เสียหน้ามาก น่าขายหน้าจริง ๆ!“ไม่นึกเลยว่าพี่หรูเยียนจะเก่งกาจถึงเพียงนี้?”“หากพวกเขาพุ่งเข้ามาหาข้า ข้าคงสู้ไม่ได้!”เจียงเสี่ยวอวี๋กอดอก ทำท่าทางเหมือนกำลังดูละครหลิ่วหรูเยียนปัดฝุ่นบนมือ พ่นลมหายใจเย็นชา ก่อนจะกลับไปยืนข้างหวังหยวน“ขออภัย”“ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้เจ้าเดือดร้อน แต่พวกเขาพูดจาหยาบคาย ข้าทนไม่ไหวจึงสั่งสอนพวกเขา เจ้าคงไม่ถือสากระมัง?”หวังหยวนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจหากคนพวกนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เขาคงลงมือไปแล้ว“ทำได้ดี”หวังหยวนตบไหล่หลิ่วหรูเยียน ในสายตาคนอื่น ทั้งสองดูสนิทสนมกันมากไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดา!ผู้คนต่างพากันเข้าใจผิดไปชั่วขณะ คิดว่าหวังหยวนกับหลิ่วหรูเยียนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง!ผู้ชายเหล่านั้นลุกขึ้นจากพื้น ไม่กล้าเสียเวลา แม้จะโกรธ แต่ก็สู้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ ได้แต่กัดฟันกลืนความแค้นลงไป สุดท้ายก็ออกจากเขาหนานซานไปด้วยความอับอาย!ผู้คนที่มามุงดูต่างหลีกทางให้หลิ่วหรูเยียนไม่สนใจพวกเขา นางชินกับการเป็นจุดสนใจแล้วตอนที่อยู่ที่หอชิงสุ่ยก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?นางชินแล้วหวังหยวนและหญิงสาวทั้งสองเดินต่อไป พวกเขาข้ามสะพานหินมาถึงศาลาแห่งหน
สิ้นคำของหวังหยวน เจียงเสี่ยวอวี๋ผู้เดินตามมาก็กล่าวแนะนำ“ไม่ใช่เพียงแต่ท่านหรอกที่ว่าเขานั้นแปลกประหลาด ผู้คนต่างก็รู้ดีว่าเขานั้นผิดแผกแตกต่างจากคนทั่วไป”“ลับหลัง ผู้คนล้วนลือกันว่าสติปัญญาของเขานั้นไม่สมประกอบ!”“อย่าว่าแต่จะมาปรากฏกายในที่แห่งนี้เวลานี้เลย แม้วันปกติ เขาก็อาศัยอยู่แต่ใต้เชิงเขาหนานซานโน่น!”“เท่าที่ข้ารู้ คนผู้นี้ดูเหมือนจะไร้บ้านช่อง ไร้งานการ แม้แต่บิดามารดาและบุตรก็ไม่มี ที่นี่คงจะถือเป็นบ้านของเขากระมัง?”คำแนะนำของเจียงเสี่ยวอวี๋ทำให้หวังหยวนเข้าใจในทันทีแท้จริงแล้วคนผู้นี้เป็นเพียงแค่คนเร่ร่อน!ชั่วพริบตาหวังหยวนก็ส่ายหน้า แล้วกล่าวว่า “น่าเสียดาย ผู้นี้สามารถเขียนอักษรได้งดงามเช่นนี้ ย่อมเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาต้องเป็นผู้รอบรู้ในศิลปะและวรรณกรรม”“คนมีความสามารถเช่นนี้กลับต้องมาใช้ชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์อยู่ในที่แห่งนี้ ช่างน่าเศร้าเสียจริง!”บัดนี้หวังหยวนมุ่งมั่นที่จะสร้างเมืองอู่เจียงขึ้นใหม่ แม้กระทั่งจะทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จึงจำเป็นต้องมีบุคลากรจำนวนมากเข้าร่วมเมื่อมาถึงเขาหนานซานจึงตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วตนเองเล
“หากเจ้าคิดว่าเช่นนี้ไม่ยุติธรรมก็จงไปตามคนของเจ้ามาสิ!”“ข้าอยากจะเห็นนัก คนเช่นเจ้าจะสามารถเรียกยอดฝีมือแบบใดมาได้”เหล่าผู้คนที่อยู่ด้านหลังต่างก็แสดงสีหน้าดูแคลนก็คงเป็นเพียงพวกบ่าวไพร่หรือองครักษ์เฝ้าบ้านเท่านั้นหวังหยวนกลับส่ายหน้า แล้วยกยิ้ม“เรียกคนหรือ?”“นี่เป็นคำพูดของเจ้าเอง อย่าได้เสียใจภายหลังก็แล้วกัน”เขาเพิ่งสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ รวมถึงผู้คนที่อยู่ในที่นี้ และได้หมายตาชายลึกลับผู้นั้นไว้แล้วดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงอีกต่อไปทันใดนั้นเขาก็ดึงเอาพลุไฟออกมาจากอกเสื้อ แล้ววางลงบนพื้นเมื่อจุดไฟ พลุไฟก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เบ่งบานเป็นดอกไม้ไฟอันงดงาม“นี่เจ้าเรียกคนหรือ?”“ข้าว่าเจ้ากำลังล้อเล่นกับพวกข้ามากกว่า!”“ในเวลากลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ไม่ต้องจุดพลุไฟให้พวกข้าดูหรอก!”“พวกข้าไม่ใช่บิดามารดาของเจ้า ไม่จำเป็นต้องทำดีกับพวกเราถึงเพียงนี้!”ชายผู้นั้นยังคงไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ยังคงดูถูกหวังหยวนไม่หยุดหย่อนแต่หวังหยวนกลับไม่แสดงอารมณ์ออกมาผ่านทางสีหน้าแม้แต่น้อยอีกไม่นาน พวกเขาก็จะรู้ว่าการกระทำของตนนั้นโง่เขลาเพี
“ตกลง!”“พวกเรารอได้!”เหล่าสมุนพากันส่งเสียงโห่ร้องส่วนผู้คนที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ในตอนนี้ก็ไม่มีใครคิดจะจากไปเพราะต่างอยากรอดูว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ!และนี่ก็คือสิ่งที่หวังหยวนต้องการ!ชั่วพริบตาก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาแต่ไกล ยังไม่ทันครบหนึ่งในสี่ชั่วยาม บริเวณโดยรอบเขาหนานซานก็เต็มไปด้วยทหารสวมชุดเกราะเต็มยศและคนที่ขี่ม้านำทัพมา จะเป็นใครได้นอกจากต่งอวี่?ช่างสง่างามและองอาจยิ่งนัก!เมื่อต่งอวี่ปรากฏตัว ผู้คนมากมายต่างจำเขาได้เนื่องจากสถานการณ์ช่วงนี้ในเมืองอู่เจียงตึงเครียด ประกอบกับก่อนหน้านี้ หานเทาได้ยกทัพมาประชิดเมือง กิจการทหารทั้งหมดจึงตกเป็นหน้าที่ของต่งอวี่จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เคยเห็นหน้าเขา“เหตุใดจู่ ๆ ขุนพลต่งจึงมาที่นี่?”“หรือว่า...”“คนผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับขุนพลต่ง?”“ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะได้รับความสนใจจากแม่นางหรูเยียน ที่แท้ก็มีภูมิหลังเช่นนี้!”ผู้คนพากันซุบซิบ คาดเดาฐานะที่แท้จริงของหวังหยวนต่งอวี่เป็นผู้มีอำนาจมาก มีคนเล่าลือว่าเขาติดตามหวังหยวนมาตลอดทาง และพำนักอยู่ในเมืองในจังหวะนี้ ต่งอวี่กลับนำทัพมา จึงเป็นการยากที่จ
ผืนแผ่นดินที่พวกเขายืนอยู่นั้นล้วนเป็นของหวังหยวนทั้งสิ้น!เพียงแค่หวังหยวนโบกมือเรียกหลิ่วหรูเยียน นางก็คงต้องยอมไปปรนนิบัติเขาอย่างเชื่อฟังแล้วไม่ใช่หรือ?“ขอคารวะท่านผู้นำ!”เมื่อผู้คนทั้งหลายได้สติต่างพากันคุกเข่าลงกับพื้นส่วนชายผู้นั้นที่เพิ่งโต้เถียงกับหวังหยวนก็ไม่กล้าลังเล ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้นเหล่าสมุนที่อยู่ด้านหลังต่างพากันทำตาม...คราวนี้แย่แล้วโดยปกติพวกเขามักจะรังแกผู้อื่นเสมอ ทำตัวเหมือนผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาหนานซาน ผู้คนต่างก็รู้ถึงนิสัยของพวกเขาดีแต่ไม่มีใครทำอะไรพวกเขาได้ทว่าวันนี้คนพวกนี้กลับไปหาเรื่องหวังหยวน ฟ้ามีตาจริง ๆ ชีวิตสุขสบายของพวกเขาคงจบสิ้นลงแล้ว“ทุกคนลุกขึ้นเถิด”“ผู้ที่รู้จักข้าย่อมรู้ดีว่าข้าไม่ชอบพิธีรีตอง พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าข้า”“ข้าเห็นแล้วไม่สบายใจ”หวังหยวนโบกมือให้ทุกคนเมื่อได้ยินหวังหยวนกล่าวเช่นนั้น ทุกคนต่างลุกขึ้นยืน ไม่ทำพิธีคารวะอีก“ท่านผู้นำ จะจัดการกับคนผู้นี้อย่างไรขอรับ?”“จะสังหารเขาไปเลย หรือว่า...”ต่งอวี่หรี่ตามอง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา สีหน้าบึ้งตึง กล้าดีอย่างไรมาแข่งด้านจำนวน
ดวงตาของทุกคนต่างเป็นประกายนี่เป็นโอกาสที่จะได้เป็นขุนนาง!“ขอบพระคุณท่านหวัง!”หวังหยวนเพียงยิ้มรับ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ข่าวสารได้แพร่ออกไปแล้ว หากมีผู้ใดสนใจย่อมเป็นเรื่องที่ดีเมื่อถึงเวลานั้น เขาจะพิจารณาความสามารถของพวกเขา แล้วจึงตัดสินใจว่าจะดึงเข้ามาร่วมงานด้วยหรือไม่ส่วนเรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือการไปพบกับชายลึกลับผู้นั้นชั่วพริบตา หวังหยวนก็เดินฝ่าฝูงชนมาถึงตรงหน้าชายคนนั้นชายคนนั้นนั่งอยู่ริมแม่น้ำ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองหวังหยวน ราวกับว่าไม่ได้ยินที่หวังหยวนพูด“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร?”หวังหยวนพิจารณาชายตรงหน้าอย่างละเอียด ดูเหมือนจะมีอายุประมาณสี่สิบกว่าปีแม้ริ้วรอยบนใบหน้าจะไม่เยอะ แต่กลับมีผมสีดอกเลาขึ้นแซมมากมาย ทำให้ดูอาวุโสกว่าอายุจริงหวังหยวนพูดด้วยความเคารพการติดต่อกับผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงนั้นย่อมต้องอดทนอดกลั้นไม่เช่นนั้นเขาจะมีคนเก่งอยู่รอบกายมากมายได้อย่างไร?ตงฟางฮั่นก็เป็นหนึ่งในนั้น“ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคุยกับข้าหรอก”“พวกท่านล้วนเป็นผู้มีภารกิจสำคัญ จงไปทำภารกิจของท่านเถิด”ชายผู้นั้นกล่าวอย่างเย็นชา
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์“เหตุใดหวังหยวนจึงสนใจคนผู้นี้? หรือว่าเขามีความรู้ความสามารถจริง ๆ?”“ข้าว่าเขาก็แค่คนเร่ร่อน จะมีความรู้ได้อย่างไร?”“แต่ต้องยอมรับว่าตัวหนังสือที่เขาเขียนนั้นงดงามนัก”“...”ผู้คนต่างก็พูดกันไปต่าง ๆ นานาหากหวังหยวนไม่ได้กำลังยืนอยู่ข้างชายนิรนาม ผู้คนคงจะรุมประณามหวังหยวนไปแล้วและคงไม่มีใครสนใจชายนิรนามอีกแต่ตอนนี้แตกต่างออกไป คนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือหวังหยวน!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเป็นผู้รอบรู้ที่อ่านใจคนมานับไม่ถ้วน มีประสบการณ์มากมาย และมีคนเก่งอยู่รอบกายหลายคนการที่เขาให้ความสนใจชายนิรนามเช่นนี้ แสดงว่าชายนิรนามต้องมีความสามารถพิเศษที่พวกเขามองข้ามไปจริง ๆ ใช่หรือไม่?“ในเมื่อท่านไม่เต็มใจ ข้าก็จะไม่ฝืนใจท่าน”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วหันหลังเดินจากไปส่วนชายนิรนามก็ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงนั่งอยู่ริมแม่น้ำบรรยากาศดูค่อนข้างแปลกไปผู้คนต่างตกตะลึง พวกเขารู้ว่าชายนิรนามเป็นอย่างไร และรู้ด้วยว่าเขาเป็นเพียงคนเร่ร่อนที่ได้แต่หาเช้ากินค่ำไปวัน ๆแต่ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้า เขากลับไม่คว้าเอาไว้หรือ?ไม่นานหวังหยวนและค
“ไม่จำเป็นแล้ว”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ทำให้หลิ่วหรูเยียนลำบากใจอีก“ชายคนนี้กลายเป็นคนเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”“ไม่สิ!”“นี่ต้องเป็นเพราะข้าคิดไปเอง!”“หวังหยวนเป็นปีศาจร้าย เขาไม่มีทางจะเข้าอกเข้าใจผู้อื่นหรอก เหตุใดข้าจึงคิดเช่นนี้?”หลิ่วหรูเยียนมองแผ่นหลังของหวังหยวนพลางพึมพำกับตัวเอง แล้วส่ายหน้า ไม่ได้เอ่ยคำใดต่อ เพียงแค่เดินไปยังห้องเมื่อคืนนางไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ตอนนี้จึงต้องรีบกลับไปนอนให้เต็มอิ่ม!ส่วนหวังหยวนก็ได้มาถึงห้องของเกาเล่อแล้วมองไปเห็นเกาเล่อและตงฟางฮั่นกำลังสนทนากันอยู่ในห้องเมื่อหวังหยวนเข้ามา ทั้งสองต่างมองมาที่เขา“อ๊ะ!”“เหตุใดท่านจึงมีเวลาว่างมาที่นี่เล่าขอรับ?”เกาเล่อลุกขึ้น รีบถามด้วยรอยยิ้ม“อย่างไร? หรือว่าพวกเจ้ากำลังวางแผนลับแล้วกลัวข้าได้ยิน จึงตกใจกันเช่นนี้?”หวังหยวนพูดพลางมองไปที่ตงฟางฮั่น“หนุ่มน้อยคนนี้ ไปเอาเรื่องเหลวไหลเช่นนี้มาจากไหนกัน?”“สิ่งที่พวกข้าทำล้วนทำเพื่อท่านไม่ใช่หรือ?”“หากท่านไม่เป็นท่านผู้นำที่เอาแต่สบาย พวกข้าจะต้องยุ่งยากเช่นนี้หรือไม่?”“ตอนนี้ท่านกลับมาพูดจาอย่างสบาย
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ
“ทุกคนขึ้นเขาเดี๋ยวนี้!”“ห้ามปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้!”หวังหยวนออกคำสั่ง ขุนพลนายกองเริ่มเคลื่อนไหวคนที่อาศัยอยู่บนหน้าผาแห่งนี้ล้วนเป็นระดับสูงของพรรคทมิฬและมีตำแหน่งสำคัญ การกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น จึงจะทำให้พรรคทมิฬหายไปอย่างสมบูรณ์!ตัดวัชพืชไม่ถอนราก เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็งอกขึ้นมาใหม่!เมื่อทุกคนเข้าไปบนหน้าผาแล้ว หวังหยวนก็ออกคำสั่ง ต่งอวี่และเอ้อหู่ต่างเป็นผู้นำพาผู้ใต้บัญชาบุกขึ้นไปบนยอดเขา!ส่วนหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ตามไปติด ๆ!“เจ้าจะทำอะไร?”หวังหยวนหันไปคว้าแขนหลิ่วหรูเยียน แล้วถามขึ้นหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา กำหมัดแน่น สีหน้าโกรธเกรี้ยวนางขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าจะขึ้นไปล้างแค้นด้วยตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่ข้าเกือบตายเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาข้าก็ถูกคนของพรรคทมิฬฆ่าตาย จะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร?”“วันนี้ไม่มีใครหยุดข้าได้ ข้าจะฆ่าตานสยงเฟย ล้างแค้นให้พ่อแม่!”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็สะบัดแขนหวังหยวนออก ก่อนจะชักกริชออกมาแล้ววิ่งขึ้นไปบนยอดเขา!แม้ว่านางจะเป็นคนบอกที่ตั้งฐานทัพนี้ให้หวังหยวน แต่ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านาง!ไม่นานพวกหวังหยวนก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
หวังหยวนกลอกตามองเอ้อหู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ชีวิตของทหารที่อยู่ข้างหลังเจ้าล้วนอยู่ในมือเจ้า!”“การที่เจ้าพาพวกเขามาเสี่ยงอันตราย หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ดีไป แต่หากเกิดความผิดพลาด เจ้าจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร?”“อย่าลืมว่าการเป็นขุนพลไม่ใช่แค่เพื่อรบชนะ!”“แต่ต้องชนะอย่างสวยงาม ลดการสูญเสียให้มากที่สุด!”ทุกคนต่างตกตะลึงเดิมทีพวกเขาคิดว่าการติดตามหวังหยวนก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในยุคสงคราม การมีข้าวกินก็ดีมากแล้วชีวิตพวกเขาจะสำคัญอะไร?ในสายตาของชนชั้นสูง ชีวิตพวกเขาไม่ต่างจากเศษหญ้า!เป็นเพียงเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ!แต่หวังหยวนกลับมีเมตตา เห็นใจพวกเขา ทำให้พวกเขาซาบซึ้งจริง ๆ!ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องสูญเสียมากมาย พวกเขาก็ยินดีสละชีพเพื่อช่วยหวังหยวนพิชิตหน้าผาแห่งนี้ และฆ่าคนของพรรคทมิฬให้หมดสิ้น!“รีบก่อไฟทำอาหาร!”“เมื่อทุกคนอิ่มท้องแล้วก็คงถึงเวลาพอดี!”“จำไว้! ห้ามส่งเสียงดัง ประเดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัว!”“หากพวกมันรู้ตัวจะเป็นอันตรายต่อพวกเรา!”หวังหยวนกำชับทุกคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเ
ในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อมา ด้วยการนำทางของหลิ่วหรูเยียน หวังหยวนและคนอื่น ๆ จึงไม่หลงทาง เดินทางมาถึงเชิงผาได้อย่างรวดเร็ว!บัดนี้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็ได้แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่โดยรอบแล้วหวังหยวนและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่งเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นเงาคนมากมาย พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ“สืบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”หวังหยวนสวมชุดเกราะเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉินและป้องกันการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!เกาเล่อรีบเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สืบเรียบร้อยแล้วขอรับ คนร้ายอยู่บนเขาลูกนี้!”“แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังขนย้ายสิ่งของ ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงก็เห็นรถม้าลงมาจากเขาไม่ต่ำกว่าร้อยคันแล้ว!”“แต่พวกเราไม่ได้ลงมือเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว!”“ข้าได้ส่งคนไปตามเส้นทางที่พวกมันใช้ หลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องบนหน้าผาแล้ว จากนั้นจึงไปกวาดล้างพวกมัน!”“แล้วทรัพย์สมบัติของพวกมันก็จะตกเป็นของพวกเรา!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเรื่องนี้จัดการได้ดีมาก!เหตุผลที่พรรคทมิฬเติบโตอย่างรวดเร็วก็เพราะความร่ำรวย!หากตัดเส้นทางการเงินของพวกมัน แม้ว่าตานเฟยจ
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา
สตรีผู้นี้...หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจช่างไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย!เหตุผลที่เขาไม่อยากให้หลิ่วหรูเยียนไปด้วยก็เพื่อปกป้องนาง เพราะหลังจากที่รู้ชาติกำเนิดของนางแล้ว หวังหยวนก็รู้สึกเห็นใจ!หลายปีมานี้ นางต้องเผชิญกับความทุกข์ยากมากมาย บัดนี้ในที่สุดก็ได้พบกับญาติ จึงควรได้ใช้เวลากับครอบครัว!แต่นางกลับดื้อรั้น ยืนกรานจะตามไปเสี่ยงอันตรายกับเขา ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!“เจ้าตัดสินใจแล้วจริงหรือ?”หวังหยวนถามย้ำ“ใช่แล้ว!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่น“ได้!”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ประเดี๋ยวเจ้าไปเตรียมตัวได้เลย เช้านี้พวกเราจะออกเดินทาง!”ตานเฟยเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก ต้องรีบจัดการเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีโอกาสหนีไปได้!เมื่อถึงเวลานั้นจะเสียทั้งฮูหยินและรี้พล!หวังหยวนไม่อยากพลาดโอกาสนี้!“ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!”หลิ่วหรูเยียนกล่าว แล้วเดินออกไป ในดวงตาของนางปราศจากแววตื่นเต้น กลับมีแต่ความเย็นชา!การล้างแค้นคือเป้าหมายเดียวในใจนาง!ครึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็เตรียมพร้อม เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญ หวังหยวนจึงเตรียมการอย่างรัดกุมไม่เพียงแต่เรียกทหาร
“เขาชื่อตานเฟย อายุสี่สิบกว่าปี แต่ข้ารู้แค่ชื่อ ส่วนหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ข้าไม่รู้”“ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่คนอื่น ๆ ในพรรคทมิฬต่างไม่รู้เช่นกัน”“หลายปีมานี้ เขาสวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่ให้ใครเห็นหน้าตาที่แท้จริง!”หลิ่วหรูเยียนอธิบายหวังหยวนพยักหน้า คนของพรรคทมิฬชอบปิดบังตัวตน จึงไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาไม่เช่นนั้นคงไม่สะดวกในการทำงาน!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดีหวังหยวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “แล้วฐานทัพพรรคทมิฬอยู่ที่ไหน?”“เจ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่?”“ได้ยินว่าตานเฟยรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อใจคนอื่น แต่ย่อมต้องเชื่อใจเจ้า และพาเจ้าไปด้วยใช่หรือไม่?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็เปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวปรากฏว่าหลายปีที่ผ่านมา นางเห็นโจรเป็นพ่อมาโดยตลอด!ซ้ำยังช่วยเหลือโจรผู้นี้ทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนช่วยเหลือ นางคงกลายเป็นหุ่นเชิดในมือของตานเฟย!ยิ่งคิด ยิ่งโมโห!“ข้ารู้!”“สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างไกลและอยู่ในหุบเขาลึก แม้ว่าข้าจะบอกท่าน ท่านก็คงหาไม่พบ!”“ข้ามีวิธีหนึ่ง ให้ข้านำทางพาท่า
ในคืนนั้น หลิ่วหรูเยียนอยู่กับลุงของนางในห้อง ทั้งสองพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลินหลิ่วหรูเยียนไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นเพียงคนเดียวดาย แม้ว่าประมุขพรรคทมิฬจะดูแลนาง แต่นางกลับรู้สึกว่ามีความห่างเหินกับเขา ความรู้สึกนี้ แม้แต่นางเองก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนอาจเป็นความรู้สึกแปลกแยกกระมัง?เพราะทั้งสองไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้ว่าจะเห็นเขาเป็นญาติ แต่ก็ไม่ใช่ญาติที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เขากลับเป็นคนที่ฆ่าบิดาของนาง!หลิ่วหรูเยียนเข้าใจทุกอย่างแล้ว หวังหยวนไม่ได้หลอกลวงนาง ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง หลักฐานอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ!รุ่งเช้า หวังหยวนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเมื่อเขาเดินออกไปก็เห็นสตรีคนหนึ่งยืนอยู่หากไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน แล้วจะเป็นใครได้?“เจ้าตื่นเช้าจัง!”“ลุงของเจ้าเล่า?”“เท่าที่ข้ารู้ ตั้งแต่เมื่อวานพวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันตลอด เหตุใดตอนนี้จึงแยกกันแล้วเล่า?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางขมวดคิ้วกล่
เมื่อหลิ่วหรูเยียนและชายผู้นั้นหยดเลือดลงในชาม ก็เห็นเลือดทั้งสองหยดรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เป็นเช่นนี้จริง ๆ!นั่นแสดงว่าทั้งสองมีสายเลือดเดียวกัน!“ท่านลุง!”ทันใดนั้น หลิ่วหรูเยียนก็ร้องไห้ออกมา แล้วจับมือชายผู้นั้นพลางเรียกเขานางไม่นึกเลยว่านางยังมีญาติอยู่ในโลกนี้!ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันยินดีกับหลิ่วหรูเยียนช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี!เจียงเสี่ยวอวี๋ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลส่วนหวังหยวนส่ายหน้าพลางยิ้มฝืดเฝื่อน เขาเป็นคนต่างยุคย่อมเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งการพิสูจน์สายเลือดด้วยการหยดเลือดลงน้ำไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดมารองรับ!ตราบใดที่เลือดสองชนิดเป็นหมู่เดียวกันย่อมสามารถรวมตัวกันได้ แต่หมู่เลือดเป็นแค่การแบ่งประเภทเท่านั้นบางทีนี่อาจเป็นฟ้าลิขิตก็ได้ใช่หรือไม่?ยิ่งกว่านั้น คนในยุคนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องหมู่เลือดด้วย ในเมื่อเลือดของทั้งสองสามารถรวมตัวกันได้ ประกอบกับเกาเล่อได้สืบหาข้อมูลมานานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าทั้งสองเป็นญาติกันจริง!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นการช่วยให้หลิ่วหรูเยียนมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วยเขาจึงไม่ขัดจังหวะ“ดี! ดี! ดี!”“น้องชายข้าม