เมื่อเห็นว่าราชสำนักยังไม่ได้ดำเนินการรื้อกำแพง ตลาดกลางคืนยังเป็นข้อห้าม แบ่งสันปันส่วนที่ดินให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดิน ยกเลิกสิทธิพิเศษภาษีของเจ้าของที่ และขุนนางบังคับให้ต้องจ่ายภาษีเฉกเช่นผู้อื่นด้วย จ้าวเว่ยหมินจึงเขียนจดหมายถึงเขาอีกฉบับแสดงรายละเอียดข้อมูล เขียนถึงกฎเมื่อสามร้อยกว่าปีของราชสำนัก และบอกเป็นนัยอย่างคลุมเครือว่าบัณฑิตหนุ่มผู้นี้เข้าใจความลับแห่งสวรรค์อย่างถ่องแท้ซือเหยากานเจ้ากรมกรมโยธาธิการลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า "อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย อย่าได้ใจให้มันมากนัก ฝ่าบาททรงตกลงให้แม่ทัพหนุ่มเป็นแม่ทัพใหญ่นำทัพแล้ว แต่เจ้ายังจะยัดเด็กเข้าไปในนั้นอีก หากฝ่าบาททรงรับข้อเสนอแนะของเจ้าจริง ๆ พระองค์จะไม่ถูกบัณฑิตทั้งโลกวิพากษ์วิจารณ์รึ”จักรพรรดิซิงหลงโบกแขนเสื้อแล้วเดินจากไป "อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก เด็กน้อยมีความสามารถมากแค่ไหน? เขาเป็นแค่หุ่นเชิดของคนอื่นเท่านั้น"ข้อมูลที่ได้จากองค์รักษ์เงา จึงได้รู้ว่าพ่อหนุ่มคนนี้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับวังไห่เทียน จากเมืองจวินเฉิงมากไอสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้น หลังจากลาออกแล้ว ยังคงดิ้นรนจะสนับสนุนเด็กค
เสวี่ยผานแค่นหัวเราะ "การเก็บเงินนับว่าเป็นอะไรได้ เมื่อเทียบกับกำแพงด่านหลงโถวที่แตกไปแล้ว มณทลจิ่วซานมันจะไปเหลืออะไรได้ ตอนนี้ข้าแค่อยากหาเงิน ในเมื่อมณทลจิ่วซานกำลังจะถูกทำลาย ข้าจะเอาเงินกลับไปให้เมืองหลวง เมื่อถึงเวลาเจ้ามีเงินเพียงพอ ก็หาคนรับผิดแทนเจ้า เรื่องนี้ก็เป็นอันผ่านไปแล้ว”ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยนั้น มีเสียงเร่งด่วนดังขึ้น "แม่ทัพหนุ่ม เจ้าเข้าไปไม่ได้ ผู้บังคับบัญชากำลังปฏิบัติหน้าที่ยุ่งอยู่ เจ้าจะบุกรุกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้!"ในขณะที่พูด หวังหยวนและอู๋หลิงก็เดินเข้าไปในลานบ้านแล้ว เมื่อเห็นกล่องเงิน ทั้งสองก็ขมวดคิ้วมองด้วยสายตาที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!“อู๋หลิง เจ้าบังอาจมาก เจ้ากล้าบุกเข้าไปในบ้านของผู้บังคับบัญชางั้นรึ!”แววตาของเสวี่ยผานเคร่งเครียด "อยากจะลองไหมว่าข้าจะสั่งคนจับเจ้าไปลงโทษด้วยกฎทหารได้ไหม!"อู๋หลิงไม่ได้พูดอะไร สายตาของเขากวาดสายตาไปที่กล่องทองคำและเงิน แล้วมองไปที่เสวี่ยผานด้วยความเจ็บปวด ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เหมือนเขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร ในตอนที่ชาติบ้านเมืองประสบวิกฤตเช่นนี้!เมื่อถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้ก็รู้สึกอึด
ฟึบตุ้บ!เสวี่ยผานทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัวป้ายทองอาญาสิทธิ์เทียบเท่าได้กับจักรพรรดิมาที่นี่ด้วยพระองค์เอง ขุนนางที่ยศต่ำกว่าอันดับสามแรกสามารถสังหารก่อนแล้วค่อยรายงานได้ตอนนี้เขาไม่มีอำนาจ และอู๋หลิงจะฆ่าเขา!ตอนนี้เขามีป้ายทองอาญาสิทธิ์ การฆ่าเขาก็นับว่าสมเหตุสมผล เขาจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร!"..."เมื่อนึกถึงญาติของเขาที่ถูกคุมขังในเมืองหลวง อู๋หลิงก็ระงับจิตสังหารที่ก่อในใจ และรับป้ายทองอาญาสิทธิ์ขึ้นเพื่อรับสนองราชโองการ "ทหาร เสวี่ยผานกระทำตัวขี้ขลาดไม่รับผิดชอบ ดื่มสุราสังสรรค์เคล้านารี โลภมากฉ้อโกงเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ให้ปลดเขาออกจากตำแหน่งเป็นการชั่วคราว และกักบริเวณในนี้ซะ!”สูด!เสวี่ยผานถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่เขาไม่ถูกฆ่า ทุกอย่างยังแก้ไขได้ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลเสวี่ยทหารในจวนต่างตกใจ จากนั้นก้าวไปข้างหน้า ดึงเครื่องแบบขุนนางของเสวี่ยผานออก ยึดตราประทับของเขา ลากตัวออกไปขังไว้เสวี่ยผานให้ความร่วมมือตั้งแต่ต้นจนจบ!ในสถานการณ์เช่นนี้ อู๋หลิงเข้ารับตำแหน่งแทน เป็นการพักผ่อนสำหรับเขาหากชาวหวงพิชิตเมืองจิ่วซานได้ล่ะก็ อู๋หลิงก็ต้องเป็นคนรับผิ
ข่าวที่อู๋หลิงเข้ามาเป็นผู้บัญชาการ ได้รับป้ายทองอาญาสิทธิ์ เขี่ยเสวี่ยผานออกจากตำแหน่งได้แพร่ไปทั่วค่ายทหารตอนนี้ในกลุ่มขุนพล ครึ่งหนึ่งดูตื่นเต้นดีใจ และอีกครึ่งหนึ่งสีหน้าดูไม่น่ามองยิ่งนักคนเหล่านี้ล้วนได้รับการส่งเสริมจากตระกูลเสวี่ย และถือได้ว่าเป็นเชื้อสายสูงส่ง ล้วนลูกท่านหลานเธอทั้งนั้น“ทุกคนไม่ต้องมากพิธี!”อู๋หลิงโบกมือและชี้ไปที่หวังหยวนแล้วพูดว่า "นี่คือท่านบัณฑิตหมิงถันที่ข้าเชิญมาเป็นที่ปรึกษาทางทหาร จากนี้ไปในกองทัพ คำพูดของเขาก็เหมือนคำพูดของข้า!"“ที่ปรึกษาทางทหาร?”หลายคนมองหวังหยวนด้วยความสงสัยสามารถถูกเชิญจากแม่ทัพหนุ่มให้เป็นที่ปรึกษาทางทหารได้ บัณฑิตหนุ่มคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน“แม่ทัพหนุ่ม เท่าที่ข้ารู้มา ท่านบัณฑิตหมิงถันเป็นบัณฑิตและไม่เคยอยู่ในสนามรบมาก่อน เขาจะมาสั่งการเราได้ยังไง! ถ้าเราฟังเขา หากรบแพ้ขึ้นมาใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ!”ทันใดนั้นขุนพลหวางห่าวก็ยืนขึ้นด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรขุนพลหลายคนขมวดคิ้วหวางห่าวเป็นญาติสนิทของตระกูลเสวี่ย มาที่เมืองจิ่วซานเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันให้กับเสวี่ยผาน“ข้าเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด หากเจ้าเชื่
หวังหยวนชี้ไปที่นายทหารสองคนทั้งสองคนอดสะใจไม่ได้ เมื่อได้เห็นหวางห่าวคุกเข่าลง และจะได้บุกค้นจวนของเสวี่ยผานด้วย"รับทราบ!"นายทหารสองคนประสานมือ เดินประกบหวางห่าวไว้ และไปค้นคฤหาสน์ของเสวี่ยผานเมื่อมาถึงจุดนี้ พวกขุนพลทุกคนก็มองไปที่หวังหยวนด้วยสายตาหวาดกลัวอู๋หลิงหัวเราะเบา ๆ ขุนพลในกองทัพกลัวอำนาจ แต่ไม่กลัวคุณธรรม พวกเขาต้องถูกเขย่าขวัญก่อนจึงจะเชื่อฟังได้หวังหยวนกล่าวว่า "เอาล่ะ ใครมีคำถามอะไรอีกไหม?"แม่ทัพเว่ยชิงซานยกหมัดคารวะขึ้นมาและกล่าวว่า "ท่านที่ปรึกษา ตอนนี้ขวัญกำลังใจของพวกทหารกำลังตกต่ำ ทุกคนคิดว่าการศึกครั้งนี้จะต้องพ่ายแพ้ แม้ว่าจะได้รับเบี้ยหวัดแล้ว ทหารก็ยังไม่มีใจจะสู้ เราจะชนะศึกเราต้องเพิ่มขวัญกำลังใจ ไม่ทราบว่าที่ปรึกษาจะทำอย่างไร เพื่อนำพวกเราไปสู่ชัยชนะ!"ท่านแม่ทัพมองไปที่เว่ยชิงซานแล้วขมวดคิ้วทหารม้าหนึ่งแสนคนของกองทัพชาวหวงเป็นทั้งทหารม้า กองหน้าไม้ กำลังรบแข็งแรงกว่ามากในเมืองนี้มีทหารสองหมื่นนาย ทหารม้าสามพันนาย กองหน้าไม้ห้าพันนาย กองขวานห้าพันนายและกองหอกอย่างละห้าพันนาย และกองกำลังเสริมที่เหลือสองพันนาย!หากเราเปิดศึกกับชาวหวงจริง ๆ ก
“ ฮ่าฮ่า ไอน้องคนนี้มันล้ำหน้าจนผู้คนคาดไม่ถึงเลยจริง ๆ!”จวนตระกูลวัง วังไห่เทียนที่ได้ยินข่าวจากค่ายทหารอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา!วังฉงโหลวถามอย่างไม่เข้าใจ "ลุงรอง ทำไมลุงหยวนไม่สั่งให้ใครตะโกนอะไรสักอย่างล่ะ มันน่าประหลาดใจตรงไหน!"วังไห่เทียนถอนหายใจเบา ๆ "ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ล้วนโง่เขลา คนอื่นพูดอะไรพวกเขาก็เชื่อเช่นนั้น สิ่งที่ลุงหยวนของเจ้าทำคือการทำให้คนตะโกนบอกเล่าออกไป ไม่ว่าคำพูดนั้นจริงหรือเท็จ และไม่สนด้วยคำพูดนั้นจะจริงหรือเท็จ หากพูดย้ำออกไปซ้ำ ๆ เหล่าทหารและประชาชนในเมืองก็จะเชื่อไปตามนั้น เมื่อพวกเขาเชื่อแล้ว พวกเขาก็มีใจที่จะสู้ และการปกป้องเมืองก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป”วังฉงโหลวกังวลและพูดว่า "ลุงรอง ท่านคิดว่าลุงหยวนสามารถช่วยอู๋หลิงชนะศึกในครั้งนี้ได้หรือไม่"วังไห่เทียนยิ้มเล็กน้อย "เดิมทีข้าเองรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากเห็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลของเขาแล้ว รู้สึกว่าเขาต้องมีกลอุบายบางอย่างอยู่แน่!"ปังปังปัง!รถม้าของตระกูลไป๋กำลังวิ่งอยู่ในเมือง ไป๋เฟยเฟยมองไปที่เหล่าผู้ส่งสารที่รีบเร่งแพร่ข่าวออกไป ท่าทีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คนในเม
การจัดหาเสบียงยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ขาดแคลนมาแต่เดิมก็ดีมากขึ้นทันที!แท่งเงินทองที่แลกเปลี่ยนเป็นเหรียญเงิน และเหรียญทองแดงก็มาถึงแล้ว!หวังหยวนและอู๋หลิงมาที่ค่ายทหารทหารถูกจัดเรียงตามระดับตำแหน่งสูง ระดับกลาง และระดับล่าง ทั้งสองคนแบ่งกันรับหน้าที่รับผิดชอบในการจ่ายเบี้ยหวัดทหารทีละคนเบี้ยหวัดทหารนั้นต่ำมาก โดยระดับสูงได้รับเงินแค่เดือนละหนึ่งกว้าน ทหารระดับกลางได้รับเงินเดือนละเจ็ดร้อยเหรียญ และระดับล่างลงได้รับเงินเดือนละห้าร้อยเหรียญขั้นตอนนี้ยุ่งยากมาก อู๋หลิงกำลังจะยกหน้าที่ให้กับพลาธิการ แต่หวังหยวนห้ามเขาไว้จ่ายเบี้ยหวัดทหาร เรียกชื่อ และให้กำลังใจพวกเขา!แม้ว่าจะมีสองคนทำด้วยกัน แต่กระบวนการนี้กินเวลานานสี่ชั่วยามจนฟ้ามืดทหารที่ได้รับเบี้ยหวัดต่างก็มีน้ำตาคลอเบ้า และตื้นตันในกับเหตุการณ์นี้ยิ่งนักพวกทหารอยู่ในกองทัพมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้รับเบี้ยหวัดเต็มจำนวนเลย และยังหักหัวคิวกันมาเป็นทอด ๆ อีกท่านที่ปรึกษาและแม่ทัพหนุ่มนั้นแตกต่างกัน พวกเขาไม่หักอะไรเลย และยังมอบให้พวกเขาด้วยตัวเองอีก“ขอบคุณท่านที่ปรึกษาที่จ่ายเบี้ยหวัดให้ข้า!”"ขอบคุณแม่ทัพหนุ่มที่จ่ายเบี
“กองทัพเกราะทมิฬได้รับการฝึกฝนจากของพ่อข้า ทหารทุกคนล้วนมีทักษะวรยุทธ์การต่อสู้สูงส่ง นอกจากนี้ พวกเขามีชุดเกราะทมิฬและดาบดำ ขวัญกำลังใจของเรานั้นช่างหึกเหิมไม่เกรงกลัวสิ่งใด เราสามารถควบคุมสั่งการได้ดั่งแขนขา เราไม่หวาดเกรงกองทหารม้าของพวกชาวหวงเลย”อู๋หลิงยิ้มอย่างขมขื่น "ทหารในจิ่วซานถือได้ว่าเป็นรองเท่านั้น แม้ว่าขวัญกำลังใจของพวกเขาจะถูกท่านกระตุ้นให้หึกเหิมแล้ว นำพวกเขามาปกป้องเมืองก็พอได้อยู่ แต่ถ้าพวกเขาได้ออกจากกำแพงเมือง และเห็นกองทัพชาวหวง ใจฮึดสู้ของพวกเขาจะต้องหายไปหมดแน่”หวังหยวนเอ่ยอย่างคาดหวัง "เป็นไปได้ไหมที่จะรวบรวมกองทัพเกราะทมิฬอีกครั้ง?"“พ่อข้าทำงานหนักมาสิบปี ฝึกทหารกองทัพเกราะทมิฬทั้งหมดหนึ่งหมื่นนาย ในช่วงสิบปีของการสู้รบทางเหนือและใต้ส่วนใหญ่เสียชีวิต ในเหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้วอีกสองพันคนถูกราชสำนักสังหาร”ดวงตาของอู๋หลิงเต็มไปด้วยน้ำตาเจือไปด้วยความเจ็บปวด "ตอนนี้เหลืออีกสองพันคนที่กระจัดกระจายไปทั่วต้าเย่ ไม่ยอมรับใช้ราชสำนัก ต่อให้ข้าจะเรียกตัวกลับมา ก็คงเรียกได้เฉพาะจากบริเวณจิ่วซานเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะมาได้สักกี่คน”หวังหยวนพูดอย่างเค
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“
“เจ้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับข้า แสดงว่าเจ้าคงอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็ให้ข้าสนุกขึ้นมาบ้าง”หวังหยวนนั่งลงข้างหลิ่วหรูเยียน เขานั่งไขว่ห้างมือวางบนราวบันไดขณะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้ม“เหตุใดท่านถึงน่ารำคาญนัก?”“ดูไม่ออกหรือว่าข้าไม่อยากคุยกับท่าน?”“รีบกลับไปดื่มกับพวกเขาซะเถอะ จะมานั่งขวางหูขวางตาข้าทำไม?”หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวนแท้จริงแล้ว นางเพียงแค่รู้สึกว่างเปล่าหลังจากได้ล้างแค้นสำเร็จ ราวกับชีวิตไม่มีจุดหมายอีกต่อไป นางไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป จึงทำให้ดูเหม่อลอยและเศร้าสร้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่วังหยวนมาที่นี่ นางกลับรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ามาสิ เป็นอะไรไป?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง“ข้าอยากไปพบตานสยงเฟย”“ครั้งก่อนท่านสัญญากับข้าว่า เมื่อจับตานสยงเฟยได้จะให้ข้าจัดการเขา ยังจำได้หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนถาม“อืม...”หวังหยวนครุ่นคิด ใช้นิ้วเคาะขมับพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียเรื่องของพรรคทมิฬเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจตัดสินใจเพียงเพราะคำพูดของคนคนเดียวได้ ยิ่งกว่านั้น เพื่อจับตานสยงเฟย ยังต้องสูญ
“หวังหยวน! เจ้าช่างน่ารังเกียจ! กล้าเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวหรือ?”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างเดือดดาลส่วนโอวหยางอวี่และลั่วเฉินเห็นท่าไม่ดี จึงไม่รีรอ รีบพาผู้ใต้บัญชาหนีลงจากเขา!แต่น่าเสียดาย ที่เชิงเขามีการวางกองกำลังดักไว้แล้ว!ตานสยงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างถูกจับเป็น!การต่อสู้ครั้งนี้ หวังหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ!แต่เนื่องจากหน้าผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล โดยรอบไม่มีบ้านเรือนหรือเมืองจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังหยวนต้องการเพราะที่นี่คืออาณาจักรต้าเป่ย หากหานเทารู้ว่าเขายกทัพมาในดินแดนของอาณาจักรต้าเป่ย ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร พวกเขาก็อาจจะหาเรื่องจู่โจมได้!เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงจะวุ่นวายและเกิดความขัดแย้ง!หลังจากที่จับตานสยงเฟยและพรรคพวกได้แล้ว หวังหยวนจึงรีบกลับเมืองอู่เจียงทันที!ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็กลับมาถึง!ระหว่างทาง แม้ว่าจะมีคนเห็น แต่มีเกาเล่อคอยนำทาง จึงไม่ทำให้คนของอาณาจักรต้าเป่ยรู้ตัว!...ณ ที่ว่าการเมืองอู่เจียงตอนนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลองกันอย่างสนุกสนาน!คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือหวังหยวน!ส่วนเอ้อหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ที่
หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใด นางจ้องมองตานสยงเฟยด้วยความโกรธแค้นนางต้องการล้างแค้น!“ชีวิตของเขาเป็นของเจ้า ข้าจะช่วยจับเป็นให้!”“ส่วนต่อไป เจ้าจะจัดการเขาอย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า!”หวังหยวนกล่าวจบก็หยิบปืนคาบศิลาออกมาจากอก แล้วเล็งไปที่ตานสยงเฟย“ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี”“เจ้าควรรู้ว่าอาวุธลับของข้าไม่มีผู้ใดเทียบได้ ใช่หรือไม่?”“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนเสีย จะได้ไม่เจ็บตัว!”หวังหยวนเตือนมุมปากของตานสยงเฟยกระตุก เขาสืบเรื่องของหวังหยวนมานาน จึงรู้จักหวังหยวนดี และจำได้ว่าอาวุธในมือของหวังหยวนคืออะไร!ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่ขุนพลที่เก่งกาจก็ยังไม่อาจหลบอาวุธนี้ได้!ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็คว้าตัวสาวกพรรคทมิฬคนหนึ่งมาใช้เป็นโล่มนุษย์!“ปัง!”เสียงปืนดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬคนนั้นล้มลงกับพื้นต้องยอมรับว่าตานสยงเฟยช่างโหดเหี้ยม!เพื่อเอาชีวิตรอด กลับยอมเสียสละชีวิตคนอื่น ช่างน่ารังเกียจ!หวังหยวนยกปืนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเล็งไปที่ตานสยงเฟย ไม่ให้เขามีโอกาสหนี!“หวังหยวน!”“วันนี้ไว้ชีวิตข้าเถิด ต่อไปข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน!”“เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“การบีบให้ข้าจนตรอกไม่ได้เป็นผลดีต่อ
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ