ตอนนี้เขาเรียนรู้ จนสามารถอ่านเขียนได้เกือบร้อยตัวอักษรแล้ว เข้าใจวิชาดาบร้อยศึกและวิชาหอกตระกูลอู๋ ที่ผู้มีพระคุณนำกลับมาจากเมืองแล้วเป็นส่วนใหญ่ “โอ้โห!”ความปรารถนาฉายแววเป็นประกายในสายตาของสามพ่อลูก!ในหมู่บ้านต้าหวัง หากทำงาน ก็จะมีอาหารและเสื้อผ้าเพียงพอ และอนาคตก็เต็มไปด้วยความหวัง!ไม่เหมือนหมู่บ้านบนภูเขาที่มีโจรอยู่ข้างหลัง และมีฝ่ายราชการอยู่ข้างหน้า ครอบครัวของพวกเขาทำงานหนักมาเป็นปี ต้องจ่ายภาษีเยอะ ไม่มีอาหารพอให้อิ่มท้อง ซานฮั่วฉินเม้มปาก แล้วพูดว่า “ข้าอิจฉาพวกเจ้าที่มีพระโพธิสัตว์ที่ดีเช่นนายท่านหวังอยู่ในหมู่บ้าน!”กัวฉางยิ้ม “อย่าอิจฉาพวกเราเลย พรุ่งนี้นายท่านจะไปที่สันเขาเชียนเฮ่อ วันชื่นคืนสุขของพวกเจ้ากำลังจะมาในอีกไม่ช้าแล้ว“เป็นไปได้หรือ?”ซานฮั่วฉินไม่อยากจะเชื่อเลย!พูดตามตรง แม้ว่าชาวบ้านจะรวบรวมหยกน้ำ แล้วขนส่งไปยังเมืองถงมู่และเมืองฝูแต่มากที่สุด พวกเขาก็ได้เพียงอาหารและเสื้อผ้าที่เพียงพอ แต่คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ชีวิตแบบคนในหมู่บ้านต้าหวังเช่นนี้ เพราะต้องผ่านอาณาเขตของโจรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม ได้แก่ขุนเขาเฮยสรง สันเขาไป๋หู และหุบเขาชิงหลง
“ยืมชุดเกราะ!” นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย ผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่ซุนกำลังลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาเสียดสีของผู้ตรวจการสวี่ที่มองเขาราวกับว่าเป็นคนโง่เขลา เขาจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการเท่าไหร่ ข้าจะให้คนไปเอามาอย่างสุดความสามารถ” หวังหยวนเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าขอเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบคู่ก็พอแล้ว!” ที่ว่าการอำเภอก็ไม่มีเกราะที่ดีเช่นกัน ล้วนเป็นเกราะหนังที่มีแผ่นเหล็กอยู่ข้างใน ทว่าก็สามารถป้องกันโจรภูเขาได้ดี “ไม่มีปัญหา คุณชายโปรดรอสักครู่!” หลังจากตอบในหนึ่งลมหายใจ ผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่ซุนก็รู้สึกผ่อนคลายและรีบไปเอาชุดเกราะ เมืองฝูตั้งอยู่ที่ชายแดน นอกเหนือจากการจ่ายภาษีทุกปีแล้ว ยังรับผิดชอบในการผลิตดาบ ปืน คันธนู และชุดเกราะอีกด้วย เมื่อรวมของโกดังของที่ว่าการอำเภอกับกองทหารรักษาการณ์เข้าด้วยกัน ก็สามารถชดเชยสิ่งนี้ได้ ผู้ตรวจการสวี่ก็กล่าวทักทายแล้วจากไป! กลุ่มคนขับรถช้า ๆ ไปยังที่ว่าการอำเภอ! แต่ก่อนที่จะขับไปยังที่ว่าการอำเภอได้ รถม้าแสนสวยคันหนึ่งก็ขับเข้ามา และคนขับคือหูเทียน! “คุณชาย!” ม่านในรถม้าถูกเปิดออก จากนั้นหูเมิ่งอิ๋งก็อ
มีสาวงามยืนอยู่ข้างหลัง! หูเมิ่งอิ๋งกล่าวด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “คุณชาย ท่านไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยง ให้ข้าไปที่หุบเขาชิงหลง และขอให้เขามอบตัวลุงเจี้ยนออกมาได้อย่างแน่นอน” นางรู้ว่าเหลิ่งอวิ๋นคิดอย่างไรกับนาง ทว่านางคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนขี้หึงมากจนจัดการกับคุณชายด้วยเหตุผลเช่นนี้ “ไม่ได้!” หวังหยวนส่ายหัวโดยไม่ลังเล “หากเจ้าไปที่หุบเขาชิงหลง เขายังจะปล่อยเจ้ากลับอีกเหรอ?” หูเมิ่งอิ๋งตกตะลึงอยู่กับที่! ด้วยนิสัยของเหลิ่งอวิ๋น เขาสามารถทำสิ่งนี้ได้จริง ๆ บังคับกักขังนางไว้ในหุบเขาชิงหลง หวังหยวนกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ข้าจะช่วยลุงเจี้ยนออกมาได้อย่างแน่นอน" หูเมิ่งอิ๋งพูดอย่างเป็นกังวล “แต่เขามีโจรภูเขาหลายพันคนที่สามารถฆ่าโดยไม่กระพริบตา ท่านมีเพียงประมาณสองร้อยคนเท่านั้น แล้วจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร” “โจรภูเขาล้วนแต่เป็นพวกหัวมังกุฎท้ายมังกร ไม่ว่าจะมีคนมากเท่าไรห่พวกเขาก็ไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งได้!” หวังหยวนยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ามีวิธีการแล้ว!” การส่งอู่จั้งโหวและเซี่ยซานหู่ลงมือก่อนคือการเตรียมการล่วงหน้า เพียงแต่
เถียนชียิ้มและพูดว่า “ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ ขุนพลหงเยี่ยไม่รู้อย่างแน่นอน ช่วงสองวันนี้นางได้รับเชิญจากเสี่ยวไท่ซุ่ยให้ไปเยี่ยมชมสันเขาไป่หู!” ดวงตาของชิงเมี่ยนโช่วมืดลง “ส่งสหายจากขุนเขาเฮยสรงและสันเขาไป๋หูทั้งหมดไปรับใช้นาง นี่จะช่วยให้นางไม่ต้องไปเดินเตร่รอบ ๆ สันเขาไป๋หู และเฮยสรงซานได้ตลอดทั้งวัน!” เมื่อคำนึงถึงอาหารแล้ว เสี่ยวไท่ซุ่ยและขุนเขาเฮยสรงต่างก็ตกลงที่จะส่งคนไปจัดระเบียบใหม่ ภายในไม่กี่วันคนนับพันก็จะมาถึง เถียนชีตกตะลึง: นั่นคือคนนับพันคนเชียวนะ ใครก็ตามที่สั่งการพวกเขาได้ก็ย่อมมีอำนาจใหญ่เป็นอันดับสองในภูเขา! อาจารย์จ้าวหลังค่อมกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าทำเช่นนั้นเด็ดขาด อำนาจทางการทหารเป็นเรื่องของชีวิตและความตาย มันจะต้องอยู่ในกำมือของเรา ขุนพลหงเยี่ยเพิ่งมาถึง และนางอาจจะไม่ได้มีจิตใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเรา เราจะมอบคนนับพันคนให้นางสั่งการได้อย่างไร!” “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้นางสั่งหารสักสองสามวัน นางยังไม่สามารถนำกองทหารออกไปได้” เหลิ่งอวิ๋นเปลี่ยนเรื่อง “ท่านอาจารย์ เขียนจดหมายอีกฉบับถึงเจ้าไก่อ่อนนั่น เขาอยากซื้อหินแก้วนั้นไม่ใช่หรือ? ให้เ
อู่จั้งโหวพูดประจบ จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาน้องสาวเท่านั้น ข้ามาเพื่อหาวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ด้วย!” ฉางเฟิงตกตะลึง “วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่?” อู่จั้งโหวพูดเสียงดัง “เขาเป็นทหารผ่านศึกในชุดเกราะทมิฬ ไม่นานมานี้ ตามคำร้องขอของแม่ทัพหนุ่ม เขาได้ไปที่สนามรบทางตอนเหนืออีกครั้ง และใช้หน้าไม้ยักษ์ยิงอ๋องถูหนานจนตาย” “อะไรนะ วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ยิงอ๋องถูหนานจนตาย เขาอยู่ที่ไหน!” กลุ่มโจรภูเขากำลังเดือดพล่าน พวกเขาเกลียดนายพลและทหารที่ล้อมปราบพวกโจรภูเขา แต่พวกเขายังคงชื่นชมกองทัพชุดเกราะทมิฬที่สามารถกวาดล้างชาวหวง กลุ่มหมาป่า กลุ่มคนป่าเถื่อน และคนต่างถิ่นจากก้นบึ้ง โดยเฉพาะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สังหารอ๋องถูหนานได้! “ในเมื่อน้องสาวของข้าอยู่ที่นี่ พวกเจ้าก็น่าจะเคยเห็นเขาเหมือนกัน!” อู่จั้งโหวพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เขาคือบุรุษที่อยู่กับน้องสาวของข้า เดิมทีเขาเป็นองครักษ์ของแม่ทัพมู่ซึ่งอยู่อันดับที่สามสิบแปด นามสกุลเขาคือผิง และชื่อของเขาคือเจี้ยน!” “เป็นเขาเหรอ?” โจรภูเขาหลายคนนึกขึ้นได้! โจรภูเขาบางคนที่เข้าร่วมในการปิดล้อม และสังห
“อะไรนะ?” ในห้องประชุม หลังจากชิงเมี่ยนโช่วเหลิ่งอวิ๋นได้รับข่าวก็มีสีหน้าดูมืดมนและไม่มั่นคง จากการที่ผิงเจี้ยนฆ่าคนไปสามสิบคน และใช้อาวุธวิเศษที่ตัดเหล็กได้เหมือนโคลน เขาจึงรู้ว่าผิงเจี้ยนไม่ธรรมดา! แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นองครักษ์กองทัพเกราะทมิฬและมีส่วนเกี่ยวข้องในการยิงสังหารอ๋องถูหนาน ยิ่งกว่านั้นคือมีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่ทัพหนุ่ม! อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีข้อสงสัย! วีรบุรุษผู้มากความสามารถเช่นนี้ทำงานให้กับเจ้าไก่อ่อนอย่างหวังหยวนที่เขียนบทกวีแย่ ๆ ได้อย่างไร? นอกจากนี้ เรื่องราวการพบกันระหว่างหงเยี่ย อู่จั้งโหว และหวังหยวนทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ! เถียนชีซึ่งเดิมเป็นผู้รับผิดชอบคนที่สองของหุบเขาชิงหลง และปัจจุบันเป็นนายพลมีเหงื่อเย็นอาบบนหน้าผากของเขา “ท่านแม่ทัพ รีบปล่อยผิงเจี้ยนเร็ว ๆ เถอะ สิ่งที่อู่จั้งโหวพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เขาเป็นองครักษ์ชุดเกราะทมิฬจริง ๆ เขายังสวมชุดเกราะทมิฬไปทั้งตัวอีกด้วย ยิ่งกว่านั้น ตอนที่จับกุมเขาเหล่าสหายยังยึดอาวุธจากข้าศึกที่รบแพ้จากเขามาด้วย เดิมคิดว่าอยากจะทำความสะอาดก่อนแล้วค่อยมอบให้ท่านแม่ทัพ!” เหลิ่งอวิ๋นจ้องไปที่เถียนชี ไอ้สา
พวกโจรภูเขาในสันเขาเชียนเฮ่อไม่สามารถเอาชนะทหารเขตหลงหนานได้ด้วยซ้ำ พวกเขาจะไปเอาความกล้ามาจากไหนที่จะต่อกรกับกองกำลังชายแดนของแม่ทัพหนุ่ม “ท่านอาจารย์ ท่านพูดวกไปมาก็เพื่ออยากให้ข้าปล่อยตัวผิงเจี้ยน เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหวังหยวนนั่นมาที่หุบเขาชิงหลง” เหลิ่งอวิ๋นหันกลับมาด้วยใบหน้าเย็นชา “แม่ทัพอย่างข้ารู้ดีว่าผู้มีความรู้อย่างพวกท่านล้วนชอบบัณฑิตที่สามารถเขียนบทกวีดี ๆ ได้ บัณฑิตถงเซิงสกุลหวังผู้นั้นถูกรสนิยมของท่าน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกท่านไว้ว่า ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่าบัณฑิตถงเซิงสกุลหวังผู้นั้น และไม่มีใครหยุดข้าได้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าตำหนิข้าที่ไม่ไว้หน้า!” “...” อาจารย์จ้าวขมวดคิ้วและหยุดนิ่งอยู่กับที่! เหลิ่งอวิ๋นเดินออกจากห้องประชุมด้วยหน้านิ่ง “ออกคำสั่ง ห้ามใครพูดถึงเรื่องนี้เป็นอันขาด ให้ผู้ที่เข้าร่วมปิดล้อมผิงเจี้ยนหุบปากไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ขุนพลหงเยี่ยรู้เป็นอันขาด ผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามกฎทหาร!” เมื่อได้ยินว่าจะไม่ปล่อยตัวผิงเจี้ยนและจะปกปิดข่าวแทน โจรภูเขาหลายคนต่างขมวดคิ้ว ท่านแม่ทะพคิดจะทำอะไร ทุกคนต่างรู้แล้วว่าผิงเจี้ยนผู้นั้นเป็นองครักษ์ในชุดเก
ต้าหู่เดินเข้าไปฟังสิ่งที่หวังหยวนมอบหมายอยู่พักหนึ่ง จากนั้นดวงตาทั้งคู่ของเขาก็สว่างขึ้น พวกเขาจองโรงเตี๊ยมทั้งหมดแล้ว คนทั้งกลุ่มก็เข้าไปพักผ่อนและรอข่าวสารเพิ่มเติม ...อู่จั้งโหวและเซี่ยซานหู่มาถึงสันเขาไป๋หู หงเยี่ยและเสี่ยวไท่ซุ่ยพาคนออกมาทักทายพวกเขา ทั้งสองฝ่ายต่างทักทายกัน อู่จั้งโหวกำหมัดของเขาแล้วพูดว่า “น้องซั่นอู่ ขอบคุณเจ้าที่ดูแลน้องสาวของข้า งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราในใต้หล้า พวกเราพี่น้องขอลาแล้ว!” หงเยี่ยรู้สึกสับสน พี่ใหญ่มาเข้าพบหัวหน้าและเตรียมจะจากไป ก่อนที่จะได้พูดคุยกันสักสองสามประโยค ใบหน้าผิวขาวซีดของเสี่ยวไท่ซุ่ยสวีซั่นอู่ดูน่าเกลียดเล็กน้อย “พี่อู่จั้งโหว ข้าทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองหรือไม่ หรือว่าท่านรังเกียจใบหน้าของข้าทร่ไม่น่าดู ยังไม่ทันดื่มสุราหรือน้ำสักคำก็จะจากไปแล้ว!” อู่จั้งโหวโบกมือ “น้องชาย โปรดอย่าเข้าใจผิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!” หงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่ใหญ่ แล้วเหตุผลของท่านคืออะไรกันแน่!” “เฮ้อ!” อู่จั้งโหวถอนหายใจ “มันยากที่จะอธิบายสั้น ๆ!” เซี่ยซานหู่ลุกขึ้นยืนทันที และอธิบายสิ่งที่พูดในหุบเขาชิงหลงอีกรอบ