เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามในภายภาคหน้า หากไม่สามารถเข้าใจผู้อื่นก็คงต้องพ่ายแพ้ตลอดไป“ได้ขอรับ ช่วยบอกลักษณะรูปพรรณของเขามา ข้าจะส่งคนไปสืบหา”“ในเมื่อเขาอยู่ที่เขาหนานซาน ค่ำนี้ข้าก็น่าจะได้ข่าว”เกาเล่อกล่าวอย่างอารมณ์ดีแต่ขณะที่หวังหยวนกำลังจะพูด ตงฟางฮั่นก็เอ่ยขึ้นว่า “คราวนี้ไม่ต้องลำบากเจ้าแล้ว”หวังหยวนและเกาเล่อต่างก็มองไปที่เขา“ข้ารู้ว่าคนที่เขาพูดถึงคือใคร”“หากข้าจำไม่ผิด คนผู้นั้นน่าจะชื่อหวังเถี่ยก่าน”“เขามีความสามารถในการเขียนอักษร และยังเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการปกครองบ้านเมืองด้วย!”“เพียงแต่หลายปีมานี้ เขาไม่ได้แสดงความสามารถออกมา จึงถูกผู้คนมองข้าม”“และตัวเขาเองไม่ได้ต้องการตำแหน่งใด ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับภูมิหลังของครอบครัวเขา...”ตงฟางฮั่นกล่าวพลางหรี่ตาลงหวังเถี่ยก่าน...ชื่อนี้ช่างน่าสนใจ เป็นบัณฑิต ไม่ได้ฝึกวิทยายุทธ์ แต่กลับมีชื่อราวกับนักรบเช่นนี้หรือ?ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ยอมบอกชื่อจริง!เมื่อเทียบกันแล้ว นิรนามยังฟังดูดีกว่าหวังเถี่ยก่านด้วยซ้ำ...“ยี่สิบปีก่อน บิดาของเขาเคยเป็นนายอำเภอ แต่ถูกขุนนางท้องถิ่นกลั่นแกล้ง ทำให้บิดา
“แต่ข้ากลับสนใจท่านมาก ท่านหวัง” หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อหวังเถี่ยก่านได้ยิน สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปในทันที“ท่าน...”“ท่านรู้ตัวตนของข้าแล้วหรือ?”หวังเถี่ยก่านไม่ได้ปิดบัง เขายอมรับอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวต่อ “ในเมื่อท่านรู้แล้ว เช่นนั้นคงจะรู้เรื่องราวที่ข้าประสบพบเจอมา”“ดังนั้นท่านไม่ต้องพูดอะไรอีก ข้าเบื่อหน่ายวงการขุนนางมานานแล้ว อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่เชิงเขาหนานซานแห่งนี้”“อย่าได้รบกวนข้าอีกเลย”“หากท่านยังคงบีบบังคับ ข้าก็จะจากไป ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีวันพบเจอกันอีก!”ท่าทีของหวังเถี่ยก่านนั้นหนักแน่นครอบครัวของเขาถูกฆ่าตาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะวงการขุนนางหากบิดาของเขาไม่ได้เป็นขุนนาง เขาจะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรือ?เดิมทีเขาเกิดในตระกูลบัณฑิต แต่ตอนนี้ต่างจากคนเร่ร่อนตรงไหน?แท้จริงแล้วหัวใจของหวังเถี่ยก่านตายไปนานแล้ว...หวังหยวนส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่!”“แน่นอนว่าข้ารู้เรื่องราวของท่าน การมาพบกันครั้งนี้ ข้าต้องการพูดคุยกับท่าน”“หากข้าสามารถหาตัวศัตรูที่ฆ่าบิดาของท่าน และช่วยท่านล้างแค้นแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจะยอมทำงานให้ข้าหรื
แม้ไม่อาจรู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่ก็พึงมีความหวังอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจไว้เพราะฟ้าลิขิตดินบันดาล โชคชะตาล้วนผันแปร ใครเล่าจะโชคร้ายไปชั่วนิรันดร์?“ตกลง!”“หากท่านพาตัวเขามาได้ เราค่อยหารือกันอีกครั้ง”หวังเถี่ยก่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ประหนึ่งยื่นบันไดให้หวังหยวนได้ไต่ลง“ตกลงตามนั้น!”ด้วยหวังเถี่ยก่านนั้นเป็นผู้มีกิริยาเย็นชา เมื่อสนทนากันเสร็จสิ้น หวังหยวนจึงไม่ได้รั้งรออยู่ต่อ เพราะเกรงว่าจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามแม้ว่าเขาจะอยากได้ตัวผู้มีความสามารถ แต่ย่อมต้องดำเนินการไปทีละขั้น หากใจร้อนรีบเร่ง เกรงว่าจะลงแรงเปล่าประโยชน์บัดนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าการจะปฏิบัติต่อบัณฑิตและนักปราชญ์ ย่อมต้องใช้ความพยายามและเอาใจใส่เป็นพิเศษ แม้ไม่ต้องถึงกับเยือนกระท่อมสามครา แต่ก็ต้องปฏิบัติด้วยความเคารพพวกเขาเหล่านั้นล้วนถือตัวว่าสูงส่งใช่หรือไม่?ครั้นหวังหยวนกลับถึงที่พักจึงพบว่าเกาเล่อกลับไปแล้วบัดนี้หวังหยวนเพียงต้องรอคอยข่าวสารด้วยความอดทนเพิ่งจะกลับถึงห้อง ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปก็ได้ยินเสียงกรนเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากภายใน“แม่สาวคนนี้ช่างหลับสบายเสียจริง!”
“จริงสิ”“มีเรื่องหนึ่งที่ต้องแจ้งให้เจ้าทราบ”“คนของข้าได้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่เจ้าบอกแล้ว บัดนี้เมื่อยืนยันได้ว่าถูกต้องก็จะกวาดล้างสถานที่เหล่านั้นให้สิ้นซาก”“เพียงเท่านี้จึงจะตัดไฟแต่ต้นลม ทำให้คนของพรรคทมิฬสาบสูญไปจากสายตาของพวกข้าโดยเร็ว!”หวังหยวนไม่ได้หยอกเย้าหลิ่วหรูเยียนต่อ แต่เดินไปนั่งที่โต๊ะข้าง ๆ รินน้ำชาด้วยท่าทีผ่อนคลาย พลางกล่าวขึ้นการปฏิบัติการทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การบัญชาการของต่งอวี่ และข้างกายต่งอวี่ล้วนมีทั้งยอดฝีมือและขุนพลผู้เหี้ยมหาญมากมายนับว่าวางใจได้อย่างแน่นอน!“อ้อ”เห็นได้ชัดว่าหลิ่วหรูเยียนไม่ได้สนใจนัก“ไม่ใช่เรื่องของข้า”หวังหยวนไม่ได้ใส่ใจนาง แต่กล่าวต่อว่า “หากการปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จ เจ้าก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะคืนอิสรภาพให้แก่เจ้า”“หากเจ้าอยากอยู่ที่นี่ต่อ ข้าก็ไม่ได้ขัดข้อง หากอยากจากไปก็สามารถออกจากเมืองได้ทุกเมื่อ!”“ข้าพูดจริง ทำจริง”เหอะหลิ่วหรูเยียนหัวเราะในลำคอ นางจ้องหวังหยวนด้วยสายตาไม่พอใจ ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นเหตุใดท่านไม่คืนยาถอนพิษให้ข้าก่อนเล่า?”“ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด ยั
เมื่อครู่นี้หลิ่วหรูเยียนพลันรู้สึกตัวว่ามีคนมานั่งอยู่ข้างกาย นางจึงตกใจโดยไม่รู้ตัว แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ นางกลับไม่ได้เคอะเขินหวังหยวนมากนัก ซ้ำยังพูดคุยด้วยมากขึ้น...การนอนหลับต่อจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอย่างไรเสีย ในช่วงเวลาหลายวันต่อจากนี้ นางยังคงต้องอยู่เคียงข้างหวังหยวน แทบจะไม่ได้ห่างเลยแม้แต่ก้าวเดียว!แม้ตอนนี้จะไม่ได้เห็นนางนอนหลับ แต่ภายภาคหน้าย่อมมีโอกาสได้เห็น แล้วจะปิดบังอำพรางไปเพื่ออะไร?“ผู้หญิงคนนี้...”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้สนใจหลิ่วหรูเยียนอีก แล้วเอื้อมมือหยิบแผนที่ขึ้นมาดูแผนที่ในมือนี้เป็นสิ่งที่ตงฟางฮั่นมอบให้เขา ภายในบันทึกความคืบหน้าของโครงการชลประทานและเป็นแผนที่ล่าสุดด้วย!ต้องยอมรับว่าโครงการชลประทานมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ด้วยซ้ำหากดำเนินการต่อไปด้วยความเร็วเช่นนี้ คาดว่าจะใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวของที่กำหนดไว้ ก็จะสามารถทำให้โครงการชลประทานในเมืองอู่เจียงเสร็จสิ้นลงได้!ในช่วงเวลานี้ แม้หวังหยวนจะพำนักอยู่ในเมืองอู่เจียง แต่ได้ทำการติดต่อกับผู้คนในหมู่บ้านต้าหวังไว้ด้วยปัญหาที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านต้าห
“เช่นนั้นก็เป็นความผิดของหวังหยวนเอง”“ข้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเจียง บัดนี้เขากลับจัดงานเลี้ยงโดยไม่ได้เชิญข้า ช่างไม่ได้ให้เกียรติข้าเลยสักนิด!”“ข้าไม่ถือสาหาความ ยังคงเดินทางมาที่นี่ เขากลับจะไล่ข้าไปหรือเจ้าคะ?”“ข้ารู้สึกไม่ยุติธรรมยิ่งนัก!”เจียงเสี่ยวอวี๋ไม่ได้สนใจคำพูดของเจียงเซี่ยวอวิ๋น กลับผลักเจียงเซี่ยวอวิ๋นออก แล้วเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่รนหาที่ตายจริง ๆ!เจียงเซี่ยวอวิ๋นกำหมัดแน่น เนื่องจากเพราะมาร่วมงานเลี้ยงที่หวังหยวนจัดขึ้น จึงไม่ได้พาคนของตระกูลเจียงมาด้วย ทำให้ไม่มีผู้ติดตามรอบกาย!จึงไม่อาจจัดการกับเด็กคนนี้ได้เลย!ขณะที่เขากำลังคิดหาทางแก้ไขก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น“คุณหนูเจียง ไม่ได้พบกันนานเลยนะ!”“บิดาของเจ้าช่างใจดี ถึงกับพาเจ้ามาที่นี่ด้วยหรือ?”ผู้ที่เอ่ยขึ้นคือหวังหยวน บัดนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเจียงเสี่ยวอวี๋“ท่านพ่อของข้าไม่ได้สนใจเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ!”“ข้าแอบหนีออกมาเองไม่ได้หรือ?”“ยิ่งกว่านั้น เมื่อครู่ข้ายังถูกท่านพ่อจับได้และถูกดุเสียยกใหญ่ด้วย!”“โชคดีที่ข้าวิ่งเร็ว ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงถูกส่งตัวกลับบ้านไปแล้ว!”เจียงเ
บัดนี้เกาเล่อกำลังนั่งอยู่ข้างกายหวังหยวน ดื่มสุราร่วมกันโดยปกติแล้ว เกาเล่อมักจะไม่ดื่มสุรา เพราะในฐานะผู้รับผิดชอบองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ เขาต้องรักษาสติอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะราบรื่นหากเขาละเลยภารกิจ อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมได้!อย่างน้อยในสายตาของเขา สุราย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดี...แต่วันนี้เป็นวันแห่งความรื่นเริง ประกอบกับมีหวังหยวนอยู่เคียงข้าง เขาจึงดื่มไปสองสามจอก“ได้ยินว่าเจ้ากำหนดตำแหน่งของคนพวกนั้นได้แล้ว?”“ได้ทิ้งคนไว้คอยติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาหรือไม่?”หวังหยวนถามขึ้นตรงประเด็นในภายภาคหน้า เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในเมืองอู่เจียงแล้ว เขาจะพาตงฟางฮั่นและคนอื่น ๆ ออกเดินทางไปด้วยกันตงฟางฮั่นมีความสามารถมากจึงต้องอยู่เคียงข้างเขา คอยช่วยเหลือเขาดั่งมือขวาเสมอ แต่เมืองอู่เจียงยังไม่มีผู้ว่าราชการเมือง!หวังหยวนหมายตาหวังเถี่ยก่านไว้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดความสามารถของเขาเหมาะสมยิ่งนัก!อีกทั้งนิสัยใจคอยังตรงกับความต้องการของหวังหยวน!หากสามารถดึงคนเช่นนี้มาอยู่ข้างกายได้ และให้เขาดูแลเมืองอู่เจียง เมืองอู่เจียงจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน!“ข้
“เช่นนั้นท่านตงฟางหมายความว่า...”หวังหยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย รอฟังคำตอบจากตงฟางฮั่น“ง่ายมาก!”“พวกเราแค่พาตัวคนเหล่านั้นมา จะต้องไปสนใจสิ่งอื่นใดเพื่ออะไร?”“เมื่อข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก แม้ว่าคนของอาณาจักรต้าเป่ยจะมาทวงถาม เราก็สามารถปฏิเสธได้!”“อย่าลืมว่าสิ่งที่อัครเสนาบดีฝ่ายขวา ซ่งติ้งกั๋วทำลงไป ล้วนได้รับคำสั่งจากชนชั้นสูงของอาณาจักรต้าเป่ยไม่ใช่หรือ?”“แต่สุดท้ายเล่า?”“เขากลับกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้ง พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้...”ตงฟางฮั่นส่ายหน้าเหตุผลที่เขาและหวังหยวนร่วมมือกัน ส่วนใหญ่เป็นเพราะทั้งสองมีอุดมการณ์เดียวกัน และหลายครั้ง ความคิดของทั้งสองก็ต่างสอดคล้องกันแน่นอนว่าเขารู้ดีถึงบทบาทของซ่งติ้งกั๋ว!แม้ว่าในการจัดการเรื่องนี้ พวกเขาจะไม่ได้เปรียบและไม่ได้รับคำอธิบายใด ๆ แต่ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง...นั่นคือได้ซ่งติ้งกั๋วมาอยู่ใต้คำสั่ง!ต้องรู้ว่าอัครเสนาบดีฝ่ายขวา ซ่งติ้งกั๋ว มีความสามารถอย่างแท้จริง เพียงแต่ยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผยตัวตน!แต่ทว่าการจะพิสูจน์ความสามารถของเขานั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการพัฒนาของเมืองโบราณ!ในอนาคต หวังหยวนจะต้องเดินทางไปยังเมืองโบร
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ
“ทุกคนขึ้นเขาเดี๋ยวนี้!”“ห้ามปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้!”หวังหยวนออกคำสั่ง ขุนพลนายกองเริ่มเคลื่อนไหวคนที่อาศัยอยู่บนหน้าผาแห่งนี้ล้วนเป็นระดับสูงของพรรคทมิฬและมีตำแหน่งสำคัญ การกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น จึงจะทำให้พรรคทมิฬหายไปอย่างสมบูรณ์!ตัดวัชพืชไม่ถอนราก เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็งอกขึ้นมาใหม่!เมื่อทุกคนเข้าไปบนหน้าผาแล้ว หวังหยวนก็ออกคำสั่ง ต่งอวี่และเอ้อหู่ต่างเป็นผู้นำพาผู้ใต้บัญชาบุกขึ้นไปบนยอดเขา!ส่วนหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ตามไปติด ๆ!“เจ้าจะทำอะไร?”หวังหยวนหันไปคว้าแขนหลิ่วหรูเยียน แล้วถามขึ้นหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา กำหมัดแน่น สีหน้าโกรธเกรี้ยวนางขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าจะขึ้นไปล้างแค้นด้วยตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่ข้าเกือบตายเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาข้าก็ถูกคนของพรรคทมิฬฆ่าตาย จะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร?”“วันนี้ไม่มีใครหยุดข้าได้ ข้าจะฆ่าตานสยงเฟย ล้างแค้นให้พ่อแม่!”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็สะบัดแขนหวังหยวนออก ก่อนจะชักกริชออกมาแล้ววิ่งขึ้นไปบนยอดเขา!แม้ว่านางจะเป็นคนบอกที่ตั้งฐานทัพนี้ให้หวังหยวน แต่ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านาง!ไม่นานพวกหวังหยวนก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
หวังหยวนกลอกตามองเอ้อหู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ชีวิตของทหารที่อยู่ข้างหลังเจ้าล้วนอยู่ในมือเจ้า!”“การที่เจ้าพาพวกเขามาเสี่ยงอันตราย หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ดีไป แต่หากเกิดความผิดพลาด เจ้าจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร?”“อย่าลืมว่าการเป็นขุนพลไม่ใช่แค่เพื่อรบชนะ!”“แต่ต้องชนะอย่างสวยงาม ลดการสูญเสียให้มากที่สุด!”ทุกคนต่างตกตะลึงเดิมทีพวกเขาคิดว่าการติดตามหวังหยวนก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในยุคสงคราม การมีข้าวกินก็ดีมากแล้วชีวิตพวกเขาจะสำคัญอะไร?ในสายตาของชนชั้นสูง ชีวิตพวกเขาไม่ต่างจากเศษหญ้า!เป็นเพียงเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ!แต่หวังหยวนกลับมีเมตตา เห็นใจพวกเขา ทำให้พวกเขาซาบซึ้งจริง ๆ!ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องสูญเสียมากมาย พวกเขาก็ยินดีสละชีพเพื่อช่วยหวังหยวนพิชิตหน้าผาแห่งนี้ และฆ่าคนของพรรคทมิฬให้หมดสิ้น!“รีบก่อไฟทำอาหาร!”“เมื่อทุกคนอิ่มท้องแล้วก็คงถึงเวลาพอดี!”“จำไว้! ห้ามส่งเสียงดัง ประเดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัว!”“หากพวกมันรู้ตัวจะเป็นอันตรายต่อพวกเรา!”หวังหยวนกำชับทุกคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเ
ในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อมา ด้วยการนำทางของหลิ่วหรูเยียน หวังหยวนและคนอื่น ๆ จึงไม่หลงทาง เดินทางมาถึงเชิงผาได้อย่างรวดเร็ว!บัดนี้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็ได้แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่โดยรอบแล้วหวังหยวนและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่งเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นเงาคนมากมาย พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ“สืบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”หวังหยวนสวมชุดเกราะเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉินและป้องกันการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!เกาเล่อรีบเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สืบเรียบร้อยแล้วขอรับ คนร้ายอยู่บนเขาลูกนี้!”“แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังขนย้ายสิ่งของ ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงก็เห็นรถม้าลงมาจากเขาไม่ต่ำกว่าร้อยคันแล้ว!”“แต่พวกเราไม่ได้ลงมือเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว!”“ข้าได้ส่งคนไปตามเส้นทางที่พวกมันใช้ หลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องบนหน้าผาแล้ว จากนั้นจึงไปกวาดล้างพวกมัน!”“แล้วทรัพย์สมบัติของพวกมันก็จะตกเป็นของพวกเรา!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเรื่องนี้จัดการได้ดีมาก!เหตุผลที่พรรคทมิฬเติบโตอย่างรวดเร็วก็เพราะความร่ำรวย!หากตัดเส้นทางการเงินของพวกมัน แม้ว่าตานเฟยจ
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา
สตรีผู้นี้...หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจช่างไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย!เหตุผลที่เขาไม่อยากให้หลิ่วหรูเยียนไปด้วยก็เพื่อปกป้องนาง เพราะหลังจากที่รู้ชาติกำเนิดของนางแล้ว หวังหยวนก็รู้สึกเห็นใจ!หลายปีมานี้ นางต้องเผชิญกับความทุกข์ยากมากมาย บัดนี้ในที่สุดก็ได้พบกับญาติ จึงควรได้ใช้เวลากับครอบครัว!แต่นางกลับดื้อรั้น ยืนกรานจะตามไปเสี่ยงอันตรายกับเขา ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!“เจ้าตัดสินใจแล้วจริงหรือ?”หวังหยวนถามย้ำ“ใช่แล้ว!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่น“ได้!”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ประเดี๋ยวเจ้าไปเตรียมตัวได้เลย เช้านี้พวกเราจะออกเดินทาง!”ตานเฟยเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก ต้องรีบจัดการเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีโอกาสหนีไปได้!เมื่อถึงเวลานั้นจะเสียทั้งฮูหยินและรี้พล!หวังหยวนไม่อยากพลาดโอกาสนี้!“ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!”หลิ่วหรูเยียนกล่าว แล้วเดินออกไป ในดวงตาของนางปราศจากแววตื่นเต้น กลับมีแต่ความเย็นชา!การล้างแค้นคือเป้าหมายเดียวในใจนาง!ครึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็เตรียมพร้อม เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญ หวังหยวนจึงเตรียมการอย่างรัดกุมไม่เพียงแต่เรียกทหาร
“เขาชื่อตานเฟย อายุสี่สิบกว่าปี แต่ข้ารู้แค่ชื่อ ส่วนหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ข้าไม่รู้”“ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่คนอื่น ๆ ในพรรคทมิฬต่างไม่รู้เช่นกัน”“หลายปีมานี้ เขาสวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่ให้ใครเห็นหน้าตาที่แท้จริง!”หลิ่วหรูเยียนอธิบายหวังหยวนพยักหน้า คนของพรรคทมิฬชอบปิดบังตัวตน จึงไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาไม่เช่นนั้นคงไม่สะดวกในการทำงาน!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดีหวังหยวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “แล้วฐานทัพพรรคทมิฬอยู่ที่ไหน?”“เจ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่?”“ได้ยินว่าตานเฟยรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อใจคนอื่น แต่ย่อมต้องเชื่อใจเจ้า และพาเจ้าไปด้วยใช่หรือไม่?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็เปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวปรากฏว่าหลายปีที่ผ่านมา นางเห็นโจรเป็นพ่อมาโดยตลอด!ซ้ำยังช่วยเหลือโจรผู้นี้ทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนช่วยเหลือ นางคงกลายเป็นหุ่นเชิดในมือของตานเฟย!ยิ่งคิด ยิ่งโมโห!“ข้ารู้!”“สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างไกลและอยู่ในหุบเขาลึก แม้ว่าข้าจะบอกท่าน ท่านก็คงหาไม่พบ!”“ข้ามีวิธีหนึ่ง ให้ข้านำทางพาท่า
ในคืนนั้น หลิ่วหรูเยียนอยู่กับลุงของนางในห้อง ทั้งสองพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลินหลิ่วหรูเยียนไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นเพียงคนเดียวดาย แม้ว่าประมุขพรรคทมิฬจะดูแลนาง แต่นางกลับรู้สึกว่ามีความห่างเหินกับเขา ความรู้สึกนี้ แม้แต่นางเองก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนอาจเป็นความรู้สึกแปลกแยกกระมัง?เพราะทั้งสองไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้ว่าจะเห็นเขาเป็นญาติ แต่ก็ไม่ใช่ญาติที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เขากลับเป็นคนที่ฆ่าบิดาของนาง!หลิ่วหรูเยียนเข้าใจทุกอย่างแล้ว หวังหยวนไม่ได้หลอกลวงนาง ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง หลักฐานอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ!รุ่งเช้า หวังหยวนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเมื่อเขาเดินออกไปก็เห็นสตรีคนหนึ่งยืนอยู่หากไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน แล้วจะเป็นใครได้?“เจ้าตื่นเช้าจัง!”“ลุงของเจ้าเล่า?”“เท่าที่ข้ารู้ ตั้งแต่เมื่อวานพวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันตลอด เหตุใดตอนนี้จึงแยกกันแล้วเล่า?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางขมวดคิ้วกล่
เมื่อหลิ่วหรูเยียนและชายผู้นั้นหยดเลือดลงในชาม ก็เห็นเลือดทั้งสองหยดรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เป็นเช่นนี้จริง ๆ!นั่นแสดงว่าทั้งสองมีสายเลือดเดียวกัน!“ท่านลุง!”ทันใดนั้น หลิ่วหรูเยียนก็ร้องไห้ออกมา แล้วจับมือชายผู้นั้นพลางเรียกเขานางไม่นึกเลยว่านางยังมีญาติอยู่ในโลกนี้!ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันยินดีกับหลิ่วหรูเยียนช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี!เจียงเสี่ยวอวี๋ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลส่วนหวังหยวนส่ายหน้าพลางยิ้มฝืดเฝื่อน เขาเป็นคนต่างยุคย่อมเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งการพิสูจน์สายเลือดด้วยการหยดเลือดลงน้ำไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดมารองรับ!ตราบใดที่เลือดสองชนิดเป็นหมู่เดียวกันย่อมสามารถรวมตัวกันได้ แต่หมู่เลือดเป็นแค่การแบ่งประเภทเท่านั้นบางทีนี่อาจเป็นฟ้าลิขิตก็ได้ใช่หรือไม่?ยิ่งกว่านั้น คนในยุคนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องหมู่เลือดด้วย ในเมื่อเลือดของทั้งสองสามารถรวมตัวกันได้ ประกอบกับเกาเล่อได้สืบหาข้อมูลมานานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าทั้งสองเป็นญาติกันจริง!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นการช่วยให้หลิ่วหรูเยียนมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วยเขาจึงไม่ขัดจังหวะ“ดี! ดี! ดี!”“น้องชายข้าม