ามาด้วยความเคารพ แล้วพาหวังหยวนเข้าไปข้างในเมื่อเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ หวังหยวนก็เห็นเสนาบดีในราชสำนักหวงนั่งขนาบสองด้านหวงเหยียนมาทีหลัง แต่ความยิ่งใหญ่นี้ไม่ด้อยไปกว่าต้าเย่เลยหวังหยวนมองไปรอบ ๆ แล้วเห็นคนสี่คนนั่งอยู่ทั้งสองด้านของด้านหน้าหนึ่งในนั้นคืออากู่ฉา และอีกสามคนเป็นสามราชวงศ์ของเมืองหวงพวกเขาทั้งสามก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่ได้มองหวังหยวน หวังหยวนก็ถอนสายตา ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจที่นั่น...มีเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรตัวใหญ่ ด้านหลังเก้าอี้มังกรมีม่านปิดอยู่ มองเห็นเงาร่างผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นลาง ๆหวังหยวนมีสีหน้าเฉยเมย เดินเข้าไปใกล้ แล้วประสานมือโค้งคำนับ ก่อนพูดว่า “ทูตจากต้าเย่ หวังหยวน ถวายบังคมฮ่องเต้และไทเฮาแห่งแผ่นดิน”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา เสียงอันไพเราะของผู้หญิงก็ดังขึ้นจากหลังม่าน“หวังหยวน นี่เป็นการเดินท
จากคำพูดของอากู่ฉา ทุกคนพยักหน้าพร้อมกันแต่ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ถามว่า “หวังหยวน อากู่ฉาต้องการล้างแค้นให้บิดาของเขา ไม่ทราบว่าเจ้าคิดอย่างไร?”หวังหยวนยิ้ม แล้วพูดว่า “ไทเฮา ต้องมีคนพูดเหลวไหลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นแน่ ข้าไม่ได้สังหารอ๋องถูหนาน อย่าได้กล่าวหาทูตต่างแผ่นดินในเรื่องเช่นนี้อย่างไม่ยุติธรรม”ในเมื่อพวกเจ้าต้องการแสดงละคร ข้าก็จะแสดงละครร่วมกับพวกเจ้า!“เหลวไหล เจ้าสร้างหน้าไม้ขนาดยักษ์ แล้วปล่อยให้คนอื่นยิงพ่อของข้า เจ้ายังไม่กล้ายอมรับเลย หวังหยวน เจ้าเป็นคนขี้ขลาดจริง ๆ เจ้ากล้าทำเช่นนี้เลยหรือ?”อากู่ฉาตะโกนด้วยความโกรธทันที ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็โบกมืออย่างรวดเร็ว“เฮ้ อ๋องถูหนาน โปรดอย่ากล่าวหาข้า ข้าสร้างหน้าไม้ขนาดยักษ์จริง แต่ข้าไม่ได้สั่งให้ฆ่าพ่อของเจ้า อีกทั้งกองทัพทั้งสองยังต่อสู้กันในระยะไกลขนาดนี้ ข้าไม่เห็นพ่อของเจ้าด้วยซ้ำ จะฆ่าเขาได้อย่างไร บางทีเขาอาจถูกคนอื่นฆ่า... ฆ่าโดยไม่ตั้งใจก็ได้”“ไม่ต้องกังวล ข้าจะตรวจสอบอย่างรอบคอบเมื่อข้ากลับไป ว่าใครเป็นคนฆ่าพ่อของเจ้า? ดีหรือไม่?”หวังหยวนไม่ยอมรับ ไม่ใช่เพราะขี้ขลาด แต่เป็นเพราะเขาปฏิบัติตามคำพ
ในขณะนี้ ไทเฮาทรงส่งเสียงกระแอมอย่างเย็นชา! “นี่คือท้องพระโรง อากู่ฉา ข้าเข้าใจว่าเจ้าต้องการล้างแค้นให้พ่อของเจ้า ทว่านี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะทำท่าทางเหิมเกริมได้ ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ถอยออกจากราชสำนักซะ!” เมื่อพูดเช่นนั้น หวังหยวนก็เห็นร่างที่อยู่หลังม่านลุกขึ้นและจากไป และนางกำนัลหลายคนก็พาอ๋องตัวน้อยออกไปด้วย หวังหยวนกระพริบตา ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “น้อมส่งฝ่าบาท น้อมส่งไทเฮา” หลังจากพูดเช่นนั้น หวังหยวนก็กำลังจะหันหลังกลับและจากไป และในเวลานี้นั่นเอง ข้าหลวงในวังก็รีบขวางทางหวังหยวนไว้ “คุณชายหวังหยวน ไทเฮาทรงเชิญท่าน” หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไทเฮาผู้นี้... รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า? มีคนมากมายคอบจับตามองอยู่ แต่กลับขอให้ตัวเขาไปเข้าเฝ้าพระองค์เชียวหรือ? อย่างไรก็ตาม ในเมื่อผู้อื่นมีความตั้งใจเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าหวังหยวนต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “โปรดนำทางด้วย” ขณะที่พูด ข้าหลวงในวังโน้มตัวไปข้างหน้า และเดินนำหวังหยวนเข้าไปข้างใน ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงส่วนลึกของพระราชวังและมาถึงห้องทรงพระอักษร ทันทีที่หวังหยวนเข้าไป เขาก็เห็นอ๋องตัวน้อยกำลังเล่นอยู่ ในขณะนี
เซียวฉู่ฉู่มองตรงไปที่หวังหยวน ขณะที่นางพูดเช่นนี้ หวังหยวนไม่ได้รู้สึกถึงเจตนาฆ่าเลยแม้แต่น้อย อย่างที่นางพูด มันทำให้ข้าตระหนักถึงความเป็นจริงอย่างแท้จริง! หวังหยวนยิ้มและกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ไทเฮา พระองค์ทรงเชิญกระหม่อมมาที่นี่ คงไม่คิดที่จะฆ่ากระหม่อมง่ายดายเช่นนี้ใช่หรือไม่?” เซียวฉู่ฉู่หัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “หวังหยวน ข้ารู้ว่าเจ้าฉลาดมาก นี่คือเหตุผลที่ข้าใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อพาเจ้ามาที่เมืองหวง แต่สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดนั้นไม่ได้พูดผิดชีวิตและความตายของเจ้าเกี่ยวข้องกับข้าจริง ๆ ข้าไม่เพียงแต่พูดถึงเมืองหวงเท่านั้น แม้กระทั่ง... ต้าเย่!” ท่าทางของเซียวฉู่ฉู่โอหังมากเมื่อนางพูดแบบนี้! สิ่งนี้ทำให้หวังหยวนตกใจมาก! “ไทเฮาตรัสเช่นนี้ เพื่ออยากบอกกระหม่อมว่า พระองค์สามารถปกป้องกระหม่อมได้ แม้อยู่ในต้าเย่เช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เซียวฉู่ฉู่ยิ้มและกล่าวว่า “อำนาจของเมืองหวงนั้นแข็งแกร่งกว่าต้าเย่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่แม่ทัพมู่สิ้นชีพ ต้าเย่ก็เสื่อมโทรมลงทุกวัน เจ้าย่อมรู้เรื่องนี้ดีกว่าข้า” “เหตุผลที่ข้าพูดไปมากมายเช่นนี้ ก็เพื่อให้เราเจราจาเรื่องต่อไปไ
“ข้าก็กำลังลังเลเช่นกัน ว่าพวกเขาจะมองออกหรือไม่…เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรต่อไป?” ในเวลานี้ เซียวฉู่ฉู่อดไม่ได้ที่จะถาม หวังหยวนพูดอย่างใจเย็น “ทำต่อไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ” “เหตุใดเล่า? เจ้าก็คิดว่าพวกเขาไม่เชื่อไม่ใช่หรือ?” เซียวฉู่ฉู่พูดอย่างร้อนรนพร้อมกับสงสัย หวังหยวนหยิบถ้วยชาขึ้นมา เขาจิบชาแล้วหัวเราะทันที “ประการแรก แม้ว่าพวกเขาจะสงสัย แต่พวกเขาอาจรู้เจตนาของไทเฮาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงคอยเฝ้าดู แต่... อากู่ฉาเป็นเช่นนี้เสมอมา แสดงละครอย่างต่อเนื่อง และทวีความไม่พอใจในตัวไทเฮามากยิ่งขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะเชื่อท่านไม่มากก็น้อย” “ประการที่สองนั่นก็คือ อากู่ฉาเข้ารับตำแหน่งแทนอ๋องถูหนาน และควบคุมกองทัพชายแดน! กองทัพแข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเขาจะไม่อิจฉาได้อย่างไร?” “ดังนั้น... ความไว้วางใจเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แม้ว่าร่องรอยจะหนักกว่าเล็กน้อย และร้อนรนไปบ้าง แต่ก็ไม่สำคัญ” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เซียวฉู่ฉู่ก็พยักหน้า “อย่างไรก็ตาม...ยังคงต้องขจัดข้อสงสัยของพวกเขาถึงจะถูก” ขณะที่พูด นางก็มองไปที่หวังหยวน ทำให้หวังหยวนดูทำอะไรไม่ถูก “ไทเฮา วันนี้กระหม่อมเพิ