“ข้าไม่รู้เลยว่าคนของข้าไปปล้นเสบียงของท่าน”“คงจะมีความเข้าใจผิดกันกระมัง?”ไป๋ฝูซานยังคงปฏิเสธอย่างหนักแน่นหากหวังหยวนเปิดศึกโดยตรง นั่นก็คือการยกทัพมาโดยไร้เหตุผล และเมื่อพวกเขาต่อสู้กับหวังหยวนก็จะสามารถแก้ตัวได้!แต่หากหวังหยวนหาเหตุผลอันสมควรมาได้ การทำศึกในครั้งนี้พวกเขาก็จะแก้ตัวไม่ได้แม้ตอนนี้จะยังไม่แตกหักกับหวังหยวน แต่ก็ใกล้ถึงจุดนั้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายคงต้องเปิดศึกกันในไม่ช้าหากต้องการครองดินแดนทั้งเก้า คงไม่สามารถปล่อยเมืองหลิงของหวังหยวนให้เหลือรอดไปได้!“ขุนพลไป๋ อย่ามาแสร้งทำเป็นโง่เขลาที่นี่เลย”“ขุนพลของท่าน หลี่เหยียน ได้สารภาพทุกอย่างแล้ว”“สิ่งที่เขาทำล้วนได้รับคำสั่งจากท่าน”“ดังนั้นท่านไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป ในฐานะขุนพลใหญ่ ท่านคงรู้ดีว่าผู้ใต้บัญชาของท่านทำอะไรบ้างใช่หรือไม่?”“ครั้งแรกที่ปล้นเสบียงของพวกข้า ข้าไม่คิดจะเอาเรื่อง แต่พวกท่านกลับทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”“นี่ก็พิสูจน์แล้วว่า ท่านยอมให้ลูกน้องของท่านมาละเมิดผลประโยชน์ของข้า”“แม้ข้าจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า จึงไม่อยากคิดบัญชีกับพวกท่าน แต่เบื้องหลังข้ายังมีพี่น้องอีกมากมาย พวกเขาไม่
“พี่หยวน! ทหารม้าของอาณาจักรต้าเป่ยไล่ตามพวกเรามาแล้ว!”“เราจะสู้กับพวกมัน หรือจะถอยกลับไปตั้งหลักที่ค่ายก่อนดี?”ต้าหู่เอ่ยถามพลางมองไปที่สถานการณ์ด้านหลังอย่างกังวลหวังหยวนหรี่ตามองเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “วางใจเถิด ก่อนออกเดินทาง ข้าได้วางทหารซุ่มไว้รอบบริเวณนี้แล้ว!”“ข้ารู้ว่ามันจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน!”“ในเมื่อมันอยากหาเรื่อง ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเช่นกัน”หวังหยวนหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหยิบแท่งพลุออกมาจากอก ทันใดนั้นเมื่อพลุแตกกระจายบนท้องฟ้า ก็เห็นทหารม้าสองกองปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังเนินเขา แล้วพุ่งเข้าใส่ทหารม้าที่ไล่ตามมาทันที!ในพริบตา ทหารทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกัน!เนื่องจากฝ่ายของหวังหยวนมีจำนวนมากกว่า จึงบีบให้ทหารม้าของอาณาจักรต้าเป่ยต้องถอยทัพหนีอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าอยู่อีกต่อไป!“พี่หยวนช่างรอบคอบเหลือเกิน!”“ที่แท้ท่านได้วางทหารซุ่มไว้ก่อนแล้ว”“ก่อนหน้านี้ข้ายังกังวลอยู่เลย”ต้าหู่ยกนิ้วให้หวังหยวนด้วยความชื่นชมครั้งนี้ถือเป็นการสับขาหลอกไป๋ฝูซาน และเป็นการเตือนเขาไปในตัวว่าการต่อต้านพวกเขาจะต้องมีจุดจบเช่นไร!“ข้าคาดเดาความค
“ขุนพลทั้งสามกองเตรียมตัวให้พร้อม ประเดี๋ยวตามข้าไปบุกโจมตีเมือง!”“ตราบใดที่ตีด่านจวี้เป่ยแตก เราก็จะบังคับให้ไป๋ฝูซานยอมจำนน!”เหล่าขุนพลต่างตะโกนเสียงดังกึกก้อง“ศึกนี้ต้องชนะ!”เลี้ยงทหารไว้เป็นพันวัน ใช้ทหารในยามจำเป็น บัดนี้พวกเขารอคอยมานานแล้ว ย่อมอยากจะระบายความโกรธในใจ!บัดนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว!บ่ายวันนั้น หวังหยวนนั่งอยู่ที่ค่ายทหาร ส่วนเหล่าขุนพลก็ต่างก็เคลื่อนทัพออกไปจัดทัพเตรียมพร้อม!บรรยากาศกำลังคุกรุ่น!หลังจากเพิ่งจะรบกันได้เพียงชั่วยาม กองทัพของอาณาจักรต้าเป่ยก็เริ่มต้านทานไม่ไหว ภายใต้การโจมตีของปืนใหญ่ของตระกูลหวัง ทหารของไป๋ฝูซานต่างก็ถอยหนีอย่างต่อเนื่อง!บัดนี้พวกเขาไม่กล้าโจมตีด้วยซ้ำ ได้แต่ตั้งรับอยู่ในด่านจวี้เป่ยเท่านั้น!“กองทัพของเรามีทหารถึงห้าแสนนาย!”“บัดนี้ทั้งหมดอยู่ในด่านจวี้เป่ย!”“คนของหวังหยวนรวมกันแล้วมีเพียงสองแสนคนเท่านั้นหรืออาจจะน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ!”“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเพิ่งจะเริ่มรบ แต่เหตุใดพวกเจ้าถึงได้พ่ายแพ้ย่อยยับเช่นนี้?”ไป๋ฝูซานเดินไปเดินมาในกระโจม สีหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธเกรี้ยวพวกเศษสวะไร้ประโยชน์!“ท่านขุนพลใ
ไป๋ฝูซานไม่ได้เอ่ยคำใด สายตาจ้องมองไปที่สนามรบตลอดเวลาเห็นได้ชัดว่ากำลังคิดหาวิธีถอยทัพ“เรื่องราวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พวกเจ้าพูดกันหรอก!”“และสถานการณ์ของเราก็ไม่ได้แย่อย่างที่พวกเจ้าบอกเช่นกัน!”ทันใดนั้น ไป๋ฝูซานกชี้ไปที่กองทัพปืนใหญ่ตระกูลหวังที่อยู่ไกลออกไป แล้วพูดว่า “พวกเจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ว่าระยะการโจมตีของสิ่งนี้มีจำกัด มันไม่มีพลังทำลายล้างใด ๆ ต่อศัตรูที่อยู่ใกล้!”“สามารถโจมตีได้เฉพาะศัตรูที่อยู่ไกลเท่านั้น!”“ตราบใดที่เราส่งทหารม้าออกไป จากนั้นก็ไปโจมตีกองทัพของพวกเขา ทำให้เกิดความโกลาหล เราก็จะหาโอกาสได้!”“ฝ่ายเรามีจำนวนที่เหนือกว่าอย่างแน่นอน ตราบใดที่สามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์การยิงระเบิดนี้ได้ เราก็จะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้!”“ขุนพลทั้งหลายฟังคำสั่ง แบ่งทหารม้าออกเป็นสามกองทันที โจมตีค่ายปืนใหญ่จากทิศทางที่ต่างกัน!”สมแล้วที่ไป๋ฝูซานเป็นขุนพลผู้ยิ่งใหญ่เพิ่งมาถึงสนามรบก็คิดหาวิธีจัดการกับปืนใหญ่ตระกูลหวังได้แล้ว!ดวงตาของขุนพลนายพลหลายคนก็สว่างขึ้นเมื่อครู่พวกเขามัวแต่กลัว มัวแต่หนีจนลืมคิดหาหนทางรับมือ!แต่ตอนนี้คำพูดของไป๋ฝูซานเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโ
ในตอนแรก เอ้อหู่ก็เป็นคนอาสาที่จะเป็นขุนพลแนวหน้าเอง ในการบุกโจมตีเมืองเซี่ยวก่อนหน้านี้เป็นเพียงการอุ่นเครื่องเท่านั้นตอนนี้ถึงจะถือว่าเป็นการรบครั้งแรกของพวกเขา!เอ้อหู่จะต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถของตัวเองให้เต็มที่!“พี่หยวน จำนวนคนของฝ่ายตรงข้ามมากกว่าเรา และตอนนี้ได้ออกจากเมืองมาปะทะกับกองทัพของเราแล้ว การต่อสู้บนที่ราบไม่เป็นผลดีต่อกองทัพของเรา ข้ากลัวว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นขอรับ”“ไม่ทราบว่าท่านมีแผนสำรองหรือไม่?”ต้าหู่ถามด้วยความไม่มั่นใจในการออกรบนั้น นอกจากจะมีขุนพลและทหารที่เก่งกาจแล้ว ยังต้องมีที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญอีกด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบจะสามาาถทำให้ลดความเสี่ยงได้ แต่คนรอบข้างหวังหยวนไม่ใช่เช่นนั้น ทุกคนล้วนเป็นนักรบที่เก่งกาจ แต่ไม่มีใครสามารถวางแผนได้ ทุกคนล้วนฟังแต่คำสั่งของหวังหยวนเพียงคนเดียวแม้ว่าในฐานะขุนพลใหญ่ หวังหยวนควรจะมีอำนาจสั่งการสูงสุด แต่หากว่าเป็นเช่นนี้ ก็อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ต้าหู่กังวลมากที่สุดหวังหยวนรินชาให้ตัวเองอย่างไม่รีบร้อน เขายังคงมีสีหน้าผ่อนคลาย จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ข
“ท่านขุนพลใหญ่ ท่าไม่ดีแล้วขอรับ!”ทหารที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดวิ่งมาหาไป๋ฝูซานอย่างรวดเร็ว“เพิ่งได้รับรายงานสงครามล่าสุด กองทัพของเราที่กำลังจะบุกเข้าไปยังกองทัพปืนใหญ่ตระกูลหวังได้ถูกซุ่มโจมตี ขณะนี้ทหารม้ากว่าแสนนายได้กลายเป็นเถ้าถ่านอยู่ในกองเพลิงเกือบทั้งหมดแล้วขอรับ!”อะไรนะ?ไป๋ฝูซานเบิกตากว้างราวกับจะกระอักเลือดออกมานี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกัน?ทหารม้าหนึ่งแสนนาย!กลับถูกคนสังหารได้เกือบหมดในเวลาอันสั้นเช่นนี้?หรือว่าหวังหยวนเป็นเทพเซียน?“เป็นไปไม่ได้! เจ้าคงเป็นสายลับของศัตรูเป็นแน่ จึงได้มาสร้างความโกลาหลในกองทัพ!”“ข้าจะฆ่าเจ้าเสียเดี๋ยวนี้!”ไป๋ฝูซานชักกระบี่ในมือออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว เตรียมจะฟันทหารผู้นั้น!ทหารผู้นั้นตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ท่านขุนพลใหญ่! สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง หากท่านไม่เชื่อ ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบได้เลยขอรับ!”“หุบเขาด้านโน้นกลายเป็นทะเลเพลิงไปหมดแล้ว และทหารม้าของเราก็ถูกเผาทั้งเป็นอยู่ในกองเพลิงนั้น...”เหล่าขุนพลที่ติดตามไป๋ฝูซานต่างส่ายหน้าถอนหายใจการรบครั้งแรกกลับต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินเช่นนี้ ย่อมทำให้ขวัญ
พวกเขามองเห็นแสงรุ่งอรุณแห่งชัยชนะอยู่ร่ำไรหวังหยวนส่ายหน้าเบา ๆ จากนั้นจึงพูดขึ้นช้า ๆ ว่า “เราได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด แต่เรายังต้องทำทีละขั้นตอน อย่าได้บุ่มบ่ามผลีผลามเด็ดขาด”“เมื่อเจ้ายึดเมืองได้ เจ้าต้องรักษาความมั่นคงด้านหลังด้วย”“และเราต้องอุทิศกองกำลังบางส่วนเพื่อคอยปกป้องเมือง”“เมื่อเราต่อสู้ต่อไป จำนวนไพร่พลของเราจะน้อยลงเรื่อย ๆ”“ดังนั้นเราต้องพักฟื้นกำลังที่นี่สักระยะก่อน”ทุกคนพยักหน้า สิ่งที่หวังหยวนพูดนั้นสมเหตุสมผล ถ้าผลักดันอย่างแข็งขันต่อไปไม่หยุด อาจจะเกิดผลเสียตามมาได้!อีกด้านหนึ่งขณะที่หวังหยวนและคนอื่น ๆ กำลังเร่งซ่อมแซมด่านจวี้เป่ย ไป๋ชิงชางในวังหลวงก็ได้รับข่าวเช่นกัน“ไป๋ฝูซานมัวทำอะไรอยู่?”“ถึงได้เสียด่านจวี้เป่ยไป?”“นั่นคือประตูเมืองของอาณาจักรต้าเป่ยของเรา! หากสูญเสียด่านจวี้เป่ยไป ศัตรูก็จะสามารถบุกเข้ามาได้โดยตรง แล้วบุกเข้ามาถึงเชิงกำแพงเมืองหลวงได้!”“เมื่อถึงเวลานั้นจะทำอย่างไร?”ไป๋ชิงชางมองจดหมายรายงานศึกในมือแล้วโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากเหล่าขุนนางในที่นั้นต่างรีบลุกขึ้นยืนด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดตลอดเวลาที่ผ่า
“ฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”“หรือว่าจะมีผู้ใดนำคำใส่ร้ายมาทูลฝ่าบาท?”“กระหม่อมซื่อสัตย์จงรักภักดี มีแต่ความคิดที่จะปกป้องชาติบ้านเมือง!”“หากมีผู้ใดนำคำใส่ร้ายกระหม่อมไปทูลฝ่าบาท ผู้นั้นย่อมจิตใจชั่วช้าสิ้นดี!”ไป๋ฝูซานกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวบัดนี้เขาเป็นขุนพลใหญ่ผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม หากเขาได้รู้ว่าผู้ใดกล้ากระทำการลับหลัง เขาจะไม่ละเว้นอย่างแน่นอน!ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้เขาถือว่ามีอำนาจเหนือกว่าฮ่องเต้แล้วด้วยซ้ำ แม้แต่ไป๋ชิงชางเองก็ยังไม่กล้ากระทำการใดที่เกินเลยต่อหน้าเขา“ขุนพลใหญ่กล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!”“ข้าเพียงแต่ทราบเรื่องราวที่แนวหน้า จึงได้เรียกท่านมาเพื่อสอบถาม”“แต่ตามที่ข้าทราบ ท่านได้ถอนทัพออกจากด่านจวี้เป่ยแล้วและแนวชายแดนก็กำลังวิกฤต สถานการณ์เร่งด่วนเช่นนี้ ข้อเท็จจริงทั้งปวงนี้ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้นใช่หรือไม่?”ไป๋ฝูซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างช้า ๆแต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า!“หากเป็นเช่นนั้น ท่านมีหนทางใดที่จะรับมือกับหวังหยวน?”ไป๋ชิงชา
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห