ตั้งใจจะตัดสินแพ้ชนะกับหวังหยวนให้จงได้บนกำแพงด่านจวี้เป่ยหวังหยวนยืนอยู่ตรงตำแหน่งกลาง มองดูทหารนับล้านที่อยู่ไกลออกไป!ต้องยอมรับว่ากองทัพนี้ยิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงแต่มีจำนวนมากมายเท่านั้น แต่ยังดูน่าเกรงขามดั่งพยัคฆ์ผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย!“ไป๋ฝูซานผู้นี้เก่งในการนำทหารออกรบ”“ทหารที่ฝึกมาก็มีฝีมือไม่น้อย”หวังหยวนไม่ได้รู้สึกกังวลกับกองทัพที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับพูดติดตลกเบา ๆ สองสามประโยค“พี่หยวน ตอนนี้ศัตรูมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว สงครามใหญ่จะปะทุขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ท่านยังจะสบายใจได้อีกหรือขอรับ?”“เราควรจะวางแผนรับมือศัตรูหรือไม่?”“นี่คือทหารห้าแสนนายเลยนะขอรับ!”“หากพวกเขารุกเข้ามาปิดล้อมด้วยกำลัง เราคงจะต้านทานไว้ไม่อยู่!”ต้าหู่พูดด้วยความกังวลส่วนขุนพลคนอื่น ๆ ก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวท้ายที่สุดแล้ว จำนวนทหารของทั้งสองฝ่ายต่างกันมากเกินไป แม้ว่าจะมีปืนใหญ่ตระกูลหวัง แต่ตอนนี้ไม่ใช่การโจมตีเมือง ปืนตระกูลหวังจึงไม่สามารถแสดงพลังได้มากนัก!สุดท้ายแล้ว ก็ต้องต่อสู้กันตัวต่อตัวด้วยดาบและปืนในสนามรบ!หากเป็นเช่นนั้น ฝ่ายของพวกเขาก็จะเสียเปรียบอย่างแน่นอน...การสูญเสียเมืองก็
สิ้นเสียงสั่งการ ลูกธนูก็โปรยปรายราวกับสายฝน!ใบหน้าของไป๋ฝูซานซีดเผือดในทันที โชคดีที่มีทหารถือโล่คอยปกป้อง ไม่เช่นนั้นเขาคงกลายเป็นเม่นไปแล้ว!“ขุนพลใหญ่ รีบถอยขอรับ!”“หวังหยวนเป็นคนต่ำทราม!”“เราอุตส่าห์เดินทางมาพูดคุยด้วยในยามนี้ แต่เจ้าสารเลวนั่นกลับลอบกัด!”ขุนพลหลายนายรีบพาไป๋ฝูซานไปหลบอยู่ด้านหลัง พลางพูดจาโวยวายกันไม่หยุด ขณะที่ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง!กองทัพของหวังหยวนอยู่ในที่สูง พวกเขาเปรียบเสมือนเป้านิ่ง!หากยังคงรั้งรออยู่ที่นี่ต่อไป ก็จะสูญเสียชีวิตโดยเปล่าประโยชน์!“หวังหยวน!”“แค้นนี้ต้องชำระ!”“ในเมื่อเจ้าต้องการฉีกหน้าพวกข้า พวกข้าก็จะสู้กับเจ้าจนตัวตาย!”“ข้าอยากจะดูว่าด้วยกำลังพลเพียงน้อยนิดของเจ้า จะก่อให้เกิดคลื่นลมอะไรได้บ้าง?”ไป๋ฝูซานคำรามไม่หยุดหวังหยวนเท้าแขนบนกำแพงเมือง สายตาจ้องเขม็งไปยังทิศทางที่ไป๋ฝูซานอยู่ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าอย่ามาแสร้งทำเป็นคนดีเลิศที่นี่!”“ตอนที่ข้าไปถึงค่ายทหารของเจ้า เจ้าก็ยังส่งทหารม้ามาไล่ล่าข้าเลยไม่ใช่หรือ?”“หากไม่ใช่เพราะข้าเตรียมตัวมาอย่างดี ข้าคงสิ้นใจไปนานแล้วกระมัง?”“ข้าก็เพียงแต่ทำต
หลี่เถี่ยรีบพยักหน้าเขาติดตามไป๋ฝูซานมาหลายปีแล้ว นับเป็นขุนพลที่เก่งกล้าสามารถคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีอายุเพียงสามสิบปีเศษเท่านั้น ซึ่งยังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มฉกรรจ์!เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่!ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสทองแล้ว!เพียงแค่พาทหารม้าบุกเข้าไปในหมู่บ้านต้าหวัง ก็จะสามารถทำให้หวังหยวนยอมจำนนได้โดยง่าย และตัวเขาก็จะโด่งดังไปในชั่วข้ามคืน!เขาจะสร้างชื่อเสียงของตนเองบนความล้มเหลวของหวังหยวน!“ท่านขุนพลโปรดวางใจ! หลี่เถี่ยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังขอรับ!”ไป๋ฝูซานกล่าวอีกครั้ง “หากเจ้าต้องการทหารม้าสามหมื่น ข้าจะให้เจ้าห้าหมื่น!”“เป้าหมายของข้าชัดเจน นั่นคือการรบครั้งนี้ต้องชนะเท่านั้น ไม่อนุญาตให้พ่ายแพ้โดยเด็ดขาด!”หลี่เถี่ยรับปากแล้วก็เดินออกไปนอกกระโจมสองวันต่อมาภายในวังหลวงของอาณาจักรต้าเย่ไป๋เหยียนเฟยได้รับจดหมายจากหวังหยวนแล้ว ขณะนี้กำลังปรึกษาหารือกับเหล่าขุนนาง“ฝ่าบาท! บัดนี้หวังหยวนได้เปิดศึกกับอาณาจักรต้าเป่ยแล้ว สำหรับเรา นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด!”“ในสงครามก่อนหน้านี้ กองทัพของเราได้รับความเสียหายอย่างหนักและสูญเสียไปไม่น้อย กองทัพทั้งอาณาจักรเห
“ไม่อร่อยเลยสักนิด”เมื่อได้เคี้ยวข้าวสาลีผสมถั่ว หวังหยวนวางชามดินเผาลง รู้สึกเหมือนกินแกลบไม่มีผิด ตอนนี้ใครมาบอกว่าการข้ามกาลเวลามันดี เขาก็พร้อมที่จะบอกความในใจให้พวกเขา ข้ามกาลเวลามาถึงช่วงราชวงศ์ต้าเย่ คล้ายช่วงยุคสมัยโบราณของจีน เจ้าของร่างเดิมเป็นเป็นเจ้าของที่ดินเล็ก ๆ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่ ตอนเช้าได้กินข้าวต้มข้าวฟ่าง เที่ยงได้กินข้าวผสมข้าวฟ่าง ตอนเย็นได้กินเซาปิ่งพร้อมธัญพืชผสม ทุก ๆ สิบวันหลังจากกลับมาจากโรงเรียนในเมือง ถึงจะได้กลับมากินให้หายอยากได้สำหรับคนทั่วไป แต่ละวันกินข้าวต้มข้าวฟ่าง หรือข้าวสาลีผสมถั่ว ส่วนเนื้อนั้นในช่วงปกติอย่าไปคิดถึงมันเลย คงมีแค่ช่วงฉลองตรุษจีนเท่านั้นถึงจะได้กินเนื้อบ้าง ส่วนแป้งและข้าวสารนั้นเป็นที่นิยมของเจ้าของที่ดิน คหบดีและขุนนาง นึกถึงพวกไข่ เนื้อหมู ไก่ ปลา บนโลกที่ถูกทิ้ง หวังหยวนอดที่จะตีตัวเองไม่ได้ น้ำเสียงที่ฟังดูขลาดกลัวของคน ๆ หนึ่งดังขึ้น “ท่านพี่ ขอโทษนะ ในบ้านไม่มีข้าวฟ่างแล้ว ให้ท่านที่เป็นบัณฑิตเพิ่งหายป่วยกินข้าวสาลีผสมถั่วเช่นนี้?” แววตาของหวังหยวนมีประกายขึ้นมา สาวน้อยคนสวยที่ท่าทางขี้ขลาดยืนอยู่หน้าห้องโ
หวังหยวนเลิกคิ้ว "ถ้าข้าทำได้ล่ะ?" หลิวโย่วไฉเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ "ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะไม่คิดดอกเบี้ย! แต่ถ้าทำไม่ได้ เจ้าจะต้องขายตัวเองเป็นคนรับใช้นายของข้า ว่าอย่างไรบ้าง?" หลี่ซื่อหานหน้าถอดสี “ท่านพี่ อย่ารับปากนะ!” เจ้าของที่ใจดำคนนี้ต้องการให้เขาขายตัวเองเป็นทาส หวังหยวนโกรธมาก แต่เขาเดินไปเขียนสัญญาสองฉบับและหยิบแผ่นหมึกสีแดงออกมา "เขียนชื่อและประทับนิ้วซะ!" “ได้!” หลังจากเขียนชื่อด้วยลายมือน่าเกลียด และประทับลายนิ้วมือสีแดงแล้ว หลิวโย่วไฉก็เดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ คนเสเพลเช่นนี้ เขาไม่มีหาเงินสี่สิบกว้านได้ภายในสามวันอย่างแน่นอน แม้ว่าครอบครัวของสาวน้อยจะร่ำรวย แต่พวกเขาก็อยากให้นางทิ้งคนเสเพลพรรค์นี้อยู่เสมอ ดังนั้นการยืมเงินคงจะเป็นไปไม่ได้แน่ การเดิมพันครั้งนี้ จะได้ทาสมาฟรี ๆ และสามารถขายได้ต่อในราคาหลายสิบกว้านด้วย! เข้าใกล้เป้าหมายที่ตระกูลหลิวจะครอบครองที่ดินพันหมู่ไปอีกหนึ่งเก้า 'สามีภรรยา' ยืนอยู่ตรงข้ามกันในลานบ้าน “ซื่อหาน” หวังหยวนอยากจะปลอบนาง หลี่ซื่อหานเช็ดน้ำตา และรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน หวังหยวนเข้าใจว่านี่เป็นทำร้าย
งานที่เหลือใช้แรงออกน้อยกว่ามาก แค่ล้างรากหญ้าแล้วบดในครกหิน หลังจากทำงานยุ่งมานาน หวังหยวนรู้สึกเหนื่อยมากจนปวดหลังไปหมด เขาจึงเอารากหญ้าที่ตำใส่ถังน้ำ จึงค่อย ๆ เดินทอดน่องไปที่ริมแม่น้ำ หวังหยวนเห็นพวกปลาแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ เขาจึงโรยแป้งหมี่ถั่วเหลืองและน้ำลงไป ด้วยเหยื่อที่วางลงไป จำนวนปลาที่รุมเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หวังหยวนค่อย ๆ เทของเหลวที่ได้จากการตำรากหญ้าลงไปอย่างระมัดระวัง เมื่อน้ำที่ได้จากการตำรากหญ้านั้นกระจายตัว ปลาที่ค่อย ๆ ลอยหงายท้องขึ้นมาจากน้ำ หนึ่งตัว! สองตัว! ... หลังจากนั้นสักพัก หวังหยวนก็จับปลาตัวใหญ่ได้แปดตัว และตัวเล็กอีกสิบห้าตัว ปลาตัวใหญ่หนักประมาณสองกิโลครึ่ง ตัวเล็กหนักประมาณสองร้อยห้าสิบกรัม ปลาที่เล็กกว่านี้ก็ปล่อยมันไป เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังหยวนก็กลับบ้านด้วยของที่เต็มตะกร้า ผ่านกระท่อมมุงหลังคาจากสี่หลัง คอกวัวและลานเล็ก ๆ ที่ล้อมรั้วทางด้านตะวันออกของหมู่บ้าน “ลุงหานซาน!” หวังหยวนตะโกนเรียกเขา เด็กน้อยน่ารักที่เหมือนตุ๊กตาตัวน้อยสวมเสื้อคลุมยัดนุ่นวิ่งออกมาจากเรือน ไปมองดูหวังหยวนในชุดคลุมตัวอย่างสงสัยและเขินอาย "หวั
ในโลกนี้มีการตกปลา ตกเบ็ด จับปลา แต่ยังไม่มีใครวางยาปลา หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "ข้าค้นพบเคล็ดลับการตกปลาและก็จับปลากลับมาได้ตั้งเยอะ รีบกินเร็วเข้า ระวังถูกก้างทิ่มเอาล่ะ!" “เคล็ดลับการตกปลา!” หลี่ซื่อหานที่สงสัยอยู่แล้วนั้น ยิ่งเจอความเป็นห่วงเอาใจใส่ของหวังหยวน ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับกวางที่ตกใจอีกครั้ง ทั้งสองคนก็กินปลาต่อไป ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยได้กินปลาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะปลาสดใหม่ หวังหยวนพบว่าปลาที่ทอดในน้ำมันหมูสักพัก และใส่เกลืออบรอสักสิบห้านาที และโรยด้วยผักป่า มันจะอร่อยมากซะกินจนหมดเกลี้ยง มาดูทางหลี่ซื่อหาน นางกินเหมือนแมวดมไม่มีผิด กินไปเพียงแค่ครึ่งชิ้นเท่านั้น “ท่านพี่ ข้าอิ่มแล้ว อีกครึ่งตัวนี้ข้ายังไม่ได้แตะมัน!” เห็นหวังหยวนมองมาที่นาง หลี่ซื่อหานก็วางตะเกียบลงแล้วผลักจานปลานั้นมา “ข้ากินอิ่มแล้ว แค่มองเจ้ากินปลาแบบนี้ก็น่ามองแล้ว รีบกินเถอะ!” หวังหยวนลุกขึ้นและออกจากห้องโถง เมื่อใดก็ตามที่มีเนื้ออยู่ในบ้าน หลี่ซื่อหานลังเลไม่กล้ากินมัน ปล่อยให้เจ้าของร่างเดิมกินก่อนเสมอ นี่จึงทำให้นางผอมลงจนผอมซูบ จนความงามแต่เดิมของนางก็หายไ
หวังซื่อไห่เอามือจับชายแขนเสื้อตัวเองยืนน้ำลายไหลอยู่หน้าประตูบ้านหวังหยวน หวังหยวนถามว่า "เจ้าทำอะไรน่ะ?" ต้าหู่และเอ้อหู่ก้าวออกมาล้อมขนาบหวังซื่อไห่ทั้งซ้ายและขวา มายืนน้ำลายไหลบ้านพี่หยวนแต่เช้า เจ้าอันธพาลนี่ต้องคิดเรื่องไม่ดีอยู่แน่ ๆ หวังซื่อไห่ตกใจจนสะดุ้ง แล้วจึงรีบถอยออกไปจากประตู “ข้า ข้าอยากกินปลา!" ช่างหน้าด้านได้อย่างตรงไปตรงมา หวังหยวนส่ายหน้า “เจ้ามาช้าไป ปลาถูกกินหมดแล้ว!” “เช้ากินหมดแล้ว ยังมีตอนเย็นอีก แค่อยากกินปลาเอง ให้ข้าไปขุดรากหญ้ากับเจ้าก็ได้นะ ไม่มีปัญหา” เมื่อวานที่เดินเตร็ดเตร่อยู่นั้น พบว่าที่บ้านหวังหยวนนั้นกินปลา และบ้านหวังหานซานก็ได้กินปลาเช่นกัน เดินมาแต่เช้าก็พบว่าบ้านหวังหยวนก็กินปลา และพ่อลูกหวังหานซานด้วย เมื่อนึกถึงที่หวังหยวนพูดถึงประโยชน์ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาพลาดอะไรไป ปลาสองมื้อ! หวังหยวนกระพริบตา "งั้นไปเอาไข่สองฟองก่อน" ในชนบทแม้ว่าจะมีผู้เลี้ยงไก่อยู่ไม่กี่ราย แต่ไข่ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้และขายเป็นเงิน กว่าจะได้ไข่สองฟองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ "...ตกลง!" หวังซื่อไห่กัดฟันและหันกลับมา หวังหานซานเตือนว่า "หวังหยว