เถียนชียิ้มและพูดว่า “ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ ขุนพลหงเยี่ยไม่รู้อย่างแน่นอน ช่วงสองวันนี้นางได้รับเชิญจากเสี่ยวไท่ซุ่ยให้ไปเยี่ยมชมสันเขาไป่หู!” ดวงตาของชิงเมี่ยนโช่วมืดลง “ส่งสหายจากขุนเขาเฮยสรงและสันเขาไป๋หูทั้งหมดไปรับใช้นาง นี่จะช่วยให้นางไม่ต้องไปเดินเตร่รอบ ๆ สันเขาไป๋หู และเฮยสรงซานได้ตลอดทั้งวัน!” เมื่อคำนึงถึงอาหารแล้ว เสี่ยวไท่ซุ่ยและขุนเขาเฮยสรงต่างก็ตกลงที่จะส่งคนไปจัดระเบียบใหม่ ภายในไม่กี่วันคนนับพันก็จะมาถึง เถียนชีตกตะลึง: นั่นคือคนนับพันคนเชียวนะ ใครก็ตามที่สั่งการพวกเขาได้ก็ย่อมมีอำนาจใหญ่เป็นอันดับสองในภูเขา! อาจารย์จ้าวหลังค่อมกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าทำเช่นนั้นเด็ดขาด อำนาจทางการทหารเป็นเรื่องของชีวิตและความตาย มันจะต้องอยู่ในกำมือของเรา ขุนพลหงเยี่ยเพิ่งมาถึง และนางอาจจะไม่ได้มีจิตใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเรา เราจะมอบคนนับพันคนให้นางสั่งการได้อย่างไร!” “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้นางสั่งหารสักสองสามวัน นางยังไม่สามารถนำกองทหารออกไปได้” เหลิ่งอวิ๋นเปลี่ยนเรื่อง “ท่านอาจารย์ เขียนจดหมายอีกฉบับถึงเจ้าไก่อ่อนนั่น เขาอยากซื้อหินแก้วนั้นไม่ใช่หรือ? ให้เ
อู่จั้งโหวพูดประจบ จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาน้องสาวเท่านั้น ข้ามาเพื่อหาวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ด้วย!” ฉางเฟิงตกตะลึง “วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่?” อู่จั้งโหวพูดเสียงดัง “เขาเป็นทหารผ่านศึกในชุดเกราะทมิฬ ไม่นานมานี้ ตามคำร้องขอของแม่ทัพหนุ่ม เขาได้ไปที่สนามรบทางตอนเหนืออีกครั้ง และใช้หน้าไม้ยักษ์ยิงอ๋องถูหนานจนตาย” “อะไรนะ วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ยิงอ๋องถูหนานจนตาย เขาอยู่ที่ไหน!” กลุ่มโจรภูเขากำลังเดือดพล่าน พวกเขาเกลียดนายพลและทหารที่ล้อมปราบพวกโจรภูเขา แต่พวกเขายังคงชื่นชมกองทัพชุดเกราะทมิฬที่สามารถกวาดล้างชาวหวง กลุ่มหมาป่า กลุ่มคนป่าเถื่อน และคนต่างถิ่นจากก้นบึ้ง โดยเฉพาะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สังหารอ๋องถูหนานได้! “ในเมื่อน้องสาวของข้าอยู่ที่นี่ พวกเจ้าก็น่าจะเคยเห็นเขาเหมือนกัน!” อู่จั้งโหวพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เขาคือบุรุษที่อยู่กับน้องสาวของข้า เดิมทีเขาเป็นองครักษ์ของแม่ทัพมู่ซึ่งอยู่อันดับที่สามสิบแปด นามสกุลเขาคือผิง และชื่อของเขาคือเจี้ยน!” “เป็นเขาเหรอ?” โจรภูเขาหลายคนนึกขึ้นได้! โจรภูเขาบางคนที่เข้าร่วมในการปิดล้อม และสังห
“อะไรนะ?” ในห้องประชุม หลังจากชิงเมี่ยนโช่วเหลิ่งอวิ๋นได้รับข่าวก็มีสีหน้าดูมืดมนและไม่มั่นคง จากการที่ผิงเจี้ยนฆ่าคนไปสามสิบคน และใช้อาวุธวิเศษที่ตัดเหล็กได้เหมือนโคลน เขาจึงรู้ว่าผิงเจี้ยนไม่ธรรมดา! แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นองครักษ์กองทัพเกราะทมิฬและมีส่วนเกี่ยวข้องในการยิงสังหารอ๋องถูหนาน ยิ่งกว่านั้นคือมีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่ทัพหนุ่ม! อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีข้อสงสัย! วีรบุรุษผู้มากความสามารถเช่นนี้ทำงานให้กับเจ้าไก่อ่อนอย่างหวังหยวนที่เขียนบทกวีแย่ ๆ ได้อย่างไร? นอกจากนี้ เรื่องราวการพบกันระหว่างหงเยี่ย อู่จั้งโหว และหวังหยวนทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ! เถียนชีซึ่งเดิมเป็นผู้รับผิดชอบคนที่สองของหุบเขาชิงหลง และปัจจุบันเป็นนายพลมีเหงื่อเย็นอาบบนหน้าผากของเขา “ท่านแม่ทัพ รีบปล่อยผิงเจี้ยนเร็ว ๆ เถอะ สิ่งที่อู่จั้งโหวพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เขาเป็นองครักษ์ชุดเกราะทมิฬจริง ๆ เขายังสวมชุดเกราะทมิฬไปทั้งตัวอีกด้วย ยิ่งกว่านั้น ตอนที่จับกุมเขาเหล่าสหายยังยึดอาวุธจากข้าศึกที่รบแพ้จากเขามาด้วย เดิมคิดว่าอยากจะทำความสะอาดก่อนแล้วค่อยมอบให้ท่านแม่ทัพ!” เหลิ่งอวิ๋นจ้องไปที่เถียนชี ไอ้สา
พวกโจรภูเขาในสันเขาเชียนเฮ่อไม่สามารถเอาชนะทหารเขตหลงหนานได้ด้วยซ้ำ พวกเขาจะไปเอาความกล้ามาจากไหนที่จะต่อกรกับกองกำลังชายแดนของแม่ทัพหนุ่ม “ท่านอาจารย์ ท่านพูดวกไปมาก็เพื่ออยากให้ข้าปล่อยตัวผิงเจี้ยน เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหวังหยวนนั่นมาที่หุบเขาชิงหลง” เหลิ่งอวิ๋นหันกลับมาด้วยใบหน้าเย็นชา “แม่ทัพอย่างข้ารู้ดีว่าผู้มีความรู้อย่างพวกท่านล้วนชอบบัณฑิตที่สามารถเขียนบทกวีดี ๆ ได้ บัณฑิตถงเซิงสกุลหวังผู้นั้นถูกรสนิยมของท่าน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกท่านไว้ว่า ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่าบัณฑิตถงเซิงสกุลหวังผู้นั้น และไม่มีใครหยุดข้าได้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าตำหนิข้าที่ไม่ไว้หน้า!” “...” อาจารย์จ้าวขมวดคิ้วและหยุดนิ่งอยู่กับที่! เหลิ่งอวิ๋นเดินออกจากห้องประชุมด้วยหน้านิ่ง “ออกคำสั่ง ห้ามใครพูดถึงเรื่องนี้เป็นอันขาด ให้ผู้ที่เข้าร่วมปิดล้อมผิงเจี้ยนหุบปากไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ขุนพลหงเยี่ยรู้เป็นอันขาด ผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามกฎทหาร!” เมื่อได้ยินว่าจะไม่ปล่อยตัวผิงเจี้ยนและจะปกปิดข่าวแทน โจรภูเขาหลายคนต่างขมวดคิ้ว ท่านแม่ทะพคิดจะทำอะไร ทุกคนต่างรู้แล้วว่าผิงเจี้ยนผู้นั้นเป็นองครักษ์ในชุดเก
ต้าหู่เดินเข้าไปฟังสิ่งที่หวังหยวนมอบหมายอยู่พักหนึ่ง จากนั้นดวงตาทั้งคู่ของเขาก็สว่างขึ้น พวกเขาจองโรงเตี๊ยมทั้งหมดแล้ว คนทั้งกลุ่มก็เข้าไปพักผ่อนและรอข่าวสารเพิ่มเติม ...อู่จั้งโหวและเซี่ยซานหู่มาถึงสันเขาไป๋หู หงเยี่ยและเสี่ยวไท่ซุ่ยพาคนออกมาทักทายพวกเขา ทั้งสองฝ่ายต่างทักทายกัน อู่จั้งโหวกำหมัดของเขาแล้วพูดว่า “น้องซั่นอู่ ขอบคุณเจ้าที่ดูแลน้องสาวของข้า งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราในใต้หล้า พวกเราพี่น้องขอลาแล้ว!” หงเยี่ยรู้สึกสับสน พี่ใหญ่มาเข้าพบหัวหน้าและเตรียมจะจากไป ก่อนที่จะได้พูดคุยกันสักสองสามประโยค ใบหน้าผิวขาวซีดของเสี่ยวไท่ซุ่ยสวีซั่นอู่ดูน่าเกลียดเล็กน้อย “พี่อู่จั้งโหว ข้าทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองหรือไม่ หรือว่าท่านรังเกียจใบหน้าของข้าทร่ไม่น่าดู ยังไม่ทันดื่มสุราหรือน้ำสักคำก็จะจากไปแล้ว!” อู่จั้งโหวโบกมือ “น้องชาย โปรดอย่าเข้าใจผิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!” หงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่ใหญ่ แล้วเหตุผลของท่านคืออะไรกันแน่!” “เฮ้อ!” อู่จั้งโหวถอนหายใจ “มันยากที่จะอธิบายสั้น ๆ!” เซี่ยซานหู่ลุกขึ้นยืนทันที และอธิบายสิ่งที่พูดในหุบเขาชิงหลงอีกรอบ
“ขอบคุณพี่ชายยิ่งนัก!” เสี่ยวไท่ซุ่ยสวีซั่นอู่หายใจลำบาก! อู่จั้งโหวโบกมือ “แต่ตอนนี้ชิงเมี่ยนโช่วได้ก่อเหตุนี้แล้ว ไม่รู้ว่าแม่ทัพหนุ่มจะบุกโจมตีเมื่อไร ข้าไม่วางใจให้น้องสาวของข้าอยู่ที่นี่ต่อ” ปัง! ทันทีที่ตบโต๊ะ เสี่ยวไท่ซุ่ยก็ลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปหาชิงเมี่ยนโช่ว แล้วขอให้เขาปล่อยตัวผิงเจี้ยน อย่าสร้างหายนะให้กับสันเขาเชียนเฮ่อ!” อู่จั้งโหวคว้าเขาไว้แล้วพูดว่า “เรื่องนี้เจ้าทำคนเดียวไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดคือรวบรวมผู้ที่มีความคิดเห็นเหมือนกัน และสามารถทำงานร่วมกันได้ เมื่อมีผู้คนมากขึ้น ก็จะมีอำนาจกดดันเขาได้มากขึ้น!” เสี่ยวไท่ซุ่ยก็คิดเช่นเดียวกัน จากนั้นจึงรีบจัดกำลังคนเพื่อแจ้งให้โจรภูเขาที่อยู่ใกล้ ๆ รวมตัวกันทันที! หงเยี่ย อู่จั้งโหว และเซี่ยซานหู่ก็ลงจากภูเขาเช่นกัน! หงเยี่ยพูดตรงประเด็นทันที “พี่ใหญ่ ลุงเจี้ยนเป็นวีรบุรุษที่ยิงสังหารอ๋องถูหนานจริง ๆ เหรอ!” “พี่ใหญ่ไม่ได้โกหกเจ้า!” อู่จั้งโหวเอ่ยถามว่า “เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังหลายวันมานี้ เคยทำให้คุณชายโกรธหรือไม่?” หงเยี่ยเม้มริมฝีปากของนาง “พี่ชาย ข้าทำให้เขาโกรธแล้วอย่างไรเล่า ชายคนนั้นน่ารังเกียจยิ่งก
พี่ชายและน้องสาวทั้งสองคนขี่ม้าไปที่ขุนเขาเฮยสรง และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเฮยเมี่ยนจินกัง! อู่จั้งโหวทวนคำพูดเหล่านั้นอีกครั้ง! “ให้ตายเถอะ ชิงเมี่ยนโช่วเจ้าคนน่ารังเกียจนั่น ถึงกับกล้าจับตัวลุงเจี้ยน!” เฮยเมี่ยนจินกังสาปแช่งเสียงดังแล้วอุทานว่า “กล้ามากที่จับตัวลุงเจี้ยน เขายิงสังหารอ๋องถูหนาน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกพิเศษเมื่อเห็นเขาในวันนั้น” หงเยี่ยเม้มริมฝีปากของนางแล้วพูดว่า “แล้วท่านวางแผนจะทำอย่างไรเล่า?” “แน่นอนว่าข้าจะพาคนไปช่วยพาตัวลุงเจี้ยนออกมา!” เฮยเมี่ยนจินกังตบหน้าอกของเขา ยิ้มอีกครั้งแล้วพูดว่า “แต่ตอนนี้มันดึกแล้ว วันนี้คงไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ เราค่อยออกเดินทางกันพรุ่งนี้ดีไหม!” พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า หงเยี่ยและอู่จั้งโหวก็ไม่ปฏิเสธ ดังนั้นพวกเขาจึงพักค้างคืนที่ขุนเขาเฮยสรง บนภูเขาเตรียมสุราและอาหารไว้แล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็แลกเปลี่ยนถ้วยสุรากัน ส่วนหงเยี่ยขอตัวไปพักผ่อนก่อน ในขณะที่อู่จั้งโหวและเฮยเมี่ยนจินกังยังคงดื่มต่อไป พวกเขาทั้งสองโอบไหล่ของกันและกัน เฮยเมี่ยนจินกังตัวสูง ในขณะที่อู่จั้งโหวตัวเตี้ย เฮยเมี่ยนจินกังโค้งงอและเบ
“เรื่องอะไร?” หลังจากได้ยินรายงานจากลูกน้องเหลิ่งอวิ๋นก็พาผู้คนไปที่ประตูภูเขา เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “เสี่ยวไท่ซุ่ย เจ้าคิดจะทำอะไร?” “ข้ายังอยากถามเจ้าอีกที เจ้าคิดจะทำบ้าอะไรกันแน่?” เสี่ยวไท่ซุ่ยสวีซั่นอู่นำกลุ่มโจรภูเขาติดอาวุธจำนวนร้อยคนด้วยท่าทีคุกคาม ทั้งสามตระกูลร่วมมือกันโจมตีเทศบาลและยึดชุดเกราะของเทศบาล ซึ่งแต่ละตระกูลได้รับการแจกจ่ายเกือบร้อยชุด เนื่องจากขาดอาหาร โจรภูเขาส่วนใหญ่ในสันเขาไป๋หูและขุนเขาเฮยสรงจึงขึ้นมาที่หุบเขาชิงหลง ทว่าคนสนิทและชุดเกราะของพวกเขายังคงอยู่ในถ้ำเก่าของพวกเขา “กล้ามากนัก เราตั้งกองทัพด้วยกัน ข้าจะเป็นแม่ทัพ ส่วนเจ้าเป็นขุนพลระดับต่ำสุด หากเจ้ากล้าที่จะลงมือ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแม่ทัพอย่างข้าจะประหารชีวิตเจ้าทันที!” ดวงตาของเหลิ่งอวิ๋นมืดลง พร้อมดึงดาบถังออกมาจากฝัก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า “ให้ตายเถอะ เจ้าช่างจองหองยิ่งนัก ประกาศตัวเองว่าเป็นแม่ทัพ คิดว่าตัวเองเป็นต้นกระเทียมจริง ๆ!” เสี่ยวไท่ซุ่ยสวีซั่นอู่หัวเราะเยาะ “ข้าขอถามเจ้าหน่อยว่าเหตุใดเจ้าถึงอยากจับตัวผิงเจี้ยน? หลังจากรู้แล้วว่าเขาเป็นองครักษ์ชุดเกราะทมิฬ คนของแม
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น