ดูเหมือนว่าพร้อมจะให้คมดาบสัมผัสโลหิตได้ทุกเมื่อ! คนอื่น ๆ ต่างก็เป็นเช่นเดียวกันแต่ใบหน้าของเกาเล่อกลับสงบนิ่ง ขณะกล่าวอย่างใจเย็น “ท่านทั้งหลาย ข้าหาได้มีเจตนาไม่ดีต่อพวกท่านไม่!” “มิฉะนั้นสิ่งที่ข้าให้ท่านไปคงถูกเปิดเผยไปแล้ว!” “หากเป็นเช่นนั้น พวกท่านคงเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้วกระมัง?”เมื่อไม่นานมานี้ เกาเล่อได้รวบรวมข้อมูลลับอันแสนโสมมของคนเหล่านี้! บางคนติดสุราและสตรี บางคนทุจริต บางคนใช้ตำแหน่งของตนเองหาประโยชน์ส่วนตัว! ผลการสืบสวนเหล่านี้ทำให้เกาเล่อคิดว่าอาณาจักรต้าเป่ยคงใกล้ถึงคราวล่มสลาย!พวกเขาเป็นขุนนางผู้ทรงอิทธิพล แต่กลับประพฤติตนเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมทรามภายในอาณาจักรต้าเป่ย!“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” “หรือว่าคิดจะขู่เรา?” ขุนพลคนเดิมกล่าวเสียงเย็นเกาเล่อมองไปที่เขา แล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ท่านขุนพลหานไม่จำเป็นต้องกังวลใจ!” “ข้าเพียงต้องการแสดงให้เห็นว่าข้าไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับท่านและขุนพลทุกคนที่นี่ด้วย!” “วันนี้ที่ชวนพวกท่านมาที่นี่ ก็เพราะข้าอยากจะเป็นมิตรกับพวกท่านอย่างจริงใจ!” “เชื่อว่าพวกท่านคงเห็นความจริงใจของข้า!”หานเ
“หากโค่นล้มอำนาจของไป๋ชิงชางได้ และให้องค์หญิงไป๋เฟยเฟยขึ้นครองราชย์ พวกท่านก็จะได้เป็นขุนนางผู้มีเกียรติ”“ต่อไปก็จะได้รับการเลื่อนยศตำแหน่งให้สมกับความดีความชอบที่กระทำ!”“และเจ้านายของข้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าเมื่อไป๋เฟยเฟยขึ้นครองราชย์แล้ว สองอาณาจักรจะร่วมมือกันและจะไม่รุกรานกันอีกต่อไป!” “ประชาชนทั้งสองอาณาจักรจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีหรือ?”คำพูดของเกาเล่อทำให้หานเทาและพวกพ้องครุ่นคิด พวกเขารู้สถานการณ์ดี หวังหยวนกำลังรุกคืบอย่างรวดเร็วจนมาถึงด่านจวี้เป่ยแล้ว! ด่านจวี้เป่ยเป็นด่านหน้า เนื่องจากขุนพลไป๋ฝูซานไม่สามารถยึดคืนกลับมาได้ จึงทำให้ไป๋ชิงชางต้องย้ายเมืองหลวง! นับเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง! แต่พวกเขามีอำนาจน้อยและไม่มีอำนาจทางทหารจึงไม่กล้าทัดทานไป๋ฝูซาน แม้จะเจ็บปวดใจก็ไม่กล้าแสดงออก! เพื่อไม่ให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะแก้ไข!“เจ้าพูดความจริงใช่หรือไม่?” ขุนพลคนหนึ่งที่ถูกโน้มน้าวถามด้วยความสนใจ“ข้าขอรับประกันว่าทุกอย่างเป็นความจริง!” เกาเล่อรีบกล่าวทันใดบัดนี้มีคนยอมคล้อยตามแล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงแสงแห่งความหวัง เพียงแค่พยายามอีกเล็ก
“หมายความว่าเกาเล่อได้ติดต่อกับหานเทาและพวกขุนพลคนอื่น ๆ แล้วงั้นหรือ?” “คนเหล่านั้นต่างก็ต้องการกำจัดไป๋ฝูซานด้วย แต่ไม่ต้องการให้ไป๋เฟยเฟยขึ้นครองราชย์รึ?”หวังหยวนขมวดคิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ สมองกำลังทำงานหนักเพื่อครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขทุกอย่างพร้อมแล้ว ขาดเพียงสิ่งสำคัญอีกอย่างเดียวหากโค่นล้มไป๋ชิงชางแล้วขึ้นปกครองเอง ก็อาจจะกลายเป็นศัตรูของประชาชนชาวต้าเป่ย! แล้วในอนาคตก็จะยากต่อการควบคุม! เรื่องราวจะยุ่งยากยิ่งขึ้น! นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หวังหยวนต้องการ!“ใช่แล้วขอรับ!” “ท่านเกายังได้อธิบายถึงผลดีผลเสียแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ต้องการให้สตรีเป็นฮ่องเต้!” “ท่านหวังจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ?” “ท่านเกากำลังรอคำตอบจากท่านอยู่!”คนสนิทของเกาเล่อรีบถามเขาเป็นเพียงคนที่ไม่ได้มีอำนาจ ดังนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นต่อหน้าหวังหยวนหวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “เช่นนั้นให้เกาเล่อดูสถานการณ์ไปก่อน ส่วนข้าจะคิดหาวิธี เมื่อข้าคิดวิธีได้แล้วจะติดต่อเกาเล่อไป”คนผู้นั้นพยักหน้าแล้วเดินออกไปส่วนหวังหยวนตะโกนบอกคนรับใช้ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู “ให้ถงจื่อเจี้ยนมาพบข้
“แน่นอนว่ามีขอรับ!” ถงจื่อเจี้ยนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ไม่ว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ครองบัลลังก์ ผลลัพธ์ก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้น คืออาณาจักรต้าเป่ยจะแตกแยกจนล่มสลาย!” “เหล่าขุนพลจะก่อกบฏขึ้น!” “ขุนพลแต่ละคนก็จะแย่งชิงดินแดนของตนเอง ผลลัพธ์ก็จะไม่ต่างกันอยู่ดีขอรับ!”ถงจื่อเจี้ยนมองเห็นข้อดีข้อเสียอย่างทะลุปรุโปร่ง คำพูดของเขาดุจดั่งเสียงอสนีบาตที่ปลุกคนหลับใหลให้ตื่นขึ้น! หวังหยวนตบศีรษะตัวเองเบา ๆ แล้วเข้าใจในทันที!ถึงแม้จะให้ไป๋เฟยเฟยขึ้นครองราชย์ นางก็คงไม่สามารถยึดอำนาจไว้ได้อย่างมั่นคง อำนาจทางทหารยิ่งเป็นไปไม่ได้! บัดนี้เหล่าขุนนางในอาณาจักรต้าเป่ยต่างต่อต้านไป๋ฝูซาน นั่นหมายความว่าขุนพลแต่ละคนจะนำทหารของตนเองเข้าร่วม! เมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ ฐานอำนาจก็จะยังไม่มั่นคง! ในสถานการณ์เช่นนี้จะเป็นอย่างไรไปได้! ไป๋เฟยเฟยไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ฮ่องเต้องค์อื่นก็เช่นกัน!“ท่านขุนพล!” “หากอาณาจักรต้าเป่ยเกิดความขัดแย้งและแตกแยกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน นี่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเราขอรับ!”“เราจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้!” “เพราะถึงตอนนั้น จะสามาร
เขาไม่สนใจจะให้เกียรติไป๋ชิงชางอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไป๋ชิงชาง และสาเหตุที่เขาได้เป็นขุนพลผู้มีชื่อเสียงก็เพราะว่าไป๋ชิงชางเช่นกัน แต่เขาก็เกลียดชังไป๋ชิงชางมานานแล้ว! เพียงแต่ไม่มีโอกาสแย่งชิงอำนาจเท่านั้นหากก่อความวุ่นวาย เขาก็จะกลายเป็นคนไร้พ่อไร้เจ้า! แน่นอนว่าจะต้องถูกผู้คนติฉินนินทา! แม้จะได้เป็นฮ่องเต้ แต่ก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ!ในพริบตาเดียวก็มาถึงนอกวังหลวงที่ประตูเมืองทหารรักษาการณ์ขวางทางอยู่ ทหารคนหนึ่งกล่าวว่า “ท่านขุนพล! ที่นี่เป็นหน้าวังหลวง ท่านไม่จำเป็นต้องยกกองทหารม้าเข้ามาด้วยหรอกขอรับ!” “ให้ทหารอยู่ที่นี่ ส่วนท่านโปรดตามข้ามาเถิด!” “ฝ่าบาททรงรออยู่แล้วขอรับ!”หลังจากได้ยินสิ่งที่ทหารพูด ไป๋ฝูซานก็โกรธมากจนชักดาบออกมาจ่อคอทหารคนนั้น! ทันใดนั้นทหารคนอื่นก็ตึงเครียดในทันใด รีบชูหอกขึ้นชี้ไปที่ไป๋ฝูซาน!“พวกเจ้าบังอาจชักอาวุธใส่ท่านขุนพลไป๋เลยหรือ?” “รนหาที่ตายกันหรืออย่างไร?”ขุนพลคนหนึ่งที่คอยติดตามไป๋ฝูซานตวาด“หากไม่ใช่เพราะท่านขุนพลไป๋ไปรบ อาณาจักรต้าเป่ยจะมีดินแดนมากมายเช่นนี้หรือ?” “จะสงบสุขเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ดี! ดีเหลือเกิน!” ไป๋ฝูซานพูดออกมาด้วยความยินดี แต่ในแววตาของเขากลับปรากฏความกังวลและความเฉียบคม! “เท่าที่ข้ารู้มา พระพลานามัยของฝ่าบาทแข็งแรงดีเสมอมา และไม่เคยได้ยินว่าฝ่าบาทประชวร!” “เหตุใดจึงจะสละราชสมบัติอย่างกะทันหัน?” “หรือว่ามีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่?”ไป๋ฝูซานสามารถก้าวขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ได้ในวันนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะได้รับการสนับสนุนจากไป๋ชิงชางเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความสามารถของตนเองอีกด้วย! รวมถึงการมีขุนพลและทหารชั้นยอดมากมาย จึงไม่ใช่คนธรรมดาเลย! ถึงแม้จะดีใจ แต่ก็ยังคงคิดมากอยู่!หานเทารีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ท่านขุนพลไป๋คงไม่ทราบ! แม้ฝ่าบาทจะเป็นฮ่องเต้ผู้ชาญฉลาด แต่ท่านผู้เป็นพระอนุชาของพระองค์คงไม่รู้เรื่องงานอดิเรกของฝ่าบาทใช่หรือไม่?” “ฝ่าบาททรงสำราญอยู่กับเหล่าสนมในวังหลวงทั้งวัน บัดนี้ยิ่งร้ายแรงกว่าเดิม!” “เมื่อไม่นานมานี้ พระพลานามัยของพระองค์จึงทรุดโทรมลง หมอหลวงตรวจแล้วจึงรู้ว่าพระองค์ประชวรด้วยโรคร้ายแรง และเป็นโรคเกี่ยวกับเรื่องนั้น…” “จึงไม่สามารถบอกทุกคนได้ มิฉะนั้นจะกลายเป็นเรื่องตลกน่าขายหน้าใช่หรือไม่?” “ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงตัดสินใจสละ
ขุนนางฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารมากมายตามไป! แต่เมื่อเข้าไปในวังหลวงก็เห็นเงาร่างเคลื่อนไหว ทหารรักษาพระองค์และทหารถือขวานที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างรีบเข้ามาล้อมไป๋ฝูซานไว้ทันที! ไป๋ฝูซานมีทหารองครักษ์คอยคุ้มกัน แต่ก็มีจำนวนน้อย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันใด!เขาจ้องมองหานเทา แล้วชักดาบออกมาขณะกล่าวอย่างเย็นชา “หานเทา! เกิดอะไรขึ้น?” “ท่านไม่ได้บอกว่าฝ่าบาทต้องการจะพบข้าหรอกหรือ?” “นี่คือวิธีการที่ฝ่าบาทจะมาพบข้าหรือ?”หานเทาเยาะเย้ย “ท่านเป็นเพียงกบฏเท่านั้น! อาศัยอำนาจทางการทหารคุกคามพวกข้า!” “ตอนนี้ก็ไม่ได้ให้เกียรติฝ่าบาทอย่างจริงใจด้วยซ้ำ!” “ฝ่าบาทต้องการกำจัดกบฏอย่างท่านมานานแล้ว!”เหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องหลังต่างก็เริ่มด่าทอสาปแช่งไป๋ฝูซาน! “ถูกต้อง! ท่านเป็นคนทำลายชาติที่สมควรถูกกำจัด!” “หากไม่ใช่เพราะท่านล้มเหลวในการควบคุมทหารใต้บัญชาของตัวเอง หวังหยวนจะมาโจมตีด่านจวี้เป่ยได้อย่างไร?” “ทำให้เราต้องย้ายเมืองหลวง! ทั้งหมดเป็นความผิดของท่าน!” “กำจัดไป๋ฝูซาน!”เกาเล่อแอบเข้ามาในฝูงชนตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ย่อมรู้สึ
“ฆ่ามัน!” เมื่อเสียงสั่งการของไป๋ฝูซานดังก้อง เหล่าทหารของเขาต่างพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างบ้าคลั่ง หานเทานำเหล่าทหารเข้าต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือดเลือดไหลนอง เสียงแห่งความตายดังกึกก้องไปทั่วฟ้า!เหตุการณ์นี้ช่างโหดร้ายทารุณนัก!เกาเล่อนำเหล่าทหารต่อสู้อย่างสุดกำลัง ตราบใดที่อาณาจักรต้าเป่ยตกอยู่ในความวุ่นวาย พวกเขาก็จะยิ่งมีโอกาส! หวังหยวนจะสามารถยึดครองดินแดนได้มากขึ้น บัดนี้หวังหยวนเตรียมตัวจะขึ้นครองราชย์แล้ว จึงต้องมีฐานที่มั่น อาศัยเพียงแคว้นเดียวย่อมไม่เพียงพอในพริบตาเดียว เนื่องจากหานเทาและพวกพ้องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว และไป๋ฝูซานก็ไม่ได้นำทหารมาด้วยมากนัก ในชั่วพริบตาเดียว กองทัพของไป๋ฝูซานก็ล้มตายจนหมดสิ้น!แม้แต่พวกทหารองครักษ์ไม่กี่คนที่อยู่ข้างกายเขาก็เสียชีวิตอย่างน่าสลดใจในที่นั้นเลือดสีแดงฉานไหลนองหน้าวังหลวง อากาศล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด หานเทาโยนดาบเปื้อนเลือดทิ้งไป สายตามองไปที่ศพของไป๋ฝูซาน แล้วจึงเดินเข้าไปหา จากนั้นเตะศพของไป๋ฝูซาน และกล่าวอย่างเย็นชา “กบฏสมควรตาย” “เจ้ามีชีวิตอยู่รอดได้ถึงทุกวันนี้ก็เป็นเพราะโชคชะตาของเจ้า!”แล้วเข
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย