กลุ่มอันธพาลกล่าวว่า "สาวน้อย เจ้าก็รู้ว่าพวกเราต้องการอะไร ส่งสูตรลับมาเร็ว ๆ มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกข้าโหดร้าย!"จ้าวชิงเหอหน้าซีด "เจ้ามาจากตระกูลโจวใช่ไหม?""เจ้าพูดมาสิ?"พวกอันธพาลไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ เขาหยิบมีดออกมาลูบหน้าจ้าวชิงเหอ "รีบส่งสูตรลับมา ไม่งั้นข้าจะกรีดหน้าเจ้า!"“ข้า-ข้าไม่รู้สูตรลับ กรีดหน้าข้าไปก็ไม่ได้อะไรหรอก!”ใบมีดเย็น ๆ ที่ลากผ่านใบหน้า จ้าวชิงเหออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น นางกัดฟันเตรียมพร้อมที่จะยอมรับมัน!นางรู้ดีถึงคุณค่าสูตรลับน้ำตาลเป็นอย่างดีว่ามันสร้างมูลค่าได้มหาศาลขนาดไหนแม้ว่าหน้าจะเสียโฉม ก็ต้องเก็บสูตรลับน้ำตาลนี้เอาไว้ให้พี่ และจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด“เจ้ากล้ามาก ข้าจะกรีดหน้าเจ้าทีหลัง ข้าให้เจ้าลิ้มรสความเจ็บปวดที่เจ็บจี้ดไปถึงหัวใจซะก่อน!”สายตาโจรชั่วหรี่เย็นลง และเขาก็ขยิบตาส่งสัญญาณพวกอันธพาลสองคนเดินมาข้างหลัง เอามือจ้าวชิงเหอที่ขาวและอ่อนนุ่มของนางออกมา แล้วแทงเข็มเย็บผ้าเข้าไปในเล็บของนาง"กรี้ด..."ความเจ็บที่ปลายนิ้วเสียดแทงเข้าไปยังหัวใจทันที จ้าวชิงเหอกรีดร้องอย่างน่าสงสาร ร่างกายผอมเพรียวของนางสั่นไม่หยุด ทั้งน้ำตาและเหงื่อไหลอาบห
...รุ่งเช้า ที่ว่าการอำเภอ!จ้าวเว่ยหมินที่เพิ่งได้นอนกลางดึกเมื่อคืนนี้ ตื่นลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จยังไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำ!เจ้าหน้าที่คนนึงรีบเข้ามาและพูดว่า "นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ส่งคนมาส่งข้อความ เขามาถึงแล้วอยู่ห่างจากเมืองฝูสิบลี้ เขาต้องการตรวจสอบสถานการณ์ทั่วไปของประชาชน และขอให้ท่านไปกับเขาด้วย!"“เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ!”จ้าวเว่ยหมินขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด "เรียกผู้ตรวจการสวี่มาที่นี่!"เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของฝ่ายตรวจการ ไม่มีอำนาจตัดสินความ แต่สามารถรับฟังและรายงานเรื่องต่าง ๆ ได้คดีสำคัญในราชสำนักหลายคดีก็เป็นฝ่ายตรวจการที่เป็นคนตรวจสอบ แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสามก็อาจถูกจัดการลงได้เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกำกับดูแลไปยังสถานที่ต่าง ๆ เขาจะทำการเยี่ยมอย่างลับ ๆ อย่างง่ายดายไม่ซับซ้อน ไม่มีใครทำให้เป็นเรื่องใหญ่แบบนี้!ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ส่งข้อความมาแล้ว เขาก็ต้องไปที่นั่น ไม่เช่นนั้น ถ้าไม่ไปเจอและส่งฏีกาไปให้ ฝ่าบาทก็คงไม่เห็นเขาในสายตา และอาจจะเป็นช่องโหว่ขึ้นมาได้ไม่นานหลังจากนั้น ผู้ตรวจการสวี่ก็มาถึงมีสีหน้าเหนื่อยล้
“ข้าไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้า รีบบอกสูตรลับที่ตระกูลโจวต้องการให้พวกเขาเดี๋ยวนี้!”ผู้ตรวจการหลิวกังปิดจมูกปากของเขา แล้วโยนเครื่องประดับทั้งสองชิ้นลงบนพื้น“ชิงเหอ!”หลังจากหยิบเครื่องประดับขึ้นมา จ้าวต้าฉุยหน้าซีดเซียวส่ายหน้าราวกับเสียสติไปแล้ว เขารีบวิ่งไปหาหลิวกังและตะคอกใส่ "ไอ้สารเลว เจ้าทำอะไรกับลูกสาวข้า ถ้านางเป็นอะไรไป ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!"เครื่องประดับสองชิ้นนี้ ชิ้นหนึ่งที่เขาซื้อ และอีกชิ้นที่หยวนเอ๋อร์ซื้อให้ ลูกสาวของเขาชอบมันมาก และนางใส่มันติดตัวทุกวันปัง!เขายกเข่าขึ้นถีบจ้าวต้าฉุยจนลุงไปนอนหมอบกุมท้องกับพื้น ผู้ตรวจการหลิวกังจิกหัวเขาแล้วยกขึ้น "ตอนนี้ลูกสาวของเจ้ายังสบายดี แต่ถ้าหากเจ้ายังปากแข็ง ข้าก็รับประกันไม่ได้ว่านางจะยังอยู่ดีไหม”ครั้งนี้เขาได้รับมาตั้งเงินสองร้อยตำลึงสำหรับการทำงานให้กับตระกูลโจว ดังนั้นเขาจึงตั้งใจเป็นพิเศษคนที่ตามหาหัวขโมยแล้วเอาของที่ขโมยมาซ่อนไว้ในร้านช่างตีเหล็ก เป็นฝีมือผู้ตรวจการหลิวกังทั้งนั้น"ข้าบอกแล้ว!"จ้าวต้าฉุยน้ำตาไหล "แต่ข้าอยากเจอลูกสาวข้าก่อน หากข้าเห็นว่านางไม่เป็นไร ข้าจะมอบสูตรลับให้ตระกูลโจวทันที ไ
“ชิงเหอถูกลักพาตัว!”ดวงตาของหวังหยวนแดงก่ำแทบจะระเบิดออกมา เขากำมือจนเส้นเลือดปูดออกมา แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร " ไปตระกูลโจว ทุกคนพกดาบยาวไปให้หมด!"คนหกสิบคนเข้าเมืองพร้อมดาบ อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนกได้ง่าย พวกเขาทั้งหมดจึงเก็บดาบไว้ในรถม้า!ทหารผ่านศึกชุดเกราะทมิฬสิบคน และทหารผ่านศึกห้าสิบคนหยิบดาบยาวของพวกเขาออกมาแขวนไว้ที่เอวด้วยสีหน้าโกรธแค้นอาฆาต!เสนาธิการทางทหารต่อสู้นองเลือดที่ชายแดน ทำลายล้างทหารม้าชาวหวงหลายแสนคน และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่!เขาได้ปกป้องผู้คนหลายสิบล้านในต้าเย่ หนึ่งในนั้นคือไอพวกตระกูลคหบดีประจำเมืองพวกนี้!แต่ผลที่ได้ไอคนเหล่านี้กลับทำร้ายญาติสนิทของเสนาธิการทหาร และจะเอาสูตรลับของเขาไป!ในขณะนี้ พวกเขาโกรธมากจนเลือดเดือดพล่าน และอยากบดขยี้คนพวกนี้!หวังหยวนไม่นั่งรถม้า แต่ขี่ม้าศึกและหยิบดาบขึ้นมาด้วยชายหกสิบคนขี่ม้าหกสิบตัวพกดาบยาวหกสิบเล่มบุกไปยังตระกูลโจวด้วยเจตนาฆ่าเมื่อการต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้น ผู้คนในร้านค้าริมถนนตัวสั่นไม่กล้าโผล่หัวออกมาซ่อนตัวอยู่ในบ้านสายตรวจสองคนที่อยู่สุดถนนเห็นเขา พวกเขาก็ถามคนแถวนั้นและหน้าถอดสี
พวกชาวหวงบุกเข้ามา ท่านอาจารย์ก็ได้ทำผลงานใหญ่ที่ทางเหนือเมื่อเขากลับมาถึงแล้ว พวกคนรวยคหบดีผู้มีอำนาจก็ต้องสังเกตท่าทีของเขานับจากนี้ต่อไปแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ทำอะไรไป แต่เขารู้ว่าใต้เท้าไม่ใช่คนที่พูดโกหกผู้อื่น!เมื่อเกิดเรื่องกับร้านตีเหล็กขึ้น เขาจึงจัดให้คนของเขาไปทำการตรวจตราตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แต่ในท้ายที่สุดก็เกิดเรื่องเกิดขึ้นจนได้!ตอนนี้ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว พร้อมกับคนหกสิบคนขี่ม้ามาหกสิบตัว และพกดาบหกสิบเล่ม!เขาที่ถล่มค่ายซานหู่อย่างโหดเหี้ยม คุณหนูชิงเหอถูกลักพาตัวไปแบบนี้ เขาจะปล่อยตระกูลโจวไปได้อย่างไร?แต่ถ้าท่านอาจารย์จะจัดการตระกูลโจวขึ้นมาจริง ๆ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของตระกูลโจวแล้ว!...เมืองฝู ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกสิบลี้จ้าวเว่ยหมินมองไปทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบฟู่ ที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แล้วพูดว่า "เจ้าหน้าที่ตรวจสอบฟู่ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยากให้ข้าไปเยี่ยมดูประชาชนที่ไหนกัน"หากอยากไปเยี่ยมประชาชนจริง ๆ พวกเขาควรสวมเสื้อผ้าธรรมดา และเข้าไปเยี่ยมในหมู่บ้านอย่างลับ ๆตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคนนี้สวมเครื่องแบบ
ตอนนี้ลุงเขาถูกใส่ร้ายจับเข้าคุก แถมลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ยังถูกลักพาตัวไปตอนกลางดึกอีก!เขาไม่รู้ว่านิสัยของท่านอาจารย์แบบนั้น จะทำเรื่องอะไรออกมาได้บ้าง!แต่เขารู้ว่าถ้าเขากลับเมืองช้าเกินไป เมืองฝูจะต้องต้องมีเรื่องใหญ่สะเทือนเลือนลั่นแน่!...ถึงไม่รู้ที่ตั้งของจวนตระกูลโจว แต่หาได้ง่ายในเมืองนี้!สิบห้านาทีหลังจากออกจากร้านตีเหล็ก หวังหยวนก็นำม้าหกสิบตัวมาถึงที่ประตูจวนตระกูลโจวแล้ว!มีสิงโตหินสองตัวอยู่หน้าลานขนาดสิบหมู่ คนรับใช้สองคนยืนอยู่หน้าประตูทั้งสาม และแผ่นโลหะสีดำที่ด้านบนมีคำว่า "บ้านตระกูลโจว" ปิดทองอยู่ธรรมเนียมปฏิบัติของต้าเย่ กำหนดไว้โดยเฉพาะว่าคำว่า "จวน" นั้นที่สามารถใช้กับป้ายหน้าประตูบ้านของขุนนางได้ไม่ว่าพ่อค้าจะรวยแค่ไหน เขาก็ยังไม่ได้อยู่ในฐานะชนชั้นสูง ใช้ได้แค่คำว่า "บ้าน" เท่านั้น!ทหารม้าหกสิบผู้ดูดุดันน่ากลัวพวกนี้ ทำให้คนรับใช้ต้องปิดประตู และรีบไปแจ้งนายท่านใหญ่ทันทีไม่นาน โจวฉางฟู่ก็ออกมาพร้อมคนรับใช้เกือบร้อยคนพร้อมด้วยอาวุธพลองหอกดาบเมื่อเห็นหวังหยวน โจวฉางฟู่ก็หรี่ตาลง "เจ้านี่เอง เจ้าโชคดีมากที่มีชีวิตรอดกลับมาจากเมืองจิ่วซานได้ พาคน
“สมควรตาย!”สายตาของทหารผ่านศึกเกราะทมิฬและทหารปลดประจำการนั้นพุ่งพล่านไปด้วยจิตสังหารในเมืองจิ่วซาน ขุนนางทุกคนตั้งแต่ระดับสี่ไปจนถึงระดับห้า เมื่อพบกับท่านเสนาธิการทางทหารยังต้องให้ความเคารพเขาอย่างยิ่งแค่ไอคหบดีกล้าอาศัยบารมีขุนนางเลขาขั้นแปดมาดูหมิ่นท่านเสนาธิการทางทหารแบบนี้น่ะรึ!พวกเขาทั้งหมดตัดสินใจติดตามหวังหยวน พวกเขาก็รู้สึกโกรธมากที่มีคนกล้ามาลบลู่เจ้านายของตัวเองเช่นนี้!"ใช่แล้ว!"หวังหยวนขำเล็กน้อย "ถ้าข้าบุกเข้าไปในตระกูลโจวของเจ้าแล้วเข้าคุกล่ะก็ แต่ถ้าหากข้าทำให้เจ้าพิการจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ?"โจวฉางฟู่กัดฟันจ้องถลึงตา "เจ้ากล้าดียังไง!"สายตาหวังหยวนพลันเหี้ยมโหดขึ้นมา "หักขาทั้งสองข้างของเขาซะ!"กร๊อบ! กร๊อบ!ไม่รอให้คนอื่นลงมือ ผิงเจี้ยนและฉางเซินก็ลงมือจัดการให้แล้ว!"อ๊าก…"เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วทั้งถนน โจวฉางฟู่สั่นเทิ้มไปทั้งตัว และชี้ไปที่หวังหยวน "เจ้า เจ้า!"เขาจะไปคาดคิดได้ยังไงว่าหวังหยวนจะลงมือกับเขา และหักขาของเขาทั้งคู่จริงๆ!คนรับใช้ของตระกูลโจวหลายคนตกใจมากจนขวัญหนีดีฝ่อเสียงของหวังหยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา "ข้าไม่ชอบถูกคนชี้นิ้
เมื่อพิจารณาจากทัศนคติของผู้เฒ่าที่มีต่อท่านอาจารย์หนุ่มคนนี้ ก็เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่ไม่มีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่แน่นอน!แต่สิ่งที่ทำในวันนี้ การใส่ร้ายคนในเวลากลางวันแสก ๆ นั้นช่างอาจหาญเกินไป!ฉางเซิ่งพ่นลมหายใจ “ฮึ่ม ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสได้เป็นเสนาธิการทหาร ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสทำงานให้เสนาธิการทหาร”“เสนาธิการทหาร!”ดวงตาของผู้ตรวจการสวี่เป็นประกายขึ้น เมื่อเขาได้ยินดังนั้น รีบประสานมือทันที แล้วพูดว่า “ท่านไม่ต้องกังวล ข้าน้อยจะจัดการเดี๋ยวนี้เลยขอรับ!”ครั้งหนึ่งเขาเคยมีหน้าที่รับผิดชอบ รับใช้ขบวนบุคคลสำคัญที่เดินทางไปทางใต้ และเคยได้ยินคนเหล่านั้นพูดคุยเรื่องสงครามทางตอนเหนือแม่ทัพหนุ่มได้แต่งตั้งเสนาธิการทหาร และเป็นเสนาธิการทหารที่วางแผนสังหารอ๋องถูหนาน เผาทหารของชาวหวงจำนวนสามหมื่นนายให้ตาย และใช้ค่ายกลกระทิงไฟโจมตีค่ายชาวหวงไม่น่าแปลกใจที่นายท่านใหญ่พูดเป็นนัยเช่นนั้น ปรากฏว่าเสนาธิการทหารคือท่านอาจารย์หนุ่ม!เขาสัญญาว่าจะคอยรับใช้ให้ดีที่สุด และจะไม่มีใครหยุดเขาได้!“อ๊าก ผู้ตรวจการสวี่ เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ กลับมา!”โจวฉางฟู่ตะโกนเสียงดัง แต่ผู้ตรวจการสวี่ไม่หันก
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น